(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  เรื่องของไม้กับ pickups คับ ว่าไม้มีผลยังไงกับ pickups คับ  
 
เคยได้ยินมาว่าไม้ชนิดนั้น ชนิดนี้ให้เสียงแบบนั้นแบบนี้คับ
แต่ด้วยความที่ผมค่อนข้างคิดว่าเป็นความเชื่อของรุ่นต่อรุ่นอ่ะคับ
(แม้ว่าทางปฏิบัติจริงๆ ผมเคยดูคลิปเปลี่ยนคอของกีต้าร์ เสียงมันเปลี่ยนจริงแหละ)
แต่ทางทฤษฎีแล้ว ใน guitarthai channal: gears freak ep.11
ได้กล่าวว่า เสียงกีต้าร์เกิดจาก แรงสั่นที่สาย ไปเหนี่ยวนำขดลวด เกิดเป็นกระแสไฟฟ้า
ผ่านสายแจ๊ค เข้าตู้แอมป์ (คล้ายกับหลักการของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า)

ประเด็นคือ แล้วเสียงของเนื้อไม้มันเข้าไปผสมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้อย่างไรคับ
ช่วยหาข้ออ้างอิงบอกผมหน่อยนะคร้าบบ คาใจมาตั้งแต่เริ่มได้ยินคำนี้เมื่อครั้งที่อ. สอนกีต้าร์บอกผมเลยคับ

ปล.เคยเจอกระทู้ ที่ตอบเชิงว่า ถ้าไม้อะไรก็เสียงเหมือนกัน งี้เค้าคงไม่หาไม้ดีๆมาผลิตกีต้าร์หรอก คือ เข้าใจคับ แต่อยากได้แบบทฤษฎีจริงๆอ่ะคับ เผื่อเป็นความรู้ประดับหัวผมด้วยคร้าบบ

ขอบคุณคับ


Bluesnon   16 ส.ค. 59   เวลา 11:00:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 1.47.66.120
 


  คำตอบที่ 1  
 
ความเชื่อเรื่องไม้มีผลยังไงกับเสียงกีตาร์ไฟฟ้าแบบ solid body (semi-hollow และ hollow ไม่นับนะครับ) นั้นมีทั้งที่ถูกและก็ผิดครับ ถ้าว่ากันยาวๆตามทฤษฎีเลย เอาแบบไม่ใช่แค่ "ใช้หู" หรือ "ใช้ความรู้สึก" นะครับ

คือในสิ่งของทุกอย่างในโลก จะมีค่าความถี่ resonance ในตัวมัน ซึ่งจะตอบสนองต่อความสั่นสะเทือนอยู่ความถี่หนึ่งเป็นพิเศษ คือถ้าเราดีดสายกีตาร์ดู แล้วจับที่ตัวกีตาร์ ตัวไม้จะสั่นไปด้วย และจะสั่นมากเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในช่วงความถี่ resonance ของกีตาร์ตัวนั้น การ resonance นี่ผมศึกษาเจอว่า ในกีตาร์ไฟฟ้านั้นยิ่งตัวกีตาร์ "แย่ง" การสั่นสะเทือนจากสายน้อยเท่าไหร่ กีตาร์ก็จะยิ่งมีการ sustain ยาวขึ้นเท่านั้น ส่วนสั่นแบบไหนคือการ "แย่ง" ก็ยังถกเถียงกันอยู่

แต่ !!!!! ทั้งหมดนั้น แทบจะไม่มีผลในทางปฏิบัติเลย เพราะอะไร ? เพราะกีตาร์ไม่ได้่เล่นอยู่โน๊ดเดียวครับ ในแต่ละโน๊ตก็จะมีค่าความถี่ต่างๆกันไป สารพัดแบบ โน๊ตที่ความถี่ทับกันกับค่า resonance ของตัวกีตาร์จากทั้งคออาจจะมีนิดเดียวก็ได้

แล้วการที่คนชี้ไปที่ไม้ เคาะๆดู ว่าสายพันธุ์นี้ ให้เสียงแบบนี้ อย่างโง้นอย่างงี้ ก็ไม่ถูกต้อง 100% ครับ คือไม้มาเป็นท่อน พอคุณตัดไม้ ค่า resonance ก็เปลี่ยนแล้ว ต่อคอเข้าไป ค่า resonance ก็เปลี่ยนอีก ใส่ลูกบิด ใส่หย่องเข้าไป ของพวกนี้ติดอยู่กับตัวแน่น ก็ทำให้ค่า resonance เปลี่ยนอีก มันก็เลยมีกรณีที่มีคนสั่ง custom กีตาร์ เลือกเนื้อไม้ เลือกคอเอง เลือกรูปร่างเอง และวเดาว่าเสียงออกมาแบบโน้นแบบนี้ แต่พอต่อออกมาจริงๆ เสียงไปคนละทิศเลยก็บ่อยมาก

การเลือกเสียงเนื้อไม้ ถึงทำได้จริงๆตอนกีตาร์เสร็จออกมาเป็นตัวแล้วเท่านั้น โชคดีที่กีตาร์แบรนหลัก จะทำตัวออกมาแบบซํ้าๆกัน และใช้อะไหล่แบบเดียวกันไปหมด ก็เลยพอคาดเดาได้บ้าง แต่ไม้เป็นของธรรมชาติครับ ลายไม้ นํ้าหนัก ในแต่ละตัวก็ต่างกันไปอยู่ดี

สุดท้าย แล้วก็คือ สายพันธุ์ไม้มีผลครับต่อเสียงครับ แต่น้อยและคาดเดายากไม่ได้เป๊ะๆเป็นแบบแผนอย่างที่เขาเล่าต่อๆกันมา จึงอย่าไปซีเรียสกับมันเลย เอาเป็นว่าเปลี่ยนปิ๊ค เปลี่ยนสาย เปลี่ยนปิ๊คอัพ ใส่ capacitor หรือเปลี่ยนแอมป์ ชัดเจนและถูกกว่ามากครับ ส่วนเรื่องไม้ ใช้ไม้ที่มีมาตรฐาน ทนทาน สวยงามตามที่ชอบซะหน่อย ก็ใช้ได้แล้ว



   Artvertex  16 ส.ค. 59   เวลา 11:36:00    IP = 1.10.247.181
 


  คำตอบที่ 2  
 
ยกตัวอย่าง Set Neck กับคอปกติ ครับ ถ้าไม้ทันแนบกันหรือต่อกันแน่นหางเสียงยังยาวกว่าได้
ชนิดของไม้เองก็มีมวลที่ต่างกันครับ การสั่นของกีตาร์ทั้งตัวมันก็ส่งไปที่สายได้เช่นกันครับ

ส่วนเฟรตบอร์ดนั้น สายเองก็โดนกดลงไปเต็มๆ ทุกสัมผัสที่สายไปเกี่ยวข้องมันมีผลโดยตรงหมดครับ ขนาดของปิ๊คกีตาร์ต่างชนิดก็ให้เสียงต่างกัน

แต่ทั้หงดมนี้ PU เองมีผลมากสุดที่ทำให้เสียงเปลี่ยนแหละครับ

   songamnart      16 ส.ค. 59   เวลา 11:37:00    IP = 61.91.176.242
 


  คำตอบที่ 3  
 
หลักๆ ก็ตามที่ข้อความด้านบนตอบไปนะครับ ขอเพิ่มเติมดังนี้

เนื่องจากเสียงจากการดีดกีตาร์นั้น มันไม่ได้มีแค่ความถี่ย่านเดียว
มันจะประกอบไปด้วยเสียงความถี่หลัก (Fundamental Tone) ซึ่งเป็นความถี่ของโน๊ตแต่ละตัว และ เสียงความถี่เสริม (Over Tone) ซึ่งจะเป็นความถี่ย่อย ที่แทรกอยู่ในช่วงความถี่หลัก สักเกตได้จากเวลาวัดความถี่จากเสียงกีตาร์ เส้นคลื่นเสียงจะไม่ราบเรียบสวยงามเป็นเสี้นเดี่ยวๆ แต่จะมีลักษณะเป็นหยักๆ ซึ่งส่วนนี้คือ Over Tone จะเป็นผลมาจากส่วนประกอบรวมๆของเครื่องดนตรี ครับ

   Thung  16 ส.ค. 59   เวลา 12:43:00    IP = 124.120.102.131
 


  คำตอบที่ 4  
 
ขอบคุณทุกความรู้คับ...
สรุปว่า...ตัวไม้เองก็มีความถี่ resonance ในตัวมันเอง
ยิ่งไม้ที่เป็น solid ให้การสั่นสะเทือนที่ดี ก็จะสั่นไปพร้อมกับสาย
(เพราะไม้ต่อกับคอ และก็ต่อกับเฟรตบอร์ด) จากนั้นความถี่ resonance ของไม้
ก็ไปรวมกับความถี่ของโน้ตนั้นๆ ที่ได้จากการดีดสาย แล้วไปสั่นสะเทือนที่ขดลวด
ใน pu ออกมาเป็นเสียงใช่มั้ยคับ

   Bluesnon  16 ส.ค. 59   เวลา 14:08:00    IP = 1.47.66.120
 


  คำตอบที่ 5  
 
ไม้มีผลต่อเสียงและคาแร็คเตอร์ของปิคอัปพอสมควรครับ
ผมลองใช้ปิคอัปรุ่นเดียวกัน ใส่กีตาร์ที่ทำจากไม้เอลเดอร์กับBasswood
เสียงแตกต่างกัน ทั้งโทนเสียงและไดนามิค (อันนี้ลองกับทรง strat)
ผมเลยสรุปคร่าวๆว่า กีตาร์แต่ละตัว(ไม้ที่ใช้ทำและทรง)มีผลต่อโทนเสียงในระดับหนึ่ง แต่กีตาร์มีส่วนประกอบเยอะแยะมากมาย ทุกอย่างมีผลหมด

   woharn      16 ส.ค. 59   เวลา 20:41:00    IP = 1.47.98.2
 


  คำตอบที่ 6  
 
อยากรู้ว่าบอดี้มีผลต่อเสียงอย่างไร

ลองเอากีตาร์บอดี้ต่างชนิดกันมาสักสี่ห้าตัว

แล้วดีเปล่าๆโดยไม่ผ่านไฟฟ้าทีละตัว แล้วค่อยๆตั้งใจฟังดูสิครับ

คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าเสียงที่ได้มันต่างกันหรือไม่ อิอิ



   sakai  16 ส.ค. 59   เวลา 22:39:00    IP = 182.52.115.166
 


  คำตอบที่ 7  
 
แก้นิดนึง

ดีดเปล่าๆโดยไม่ผ่านไฟฟ้า


   sakai  16 ส.ค. 59   เวลา 22:41:00    IP = 182.52.115.166
 


  คำตอบที่ 8  
 
ขอบคุณทุกความรู้คับ...
สรุปว่า...ตัวไม้เองก็มีความถี่ resonance ในตัวมันเอง
ยิ่งไม้ที่เป็น solid ให้การสั่นสะเทือนที่ดี ก็จะสั่นไปพร้อมกับสาย
(เพราะไม้ต่อกับคอ และก็ต่อกับเฟรตบอร์ด) จากนั้นความถี่ resonance ของไม้
ก็ไปรวมกับความถี่ของโน้ตนั้นๆ ที่ได้จากการดีดสาย แล้วไปสั่นสะเทือนที่ขดลวด
ใน pu ออกมาเป็นเสียงใช่มั้ยคับ

   Bluesnon  17 ส.ค. 59   เวลา 9:02:00    IP = 1.46.133.165
 


  คำตอบที่ 9  
 
ขอเสริมด้วยคนครับอิอิ จริงๆหลักการของ PickUp มันไม่ได้เหมือนกันกับ Genarator หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่สร้างกระแสไฟฟ้านะครับ จะเป็นหลักการเดียวกับไมค์โครโฟน แบบไดนามิคที่สร้างแรงเหนี่ยวนำด้วยตัวเองจากแม่เหล็กและขดลวดครับเค้าเลยเรียกแรงเหนี่ยวนำนี้เป็นสัญญาณสัญญาณเสียงกับกระแสไฟฟ้าต่างกันครับผม เอาแค่นี้เรื่องการเหนี่ยวนำ ทำไมไม้ถึงมีผลกับเสียงกีตาร์ เพราะอย่างที่หลายๆท่านบอกมาด้านบนครับไม้มีผลเรื่องโทนเสียงเนื่องจากความหนาแน่นของไม้แต่ละชนิดหรือแต่ละต้นก็แตกต่างกันไปก็ทำให้ได้โทนเสียงของเนื้อไม้แตกต่างกันไป ส่วนการเลือกPick up ให้เหมาะสมกับไม้นั้นๆเค้าก็ต้องมีเครื่องวัดคำนวนจากโทนเสียงของเนื้อไม้และผลิต Pick up ให้สมดุลและตอบสนองย่านความถี่จากเนื้อไม้ให้ได้มากที่สุด กีตาร์ที่เนื้อไม้แห้งๆเก่าๆนานๆจึงมีราคาโคตรแพงเพราะทั้งตัวกีตาร์แห้งหมดในเนื้อไม้ ไม้ที่ไม่นานก็ยังมีส่วนที่ตรงนั้นเสียงทึบตรงนี้เสียงสว่างหรือจุดนั้นเป็นเสียงแบบนั้นนี้ซึ่งยากต่อการควบคุมโทนเสียงและคำนวนPick up ให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดได้ครับ สรุปคือเปรียบเทียบง่ายๆครับ สายกีตาร์คือแหล่งกำเนิดสัญญาณเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน ทำให้ขั้ว + - ที่ Pick up เกิดการผันผวนก็คือแรงสั่นสะเทอนจากสายกีตาร์ไปรบกวนสัญญาณที่ Pick Up สร้างอยู่นั่นเองครับเลยทำให้มีการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า+-ในที่นี้เป็นสัญญาณไฟฟ้า ส่วนไม้นั้นก็เปรียบเสมือนพื้นที่ ที่เราควบคุมสัญญาณเสียงกีตาร์แต่ละทรงก็เกิดจากการพัฒนาและคำนวนให้ได้เสียงตามความต้องการเช่นกันครับก็เหมือนเราเอาไมค์โครโฟนร้องเพลงอยู่กลางแจ้ง กับเอาไมค์โครโฟนร้องเพลงอยู่ในห้อง เสียงที่ได้ก็แตกต่างกัน ถ้าเปรียบเทียบแบบนี้คงจะเห็นภาพเหมือนกันครับตัวไม้กีตาร์ก็เปรียบเสมือนพื้นที่ ที่จำกัด อะไรแบบนั้นครับ อูยยยยยาววววววววจบแว้ววคร๊าบบบบบบบ

   suradet      17 ส.ค. 59   เวลา 10:39:00    IP = 182.232.119.206
 


  คำตอบที่ 10  
 
ผมไม่ได้เข้าหน้านี้นานมากและ เห็นกระทู้แบบนี้ แต่การตอบไม่ดุเดือดเท่าที่ควรแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เดี๋ยวนี้ กีต้าร์ไทยลดมนต์ชลังลงไปเยอะ 555 ถ้าเป็น5ปีก่อนต้องมีคำตอบเกิน30 กัด ฟัด เหวี่ยงกันแหลกลาน 55555


   สมาชิกแบบพิเศษ      baracudas      17 ส.ค. 59   เวลา 16:21:00    IP = 110.171.183.75
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
ปัจจัยมันเยอะมาก ถ้าคิดว่านอกจาก PU แล้ว อะไรจะมีผลต่อเสียงอีก
คือถ้าอยากพิสูจน์ว่า ไม้มันมีผลแค่ไหนจริงๆ ต้องตัดตัวแปรอื่นออกทั้งหมดเลย แล้วเปรียบเทียบแค่ตัวไม้บอดี้อย่างเดียว
1. รูปร่างของบอดี้ (ถ้าเรื่อง Resonance ความยาว ความหนาของเขาบน ล่าง ก็ทำให้ความถี่เปลี่ยน) ต้องเหมือนกันทุกประการ ต่างแค่ชนิดไม้
2. ชุด electronic ทุกอย่าง ต้องแบบเดียวกัน
3. ระยะห่างของ PU กับสาย
4. ขนาดสาย ยี่ห้อ ต้องเหมือนกัน เปลี่ยนใหม่ๆสดๆ
ถ้าดีดเปล่าๆ เสียงต่างกันแน่นอนครับ เพราะชนิดไม้ต่างกัน ความหนาแน่นต่างกัน การสั่นสะเทือนไม่เท่ากันแน่ๆ

ซึ่งแน่นอน สายมันก็สัมผัสกับ bridge ซึ่งสัมผัสกับ Body อีกที ยังไง การสั่นของบอดี้ ก็ต้องมีผลกับการสั่นของสายบ้างแหละ

แต่ถ้าผ่าน PU ความแตกต่างนั้น คงจะไม่มีนัยยะอะไรมาก เพราะ PU รับการสั่นจากสาย ไม่ได้รับการสั่นจากบอดี้โดยตรง

   Tamned  18 ส.ค. 59   เวลา 8:57:00    IP = 202.44.4.251
 


  คำตอบที่ 12  
 
บางตัว ไม้ อะไหล่ ก็มีผลมากกว่าจริง ๆ ครับ

เพื่อนผมมีเฟอนันเดสตัวละ 4000 ดีดทีเด้งดึ๋ง ๆ

ส่วนผม sq cv50 เสียงออกขุ่น ๆ

ผมเลยจัดการ เปลี่ยนเอา pu ของเฟอนันเดสที่ถอดมาจากเพื่อน มาใส่ cv50 ของผม โดยหวังว่ามันจะเด้งดึ๋งเหมือนเฟอนันเดส

ผลปรากฎ เสียงเหมือนเดิมเปี้ยบ แอบเสียใจ 5555

   nookjkg  18 ส.ค. 59   เวลา 9:22:00    IP = 61.90.17.248
 


  คำตอบที่ 13  
 
ขอบคุณทุกความรู้คับ...
สรุปว่า...ตัวไม้เองก็มีความถี่ resonance ในตัวมันเอง
ยิ่งไม้ที่เป็น solid ให้การสั่นสะเทือนที่ดี ก็จะสั่นไปพร้อมกับสาย
(เพราะไม้ต่อกับคอ และก็ต่อกับเฟรตบอร์ด) จากนั้นความถี่ resonance ของไม้
ก็ไปรวมกับความถี่ของโน้ตนั้นๆ ที่ได้จากการดีดสาย แล้วไปสั่นสะเทือนที่ขดลวด
ใน pu ออกมาเป็นเสียงใช่มั้ยคับ

   Bluesnon  18 ส.ค. 59   เวลา 15:16:00    IP = 1.47.75.121
 


  คำตอบที่ 14  
 
baracudas ก็ดีนะครับผมว่า55555 ดูมันมีวุฒิภาวะมากขึ้น

   bbling      19 ส.ค. 59   เวลา 21:39:00    IP = 27.130.82.168
 


  คำตอบที่ 15  
 
ไม้แต่ละชนิดมีโทนเสียงของมันเอง
ปิคอัพถูกทำมาเสริมให้ดีขึ้นหรือชดเชยสิ่งขาดไป
ที่เหลือคือการอีคิวหน้าตู้และเอฟเฟคสำหรับกีต้าร์ไฟฟ้านะ
ที่สำคัญมากคือไม้ทำคอกับบอดี้ต้องแมทกัน
โอกาสที่เสียงจะออกมาพุ่งไม่จมจะมีมาก

   bbling      19 ส.ค. 59   เวลา 21:41:00    IP = 27.130.82.168
 


  คำตอบที่ 16  
 
ที่ผมอ่านแล้วเข้าใจนะครับ

"เสียงเกิดจากการสั่นของสาย"

การสั่นของสายและไม้(บอดี้)มันสัมพันธ์กัน เมื่อดีดสาย
แรงสั่นสะเทือนก็ผ่านบริดจ์ไปที่บอดี้
(บางส่วนก็ไปที่แขน ที่พุง ที่แนบบอดี้ไว้)
เมื่อบอดี้สั่นมันก็จะส่งแรงผ่านบริดจ์กลับมาที่สาย

แน่นอนว่ามวลของไม้ที่ต่างกัน มีผลต่อการสั่นที่ต่างกัน
นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ไม้มีผลต่อเสียงครับ

   tumbbb  24 ส.ค. 59   เวลา 9:57:00    IP = 180.183.109.170
 


  คำตอบที่ 17  
 
ความเห็นผมนะครับ ไม้แต่ละชนิดมีค่าความหนาแน่นจำเพาะต่างกัน การสั่นสะเทือนก็ต่างกัน ย่อมมีผลต่อการสั่นสะเทือนของเส้นลวดที่ยึดกับตัวมัน ทั้งนี้เสียงกีต้าร์ก็คือค่าความถี่เสียงของเส้นลวดที่แกว่งผ่านสนามแม่เหล็กขดลวดออกมา คาแรคเตอร์ที่ออกมาก็ขึ้นอยู่กับหัวเสียง หางเสียง ที่เกิดจากการแกว่งผ่านชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งต้นทางก็มาจากลักษณะมวลของเนื้อไม้ ไม้ชนิดเดียวกันเสียงก็อาจไม่เหมือนกัน ขึ้นกับมวลภายใน ไม้ที่มีลักษณะมวลสมำ่เสมอก็ให้เสียงที่นิ่งและกังวาลมากกว่า แต่เสียงก็ขึ้นอยู่กับความชอบครับ มันก็คือค่าความถี่เสียง

   AllUneedISLove  24 ส.ค. 59   เวลา 10:49:00    IP = 1.47.64.230
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket