|
 |
|
 |
|
แม่เหล็กใบมีดของมินิฮัมพ่นสีแล้วเสียงจะเปลี่ยนไหมครับ |
|
|
|
|
|
พวกมินิฮัมที่เป็นใบมีดสองอันขนานกัน อย่างเช่นของอาร์เทคที่มันจะเป็นสีเงินๆ ถ้าเอาสีสเปรย์ดำด้านอย่างพวก leyland f14 มาพ่นเฉพาะตรงใบมีดสองอันด้านบน จะมีผลต่อเสียงไหมครัย
Kong12
31 ส.ค. 59
เวลา 19:32:00
พิมพ์
แจ้งลบ IP = 1.10.206.162
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
ตรงที่เป็นเหมือน ใบมีด นั้นแหละครับ ตัวรับเสียงสัญญาณเข้า ถ้าพ่นบางๆอาจจะมีผลนิดเดียว แต่ ถ้าพ่นหนามีผลเต็มๆครับ
tkromeo
31 ส.ค. 59
เวลา 19:53:00 IP = 14.207.219.33
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 3
|
|
|
ไม่มีผลครับ ... สี ไม่มีผลต่อสนามแม่เหล็กครับ เหมือนเอาแม่เหล็กวางไว้ใต้กระดาษ ก็ยังสามารถดูดเหล็กด้านบนได้เหมือนเดิม
กีตาร์บางรุ่นก็มีฝาครอบทั้งปิ๊กอับเลยครับ
Thung 1 ก.ย. 59
เวลา 1:21:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 4
|
|
|
- ปิ๊กอัพมันคือการเอาเส้นลวดทองแดงมาพันรอบแท่งแม่เหล็กเพื่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณคลื่นเสียง( Sound wave)จาก"แหล่งกำเนิดเสียง"ให้เป็นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ตามที่ Thung บอกมาถูกต้องครับ ไม่มีอะไรที่ขวางกั้นพลังสนามแม่เหล็กมันทะลุทะลวงได้ทุกอย่าง ยกเว้นวัสดุบางประเภทที่มีคุณสมบัติหักเหพลังสนามแม่เหล็กได้
แล้วแหล่งกำเนิดเสียงมาจากไหนกันละ ก็กีต้าร์ไงครับ แล้วกีต้าร์เกิดเสียงได้อย่างไร
- เสียงที่เกิดจากกีต้าร์ เกิดจากสายกีต้าร์ที่เราดีด+โครงสร้างกีต้าร์ ทำให้เกิดการสั่นพ้อง(เสียงมันเกิดมาจากการสั่น)จนเกิดเป็นคลื่นเสียง คลื่นเสียงนั้นไม่เหมือนสนามแม่เหล็ก เมื่อมีวัตถุตัวกลางไปขวางทางเดินเสียง คลื่นเสียงจะเกิดการหักเห,สะท้อนกลับ หรือ สามารถผ่านวัตถุนั้นได้ วัตถุตัวกลางแต่ละชนิดบนโลกนี้ มีคุณสมบัติต่างกัน ยอมให้เสียงผ่านได้ต่างกัน อย่างที่ Thung บอกว่า กีตาร์บางรุ่นก็มีฝาครอบทั้งปิ๊กอัพ ฝาครอบปิ๊กอัพนั้นทำจากโลหะ เช่น เสียงเคลื่อนที่ผ่านเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 5100 m/s และ 5000 m/s เสียงเสียงเคลื่อนที่ผ่านยางในอัตรา 54 m/s
เหล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการคงรูป สูง (high elasticity) กล่าวคือ เมื่อมีแรงมากระทำต่อเหล็ก โมเลกุลของเหล็กนั้นสามารถกลับคืนสู่ต่ำแหน่งเดิมของมันได้อย่างรวดเร็ว (จึงมีค่า Elastic properties สูง) และพร้อมที่จะรับแรงที่จะมากระทำต่อไปได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเสียงจึงเดินทางใน เหล็ก ได้เร็วกว่าใน ยาง (ซึ่งถูกเปลี่ยนรูปได้ง่ายกว่า จึงมีค่า Elastic properties ต่ำ)
*** ความเร็วเสียงคือ c solid = Square Root(Eมอดุลัสของยัง/Pความหนาแน่น) ความ เร็วของเสียง (ในตัวกลาง) นั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวกลาง จากที่ได้รู้มาแล้วไว้แล้วว่า พลังงานเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลาง จากโมเลกุลหนึ่งไปสู่อีกโมเลกุลหนึ่ง ดังนั้นเสียงจะเดินทางได้เร็วในตัวกลางที่มีโมเลกุลเรียงชิดติดกัน (ความหนาแน่นสูง) และจะเดินทางได้ช้าในตัวกลางที่มีโมเลกุลอยู่ห่างกัน (ความหนาแน่นต่ำ) เห็นหรือป่าวว่า เสียงเคลื่อนที่ได้ดีในวัตถุที่เป็นโลหะ ดังนั้น ฝาครอบปิ๊กอัพโลหะที่วางขายตามท้องตลาดจะไม่มีผลต่อเสียงหรือมีผลน้อยมากๆ
ดังนั้น วัตถุตัวกลางมีผลต่อการเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง จขกท. ถามว่าเอาสีเอาสีสเปรย์มาพ่นที่แท่งใบมีด สีสเปรย์นั่นแหละคือ วัตถุตัวกลาง ผมจึงตอบว่า ถ้าพ่นถ้าพ่นบางๆอาจจะมีผลนิดเดียว แต่ ถ้าพ่นหนามีผลเต็มๆ แต่มีผลขนาดไหนมันขึ้นอยู่กับเสียงเคลื่อนที่ผ่านมวลของสีสเปรย์ได้ดีขนาดไหนและมีความหนาของสีสเปรย์มากน้อยขนาดไหน
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 2:59:00 IP = 14.207.239.205
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
คุณ tkromeo
ผมคิดว่าที่คุณกำลังเข้าใจว่า Pickup มันเหมือน Microphone
ที่ถูกคือ Pickup ไม่ได้รับคลื่นเสียงครับ มันรับการสั่นของสาย ที่มาตัดกับสนามแม่เหล็ก เมื่อสายกีตาร์ถูกดีด มันจะแกว่งเคลื่อนที่ตัดกับสนามแม่เหล็ก และรบกวนสนามแม่เหล็ก ของ Pickup ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าออกไปจากขดลวด ตามหลักของ electromagnetic ครับ
ลอง search คำว่า electric guitar pickup principle ครับ จะเข้าใจมากขึ้น
ส่วน microphone มันรับเสียงได้ เพราะมันมีแผ่น diaphragm ซึ่งจะสั่น(กระพือ) เวลาได้รับคลื่นเสียง แผ่น diaphragm นี้จะถูกพันด้วยขดลวด พอมันสั่นก็จะไปตัดกับสนามแม่เหล็ก แล้วจึงสร้างแรงดันไฟฟ้า ครับ
ดังนั้น ขอตอบคำถามว่าพ่นแล้วมีผลมั้ย ตอบว่า ไม่ ครับ ยกเว้นว่าคุณพ่นยังไงก็แล้วแต่จนมันไปมีผลให้การสั่นของสายมันเปลี่ยนไป (ไม่น่าเป็นไปได้)
Tamned 1 ก.ย. 59
เวลา 8:39:00 IP = 202.44.4.251
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 6
|
|
|
|
Tamned หลักการPickup และMicrophone เพราะ ตัวรับเสียงจากMicrophone มันเป็นแผ่น diaphragm ซึ่งมันต่างจากปิ๊กอัพ ตรงนี้ผมเข้าใจครับ แต่ ปิ๊กอัพ ถูกเคลือบโดยสีสเปรย์ สิ่งที่ผมกำลังอธิบายว่าสีสเปรย์มันคือ วัตถุตัวกลาง ซึ่งวัตถุตัวกลางมันสามารถทอนคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้หักเห และ สามารถทอนการเคลื่อนที่ของคลื่นเสียงได้ ดังนั้น Tamned ทราบหรือไม่ว่า สีสเปรย์ มีคุณสมบัติอย่างไร มีค่าหักเหคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เท่าไหร่ และ เสียงเคลื่อนทางผ่านได้เท่าไหร่ ทราบรึป่าวครับ
ผมยกตัวอย่าง ดูตามคลิป วัสดุหลายๆชนิดมีคุณสมบัติที่รบกวนคลื่นไม่เหล็กไฟฟ้าได้ แค่กระจกกันรอยโทรศัพท์มือถือบางๆที่มีขายตามท้องตลาดบางชนิดที่มีคุณสมบัติป้องกันคลื่นคลื่นไม่เหล็กไฟฟ้าได้ เห็นรึยังครับว่า วัตถุตัวกลาง มีผลต่อทั้ง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และ คลื่นเสียง
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 11:51:00 IP = 14.207.239.205
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
เดี๋ยวหลายคนจะถามว่า ทำไมเอาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโทรศัพท์มาเปรัยบเทียบ เพราะ ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในโทรศัพท์มีค่าที่สูงมากๆอยู่ในย่านความถี่ไมโครเวฟ ที่ใช้ในปัจจุบันอยู่ที่ 850-2100 Hz ในขณะที่ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของปิ๊กอัพอยู่ในย่านความถี่คลื่นวิทยุที่ 50/60 Hz ดังนั้นขนาด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโทรศัพท์ ที่มีกำลังสูงมากๆ มันยังมีวัตถุตัวกลางมาลดคลื่นแม่เหล็กได้เลยครับ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 12:07:00 IP = 14.207.239.205
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
ปิ๊กอัพที่ไม่ใช่ Active (เช่น EMG) จะไม่ใช่แม่เหล็กไฟฟ้านะครับ ... จะเป็นแม่เหล็กถาวร ความแรงขึ้นกับวัสดุที่ใช้ทำแม่เหล็กครับ
ผมขอแสดงความเห็นในฐานะวิศกร ที่เคยทำงานผลิตชิ้นส่วนด้านแม่เหล็กมานะครับ
- สีพ่นทั่วไป ซึ่งมีความหนาน้อยมากๆ ต่อให้พ่นหนา ก็ยังมีความหนาน้อยกว่า 1 มม. จะมีผลต่อการเบี่ยงเบนคลื่นแม่เหล็กน้อยมากๆ หรือ สามารถพูดได้ว่าแทบไม่มีผลเลยครับ - คลื่นเสียงไม่ได้เดินทางผ่านชั้นเคลือบสีบนปิ๊กอัพนะครับ แต่จะเกิดเสียงจากที่สายกีตาร์ (ซึ่งเป็นโลหะ) เคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กเหนือปิ๊กอัพ ตามที่ท่าน Tamned ได้อธิบายไว้ - ฝาครอบปิ๊กอัพที่เป็นโลหะซึ่งเป็นตัวนำแม่เหล็ก จะมีผลในการเบี่ยงเบนสนามแม่เหล็กมากกว่าวัสดุที่เป็นฉนวนมากกว่าครับ ลองดูตัวอย่างจากมอเตอร์ในเครื่อง printer จะมีปลอกเหล็กหุ้มรอบๆ ตัวถังบริเวณแม่เหล็ก ซึ่งจะช่วยขยายคลื่นแม่เหล็ก ทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้น ครับ
Thung 1 ก.ย. 59
เวลา 13:10:00 IP = 124.120.28.7
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
 |
-สีพ่นทั่วไป ซึ่งมีความหนาน้อยมากๆ ต่อให้พ่นหนา ก็ยังมีความหนาน้อยกว่า 1 มม. จะมีผลต่อการเบี่ยงเบนคลื่นแม่เหล็กน้อยมากๆ หรือ สามารถพูดได้ว่าแทบไม่มีผลเลยครับ
ตอบ ผมได้อธิบายไว้แล้ว "มันมีผลต่อความหนาของสีสเปรย์มากน้อยขนาดไหน ถ้าพ่นบางไม่มีปัญหา ผมตอบไปแล้ว"
- คลื่นเสียงไม่ได้เดินทางผ่านชั้นเคลือบสีบนปิ๊กอัพนะครับ แต่จะเกิดเสียงจากที่สายกีตาร์ (ซึ่งเป็นโลหะ) เคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กเหนือปิ๊กอัพ
ตอบ อธิบายไปแล้วเกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็ก ปิ๊กอัพเป็นตัวปล่อยคลื่นแม่เหล็ก > มากระทบกับคลื่นเสียงจากกกีต้าร์ที่ปล่อยมา โดยมีแค่อากาศที่ขวางกั้นเท่านั้น แต่อะไรอยู่ที่ปิ๊กอัพครับ สีสเปรย์ ไงครับ จขกท.นำ สีสเปรย์ มาพ่นที่ใบมีดที่ปิ๊กอัพ ดังนั้น คลื่นแม่เหล็กก็ต้องเดินทางผ่านสีสเปรย์ด้วย (ปิ๊กอัพ คลื่นแม่เหล็กต้องเคลื่อนที่ผ่าน > สีสเปรย์ ) ผมยกตัวอย่างเรื่องโทรศัพท์มือถือไว้แล้ว( คลื่นแม่เหล็กโทรศัพท์มือถือ ที่ผ่าน > ผ่านกรองคลื่น ) เห็นหรือป่าวครับมันหลักการเดียวกันเลย ว่ามันต้องผ่าน สีสเปรย์
-ฝาครอบปิ๊กอัพที่เป็นโลหะซึ่งเป็นตัวนำแม่เหล็ก จะมีผลในการเบี่ยงเบนสนามแม่เหล็กมากกว่าวัสดุที่เป็นฉนวนมากกว่าครับ ลองดูตัวอย่างจากมอเตอร์ในเครื่อง printer จะมีปลอกเหล็กหุ้มรอบๆ ตัวถังบริเวณแม่เหล็ก ซึ่งจะช่วยขยายคลื่นแม่เหล็ก ทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้น ครับ ตอบ ผมอธิบายไปแล้วว่า ฝาครอบปิ๊กอัพที่เป็นโลหะ ทั้งคลื่นแม่เหล็กและคลื่นเสียง สามารถเดินทางผ่านได้ดีทั้งคู่
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 13:53:00 IP = 14.207.239.205
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
ครับ ... :)
ประเด็นคือ ... สีพ่น ... ต่อให้พ่นหนา ก็ไม่มีผลครับ
จะพ่นหนาสัก 3 มม. (ซึ่ง ความเป็นจริง คงไม่สามารถพ่นหนาขนาดนั้น) ก็ไม่มีผลครับ :)
ที่มันใจขนาดนี้ เพราะผมเคยทำการทดลองสมัยทำงานเป็นวิศกร คือ ใช้โทรศัพท์มือถือ 5 รุ่น มาวัด ผมการแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผ่านวัสดุต่างๆ กัน โดยมีระยะห่างจากแหล่งกำเนิด ถึงเครื่องวัด ประมาณ 50 ซม. พบว่า พวก กระดาษ ไม้ ผ้า ไม่มีผลต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งออกมาอย่างมีนัยสำคัญเลยครับ ^_^
Thung 1 ก.ย. 59
เวลา 14:49:00 IP = 124.120.28.7
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
Thung ถูกต้องครับ ท่านเข้าใจได้ถูกต้อง ประเด็นอยู่ที่สีสเปรย์ เพราะ สีสเปรย์เป็นวัตถุตัวกลางที่คลื่นแม่เหล็กและคลื่นเสียงต้องเดินทางผ่านมัน มันจึงมีผลกระทบต่อคลื่นไม่ว่าจะคลื่นแม่เหล็กและคลื่นเสียง ที่ยกตัวอย่างแผ่นกรองคลื่นแม่เหล็กโทรศัพท์ มันบางไม่ถึง 1mm. มันยังกรองคลื่นแม่เหล็กได้เยอะเลย บอกแล้วว่าวัสดุต่างๆมีค่าไม่เท่ากัน มันขึ้นกับวัสดุจริงๆ สีสเปรย์เหมือนกัน สีสเปรย์มีผลต่อคลื่นที่ผ่านมากน้อยแค่ไหน ตอบไม่ได้ครับ สีสเปรย์มีหลายยี่ห้อ หลายราคา หลายสูตรผสม ขึ้นอยู่กับชนิดของสีสเปรย์และสารเคมีที่เป็นสูตรผสมลงไป
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 15:12:00 IP = 14.207.239.205
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
ครับ ... :)
อ่านท่าน tkromeo ตอบแล้วสนุกดีครับ
ปล. คลื่นเสียง และ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นคลื่นคนละชนิดกัน คลื่นเสียงต้องใช้ตัวกลางในการเดินทาง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเดินทาง ครับ
Thung 1 ก.ย. 59
เวลา 15:44:00 IP = 124.120.28.52
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
Thung ผมว่าคุณไม่เข้าใจแล้วนะ เข้าใจยากจริง การทำงานของ Pickup มันรับการสั่นของคลื่นเสียงของสาย ที่มาตัดกับสนามแม่เหล็ก เมื่อสายกีตาร์ถูกดีด มันจะแกว่งเคลื่อนที่ตัดกับสนามแม่เหล็ก และรบกวนสนามแม่เหล็ก ของ Pickup ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าออกไปจากขดลวด ตามหลักของ electromagnetic (ตามที่ Tamned บอกมาถูกต้อง) นี่คือหลักการของมัน ต้องอาศัยทั้งคลื่นแม่เหล็กและคลื่นเสียง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเดินทาง ถูกต้องครับ แล้วผมตามคุณว่า ปิ๊กอัพเป็นตัวปล่อยคลื่นแม่เหล็ก เมื่อนำสีไปเคลือบบนปิ๊กอัพ คลื่นแม่เหล็กต้องเดินทางผ่านสีที่เคลือบบนปิ๊กอัพด้วยไหมละครับ
Thung คุณดูที่สมตอบหรือป่าวครับ ทำไมเข้าใจยากจัง ผมว่าผมตอบอธิบายได้ง่ายนะ จริงๆนะ เรื่องนี้ไม่ต้องคนเรียนวิศวะหรอกครับ คลื่นเสียงคือหลักสูตร ม.5 , คลื่นแม่เหล็กคือหลักสูตร ม.6
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 16:18:00 IP = 171.6.193.188
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 14
|
|
|
แต่จริงๆ Thung ตอบแย้งมาถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะ ได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ตรงไหนที่ไม่เข้าใจ จะได้ชี้แจงอธิบายแลกเปลี่ยนครับ คนอื่นที่เข้ามาอ่านจะได้รับความรู้ไปด้วย
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 16:33:00 IP = 171.6.193.188
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 15
|
|
|
 |
ท่าน andres ผู้ผลิตเค้าก็พ่นสีมาอยุ่นิครับ บางตัวก็สองสีเลย
ไม่เห็นตัวไหนเป็นผิวโลหะแท้ๆเลย
CIVIL_20
1 ก.ย. 59
เวลา 16:45:00 IP = 101.78.12.52
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 16
|
|
|
 |
ชุบโครเมี่ยมมาก็มีครับ พ่นสีดำก็มีนะ
CIVIL_20
1 ก.ย. 59
เวลา 16:46:00 IP = 101.78.12.52
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 17
|
|
|
ตอบแทน andres ชุบโครเมี่ยม โครเมี่ยมเป็นโลหะ บอกแล้วว่าคลื่นแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านวัตถุที่เป็นโลหะได้ดี
ผู้ผลิตเค้าก็พ่นสีมา จริงๆที่มันเป็นสีดำๆที่เห็นส่วนมาก เค้าใช้วิธีรมดำ มันไม่ใช่เอาสีไปเคลือบ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 17:04:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 19
|
|
|
PU มันไม่ได้รับเสียงเลย มันรับการสั่นของสายเท่านั้น คลื่นเสียงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ตอบ แสดงว่า เนื้อไม้กีต้าร์ ความหนาบางของ body กีต้าร์ ไม่มีผมเลยหรือครับ ช่วยอธิบายหน่อยได่รึป่าวว่า รูปทรงกีต้าร์ ความหนาของกีต้าร์ ชนิดไม้ที่ทำกีต้าร์ ทำไมมีผลต่อเสียงละครับ แล้วแบบนี้จะมีรูปทรงกีต้าร์ ชนิดของไม้ทำกีต้าร์และความสเกลต่างๆไปเพื่ออะไรครับ ถ้าPU มันรับการสั่นของสายเท่านั้น แล้วทำไมเสียงมันออกมาไม่เหมือนกันละครับ ตอบได้รึป่าวครับ ขอแบบทฤษฎีแบบที่ผมตอบเลยนะ เอาแน่นๆเลย
*ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว ว่า ทำไม รูปทรงกีต้าร์ ชนิดของไม้ทำกีต้าร์และความสเกล ถึงมีผลต่อเสียง แต่ผมจะดูว่า วิศวกรTamned จะตอบว่าอย่างไร
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 22:46:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 20
|
|
|
ผมไม่ได้บอกนะครับ ว่าผมเป็นวิศวกร ไม่คิดจะอวดอ้างอะไร
แต่คำตอบก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรครับ
ไม้แต่ละชนิด ลักษณะเนื้อไม้ ความหนาแน่น โครงสร้างต่างๆ มันต่างกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้ารูปร่างมันต่างกัน แน่นอนว่า การสั่นของมัน การ resonance ที่ความถี่ต่างๆ ย่อมไม่เท่ากัน ซึ่ง สำหรับกีตาร์โปร่งมันก็เห็นผลชัดเจนมากอยู่แล้ว ประเด็นนี้คงไม่ต้งอธิบายนะครับ สำหรับกีตาร์ไฟฟ้า เนื้อไม้มีผลยังไง ก็เหตผลเดียวกับกีตาร์โปร่งไงครับ ไม้แต่ละชนิด รูปทรงต่างๆ มันสั่นต่างกัน เหมือนเวลาเราดีดเปล่าๆ ไม่เสียบแอมป์ แล้วเสียงมันต่างกันนั่นแหละ แล้วส่งผลกับเสียงจาก PU ยังไง มันไม่ได้ส่งผลกับ PU โดยตรงหรอกครับ มันส่งผลกับการสั่นของสายกีตาร์ไง เพราะสายมันถูกขึงอยู่บนตัวกีตาร์ถูกไหมครับ สายถูกดีด มันสั่น มันส่งเสียง ทำให้บอดี้กีตาร์ และคอ มันสั่นตามไปด้วย การสั่นของบอดี้ก็ส่งผลกลับไปกระทบกับการสั่นของสายนั่นแหละ และแน่นอน ตัว PU ก็โดนสั่นไปด้วย เส้นแรงแม่เหล็กมันก็จะเปลี่ยนแปลง เพราะมันก็ตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กโลก (ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ) เหมือนกัน คราวนี้กลับมาที่เรื่องของเรา ผมเน้นมาตั้งแต่ต้น ว่า PU ทำงานโดยการสั่นของสาย รบกวนเส้นแรงแม่เหล็กของ PU จากด้านบนที่พิมพ์มา จะเห็นว่าไม้ body มันส่งผลทั้งการสั่นของสาย และการสั่นของ PU (เทียบกับเส้นแรงแม่เหล็กโลก) นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมชนิดของไม้ มีผลกับเสียงที่ออกมาจาก PU ของกีตาร์
ถ้าคุณรู้คำตอบว่าทำไม และมันต่างกับคำตอบของผม ก็ช่วยบอกมาด้วยนะครับ เอาตามหลักทฤษฎีอะไรก็ได้ที่คุณรู้ครับ ผมพร้อมจะรับความรู้
และถ้าคุณยังยืนยัน ว่า PU มันรับคลื่นเสียง ช่วยหา reference มาให้ดูหน่อย เอา article อะไรก็ได้ ที่น่าเชื่อถือนะครับ เพราะเรื่องแบบนี้มันพิสูจน์ได้อยู่แล้ว คุยกันโดยใช้ความรู้นะครับอย่าใช้ความเชื่อ
Tamned 1 ก.ย. 59
เวลา 23:16:00 IP = 124.120.203.104
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 21
|
|
|
ผมถามว่า เมื่อสายถูกดีด เกิดเสียง เสียงเกิดจากอะไรครับ ตอบหน่อยได้ไหม
Tamned บอกว่า "ตัว PU ก็โดนสั่นไปด้วย" แล้วเสียงเดินผ่านตัวกลางเช่นbodyกีต้าร์คอกีต้าร์ ด้วยการสั่นพ้อง ถามว่าการสั่นพ้องไม่ได้เกิดมาจากเสียงหรือครับ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 23:27:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 22
|
|
|
แล้วทำไม ผมเพลงเปิดจากโทรศัพท์มือถือแล้วไปจ่อที่ปื๊กอัพ แล้วทำไมมันได้ยินละเสียงเพลงที่ผมเปิดละ มันขยายเสียงดังกว่าเดิมด้วย ทำไมครับ ช่วยตอบหน่อยได้ไหม
*** อยากให้ท่านผูอ่านทุกๆท่าน ลอง ทำตามผมนะครับ เอากีต้าร์เสียบเข้าตู้แอมป์ แล้วเปิดตู้แอมป์ แล้วเอาโทรศัพท์มือถือแล้วไปจ่อที่ปื๊กอัพ ลองทำดูครับ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 23:37:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 23
|
|
|
*** อยากให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ลอง ทำตามผมนะครับ เอากีต้าร์เสียบเข้าตู้แอมป์ แล้วเปิดตู้แอมป์ แล้วเอาโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงอะไรก็ได้แล้วไปจ่อที่ปื๊กอัพ ลองทำดูครับ ของแบบนี้ต้องทดลองครับ วิทยาศาสตร์มันคือการพิสูจน์ครับ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 23:39:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 24
|
|
|
ชักจะพายเรือในอ่าง
เสียงเกิดจากการสั่นไงครับ แต่ประเด็นคือ PU มันไม่ได้รับเสียง PU มันรับการสั่นของสาย ตัดกับสนามแม่เหล็กของ PU
แล้วที่ถามผมมาเรื่องชนิดไม้ ผมตอบให้ไปแล้ว - ถูกใจหรือเปล่า ตอบด้วยนะครับ - ถ้าคุณคิดว่าเป็นอย่างอื่น ช่วยเล่าให้ฟังบ้าง แบ่งปันความรู้กัน อย่าถามแล้วพอผมตอบก็เฉย ไปถามเรื่องอื่นต่อ เหมือนจะไล่ผมให้จน แบบนี้ไม่โอเค
เอางี้ ผมคิดวิธีทดสอบง่ายๆออกละ ถ้าคุณ tkromeo เชื่อว่า PU มันรับเสียงได้ ช่วยลองตะโกนดังๆใส่ PU แล้วอัดเสียงมาให้ฟังหน่อย ถ้ามันรับเสียงได้จริงๆ มันต้องอัดติดนะ แต่ อย่าลืม ถอดสายกีตาร์ออกก่อน เพราะสาย โดนคลื่นเสียงกระทบ มันก็สั่นตามอยู่แล้ว ถ้าอัดติด เป็นเสียงคุณตะโกนจริงๆ ผมยอมเลย
ปล. ขออภัยเจ้าของ กท. ด้วยนะครับ ออกทะเลไปซะแล้ว
Tamned 1 ก.ย. 59
เวลา 23:42:00 IP = 124.120.203.104
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 25
|
|
|
ผม อุตส่าห์ ลงทุนถอดสายทั้งหมดเลยนะ แล้วเอาเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ แล้วไปจ่อที่ปิ๊กอัพกีต้าร์ แล้ว ทำไมมันยังได้ยินเสียงดังเท่าเดิม ดังเท่ากับเหมือนตอนใส่สายกีต้าร์แล้วเปิดเพลง ตอบหน่อยสิครับ
ทุกคนลองทำตามได้นะครับ
tkromeo
1 ก.ย. 59
เวลา 23:54:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 26
|
|
|
555 .... คุยกับคุณ tkromeo นี่สนุกจริงๆ ครับ ... สงสัยผมต้องกลับไปเรียนใหม่แล้วจริงๆ มั้งครับ
หลักการเกิดเสียงของกีตาร์ไฟฟ้า ไม่ได้เกิดจากคลื่นเสียงครับ และตอนดีด ตัวปิ๊กอัพก็ไม่จำเป็นต้องสั่นก็เกิดเสียงได้ครับ ลองดูพวก กีตาร์แจ๊ส เค้าจะพยายาให้อยู่ลอยไม่ติดกับตัวกีตาร์ให้ได้มากที่สุดด้วยซ้ำ
การเกิดเสียงของกีตาร์ไฟฟ้าคือ การที่สายกีตารสั่นด้วยความถี่ แล้วไปตัดสนามแม่เหล็ก (ซึ่งปิ๊กอัพส่วนใหญ่ ก็ไม่ใช่แม่เหล็กไฟฟ้า) เป็นไปตามหลักของ Faraday ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าวิ่งในขดลวดที่พันรอบแท่งแม่เหล็กในปิ๊กอัพ แล้วส่งสัญญาณไฟฟ้านี้ไปยังแอมป์ เพื่อแปลงเป็นเสียงกลับมาอีกที
ซึ่งก็จะมีคำถามว่า แล้วเนื้อไม้มีผลกับเสียงยังไง ... มันจะมีผลต่อการสั่นของสายกีตาร์ครับ เนื้อไม้และวัสดุที่ใช้ทำกีตาร์ จะส่งผลต่อการสั่นของสายกีตาร์ ทำให้เกิดเอกลักษ์ของเสียงที่แตกต่างกันออกไป
ตัวปิ๊กอัพ จะยึดติดอยู่กับตัวปิ๊กการ์ด ซึ่งตามความเป็นจริง มันก็จะได้รับการสั่นจากตัวกีตาร์ไปด้วย แต่ไม่ได้มีผลกับเสียงที่เกิดเท่าไหร่
ไม่เชื่อลองถือตัวปิ๊กอัพลอยๆ โดนไม่ให้สัมผัสตัวกีตาร์เลย (ไม่ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากตัวกีตาร์) แล้วคิดว่ามันจะเกิดเสียงมั๊ยครับ ?
Thung 2 ก.ย. 59
เวลา 0:00:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 27
|
|
|
ทำได้จริงครับ ผมลองดูเหมือนกัน ผมก็เลยค้นต่อ ว่ามันคืออะไร สรุปมันคือคุณสมบัติที่เรียกว่า Microphonic คือ มันทำตัวคล้าย microphone เนื่องจากcoil มันสั่นได้แบบ Microphone ถือเป็นคุณสมบัติที่ไม่ดีของ PU ครับ เพราะ PU ไม่ควรรับเสียงอื่น นอกจากสายกีตาร์ครับ จึงมีการ wax เพื่อแก้ปัญหานี้ครับ สรุป คุณ tkromeo ถูกนะครับ PU รับเสียงได้ (ทั้งๆที่มันไม่ควรจะรับ) ผมขอจบแค่นี้นะครับ ขอบคุณที่ให้ความรู้ใหม่กับผมครับ
Tamned 2 ก.ย. 59
เวลา 0:01:00 IP = 124.120.203.104
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 28
|
|
|
เสียงที่เกิดจากการจ่อโทรศํพท์ เหรือ เครื่องเล่นอื่นๆ ที่มีลำโพง เป็นผลมาจากคลื่นแม่เหล็กจากลำโพง ส่งสัญญาณไปที่ปิ๊กอัพครับ ไม่ได้เกิดจากคลื่นเสียงครับ
ถ้าเกิดจากคลื่นเสืยง ตองพูดใส่ปิ๊กอัพดูสิครับ จะได้ยินเสียงเราออกแอมป์รึเปล่า
Thung 2 ก.ย. 59
เวลา 0:10:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 29
|
|
|
เสียงที่เกิดจากการจ่อโทรศํพท์ เหรือ เครื่องเล่นอื่นๆ ที่มีลำโพง เป็นผลมาจากคลื่นแม่เหล็กจากลำโพง ส่งสัญญาณไปที่ปิ๊กอัพครับ ไม่ได้เกิดจากคลื่นเสียงครับ
ถ้าเกิดจากคลื่นเสืยง ตองพูดใส่ปิ๊กอัพดูสิครับ จะได้ยินเสียงเราออกแอมป์รึเปล่า
Thung 2 ก.ย. 59
เวลา 0:10:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 30
|
|
|
Thung ผมจะไม่ทำอะไรเพิ่มแล้วนะครับ ครั้งนี้ถือว่าผมทดลองแบบสุดๆแล้ว ผมขันปิ๊กอัพออกมาแล้ว ไม่ได้วางไว้ที่ลำตัวกีต้าร์เลย แล้วทำไม เอาเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ แล้วไปจ่อที่ปิ๊กอัพกีต้าร์ แล้วทำไมมันยังได้ยินเสียงดังเท่าเดิมครับ
อย่าบอกนะครับ ว่าปิ๊กอัพที่ยังได้ยินเสียงเพลงที่เปิดจ่ออยู่ มันสั่นเกิดมาจากสายไฟปิ๊กอัพสั่น เพราะ ถ้าคุณให้ผมตัดสายไฟของปิ๊กอัพเสียงมันคงไม่ออกอยู่แล้วละครับ
*** อยากให้ทุกๆคนทดลองทำดูครับ ***
ผมจะไม่พิมพ์ตอบแล้ว เพราะ ถือว่า ผมได้ทดลองปฎิบัติและพิสูจน์ทุกอย่างแล้วทั้งหมดแล้ว แล้วเสียงมันออกมาครบดังเท่าเดิมทุกขั้นตอน Thung อยากพิมพ์แนวคิดอะไรก็แล้วแต่เอาตามสบายเลยครับ
tkromeo
2 ก.ย. 59
เวลา 0:24:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 31
|
|
|
พอผมทดลองได้สำเร็จ ก็อ้างเรื่องอื่นอีกแล้ว จะเชื่อผมที่ทดลองปฎิบัติและพิสูจน์ทุกอย่างแล้วทั้งหมดแล้ว หรือ เชื่อ Thung ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านครับ ผมขอจบการพิมพ์ตอบ กระทู้นี้ แต่เพียงเท่านี้ครับ
tkromeo
2 ก.ย. 59
เวลา 0:28:00 IP = 171.96.177.94
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 32
|
|
|
ผมช่วยตอบคุณ thung ครับ พูดใส่ pu ก้ได้ยินออกแอมป์จริงๆครับ เกิดจากคุณสมบัติ microphonic ครับ ลองค้นคำว่า singing into pickup ครับ
Tamned 2 ก.ย. 59
เวลา 0:29:00 IP = 124.120.203.104
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 33
|
|
|
ความรู้ทั้งนั้น ชื่นชมทั้งสองท่านครับ
G-sound 2 ก.ย. 59
เวลา 1:26:00 IP = 1.1.165.230
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 34
|
|
|
ก็บอกไปแล้วครับ ว่าเสียงที่เกิดขึ้นจากการเอาลำโพงจ่อปิ๊กอัพคือเกิดจากกรเหนี่ยวนำของลำโพงครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวกีตาร์เลยครับ หลักการเหมือนการส่งสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือ ไป set ค่าของ Flash Back Deday ใน effect ของ TC ครับ
ผมว่าน่าจะคุยกันด้วยหลักวิทยาศาสตร์นะครับ ไม่ควรใช้อารมณ์ ถ้าคิดว่าผมผิดตรงใหน ก็ หาหลักวิทยาศาสตร์ มาแย้งได้ครับ อย่าเอาความรู้สึก หรือ ความเชื่อ มาหักล้างกันครับ ไม่เกิดประโยช์อะไรกับผู้อ่านท่านอื่นๆ ครับ :-)
ยินดีที่ได้ถกกันนะครับ
Thung 2 ก.ย. 59
เวลา 2:21:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 35
|
|
|
ขอบคุณ ท่านสุภาพชน ทั้งสองสามท่านครับ นับถือๆ .... ความรู้ล้วนๆ....ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย...
okokguitar
2 ก.ย. 59
เวลา 9:33:00 IP = 202.12.118.61
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 36
|
|
|
คาดว่า จริงๆงานนี้ท่าน จขกท ลองทดสอบดูเลยครับผม แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามีผล กับโทนเสียงนะครับ ซึ่งไม่ต้องคุยกันในด้านทฤษฎี กับงาน DIY มันมีแค่ดีขึ้นหรือ แย่ลงหรือเท่าเดิม เพลินๆเลยครับส่วนงานที่การทำสีปิ๊กอัพ คาดว่าคงไม่ใช่ทำมาเป็นแฟชั่นอย่างเดียวทางทีมงานเค้าคงต้องคิดละเอียดอ่อนและคำนวนมาแล้วให้เหมาะสมกับขดลวดและแม่เหล็กที่เค้าทำมาแล้วเช่นกันครับ งานทดลองมันสนุกตรงที่ค้นหาคำตอบที่เราต้องการครับผมสนุกสนานไปครับ ส่วนทั้ง 2 ท่านที่คุยกันก็มีทฤษฎีด้านไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์กันทั้งคู่ ผมว่าไม่มีคำว่าผิดหรือถูกในมุมมองแต่เรามาในทิศทางเดียวกันแต่ในด้านความเห็นเราอาจจะมองไปคนละด้านของการใช้งาน มี หลายๆอย่างมากมายที่ใช้หลักการของการนำแม่เหล็กและขดลวดมาใช้ ก็เกิดจากการทดลองของผู้คิดค้นนำมาต่อยอดแต่หลักการแล้วก็เหมือนกันเพระาเห็นว่าเมื่อแม่เหล็ก ถูกพันด้วยขดลวดตัวนำจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก ส่วนผู้คิดค้นที่นำมาสร้างเครื่องหรืออุปกรณ์ต่างๆก็มีแนวทางที่แตกต่างกันไป อันนี้เค้าก็ลงลึกไปถึง ค่าความต้านทานก็คือ หลักๆก็เป็น R L C จึงทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมากมาย ทั้งสองท่านดำเนินแนวทางคิดมาถูกทางทั้งคู่แหละครับจากกฎของ R L C มันทำอะไรได้มากมาย R =คือความต้านทาน L =ความเหนี่ยวนำก็คือขดลวดตัวนำ C= ค่าการเก็บประจุ มันเป็นส่วนประกอบพื้นฐานทางด้านงานอิเล็กทรอนิกส์ที่สรรค์สร้างอุปกรณ์ไฟฟ้า ส่วนรายละเอียดนั้นก็ต้องลงลึกไปถึงอุปกรณ์นั้นๆกันครับผม.........อูยยาว สรุปผมคิดว่าพ่นสีเองน่าจะมีผลครับเพราะในสีก็มีสว่นผสมของพวก resin ที่มาจากสัตว์ และ ก็มาจากน้ำมันยางไม้ต่างๆ สารประกอบพวกนี้ก็อาจจะมีผลถ้าพ่นเยอะๆก็เป็นได้อันนี้ไม่ทราบนะครับ ท่าน จขกท ลองเลยครับผมเพื่อนๆที่คิดจะทำจะได้ทราบด้วยครับ อิอิ
suradet
2 ก.ย. 59
เวลา 10:10:00 IP = 183.88.45.163
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 37
|
|
|
 |
ขอพิพม์ครั้งสุดท้ายแล้วครับ
Thung บอกว่า ก็บอกไปแล้วครับ ว่าเสียงที่เกิดขึ้นจากการเอาลำโพงจ่อปิ๊กอัพคือเกิดจากกรเหนี่ยวนำของลำโพงครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวกีตาร์เลยครับ
ตอบ
วันนี้ได้ทดลองอีกรอบ ผมเอาเปิดกล่องดนตรีไขลานมาเปิด(ตามรูป) ดูข้างในกลไกนะครับ บอกเลยว่ากล่องดนตรีไม่มีลำโพงไม่มีสนามแม่เหล็กอะไรทั้งนั้น ผมนำไปจ่อกับปิ๊กอัพเช่นเดิม ผมปรากฏว่า ได้ยินเสียง ชัดเจน ออกจากตู้แอมป์
วิธีการพิมพ์ของ Thung มันคือวิธีการตั้งสมมุติฐาน ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่อ้างอิง คิดอะไรได้ก็พิมพ์ ไม่ได้ศึกษาเลยว่าข้อมูลนั้นจริงหรือมีผมทดลองอ้างอิงอะไรเลย
Thung ผมว่าไม่น่าจะเรียนวิศวะนะครับ เพราะ หลักการทำงานลำโพงคุณยังไม่เข้าใจเลย แนะนำนะครับ ในบอร์ดนี้ มีคนที่รู้เรื่องลำโพงหลักๆที่เห็นคือ Login : andres ผมว่าคุณลองไปขอข้อมูลจากเค้าก่อนดีกว่านะครับ คุณลองดูวิธีการตอบของผมและของคุณดูว่าต่างกันแค่ไหน ตัวผมเองก็ความรู้พอสมควรไม่ได้เก่งมากแต่พื้นฐานพวกนี้มันเป็นพิ้นฐานของฟิสิกส์ของม.5 และ ม.6 ซึ่งถ้าคุณเรียนวิศวะมาคุณควรมีพิ้นฐานเรื่องพวกนี้นะครับ
tkromeo
2 ก.ย. 59
เวลา 12:16:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 38
|
|
|
ดีใจครับที่คุณ tkromeo กลับมา :)
แหม่ ... รู้สึกว่าคุณ tkromeo จะโกรธผมพอสมควรเลยนะนั่น ... ถ้าผมล่วงเกินอะไรไปก็ขอโทษด้วยละกันครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน หรือ ทำให้โกรธแต่อย่างใด และผมก็ไม่เคยพูดจาดูถูกใครนะ :)
ผมก็แค่ตอบ แสดงความคิดเห็นตามหลักวิทยาศาสตร์ มีทฤษฎีมารองรับ อ้างอิง ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรเลยครับ ตอนเรียน ม.4 ม.5 ก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ด้วย 555
มาว่ากันที่เรือง ทำไมเอากล่องดนตรีไขลานไปจ่อที่ปิ๊กอัพแล้วทำให้เกิดเสียงออกแอมป์ได้อย่างชัดเจน ...
ก็ลองดูว่าตัวกล่องดนตรีเกิดเสียงขึ้นมาได้อย่างไร ... มันเกิดจากการสั่นสะเทือนของหวี "โลหะ" ไงครับ ทีนี้เมื่อโลหะ เคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กที่มีขดลวดพันอยู่ อ่ะ คุ้นๆ มั๊ยครับ ... ถ้าตั้งใจเรียนฟิสิกส์ตอน ม.5 ม.6 ก็น่าจะพอนึกออกว่าจะเกิดการเหนี่ยวนำทำให้เกิดกระแสไหลผ่านขดลวด ส่งสัญญาณไปที่แอมป์ได้ ... :-)
ถ้ายังคิดว่าปิ๊กอัพกีตาร์ไฟฟ้ารับคลื่นเสียงอยู่ ก็ลองเอากีตาร์สายเอ็น หรือ อูกูเลเล่ ไปดีดหน้าปิ๊กอัพกีตาร์ไฟฟ้าดูสิครับ ว่าจะเกิดเสียงออกแอมป์รึเปล่า
ตัวผมเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องลำโพงมากมายอะไรนัก รู้แค่พื้นๆ เท่านั้น จะลองเล่าสิ่งที่ผมพอรู้ดูนะครับ ถ้าผมเขียนอะไรผิดไป ช่วยแก้ไขให้ด้วยละกัน
ลำโพง(ในที่นี้จะขอพูดถึงลำโพง Dynamic ซึ่งเป็นชนิดที่ใช้อยู่ในแอมป์กีตาร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่) มีส่วนประกอบหลักๆ คือ - แม่เหล็ก - กรวย (Diaphragm) - ขดลวด (Voice Coil)
โดยแม่เหล็กจะมีลักษณะเป็นวงแหวน มีขดลวดซึ่งติดอยู่กับแผ่นกรวยอยู่ในช่องว่างกลางแม่เหล็ก ซึ่งขดลวดนี้จะเป็นตัวกำหนดค่า Impedance ของลำโพงที่เราเห็นๆ กันอยู่ เช่น 4 Ohm, 8 Ohm, 16 Ohm, ฯลฯ
เมื่อมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไหลเข้าไปในขดลวดแล้วมีสนามแม่เหล็กตัดผ่าน ตามกฏมือขวาที่เรียนในวิชาฟิสิกส์ ม.4, ม.5 บอกไว้ว่าจะทำให้เกิดแรงผลักที่ขดลวด ซึ่งในลำโพง ขดลวดจะต่ออยู่กับกรวย ซึ่งทำมาจากวัสดุต่างๆ กัน เช่น กระดาษ โพลิเมอร์ โลหะ ฯลฯ ทำให้กรวยเกิดการเคลื่อนที่ (สั่น) ตามขดลวดไปด้วย ทำให้เกิดเสียงขึ้นมาได้ครับ
^.^
Thung 2 ก.ย. 59
เวลา 22:08:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 39
|
|
|
ผมได้ทดลองนำกีต้าร์อูคูเลเล่มาจ่อแล้วดีดที่ปิ๊กอัพเช่นเดิม โดยให้รูsound hole จ่อไปที่ปิ๊กอัพ ปรากฎว่า เกิดเสียงที่ตู้แอมป์เช่นเดิม แต่ได้เสียงที่เบา ผมจึงสงสัยว่าทำไมเสียงที่ออกมามันเบา และนึกได้ว่าเสียงของย่านกีต้าร์โปร่งนั้นมันเป็นย่านเสียงที่ต่ำกว่าเสียงกีต้าร์ไฟฟ้า เนื่องจากเสียงของกีต้าร์โปร่งเกิดขึ้นจากการสะท้อนของเสียงภายในโพรงโครงสร้างของกีต้าร์ ผมจึงทำการทดลองอีกรอบ โดยใช้กีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นกีต้าร์โปร่งสายเหล็ก จ่อแล้วดีดที่ปิ๊กอัพเช่นเดิม โดยให้รูsound hole จ่อไปที่ปิ๊กอัพ และสายของกีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็กจ่อห่างปิ๊กอัพประมาณ 3 มิลลิเมตร ปรากฎว่า เกิดเสียงที่ตู้แอมป์มันก็เบาเท่ากับผมเอากีต้าร์อูคูเลเล่มาดีดจ่อเหมือนกันเลย
สรุป เสียงมันก็ยังออกมาเหมือนเดิม ข้อสังเกตุ ผมได้ใช้กีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็ก ย้ำ "สายเหล็ก" สายของกีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็กจ่อห่างปิ๊กอัพประมาณ 3 มิลลิเมตร มาจ่อที่ปิ๊กอัพแล้วดีด ปรากฎว่า เกิดเสียงที่ตู้แอมป์มันก็เบาเท่ากับผมเอากีต้าร์อูคูเลเล่มาดีดจ่อเหมือนกันเลย
Thung ไปหาข้อมูลมาก่อน ก่อนที่จะพิมพ์อะไรนะ เหนื่อยตอบ เหนื่อยพิมพ์ เหนื่อยทดลอง เชื่อเหอะ พอผมพิสูจน์ได้ เดี๋ยวก็มีอะไรใหม่ๆแวกแนวมาอีก คุณบอกว่าคุณเป็นวิศวกร แต่ แต่หลักแต่ละอย่างที่คุณคิดออกมามันไม่เหมือวิศวกรคิดเลยนะครับ มันเหมือนกับคนขี้สงสัยอยากรู้ แล้วก็มาให้ผมทดลอง คุณพิมพ์มาแต่ละอย่างผมก็พิสูจน์ข้อสงสัยของคุณได้ทั้งหมดพอเหอะ ลองอ่าน คต.28 Login : Tamned เค้าก็ตอบแล้วว่า เกิดจากคุณสมบัติ microphonic ของปิ๊กอัพ เค้าพยายามไปค้นหาข้อมูลมาจนเจอ คุณควรทำแบบเค้านะครับ คุณเล่นตั้งสมมุติฐานขึ้นมาแล้วก็มาพิมพ์ตอบ พอผมพิสูจน์ได้ ก็มี สมมุติฐาน ใหม่แวกแนวมาอีก แบบนี้มันไม่มีทางจบหรอกครับ เดี๋ยวมันก็มีมาเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่คุณยังไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น ทางที่ดีคุณควรไปศึกษาข้อมูลให้ลึกมาจะดีกว่าครับ ไม่ใช่หาอ่านมาจากตามอินเตอร์เน็ตแล้วเอามาพิมพ์ตอบ เพราะ เนื้อหาจากในอินเตอร์เน็ต ใครมันจะพิมพ์อะไรก็ได้ มันไม่เหมือนตำราเรียนTextbookที่มีหลักการอ้างอิงเขียนขึ้นมา
tkromeo
2 ก.ย. 59
เวลา 23:53:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 40
|
|
|
555 ... ครับ คุณ tkromeo คิดว่าผมเรียนจบมาได้โดยไม่ต้องอ่าน textbook เลยหรอครับ ^.^ ถ้าชีวิตจริงมันทำได้ง่ายอย่างนั้นก็ดีสิครับ
ปรากฏการณ์ microphonic นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยการสั่นสะเทือน แล้วทำให้ชิ้นส่วนในปิ๊กอัพกีตาร์ เคลื่อนไหว แล้วเปลี่ยนค่าการเก็บประจุทำให้เกิดเป็นเสียงออกมา คล้ายๆ กับการเกิดเสียงของ micorphone ซึ่งเสียงที่ออกมานั้น จะมีลักษณะเป็น noise ซะมากกว่า เป็นเสียงที่ไม่ตั้งใจให้เกิดครับ ผมเลยไม่ได้อ้างอิงในการตอบ ซึ่งคุณ Tamed ก็ได้ตอบในความเห็นที่ 28 แล้วว่าส่วนใหญ่จะหาทางกำจัดปรากฏการณ์นี้กันครับ
ผมตอบจากทฤษฎี และ อธิบายทุกการทดลองได้หมดนะครับ ^.^
Thung 3 ก.ย. 59
เวลา 0:16:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 41
|
|
|
microphonic นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยการสั่นสะเทือน แล้วทำให้ชิ้นส่วนในปิ๊กอัพกีตาร์ เคลื่อนไหว แล้วเปลี่ยนค่าการเก็บประจุทำให้เกิดเป็นเสียงออกมา คล้ายๆ กับการเกิดเสียงของ micorphone ซึ่งเสียงที่ออกมานั้น จะมีลักษณะเป็น noise ซะมากกว่า เป็นเสียงที่ไม่ตั้งใจให้เกิดครับ ผมถามว่า แล้วมันไม่เกิดเสียงหรือครับ สงสัยไปลอกในเน็ตมาแล้วไม่ได้อ่าน มาอีกแล้ว แวกแนวมาเรื่อยๆ เห็นหรือป่าว
แล้วการทดลองผม ตอบได้รึป่าวครับ
ผมได้ใช้กีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็ก ย้ำ "สายเหล็ก" สายของกีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็กจ่อห่างปิ๊กอัพประมาณ 3 มิลลิเมตร มาจ่อที่ปิ๊กอัพแล้วดีด ปรากฎว่า เกิดเสียงที่ตู้แอมป์มันก็เบาเท่ากับผมเอากีต้าร์อูคูเลเล่มาดีดจ่อเหมือนกันเลย ตอบว่ายังไงครับ วิศวกรThung ทั้งๆที่สายกีต้าร์โปร่งก็เป็นสายเหล็ก
tkromeo
3 ก.ย. 59
เวลา 0:33:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 42
|
|
|
อีกข้อสังเกตุ ผมตั้งสมมุติฐานว่า ปิ๊กอัพกีต้าร์ไฟฟ้ามันรับเสียงได้ดีในย่านแหลม เนื่องจากข้อสงสัยที่ว่าผมเอากีต้าร์โปร่งที่เป็นสายเหล็กไปจ่อที่ปิ๊กอัพแล้วได้เสียงเบา
คราวที่แล้ว ทดลองเอาลำโพงโทรศัพท์มือถือไปจ่อแล้วเปิดเพลง ปรากฏว่าเสียงมันดังดีมาก เพราะ ลำโพงของโทรศัพท์มือถือมันให้เสียงที่แหลม
คราวนี้ผมลองกับชุดโฮมเธียเตอร์ ซึ่งมีลำโพง แหลม กลาง และ ซับวูฟเฟอร์ ปรากฏว่าเมื่อนำปิ๊กอัพไปจ่อที่ลำโพงที่ให้เสียงแหลม จะได้ยินเสียงได้ดังและดีที่สุด แต่พอเอาที่ลำโพงกลางเสียงได้ยินได้เบามาก
วิศวกรThungบอกว่า ถ้าเอาปิ๊กอัพไปจ่อที่ลำโพงเสียงที่ได้เกิดจากกรเหนี่ยวนำของลำโพง ไม่ได้อยู่ที่เสียงที่ออกมาจากลำโพง
วิศวกรThung ตอบมาหน่อยสิครับ อยากรู้
tkromeo
3 ก.ย. 59
เวลา 0:52:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 43
|
|
|
เห็นPU บางตัวไม่มีหมุดโผล่ออกมาจากพลาสติก ถ้าฉีดสเปรย์ได้ความหนา กว่าพลาสติก น่าจะพอมีผลครับ
supanova
3 ก.ย. 59
เวลา 0:53:00 IP = 202.29.177.59
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 44
|
|
|
ผมทดลองดูแล้วครับ ... ใช้กีตาร์โปรงเสียงดังออกแอมป์ ใช้อูกูเลเล่ แทบไม่มีเสียงออกแอมป์เลยครับ :)
แล้วคุณ tkromeo จะอธิบายสิ่งที่พบจากการทดลองนี้ว่าอย่างไรหรือครับ?
Thung 3 ก.ย. 59
เวลา 0:54:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 45
|
|
|
ผมก็ทดลองครับ กีต้าร์โปร่งสายเหล็ก จ่อหน้าปิ๊กอัพ เสียงออกมาจากแอมป์ แต่เสียงเบากว่าเมื่อใส่สายกีต้าร์ไฟฟ้าไปที่กีต้าร์ไฟฟ้าแล้วดีด เสียงเบากว่ามากๆ
ทดลอง กีต้าร์อูคูเลเล่ดีดจ่อที่ปิ๊กอัพ เสียงออกมาเบา เบากว่า เอากีต้าร์โปร่งสายเหล็กไปจ่อ ผมทดลองจากทั้งตู้แอมป์หลอดMashall และ ให้แอมป์ปลักใส่หูฟัง ได้ยินแน่นอนครับ
ที่เสียงออกมาเบากว่า คุณดีด อูคูเลเล่ สังเกตุหรือป่าวว่า เสียงมันแหลมน้อยกว่า กีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็กพอสมควร
ผมจึง ทดลองไงครับ เอาไปจ่อลำโพงที่มีย่านเสียงที่ต่างกัน เพื่อจะดูว่าปิ๊กอัพมันรับเสียงย่านไหนได้ดีกว่า
ตอบหน่อยสิครับ ว่ามันเกิดมาจากอะไร
tkromeo
3 ก.ย. 59
เวลา 1:04:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 46
|
|
|
ผมได้ใช้กีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็ก ย้ำ "สายเหล็ก" สายของกีต้าร์โปร่งซึ่งเป็นสายเหล็กจ่อห่างปิ๊กอัพประมาณ 3 มิลลิเมตร มาจ่อที่ปิ๊กอัพแล้วดีด ปรากฎว่า เกิดเสียงที่ตู้แอมป์มันก็เบา เสียงเบากว่าดีดสายที่กีต้าร์ไฟฟ้าตามปกติ เสียงเบากว่าเยอะ ทั้งๆที่ระยะความห่างระหว่างสายที่เอาไปจ่อกับปิ๊กอัพ และ ระยะห่างสายปกติของสายกีต้าร์ไฟฟ้ากับปิ๊กอัพพอๆกัน และ สายก็เป็นสายเหล็กเหมือนกันด้วย แต่ทำไมเสียถึงเบากว่าครับ
ตอบหน่อยสิครับ ว่ามันเกิดมาจากอะไร
tkromeo
3 ก.ย. 59
เวลา 1:14:00 IP = 14.207.244.223
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 47
|
|
|
เสียงที่เกิดจากการเอาปิ๊กอัพไปจ่อที่กีตาร์โปร่งสายเหล็กแล้วเสียงไม่เหมือนกีตาร์ไฟฟ้า ผมคิดว่าเป็นเพราะกีตาร์โปร่งมีมวลของเนื้อไม้น้อยกว่ากีตาร์ไฟฟ้าเยอะครับ ทำให้เสียงออกมาบางกว่ากีตาร์ไฟฟ้ามาก
ส่วนเสียงที่เกิดจากการเอาปิ๊กอัพกีตาร์ไฟฟ้าไปจ่ออูกูเลเล่ที่เป็นสายเอ็นแล้วมีเสียงออกมาเบาๆ ผมติดว่าน่าจะเกิดจากปรากฏการณ์ microphonic มากกว่า
คำตอบนี้ ยอมรับว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ครับ ... แต่ไม่คิดว่าจะเป็นผลมาจากความถี่ ซึ่งจริงอยู่ เครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิด มีการตอบสนองต่อย่านความถี่ที่ต่างกัน แต่ก็ยังมีช่วงย่านความถี่ที่ซ้อนทับกันอยู่ของทั้ง 3 เครื่องดนตรีอยู่พอสมควรครับ
Thung 3 ก.ย. 59
เวลา 1:27:00 IP = 119.76.16.53
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 48
|
|
|
pu ที่เราพูดแล้วมีเสียงเราออกมาด้วย คือมันเสื่อมครับ ต้องเอาไปดุแล
bbling
3 ก.ย. 59
เวลา 9:03:00 IP = 27.130.199.154
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 49
|
|
|
ไม่น่าเชื่อ กระทู้นี้จะมาได้ขนาดนี้ สนุกจริงๆ
อ่านกันเอาเองนะครับ ว่าจะสรุปว่าอย่างไร
Tamned 3 ก.ย. 59
เวลา 14:26:00 IP = 202.44.4.251
|
|
|
 |
|
 |
|