(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  *** มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง " Nirvana" ว่างไม่มีไรทำครับ  
 
ช่วงนี้ ว่างมากคับ งานการทำแล้วก็แค่นั้น รายได้เบี้ยน้อย เป็นเบี้ยหอย ชีวตหนอ ชีวิต นับวันยิ่งไม่อยากอยู่บนโลกครับ เกิดเป็นหมาท่าจะดีครับ ไม่ต้องดิ้นรนไรมาก ตื่นมาก็ก็มีคนเอาข้าวกิน คนลำบากมากนะครับ (ผมมันคนติสแตก)

เฮ้ย!! มาตัดพ้อซะงั้น

วันนี้ก็จะมานำข่าวสารจากหลายแหล่ง หลายเว็บ รวมทั้งข่าวใหม่ ข่าวเก่าปนกันไป บางเรื่องอาจมีคนมาลงแล้ว หรืออาจไม่มี

อย่าหาว่าเรื่องจบคนไม่จบเลยนะครับ แค่อยากมาให้อ่านแก้เหงา เพลินๆ ครับ
ส่วนใหญ่ 25+ กันรึเปล้าคับแฟน nirvana








teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:04:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 1  
 
Nirvana กับวง Kiss ยืนยันได้รับเลือกเข้าสู่ Rock and Roll Hall of Fame 2014



มีประเด็นให้ดราม่าในวงการเพลงร็อกเสียอย่างนั้น เมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ Gene Simmons มือเบสรุ่นเก๋าของวง Kiss ได้เคยออกมาบอกว่า ศิลปินอย่าง Kurt Cobain และ Amy Winehouse ที่มีผลงานออกมาแค่ไม่กี่ชุด ไม่สมควรถูกยกให้เป็นไอค่อนของวงการเพลง

"ศิลปินรุ่นเก๋าอย่าง Elvis Presley, The Beatles, Rolling Stones, Jimi Hendrix, The Who และอีกมากมาย มาถึงยุค 70s มี Aerosmith, Kiss, Led Zeppelin ล้วนเป็นศิลปินที่มีผลงานยิ่งใหญ่มากกว่าดนตรีของพวกเขาเอง ไม่ใช่แค่ใครซักคนที่มีอัลบั้มออกมา 1 หรือ 2 ชุด อย่าง Kurt Cobain หรือ Amy Winehouse มันไม่เพียงพอ ไม่ใช่ว่าแค่พวกเขาจากโลกนี้ไปแล้วจะนับให้เป็นไอค่อน มันไม่ใช่" Gene Simmons ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างเผ็ดร้อน

แต่แล้วในตอนนี้ทั้ง Nirvana กับวง Kiss กลับได้รับการประกาศให้ได้เข้าสู่ Rock and Roll Hall of Fame พร้อมกันในปี 2014 ที่จะมาถึงซะอย่างนั้น โดยหลังจากที่มีการคัดเลือกรายชื่อศิลปินที่มีสิทธิ์จะได้เข้าสู่หอเกียรติยศของวงการเพลงร็อกไปก่อนหน้านี้ และได้ประกาศชื่อศิลปินที่ได้รับการโหวตสูงสุดและที่ได้รับการโหวตเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ผลก็คือวง Kiss มาเป็นที่หนึ่ง ตามติดด้วยอันดับ 2 คือวง Nirvana ที่เพิ่งได้เสนอชื่อเป็นครั้งแรกก็ผ่านเลยด้วยคะแนนห่างกันเล็กน้อยเท่านั้น

นอกจาก Kiss กับ Nirvana แล้ว ศิลปินรุ่นเก๋าที่จะได้รับการเชิญเข้าสู่ Rock & Roll Hall Of Fame ในปีนี้ที่ชื่อเป็นที่รู้จักกันดีก็มี Hall & Oates, Peter Gabriel, Linda Ronstadt และ Cat Stevens

ก็ไม่รู้ว่าพอเห็นผลการประกาศนี้แล้ว Gene Simmons แกจะว่าอย่างไรเหมือนกัน

   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:09:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 2  
 
Dave Grohl เปิดปากชม Lorde อนาคตที่สดใสรอเธออยู่
ก่อนหน้านี้ Lorde ได้รับคำเชิญจาก Dave Grohl ให้รับหน้าที่เป็นนักร้องนำของ Nirvana ชั่วคราวในงาน 'Rock And Roll Hall Of Fame' ที่จัดขึ้นในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดฟรอนท์แมนแห่ง Foo Fighters ให้สัมภาษณ์ชื่นชมศิลปินสาวเจ้าของซิงเกิ้ล 'Royals' อย่างออกหน้าออกตาผ่าน Rolling Stone
"ในขณะที่ผมขับรถ ลูกสาวสองคนไวโอเล็ต และฮาร์เปอร์ เริ่มต้นร้องเพลง (Lorde) คลอไปกับวิทยุ ผมรู้สึกโล่งใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะลูกของผมร้องเพลงฮิตในวิทยุ ซึ่งเป็นเพลงที่มีใจความและมีความลึกซึ้ง ผมคิดว่าเพลงนี้ส่งผลดีต่อลูกๆของผม"
"ตอนที่ผมได้ยินเพลง 'Royals' ครั้งแรก ผมคิดว่าเพลงนี้มีความแตกต่างกับดนตรีป๊อปทั่วไป ผมแม่งโคตรโล่งอก เพราะว่านี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น ตอนที่พบได้พบเธอ (Lorde) ผมพูดว่า รู้ไหมตอนที่ได้ยินเพลงของคุณครั้งแรกในวิทยุ แล้วลูกๆของผมต่างร้องเพลงของคุณ ผมรู้สึกมีความหวังที่ลูกผมจะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีมากกว่าความธรรมดา ทั่วไป"
"เธอมีอนาคตที่สดใสรอเธออยู่ทั้งในฐานะนักแต่งเพลง, ศิลปิน และนักร้อง"
เครดิต: http://bit.ly/1kd0z3i


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:13:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 3  
 
Krist Novoselic ของ Nirvana พูดถึงการนำ 'In Utero' ออกขายใหม่
คริสท์ โนโวเซลิค อดีตมือเบส Nirvana เผยให้กับสถานีวิทยุเอ็กซ์เอฟเอ็มฟังว่า การนำ 'In Utero' กลับมาขายใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี ของงานดังชุดนี้ ถือเป็นการสดุดีและทำเพื่อระลึกถึงการจากไปของอดีตนักร้องนำผู้ล่วงลับ เคิร์ท โคเบน โดยแท้ "เรียกว่าเป็นงานที่ออกจะหวานอมขมกลืนอยู่หน่อยๆ คือหนักกว่าสองชุดก่อนหน้า แต่ผมชอบมันนะ ถือเป็นอัลบั้มที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และมุมมองด้านศิลปะของเคิร์ท โคเบนได้ชัดเจนมาก ฟังแล้วสามารถรับรู้และจับต้องได้ถึงพลังบางอย่าง เคิร์ททำให้เราเห็นว่าเขาเป็นทั้งนักศิลปะ, จิตรกร, ประติมากร นักวาดการ์ตูน นักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม มือกีต้าร์ชั้นครู สิ่งเหล่านี้รวมกันอยู่ในงานชุดนี้ ผมถึงว่ามันชี้ให้เห็นถึงตัวตนของเขาอย่างแท้จริง ส่วนเพลงที่เพิ่มเข้ามา มันก็คือการนำสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครได้ยินมาปัดฝุ่นใหม่ บางเพลงฟังแล้วตัวเองยังแอบตกใจ เหมือนเคยเอามาลองๆ เล่นกันแต่ก็เก็บเข้ากรุไปซะงั้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่ทำไว้ช่วงปี 87 หรือ 88 มีคนถามเหมือนกันว่าจะเรียกเพลงพวกนี้ว่าอะไรดี ผมก็เลยสวน เอางี้ เรียกว่า เพลงที่ถูกลืมไปละกัน" อัลบั้ม 'In Utero' ฉบับเดอลุกซ์ เอดิชั่นที่มีเพลงหายากร่วม 70 แทร็ค เตรียมวางขายในวันที่ 23 กันยายนนี้


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:17:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 4  
 
Dave Grohl ฟรอนท์แมนวง FOO FIGHTERS และอดีตมือกลองของ NIRVANA เผยว่า ระหว่างอยู่ใน NIRVANA เขาเคยรู้สึกเหมือนคนนอก เนื่องจากสายสัมพันธ์ที่ยาวนานของ Kurt Cobain กับ Krist Novoselic
Grohl เปิดเผยความนัย…
“ผม ยังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่มีบางช่วงที่ Kurt ไม่พอใจกับการเล่นกลองของผม ผมเคยแอบได้ยินเขาติว่าผมห่วยแตกแค่ไหน แค่เขาไม่เคยบอกกับผมซึ่งๆหน้าหรอก ผมเคยถามเขาเรื่องนี้ตรงๆว่า ‘มีปัญหารึเปล่า? ถ้านายอยากให้ฉันออก ก็บอกมาได้นะ’ – เขาก็จะตอบว่า ‘ไม่ ไม่ ไม่’ เรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้นบ่อยในช่วงออกอัลบั้ม ‘In Utero’ ตอนนั้นผมว่า Kurt คงจะไม่ค่อยพอใจกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวงนัก”

เขาเล่าถึงความสัมพันธ์ภายในวงว่า…
“ตอน เข้ามาอยู่ NIRVANA ผมเป็นมือกลองลำดับที่ 5 หรือ 6 ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะเคยพึงพอใจกับมือกลองคนไหนแบบสุดๆมั่งมั้ย และพวกเขาเหมือนคนแปลกหน้า เราไม่ค่อยมีความสัมพันธ์อื่นใดที่ลึกซึ้งนอกเหนือไปจากเพลงหรอก Krist กับ Kurt มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นยาวนาน พวกเค้าเป็นเพื่อนตาย พวกเขาฝ่าฟันชีวิตมาด้วยกัน จากอะเบอร์ดีน จนถึงความสำเร็จของ ‘Nevermind’ พวกเค้าแชร์ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกัน และเป็นเพื่อนที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่มองตากันก็รู้ใจแล้ว”

“แต่ผมไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นกับพวกเค้า หรอก เพราะผมมาจากต่างที่ และในช่วง 8 เดือน ถึง 1 ปี ที่ผมอยู่ใน NIRVANA วงของเราก็ดังเปรี้ยงอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด มันจึงยากที่เราจะต่อกันติด“

“Kurt เป็นคนที่มีหลายบุคลิกในตัวเอง เขาเป็นคนตลก ขี้อาย กล้าแสดงออก และเป็นคนมีบารมี เขาอาจจะเป็นคนอ่อนโยนหรือทำตัวโคตรแสบ เขาอาจวางมาดข่มขู่ ผมคิดว่าผมเป็นมือกลองที่ดีพอตัว แต่ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะดีพอสำหรับงานใหญ่อย่างนี้ไหม ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นมือกลองระดับโลก”


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:21:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 5  
 
เดฟ โกรห์ลเริ่มเขียนและแต่งเพลงเอง ตั้งแต่ที่เค้ายังเป็นมือกลองให้กับวง Nirvana ในช่วงที่เคิร์ท โคเบนยังมีชีวิตอยู่ เดฟมักจะถูกกดดันจากเคิร์ทเป็นประจำ ทำให้เดฟอึดอัดและต้องคอยแอบแต่งเพลงเองโดยไม่ให้คนอื่นรู้ เค้าบอกว่า เค้าตัดสินใจถูกที่ไม่ยอมบอกเรื่องเพลงที่เค้าแต่งเองให้ใครในวง Nirvana ทราบ เดฟมักจะชอบแอบไปซ้อมเพลงของ เค้าเองในสตูดิโอและบันทึกเสียงลงเทปคาสเซ็ตต์เพื่อออกจำหน่าย โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า Pocketwatch และใช้นามแฝงของศิลปินว่า Late! ซึ่งออกวางแผงในปี 1992 หลังจากที่เคิร์ท เสียชีวิตในวันที่ 5 เมษายน 1994 วง Nirvana ก็ถูกยุบ ตัวเดฟเองก็ถูกวงดนตรีอื่นๆเข้ามาทาบทามให้ไปเป็นนักดนตรีให้กับวงอื่นๆ ซึ่งเค้าเองก็เกือบที่จะตกลงเป็นมือกลองถาวรให้กับวง Tom Petty And The Heartbreakers แต่สุดท้ายแล้ว เดฟตัดสินใจที่จะเดินหน้าบันทึกเสียงเพลงที่เค้าแต่งเอง เค้าได้ทำการบันทึกเสียงเพลงของเขาเองจำนวน 15 เพลงจากทั้งหมด 40 เพลงที่มีอยู่ในคลังเพลงของเขา ซึ่งการบันทึกเสียงทั้งหมดนั้น เค้าเล่นเองทุกชิ้น รวมทั้งยังร้องเองทุกเพลงด้วย โดยมี Greg Dulli มือกีต้าร์ของวง The Afghan Whigs มาช่วยเล่นกีต้าร์ในเพลง X-Static เดฟใช้เวลาบันทึกเสียง 5 วัน หลังจากนั้นเค้าจึงได้ส่งไปให้เพื่อนๆของเค้าฟัง เดฟไม่ได้หวังอะไรจากการทำเพลงของเขา เขาเผยว่า “ผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเพลงที่ ผมแต่งเองหรอก ผมหวังเพียงแค่ว่า ผมอยากเป็นมือกลองไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของผม ผมไม่อยากให้ใครมาคาดหวังในตัวผมว่าต้องประสบความสำเร็จ ผมรู้สึกมีความสุขดีกับการแต่งเพลงเอง เขียนเพลงเอง บันทึกเสียงเองของผม และไม่มีใครจะมาขัดขวางความสุขของผมเหล่านี้ได้” เดฟชอบที่จะแต่งเพลงเองและใช้ชื่อนามแฝงมากกว่าจะใช้ชื่อจริงๆของเขา แต่สุดท้ายแล้ว ผลงานของเขาก็ไปเข้าหูค่ายเพลงหลายค่ายและเป็นที่ถูกใจของบรรดาค่ายเพลงต่างๆ พอสมควร เดฟจึงได้ก่อตั้งวง Foo Fighters ขึ้นมา ซึ่งในช่วงแรก เดฟได้ชักชวน Krist Novoselic เพื่อนร่วมวง Nirvana ที่เป็นมือเบส ให้เข้ามาช่วยงานนี้ แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างคิดว่า “มันเจ๋งมากถ้าพวกเราได้ร่วมงานกันอีก แต่มันคงจะแปลกประหลาดสำหรับคนอื่นๆและมันยังทำให้เดฟเองคงรู้สึกไม่ดีเท่า ไหร่” จากนั้นเดฟได้ทำการคัดเลือกมือกีต้าร์ มือเบส และมือกลองด้วยตัวเขาเอง จากนั้นจึงเริ่มเข้าสตูดิโอเพื่อทำการบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มของพวกเขา

   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:24:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 6  
 

"เดฟ โกรลห์" นักร้องนำวง Foo Fighters และอดีตมือกลองของวง Nirvana ออกมาเปิดใจว่าเคยคิดเลิกเล่นดนตรีมาแล้ว หลังจากที่วงเก่าของเขาต้องยุบตัวอย่างกะทันหัน จากการเสียชีวิตของ "เคิร์ท โคเบน" เพื่อนร่วมวงนั่นเอง

เดฟ โกรลห์ ได้ไปเปิดใจในการสัมภาษณ์ต่อทาง Virgin Radio ถึงความรู้สึกสับสนหลังจากเหตุการณ์ที่ต้องทำให้วง Nirvana ของเขาต้องสลายไปเมื่อปี 1994 จนเกือบทำให้เขาหันหลังให้กับดนตรีไปแล้ว

"ตอนที่ Nirvana แตกวงผมแทบจะมืดแปดด้านเลย ชีวิตและโลกของเราเหมือนกับพลิกผัน มันยากที่จะจินตานาการถึงการกลับไปเล่นดนตรีอีกครั้งหลังจากผ่านเหตุการณ์ เหล่านั้น มันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผมมากๆ ก่อนหน้านั้นผมมักจะเขียนและบันทึกเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาเองเสมอๆ แต่ไม่เคยเล่นมันให้ใครฟังเลย"

ในการรำลึกถึงความหลังที่ไม่บ่อยนักครั้งนี้ เดฟ โกรลห์ ยังได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตนักดนตรีที่ทำให้เขากลับเข้ามาสู่เส้นทาง ของเสียงเพลงอีกครั้ง

"หลังจากที่ Nirvana ยุติบทบาทลงแล้ว ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางไปเรื่อยๆ และใช้ความคิด จนได้ไอเดียว่า 'ฉันรู้ว่าว่าฉันจะทำอะไร ฉันจะจองห้องอัดที่อยู่ใกล้บ้านของฉันเป็นเวลา 6 วันเต็ม แล้วจะลองอัดเพลงที่ฉันชอบที่สุดที่ฉันเคยแต่งซัก 12-13 เพลง' "

"ผมไม่เคยคิดเลยว่าทุกวันนี้ผมก็ยังทำสิ่งเหล่านั้นอยู่ ไม่เลยจริง


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:31:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 7  
 
ใครควรค่าแก่การเป็นเจ้าของมรดกNIRVANA

เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างคริสค์ โนโวเซลิค กับเดฟ โกรห์ล สองสมาชิกที่เหลือของNirvana กับ คอร์ทนี่ เลิฟ เมียสุดเลิฟของเคิร์ท โคเบน ผ่านทางหน้าสิ่งพิมพ์และทางอินเตอร์เน็ต และ ถูกจับตามองพร้อมกับการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆ ทั้งจากแฟนๆและสื่อมวลชน

ณ.ตอนเหนือของซีแอตเทิ่ล อาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราปี94 Nirvanaอยู่ในสตูดิโอเป็นครั้งสุดท้าย สมาชิกทั้ง3มีตารางบันทึกเสียงอัลบัม แต่ก็มีแค่2คนเท่านั้น เพราะเคิร์ทนั้น ไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีกต่อไป ทั้ง3คนบันทึกเสียงบทเพลงหนึ่งที่มีชื่อว่า You Know You're Right เอาไว้ โคเบนเคยบอกว่าบันทึกเสียงเป็นเวอร์ชั่นแสดงสดเมื่อตค.ก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งแล้ว

หลังจากนั้นคริส ก็เดินทางกลับบ้านพร้อมกับมาสเตอร์เทปหลายม้วน และ เก็บเทปเหล่านี้ไว้ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน 2-3เดือนต่อมา หลังจากเคิร์ทฆ่าตัวตาย กองมาสเตอร์เทปเหล่านั้นยังคงอยู่ใต้ดินดังเดิม ซึ่งคริสไม่ได้นึกถึงมันเลย "ผมเก็บมันไว้อย่างปลอดภัยและเป็นความลับ" คริส เล่า และในที่สุด2ปีที่ผ่านมานี้เองที่มีความพยายามทั้งคริสต์และเดฟ สมาชิกที่เหลืออยู่ของNirvana ทั้ง2ต้องการนำงานที่เหลือของNirvanaออกมาวางจำหน่าย และ เมื่อแฟนเพลงรู้ข่าวก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะคอยฟัง ปรากฏว่าเกิดสงครามระหว่างสองสมาชิกของNirvanaและ คอร์ทนี่ย์ เลิฟ ทั้ง2อ้างถึงสิทธิอันชอบธรรมที่เป็นเจ้าของผลงานที่เหลือของNirvana


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:37:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 8  
 
ทั้ง2ฝ่ายทำสงครามน้ำลาย ระหว่างกัน โดยผ่านสื่อมวลชน และทางเว๊บไซค์ และดูเหมือนว่าในที่สุดแล้ว เหตุผลของ2สมาชิกที่เหลืออยู่มีน้ำหนักมากกว่า ทำให้แฟนเพลงทั่วโลกมีโอกาสได้สัมผัสYou Know You're Rightเป็นครั้งแรก แม้ความหวังเกี่ยวกับบ็อกเซ็ตที่ทางคริสต์และเดฟตั้งใจไว้ยังไม่ประสบผลสำเร็จในเวลานี้ก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้คอร์ทนี่ย์ยอมตกลงปลงใจให้มีการวงจำหน่ายYou Know You're Rightนั้น มีการคาดเดากันว่าอาจเป็นเพราะแบ็คอัพของคริสต์และเดฟนั้นแข็งแกร่งกว่า แถมตัวของคอร์ทนี่ย์ยังมีปัญหากับUniversal Music ซึ่งเป็นต้นสังกัดของNIRVANAและมัรายงานข่าวมาบางส่วนว่า คอร์ทนี่ย์ กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก เธแก็ไม่ค่อยสนใจกับวงดนตรีของตัวเองนัก เรื่องราวฟ้องร้องระหว่างคอร์ทนี่ย์กับต้นสังกัดของเธอฟังดูไม่เข้าท่านัก แม้คอร์ทนี่ย์พยายามเบี่ยงประเด็น ให้เป็นความไม่ยุติธรรมระหว่างบริษัทแผ่นเสียงกับศิลปิน

อย่างไรก็ตาม คอร์ทนี่ย์ ยืนกรานแข็งขันว่า สามีของเธอคือ Nirvana เนื่องจากเขาเป็นคนควบคุมทิศทางของวง เป็นคนแต่งเพลง ส่วนสมาชิกอีกทั้ง2คนนั้นเป็แค่ตัวประกอบ ที่เคิร์ทใช้NIRVANAเป็นชื่อวงนั้นเพราะเหมาะสมกับสถานการณ์ในเวลานั้น คอร์ทนี่ย์ยังบอกว่าสิ่งที่สร้างปัญหาให้กับเธอหลังสามีเสียชีวิตก็คือ คำแนะนำแย่ๆ และไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเธอเลยจากทนายความและถูกชักนำให้หลงผิดโดยเดฟและ คริสต์ ดังนั้นเธอเลยจากทนายความและชักนำให้หลงผิดโดยคริสต์และเดฟ ดังนั้นเธอจึงเซ็นสัญญาเห็นด้วยในทุกกรณี แต่ตอนนี้คอร์ทนี่ย์บอกว่าเธอเสียใจและยังบอกว่าผลประโยชน์ใดๆของNirvana ถูกกระทำขึ้นโดยวิธีไม่โปร่งใสทั้งสิ้น


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:46:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 9  
 
สำหรับNirvana นั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ หรือ สิ่งใดที่ใกล้เคียงกันนี้ จริงๆมันสำคัญที่ดนตรี และหลังจากเคิร์ทตายไปมันก็ทำให้คุณต้องจากไปด้วย เดฟแสดงความเห็นกับความเจ้ากี้เจ้าการของคอร์ทนี่ย์ว่า เธฮเข้ามาจุ้นและว่นวายกับวัตถุดิบของNirvanaเธอต้องการจัดการกับเรา2คน และถ้าถ้าทุกคนเชื่อผู้หญิงคนนี้ นี่ผมไม่ได้โน้มน้าวหรือโฆษณาชวนเชื่อให้พวกคุณหรือใครก็ตามคิดเช่นเดียวกับ ผมและคริสต์ คอร์ทนี่ย์อบากแข่งขันเสมอ และพูดอะไรเกินจริงตลอด ตั้งแต่เธอมายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เธอพยายามทำให้เรื่องนี้กลายเป็ละคร เธอทำยังกับว่ามันเป็นทางออกเรื่องเงิน นอกจากนี้โกลห์ลยังเข้าใจว่าคอร์ทนี่ย์พยายามป้ายสีตนและคริสต์ต่างๆนาๆแถม ยังพยายามทำให้คนทั่วไปคิดว่าเราเป็นตัวประกอบที่ถูกจ้างมาเล่นดนตรีให้เท่า นั้น เดฟตัดพ้อว่า "นี่เป็นบางสิ่งที่ได้ยินมาเท่านั้น ผม คริสต์และเคิร์ท อยู่ด้วยกันในทาโคมา วอชิงตัน พวกเราแต่งเพลงกันในNevermindและIn Utero

คอร์ทนี่ย์มักคิดเอง เออเอง โนโวเซลิค แสดงความเห็น" เธอไม่ได้อยู่ในสถานะการณ์เดียวกับพวกเรา ความคิดของเธอจึงแตกต่างจากพวกเรามาก" โกลห์ลเสริม "คอร์ทนี่ย์ไม่มีเหตุผล ทุอย่างกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ผมกับคริสต์เบื่อที่ต้องสู้รบปรบมือกับเธอ นี่เป็นเหตุผลทำไมเราถึงอยากเตะโ่งหล่อนนัก เราต้องไปคุยกับนักข่าวเพื่อแก้สิ่งต่างๆที่หล่อนกล่าวหา เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักเธอแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเบื่อที่สุดคือ ชื่อเสียงของNirvana นั้นเหลือแค่ดนตรีเท่านั้น Nirvanaไม่ใช่ผู้ชาย3คนไม่ใช่2 ประการแรกคือดนตรี ประการที่2คือการสูญเสียเคิร์ท และตอนนี้มันย่ำแย่ไปหมด ผมเหมือนถูกวางยามันมีสิ่งที่สวยงามและยาพิษเคลือบอยู่ในวงดนตรีวงนี้


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:56:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 10  
 
สงครามระหว่างโนโวเซลิคเดฟ กับ คอร์ทนี่ย์ปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อทั้ง2สมาชิกที่เหลือ ตอบโต้ท่าทีเคลื่อนไหวของเธอ ข้อโต้แย้งของทั้ง2นั้นเกี่ยวกับเรื่องที่คอร์ทนี่ย์ต้องการย้ายจากThe LLC และมีความต้องการจะควบคุมทุกสิ่งของNirvana เธอเชื่อว่าเธอทำทุกอย่างได้ แต่ทางด้านคอร์ทนี่ย์ที่มีครอบครัวโคเบนหนุนหลังอยู่นั้น โดยเฉพาะเวนดี้เธอออกมาตอบโต้โนโวเซลิคและเดฟ และปกป้องลูกสะใภ้อย่างออกหน้าออกตาว่า เวนดี้ว่าคริสต์และเดฟ เป็นพวกโกหก และขี้โกง และยังมีเรื่องที่คอร์นี่ย์พยายามใช้เพลงSmell like teen Spiritในหนังเรื่องมูแลง รูจ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากอดีตเพื่อนร่วมวงของสามี
โกลห์เคยให้ สัมภาษณ์ว่า "จะให้เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อในที่แต่งเพลงเธอไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่ได้ร่วมบันทึกเสียง ไม่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขบนเวทีในทุกๆคืนไม่ว่าที่ไหน แม้กระทั่งในอเบดีนในปี1987 ไม่เคยอัดอยู่ในรถแวนในช่วงที่พวกเราออกทัวร์ เธอไม่เคยอยู่กับสภสวะที่พวกเราต่อสู้เพื่อเป็นวงแนวหน้า เธอมาชุบมือเปิบชัดๆ และถ้าผมกับโนวเซลิคไม่ได้ต้องต่อสู้และมีคดีความกับเธอ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องที่งานชิ้นนี้จะได้วางจำหน่ายหรือไม่ ผมแค่คิดว่ามันคงเป็นผลดีหากคนอื่นจะได้ยินผลงานที่เหลืออยู่ของพวกเรา ผมอยากให้แฟนเพลงได้ยินมันจริงๆนะครับ งานที่เหลืออยู่ในบ็อกเซ็ต นั้นก็เยี่ยม ผมคิดว่าตัวเองโชคดีเพราะผมพอมีเงินเหลืออยู่บ้างเลยไม่ต้องทำให้ความฝันของ ผมลดความสำคัญลงไป และผมไม่ได้กังวลถึงยอดขายซีlดีอีกแล้ว"


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 22:58:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 11  
 
โนโวเซลิคทิ้งท้าย"ผมเป็นคนให้อภัยคน เหตุที่ทำใหทุกอย่างหยุดชะงักนั้นเป็นเรื่องของกฏหมายและเรื่องปัญหาส่วนตัว เป็นความยุ่งยาก ความจริงคิร์ทนี่ย์ น่าจะหยุดยั้งทนายของเธอพวกเราก็จะหยุดเช่นกัน ากนั้นก็จะจัดการให้เพลงออกมา ผมไม่ต้องการเผชิญหน้าหรือต่อสู้กับคอร์ทนี่ย์ และไม่อยากให้เธอเคืองแค้น แล้วจะมีผลดีกับผมอย่างไรน่ะเหรอ? แต่ผมก็ไม่ได้ยกทุกอย่างให้กับคอร์ทนี่ย์และจิม บาร์เบอร์ อย่างแน่นอน ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ โนโวเซลิคและโกลห์มีความคิดเห็นตรงกันข้ามเกี่ยวกับมุมมองในสถานะการณ์นี้ โนโวเซลิค แย้งว่า ระหว่างเคิร์ตกับคอร์นี่ย์?ไม่มี ไม่มีเลย และผมไม่ทำอย่างนั้นกับเคิร์ทแน่ ไม่มีทางแน่ครับ คุณคงจำได้ว่าเคิร์ทฆ่าตัวตาย ผมหมายความว่าเขาตายเพียงลำพัง และโดดเดี่ยว

ในอนาคตยังไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้รับลิขสิทธิ์ทั้งหมดของNirvana และในท้ายที่สุดทุกคนจะได้ยินผลงานทุกชิ้นของNirvana แม้ว่าบนพื้นฐานความขัดแย้งของทั้ง2จะเป็นเรื่องเงินๆทองๆ หากความรักและศรัทธา ที่มีต่อเคิร์ท โคเบนนั้น เหนืออื่นสิ่งใด

   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:07:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 12  
 
Chad Channing อดีตมือกลองของ Nirvana จากอัลบั้ม Bleach อัลบั้มแรกของวงเผยว่าอยากกลับมารวมตัวกับสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่ของวง กรั๊นจ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

Chad เป็นมือกลองให้กับ Nirvana ช่วงระหว่างปี 1988 ถึง 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางวงออกอัลบั้ม Bleach และมีเครดิตในเพลง Polly จากอัลบั้มNevermind อัลบั้มสร้างชื่อของทางวงก่อนที่จะถูกแทนที่โดย Dave Grohl ในเวลาต่อมา ซึ่งเขาได้เปิดเผยกับ NME ว่าเขาอยากรวมตัวกับสมาชิกที่เหลือของ Nirvana ในอนาคต

"แน่นอนเลย ถ้าพวกเขาต้องการผม มันคงจะเป็นประมาณว่า Dave เล่นกีต้าร์และร้องนำ Krist เล่นเบส นั่นคงเป็นรูปแบบที่เราทำได้"


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:10:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 13  
 
หากให้ผมระบุให้ผู้ชายบนโลกให้เป็นผู้ชายแห่งทศวรรษที่ผ่านมา Dave Grohl คงอยู่ในกลุ่มท็อปเดียวกับ George W. Bush หรือ Bill Gates และ Steve Jobs

เขาเป็นคนเดียวกับพ่อหนุ่มร่างบางที่ตีกลองให้กับวง Nirvana ในต้นยุค 90 นั่นแหละครับ ซึ่งหลังจากพ้นร่มเงาอันเต็มไปด้วยความอื้อฉาวของ Kurt Cobain ที่เป่าหัวตัวเองลาโลก Dave Grohl ก็ก้าวมาจากชุดกลองที่มักถูกนักร้อง และมือกีตาร์ มือเบส บังบนเวที ออกมาเป็นผู้ชายแถวหน้า (Front Man) ของวงร็อกที่กำลังจะกลายเป็นตำนานคลาสสิกอย่าง Foo Fighters

ผมตามวงนี้มาตลอดตั้งแต่หัวเราะงอหายกับมิวสิกวิดิโอเพลง Big Me จากอัลบั้มแรก ที่ล้อเลียนโฆษณาลูกอม Mentos บน MTV ซึ่งหากอ่านประวัติย้อนกลับไปการกำเนิดของ Foo Fighters ถือเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อในขีดจำกัดของตัวเอง และกล้าทำอะไรบางอย่างแม้ไม่เคยทำ หรือไม่คิดว่าจะทำได้ด้วยซ้ำ

Dave ยอมรับว่าเคยเกือบกลายเป็นแค่ มือกลอง อีกคนหนึ่งที่เล่นให้กับวงอื่นๆหลังจากการยุติวง Nirvana ซึ่งถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง คนคงลืมเขาไปแล้ว หรือ โผล่มาอีกทีก็หัวล้าน พุงพลุ้ยคนจำไม่ได้ แล้วก็แค่อุทานว่า " เฮ้ นี่มัน Dave จาก Nirvana เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วนี่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ " เหมือนที่คนรู้สึกกับ Kris Novoselic มือเบส Nirvana ที่อิ่มตัวกับดนตรีไปตั้งแต่สิ้น Nirvana


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:18:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 14  
 
ขอบคุณครับ อ่านเพลินเลย

   สมาชิกแบบพิเศษ      kangpc      26 ส.ค. 57   เวลา 23:20:00    IP = 115.64.92.174
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 15  
 
แต่เขาเลือกที่จะไม่เป็นแค่มือกลอง ลุกขึ้นมาทำเองทุกอย่างในอัลบั้มแรกตั้งแต่ร้อง และเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้น ตามที่ฝันอยากทำอัลบั้มในแบบของตัวเอง ก่อนที่จะเติมเต็มสมาชิกในวงจนกลายเป็น Foo Fighters อย่างที่เรารอคอยอัลบั้มที่ 7 ของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ

Foo Fighters เป็นวงร็อกระดับ Grammy Awards นะครับ ไม่ใช่แค่วงร็อกธรรมดา โอเคล่ะ ผมเองก็ยอมรับว่า ไม่ปลื้มนักกับอัลบั้มหลังๆของพวกเขา เพราะแบบว่าแอบแก่ แอบมีเนือยในบางเพลง

ผมเคยมีโอกาสพบ Dave ตัวเป็นๆระหว่างที่ผมไปตามหาความฝันตัวเองที่ Houston, Texas หลังจบ คอนเสิร์ตสุดมันที่นั่น เขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้แฟนๆเต็มร้อยจริงๆ คือ ผมกับแฟนเพลงคนอื่นๆสักสิบคนมาแอบรอขอลายเซ็นหลังเวที ซึ่ง Dave ไม่ถือว่าเป็นการรุกล้ำ หรือ น่ารำคาญเลยครับ เขาบอกว่าเดี๋ยวออกมาเจอ แล้วก็กลับมาจริงๆ ท่าทางจะไปเอาปากกาบนห้องพัก
- ภาพจากกรุอัลบั้มภาพของผมเอง ในภาพคือผม และ Dave Grohl เมื่อปี 2003 Houston,Texas, USA

จากคุณ
ต่อเติมพงศ์ วิเศษสมบัติ
VoiceTV Editor
ผู้ได้ไปเจอ dave ตัวเป็นๆ มาแล้วครับ


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:24:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 16  
 
Kurt Cobain on Identity: เคิร์ท โคเบนเวอร์ชั่นการ์ตูนคุยเรื่องโรงเรียน พังค์ เซ็กซ์

สาวก Nirvana คงได้กรี๊ดเมื่อมีคนไปเจอเทปที่เคิร์ทเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ Jon Savage เมื่อ 22 ก.ค.1993 และได้ PBS Digital Studios นำมาทำอนิเมชั่นไว้ในซีรีส์ "Blank on Blank"
ประเด็นที่คุยกันมีหลากหลาย โดยนักร้องในตำนานบอกเล่าเกี่ยวกับชีวิตสมัยเรียนไฮสกูลของตัวเองไว้ว่า "ผมรู้สึกแตกต่างและบ้าคลั่งจนคนอื่นทิ้งผมไว้คนเดียว" เคิร์ทยังยิงมุกด้วยว่า "ผมคิดเสมอว่าที่รร.คงโหวตตำแหน่ง 'มีโอกาสฆ่าทุกคนตายเกลี้ยง ณ งานเต้นรำ' ให้กับผม

นอกจากนี้เคิร์ทยังเล่าถึงที่มาของตระกูล Cobain การหย่าร้างของพ่อแม่ ดนตรีพังค์ร็อค เซ็กซ์ และอาการปวดท้องที่ทรมานเขาอยู่เนืองๆ
แม้จะมีอดีตขมขื่น แต่เคิร์ท โคเบนก็ยืนยันไว้ในการสัมภาษณ์นี้ (ซึ่งห่างจากวันที่เขาจบชีวิตไม่ถึงหนึ่งปีดี) ว่า ชีวิตเขากำลังไปได้สวย "ผมไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนนับแต่วันพ่อแม่หย่ากัน"

CR: Spin.com


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:27:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 17  
 
Nirvana VS Guns N' Roses

เวลาเขียนถึงใครไม่ถูกกับใคร ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการไม่เติมไข่ใส่สีเข้าไป จะเล่าตามเหตุการณ์ก็แล้วกัน อย่าว่าแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่ปี ๑๙๙๒ หรือเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว มาถึงทุกวันนี้ ถ้ายังอยู่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรกันแล้ว เดือนกันยายน 1992 งาน MTV Music Awards 1992 เดิมที เอ็กเซิล โรส เป็นแฟนเพลง Nirvana เมื่อตอนที่ Guns N’ Roses จับมือกับ Metallica ออกทัวร์ Rose จึงได้เสนอโอกาสให้ Nirvana มาเป็นวงเปิดให้กับทัวร์ครั้งนั้น เขาจึงพยายามให้คนติดต่อ Nirvana รวมถึงเขาเองพยายามติดต่อเคิร์ท โคเบนด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่ โคเบน ไม่อยากจะให้ Nirvana เล่นเป็นวงเปิดในทัวร์ครั้งนั้น เพราะเขามองว่าทัวร์ครั้งนั้นมันเป็น “กระแสหลัก” ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการโฆษณาและธุรกิจที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยว ถ้า โคเบน ปฏิเสธเงียบๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาเริ่มให้สัมภาษณ์ถึง โรส ในทางไม่ดีมากขึ้น รุนแรงขึ้น

ซึ่งคนอย่าง โรส ไม่ยอมอยู่เฉยๆให้ โคเบน ด่าอยู่ฝ่ายเดียว จึงให้สัมภาษณ์ในเชิงลบกลับบ้าง

แต่เหตุการณ์ที่กลายเป็นที่จดจำก็คือ ในงานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ปี ๑๙๙๒ โรส ได้เจอ โคเบน กับ คอร์ทนี่ เลิฟ หลังเวที มีการทะเลาะกัน


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:30:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 18  
 
ตอนนั้นแฟรนซิสเพิ่งเกิด คอร์ทนี่ เลิฟ เห็น โรส เดินอยู่เลยแกล้งตะโกนว่า “แอ๊กเซิล, แอ๊กเซิล มานี่หน่อย” โคเบน อ้างในภายหลังว่า เลิฟและตัวเขาต้องการเพียงแค่ทักทายเขาเท่านั้นเอง แต่ในตอนนั้น เขาตะโกนไปว่า “คุณมาเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกเราหน่อยได้มั้ย?…” โรสคิดว่ามันเป็นการกวนประสาท เลยตะโกนใส่โคเบน “You shut your bitch up, or I’m taking you down to the pavement.” (แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า “บอกให้นังสารเลวนั่นหุบปากได้มั้ย ไม่งั้นจะส่งลงไปกองกับพื้นเลย” – pavement แปลได้ทั้งพื้น และ โสเภณี) คนรอบข้างหัวเราะ โคเบนเลยแกล้งแหย่ โดยหันไปหาเลิฟแล้วพูดว่า “Shut up, bitch!” ซึ่งทำให้คนที่อยู่แถวๆนั้นหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้โรสไม่พอใจ และเกิดโต้เถียง แต่มีคนมาจับแยกไปเสียก่อน
ตอนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร โคเบน อยากเล่นเพลง “Rape Me” แต่เจ้าหน้าที่ของ MTV ไม่อยากให้เล่นเพลงนี้ออกอากาศ แต่โคเบนก็ยืนกรานว่าเขาจะไม่ยอมเล่นเพลงอื่น
ในตอนนั้นสมาชิกวง Nirvana ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แล้วสรุปว่าจะเล่น Lithium” แต่จะแกล้งเล่นอินโทรเพลง “Rape Me” เสียหน่อย หลังจากได้ข้อสรุป โนโวเซลิคก็เดินไปรอบๆ เจอ ดัฟฟ์ แม็คคาแกน ซึ่งเคยเจอหน้ากันมาบ้างเพราะมาจากซีแอ็ตเติ้ลด้วยกันทั้งคู่ ปรากฏว่าแม็คคาเกนพูดจาไม่ค่อยดีใส่ (อาจจะเพราะแม็คคาเกนรู้สึกว่า Nirvana เพิ่งกวนประสาท โรส เพื่อนร่วมวง) ทำให้โนโวเซลิคตอบโต้บ้าง แต่ไม่มีอะไรรุนแรงเพราะเจ้าหน้าที่ของ MTV มาแยกตัวทั้งคู่ไปคนละทางและเขาก็เดินไปเตรียมตัวขึ้นเวที
บนเวที ช่วงท้ายๆ โนโวเซลิค โยนเบสขึ้นบนอากาศแต่รับพลาด โดนเบสกระแทกหน้าอย่างจัง ถึงกับทรุดบนเวที (จริงๆ เขาบอกว่าไม่ได้เป็นหนักขนาดที่เห็น เขาแกล้งออกอาการเกินจริงไปหน่อย) เขาเดินเข้าหลังเวทีเพื่อไปทำแผล ส่วน เดฟ โกห์ล ตะโกนบนเวทีว่า “ไฮ แอ๊กเซิล, ไฮ แอ๊กเซิล…”
จากนั้นแฟนเพลงของทั้งสองวง ก็แน่ใจมากขึ้นว่าทั้งสองวงไม่ถูกกัน…


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:35:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 19  
 
Iggy Azalea on Lorde’s Nirvana Tribute: “Lorde is Not Kurt Cobain’s Peer”

9/06/2014 By : Tempo Crews
Iggy Azalea นักร้องสาวชาวออสเตรเรียวัย 24 ปี เพิ่งได้ขึ้นปกนิตยสาร Billboard ของเดือนนี้เป็นครั้งแรก และในการขึ้นปกของศิลปินแต่ละเดือน ก็จะมีเรื่องของบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับวงการดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง และแน่นอน บางคนอาจจะเผลอหลุดพูดเรื่องดีๆ หรือเรื่องแย่ๆออกมาในระหว่างสัมภาษณ์ Iggy ก็เช่นเดียวกัน เธอให้ความเห็นเกี่ยวกับ Lorde ศิลปินสาวจากนิวซีแลนด์คนนี้ไว้แสบจริงๆเชียว

Lorde ได้ขึ้นเวที All-girl Nirvana tribute เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่จัดขึ้นโดย MTV เป็นการเชิญนักร้องสาวที่มีฝีมือ และมีความสามารถเข้ามาร่วม Tribute เพลงของวง Rock ตลอดกาลย่าง Nirvana โดย Lorde นะ Track ดังที่ชื่อ cover of "All Apologies" ขึ้นมาร้องในวันนั้น หลังจาก V.D.O 9วนี้ออกไป หลายๆคนต้องยอมรับในความสามารถและพลังเสียงที่มีเหมือนใครของเธอ แต่ Iggy กลับพูดกับนิตยสาร Billboard ไว้ว่า

“Nothing against her, but I think when you’re doing a tribute to someone that’s dead, generally it should be the person’s peer,” she told Billboard. “Lorde is not Kurt Cobain’s peer. No matter if she killed the performance or not, I just don’t think it’s appropriate.”
“ไม่มีอะไรกับเธอหรอก แต่ฉันคิดว่าเมื่อคุณกำลังทำทริบิวให้คนที่ตาย โดยทั่วไปมันควรจะเป็นคนที่เกียวข้องหรือเป็นเพื่อนคนๆนั้น "เธอบอกกับทางบิลบอร์ด "Lorde ไม่ใช่คนที่เท่าเทียมกับเคิร์ตโคเบน ไม่ว่าเธอจะแสดงเจ๋งขนาดไหนหรือไม่ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะสมที่เหมาะสม ".

จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการโต้ตอบกลับของ Lorde แต่อย่างใด หรือว่านี้คือเรื่องการโปรโมตตัวเธอเองของ Iggy หรือว่าเธอแอบอิจฉา Lorde กันนะที่ได้ขึ้นเวที Nirvana tribute พร้อมนักร้องสาวหน้าใหม่ๆเพียบ แต่ไม่มีเธอเป็นหนึ่งในนั้น


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:40:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 20  
 
วง Nirvana และเกม Doom 2 เกี่ยวกันอย่างไร มาดู


หากพูดถึงวง Nirvana แล้วล่ะก็แฟนเพลงยุคเก่าคงจะรู้จักกันดีโดยเฉพาะนักร้องดำและมือกีต้า ร์อย่าง Kurt Cobain ที่สมัยนั้นเป็นที่ฮือฮาและดังมากๆ แต่วันดีคืนดีพี่แกก็เอาปืนลูกซองกรอกปากยิงตัวเองตายซะอย่างงั้น


แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเกม Doom 2 ได้ล่ะ เรื่องก็คือเกม Doom 2 นั้นมีชื่อด่านอยู่หนึ่งด่านว่า Nirvana ซึ่งมันก็ไปเหมือนกับชื่อวงดนตรีชื่อดังนี้นั่นแหละ จริงแล้วเข้าใจว่าทางผู้พัฒนานั้นได้แรงบันดาลใจมาจากการเสียชีวิตของ Kurt ครับ แถมเกม Doom 2 ยังวางจำหน่ายในเดือน กันยายน หลังการตายของ Kurt ไปเพียง 1 เดือน นั่นก็คือ สิงหาคม 1994 และภายในด่าน Nirvana นี้เองตอนเริ่มก็จะมี ปืนลูกซอง ให้เราเก็บครับ นั่นก็หมายถึงปืนที่ Kurt ใช้ยิงตัวเองตายนั่นเอง


   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:45:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 21  
 
ใส่เสื้อวงเก่าซะงั้น....??

   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:49:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 22  
 
เอ่อ.....สังเกตตอนท้ายคลิปนะครับ
เคิร์ท ซิบแตก หรือ อะไรไม่ทราบ ทำไมไปแหกซิบโชวเป้าแบบนั้นละครับ
โครตฮา...

   teayai      26 ส.ค. 57   เวลา 23:58:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 23  
 
งาน hall of fame 2014 ล่าสุด ครับ

เพลง Lituim ได้ Annie Clark (น่ารักจัง)

มือกีตาร์ร้องนำ เด็กแนว จากวง St. Vincent มาร้องให้ครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:03:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 24  
 
มนุษย์ป้า Kim Gordon แห่ง Sonic youth

มาแหกปาก (มันส์มากขอบอก) ในเพลง Aneurysm ครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:07:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 25  
 
มนุษย์ป้าอีกคนหนึ่งครับ ( แอบทอมนิดนึง แต่ตอนสาวๆ แจ่มมากบอกให้)

Jone jett มาร้องให้ในเพลง โครตฮิต Smell like teen spirit

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:11:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 26  
 
Courtney และ Dave ล่าสุดครับ (เลิกทะเลาะกันแล้วครับ)

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:19:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 27  
 
เอ้ะ รู้สึก เรื่องของเดฟ จะเยอะหน่อยครับ (อย่าหมั่นใส้นะครับ)

เดฟ กับ ความเห็นเกี่ยวรายการ American Idol, The Voice


เด็กรุ่นนี้ที่ติดตามรายการอย่าง American Idol, The Voice พวกเขาเชื่อว่ารายการพวกนี้แหละ คือเส้นทางสู่การเป็นศิลปิน! พวกเขายอมต่อคิวรอ 800 คนถึง 8 ชั่วโมง เพื่อโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งจบด้วยใครแม่งไม่รู้มาบอกคุณว่า "คุณไม่ดีพอ"

พวกคุณพอเข้าใจประเด็นใช่ไหม กระบวนการแบบนี้มันทำลายความฝันของศิลปินรุ่นนี้อย่างแท้จริง ในทางกลับกันนักดนตรีควรที่จะไปหาซื้อเซ็ตกลอง, เครื่องดนตรีเก่าๆราคาถูกเพื่อเล่นในโรงจอดรถ ณ จุดนี้ แม่งห่วยแตกสุดๆ จากนั้นก็พยายามชวนเพื่อนมาจอยวงร่วมกัน ซึ่งก็ยังห่วยแตกอยู่ดี แต่เมื่อพวกเขาได้เล่นดนตรีร่วมกันเมื่อไหร่ ผมพูดได้เลยว่า "มันจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เคยมีมาในชีวิต"

ที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Nirvana แค่คนกลุ่มนึง กับเครื่องดนตรีเก่าๆ กากๆ ซึ่งรวมตัวกันเพื่อเล่นดนตรีเสียงดังอันแสบดาก และต่อมาวงๆนี้ก็กลายเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผมเชื่อว่ามันสามารถเกิดขึ้นอีกครั้ง

คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต The Voice หรือ American Idol เพื่อเป็นศิลปิน

Dave Grohl หัวหอกแห่ง Foo Fighters ออกมาวิจารณ์เรียลลิตี้รายการร้องเพลงชื่อดัง อย่าง American Idol หรือ The X Factor โดยเขาเห็นว่ากรรมการตัดสินของเรียลลิตี้ทีวีโชว์ดังกล่าว ใช้คำพูดกระทบความรู้สึกผู้เข้าประกวดอย่างรุนแรง ทั้งๆที่ตัวกรรมการยังไม่มีคุณภาพพอที่จะตัดสินคนอื่นได้

"ผมคิดว่าผู้เข้าประกวดควรได้รับการกระตุ้น และการสนับสนุนจากคณะกรรมการ แต่สิ่งที่กวนใจผมมากที่สุดคือ การใช้คำพูดที่รุนแรงของกรรมการ ที่เรียกตัวเองว่าศิลปิน แค่ขนาดทำอัลบั้ม แม่.งไม่ได้ใช้เครื่องดนตรีอัดด้วยตัวเองเลย"

"ผมสาบานต่อพระเจ้า ถ้าสมมติลูกสาวของผมขึ้นประกวดเรียลลิตี้พวกนี้ และร้องเพลงอย่างสุดใจขาดดิ้น แต่ถูกกรรมการพวกนั้นพูดว่า ขอโทษนะ คุณไม่ดีพอ ผมอยากตอกกลับไปว่า มึ.งเป็นใครมาตัดสินว่าใครดี ไม่ดี"

"อีกอย่างนะ ทำไมผมเห็นแต่คนที่มีเสียงแบบ Christina Aguilera เสียงแม่.งคล้ายกันหมดทุกคน สุดท้ายอยากฝากว่าหากมีใครตัดสินว่าคุณห่วยแตก คุณสวนกลับไปเลย FUC.K YOU"

เพิ่มเติม: "ผมเคยคุยกับ Neil Young มีคนเคยบอก Neil Young ว่าคุณไม่ดีพอสำหรับตำแหน่งนักร้องนำ ถ้า Neil Young เลือกที่จะเชื่อคนๆนั้น พวกเราคงจะไม่ได้ฟังผลงานของเขาอย่างแน่นอน" Dave Grohl
ที่มา

...อ้างอิง http://sz4m.com/b3613964


จาก facebook เสพย์สากล

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:32:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 28  
 
Dave Grohl และ Krist Novoselic 2 สมาชิกที่เหลือของวง Nirvana ได้ออกมาพูดถึงการทำงานในอัลบั้มชุด In Utero ซึ่งเป็นผลงานชุดสุดท้ายในปี 1993 ก่อนที่ Kurt Cobain จะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง โดยอย่างที่เราได้ทราบกันว่าพวกเขาเตรียมจะออกอัลบั้ม In Utero เวอร์ชั่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปีในวันที่ 23 กันยายนนี้ โดยในเวอร์ชั่นสำหรับแฟนเพลงตัวจริงจะทำออกมาในรูปแบบซีดี 4 แผ่นมีการเพิ่มเพลงเข้ามาถึง 70 เพลง มีเพลงที่เพิ่มเข้ามามีเพลงที่ไม่เคยถูกปล่อยออกมาก่อนของวง, เพลงในเวอร์ชั่นเดโม และรวมเพลงจากการแสดงสดทัวร์ครั้งสุดท้ายของ Nirvana ที่มีสมาชิกครบวง คือ Kurt Cobain, Krist Novoselic, Dave Grohl และ Pat Smear ซึ่งรวมถึงการแสดงคอนเสิร์ต Live And Loud show ที่ซีแอตเทิ้ลเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1993 โดยจะมีการทำดีวีดีภาพคอนเสิร์ตงานนี้แบบเต็มๆ ออกมาให้สะสมอีกชุดหนึ่งด้วย

ในงานชุดนี้มีความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งนั่นคือเพลงที่ชื่อว่า Forgotten Tune โดยพวกเขาได้เผยถึงความเป็นมาของเพลงนี้ที่เตรียมจะออกมาให้แฟนเพลงของ Nirvana ได้ฟังทั่วโลกเป็นครั้งแรก หลังจากที่มันถูกเก็บไว้ถึง 25 ปีมาแล้ว

"เราพบเพลงนี้และก็คิดว่า นี่มันคือเพลงอะไร เราจำมันไม่ได้จริง" Novoselic พูดถึงเพลง Forgotten Tune "จากนั้นเราก็คิดว่าเพลงนี้มันควรจะชื่อว่าอะไร ผมคิดว่ามันควรจะต้องมีชื่อเรียกให้กับมัน แต่เราก็ไม่มีไอเดียที่จะไปตั้งชื่อให้กับมัน เลยเรียกเพลงนี้ว่า "Forgotten Tune" และให้ผู้คนตัดสินใจเองว่ามันควรจะเป็นเพลงชื่ออะไร แต่ที่ผมจำได้ก็คือท่อนริฟฟ์ของเพลงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราทำกันในปี 1998 ในช่วงที่เราทำเพลง All Apologies และ Dumb กัน"

นอกจากนั้น Dave Grohl ยังได้พูดถึงการทำงานในอัลบั้มชุด In Utero ด้วย

"มันเหมือนกับอยู่ในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิราวกับจุดเยือกแข็ง แต่ในห้องที่เราบันทึกเสียงกันมันให้บรรยากาศที่อบอุ่น สบายๆ ผมก็จำได้ว่าตัวเองนั่งลงที่ชุดกลองและ Kurt อยู่ด้านซ้ายของผม ในขณะที่ Krist อยู่ทางขวามือ จากนั้นเราก็บันทึกเสียงอัลบั้มแบบสดๆ ด้วยกัน มันเยี่ยมมาก"

สำหรับอัลบั้ม In Utero เวอร์ชั่นฉลองครบรอบ 20 ปีและดีวีดีชุด Live And Loud show จะออกขายที่เมืองไทยภายในเดือนกันยายนนี้

เรื่องและภาพต้นฉบับจากนิตยสาร NME

(หมายเหตุ : หากนำข่าวนี้ไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิต www.musicexpress.in.th ด้วยครับ)

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:41:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 29  
 
เป็นเรื่องราว ของ คริส บ้างนะครับ

ความเป็นมาและเป็นไปของคริส โนโวเซลิค อดีตมือเบสส์ของเนอร์วานา ผู้จับมือกับเคิร์ท โคเบน ตั้งวงดนตรีและเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสมาชิกวงคนอื่นหลายครั้ง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ “เนอร์วานา” ได้ เดฟ โกรห์ล มาร่วมทีม สร้างผลงานหัวกะทิระดับตำนานของดนตรีกรันจ์ฝากไว้จำนวนหนึ่ง และต้องปิดฉากลง หลังการฆ่าตัวตายของเคิร์ท โคเบน

คริส โนโวเซลิค เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1965 ในเมืองนางฟ้า-ลอสแองเจลิส ในครอบครัวชาวโครเอเทียอพยพ มีชื่อเต็มว่า krist Anthony Novoselic ปี 1979 เขาและครอบครัวย้ายไปอยู่ในเมืองอาเบอร์ดีน บ้านเกิดของเคิร์ท โคเบน

ช่วงนั้นเอง คริสได้เปลี่ยนตัวสะกดชื่อต้นของเขา จาก “Krist” เป็น “Chris” ซึ่ง ยังออกเสียงเหมือนเดิม หลังจากคิดแล้วคิดอีกนานหลายปี แต่ข้อมูลที่มีไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องทำเช่นนั้น มีหมอดูหรืออาจารย์ด้านการตั้งชื่อคนไหนไปบอกอะไรเขาหรือเปล่า?

การ ย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน รวมทั้งความแตกต่างด้านเชื้อชาติซึ่งสะท้อนผ่านรูปร่าง หน้าตา และความสูงที่มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน ทำให้คริสกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนๆที่โรงเรียน

แต่ความเป็น “คนนอก” ของเขาก็มีส่วนดี มันทำให้คริสหันหน้าเข้าหาดนตรี และค้นพบบทเพลงของวงร็อคคลาสสิคอย่าง เลด เซ็พเพลิน, แอโรสมิธ, แบล็ค ซับบาธ ฯลฯ รวมทั้งวงดนตรีนิวเวฟอย่าง เดโว (Devo) เป็นต้น

ใน ปี 1980 คริสตามพ่อแม่ไปโครเอเทีย-บ้านเกิดของบุพการี และอยู่ที่นั่นนานเป็นปี ช่วงนี้เองที่เขาได้รู้จักกับวงพังค์ร็อคอย่าง เซ็กซ์ พิสทอลส์, ราโมนส์ และอีกหลายวง เมื่อต้องหวนกลับไปอยู่สหรัฐฯอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก คริสก็พยายามเก็บเงินซื้อกีตาร์ และหัดเล่นดนตรีตั้งแต่นั้น

ต่อ มาวันหนึ่ง โรเบิร์ต-น้องชายของคริส พาเพื่อนใหม่ชื่อ เคิร์ท โคเบน มาที่บ้านและแนะนำให้พี่ชายรู้จัก เคิร์ทสนใจในตัวคริสทันที หลังจากรู้ว่าคริสชอบเพลงพังค์เช่นเดียวกับเขา นอกจากนั้นทั้งสองยังมีเพื่อนหลายคนอยู่กลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะสมาชิกวงท้องถิ่น-เดอะ เมลวินส์ หลังจากนั้นเคิร์ทกับคริสก็นัดออกไปดื่มกันบ้างเป็นครั้งคราว



ช่วง ที่คริสเรียนอยู่ไฮสคูลปีสุดท้าย เคิร์ทพยายามชักชวนเขามาตั้งวงดนตรีด้วยกัน หลังจากปล่อยให้เคิร์ทชวนอยู่หลายรอบ คริสก็ตกลง อย่างที่บอกไปแล้วว่า ทั้งสองเปลี่ยนชื่อวงและสมาชิกโดยเฉพาะมือกลองไปหลายรอบ ก่อนจะมาเป็นเนอร์วานา

ระหว่าง ที่อยู่กับเนอร์วานา ในปี 1993 คริสได้เข้าไปช่วยจัดคอนเสิร์ตหาทุนช่วยเหลือเหยื่อสงครามที่ถูกข่มขืนใน บอสเนีย โดยคอนเสิร์ตครั้งนั้นจัดกันที่ The Cow Palace ในซานฟรานซิสโก

หลังจากเนอร์วานาล่มสลาย เหลือเพียงเรื่องราวในอดีตให้รำลึกถึง คริสกลายมาเป็นแกนนำก่อตั้งกลุ่ม “แจมแพ็ค” (J.A.M.P.A.C) หรือ “คณะกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมืองของแนวร่วมศิลปินและบริษัทดนตรี” (Joint Artists and Music Promotions Political Actions Committee) เพื่อ รณรงค์ต่อต้านกฎหมายของรัฐวอชิงตัน ที่พยายามจำกัดการจำหน่ายจ่ายแจกเทป ซีดี ตลอดจนดีวีดีเกี่ยวกับดนตรี ซึ่งกลุ่มผู้บริหารเห็นว่าไม่เหมาะสม เช่น ใช้ภาษาหยาบโลน หรือส่อไปทางลามกอนาจาร ทั้งๆที่เรื่องนี้มีคนดูแลโดยตรงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่มาบังคับ และที่กลุ่มแจมแพ็ครับไม่ได้คือการให้อำนาจชี้ขาดตกอยู่ในมือของนักการเมือง ซึ่งพวกเขาไม่มั่นใจว่า คนพวกนั้นฟังเพลงเป็นหรือไม่

เช่นเคย…ข้อมูล ที่มีในมือ ไม่ได้บอกไว้ด้วยว่า การต่อสู้ของกลุ่มแจมแพ็คแพ้หรือชนะ กฎหมายดังกล่าวยังอยู่หรือล้มเลิกไป แต่ในความเห็นส่วนตัว ถ้ากฎหมายนั้นไม่สมเหตุสมผล และไม่เป็นธรรมต่อประชาชน อีกทั้งมีการออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวชัดเจนของผู้ที่ได้รับผล กระทบโดยตรง ผมว่ากฎหมายดังกล่าวน่าจะแท้งไปเรียบร้อยแล้ว

ในปี 1999 คริส โนโวเซลิค จับมือกับ เจลโล เบียฟรา (Jello Biafra) อดีตนักร้องนำวง เดด เคนเนดี้ส์ (Dead Kennedys) และ คิม เธย์อิล (Kim Thayil) อดีตมือกีตาร์วง ซาวน์ดการ์เด้น (Soundgarden) ตั้งวงเฉพาะกิจ No WTO Combo ขึ้นมา เพื่อแสดงดนตรีประท้วงองค์การการค้าโลก ระหว่างการประชุมในเมืองซีแอ็ตเทิล

จะ เห็นว่า คริส โนโวเซลิค เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง จนนักวิจารณ์ดนตรีบางคนออกมาบอกว่า เขาเป็นศิลปินร็อคคนหนึ่งซึ่งมีความคิดทางการเมืองอยู่เต็มเปี่ยม

นอกจากเป็นแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง และเล่นเพลงประท้วงการกดขี่ข่มเหงชาติเล็กๆขององค์การครอบโลกอย่าง W.T.O. คริสยังเคยก่อตั้งวงดูโอ และมีผลงานออกเผยแพร่ในนาม Sweet 75

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:51:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 30  
 
จากเรื่องความสัมพันธ์ในวงเนอร์วานา ที่ประสบความสำเร็จมหาศาลจากอัลบั้ม Nevermind คริสท์ โนโวเซลิคพูดเล่าเรีื่องราวการทำงาน โดยเฉพาะการเขียนเพลงของเคิร์ท โคเบน เป็นเรื่องต่อมา โดยเฉพาะความพิเศษของเนื้อหา ที่ทำให้หลายๆ คนเอาเนื้อเพลงในอัลบั้ม In Utero ไปตีความกันให้วุ่น นอกจากนี้ เรื่องการใช้ภาษาของเคิร์ทก็มีลักษณะเฉพาะ ที่ยากจะอธิบายว่า จริงๆ แล้วเขากำลังเล่น หรือว่าใช้ภาษาที่มีนัย หรือใช้คำที่มีความหมายต่างๆ ผสมผสานกัน

“เคิร์ทเคยพูดว่า เขาไม่ชอบอะไรที่มีความหมายตามตัวอักษรเป๊ะ เขาชอบอะไรที่ดูกำกวม เขาอาจจะตัดภาพเนื้อจากใบปลิวของร้านขายของชำ จากนั้นก็เอาดอกกล้วยไม้แปะลงไป ที่ผมพูดพอจะบอกถึงอะไรได้ไหม? อะไรที่เขาพยายามบอก? และทุกอย่างที่อยู่ในอัลบั้ม In Utero เป็นเรื่องเกี่ยวกับร่างกาย มีบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องกายวิภาค ซึ่งเคิร์ทชอบมาก ลองดูงานศิลปะของเขาซิ มันจะเต็มไปด้วยอะไรที่ดูเพี้ยนๆ อย่างพวกกลายพันธุ์ ตุ๊กตา ก็ยังเป็นตุ๊กตาหลอนๆ เลย”

ขณะที่เพื่อนๆ ในวงไม่สนใจว่าเคิร์ทจะคิด หรือทำอะไร เคิร์ทก็ไม่เคยบอกว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีความหมายยังไง “ไม่นะ เขาไม่เคย ก็มีแค่หัวเราะ เขารู้แค่ได้ทำอะไรเท่ๆ ออกมา แล้วก็มีความสุขกับมัน เขาคงมองว่าตัวเองอาจจะเป็นพวกขี้โม้ ถ้าอธิบายอะไรพวกนี้ออกมา บางทีเขาก็แค่อยากให้มีคนสงสัยแค่นั้นแหละ เขาต้องบอกคุณรู้เปล่า… ผมไม่รู้นะ”


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 0:58:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 31  
 
ระหว่างทำงานชุด In Utero เคิร์ทเคยบอกกับสตีฟ อัลบินี่ โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มว่า “เฮ้… ผมอยากได้แบบนี้ในเพลงนั้นได้หรือเปล่า?” และนั่นย่อมไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาต้องการอะไรที่เป็นเรื่องจำเพาะเจาะจง สำหรับเพลงที่จะออกมา “ใช่… อย่างเพลง Heart-Shaped Box ซึ่งจะมีท่อนกีตาร์โซโล เราถกเรื่องนี้กันนานเลย สตีฟกับเคิร์ท ไม่เห็นด้วยกับผม พวกเขาอยากใช้เอ็ฟเฟ็คท์เสียงประหลาดๆ กับเพลงนี้ แล้วผมก็คิดว่ามันฟังดูตลก (หัวเราะ) ‘พวกนายมีท่อนโซโลที่โคตรเจ๋งอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาไอ้เสียงบ้าๆ นี่ใส่ลงไปด้วย? เพลงมันสวยอยู่แล้วนะ’ ผมพูดออกไป และท้ายที่สุด พวกเขาก็ ‘โอเค เอามันออก’ นั่นคือการถกเถียงกันเรื่องเพลงที่ดูจะนานไปหน่อย”

หากฟังงานของเนอร์วานา จะรู้ว่า เคิร์ทเป็นนักเขียนทำนองตัวฉกาจ แถมยังเล่าเรื่องได้เยี่ยมยอด แต่เพลงที่ออกมา เขามักจะพยายามกลบเกลื่อนความสวยงามทั้งหลาย ซึ่งบางทีเขาน่าจะพยามยามทำเพลงให้ออกมาดูดีบ้าง “นั่นก็งดงามแล้ว เหมือนมีกล้วยไม้ดอกสวย แล้วก็มีชิ้นเนื้อมาวางรอบๆ เรื่องนี้ก็เป็นแบบเดียวกันนั่นแหละ Dumb เป็นเพลงที่สวยงาม, All Apologies ก็ฟังน่ารักดี แล้วยังมี Milk It ที่สุดยอดมากๆ ในงานชุดนี้มีบางสิ่งสำหรับทุกคน ถึงแม้มันไม่ได้ทำมาเพื่อทุกคน (หัวเราะ)”

คนฟังเพลงส่วนใหญ่อาจจะฟัง In Utero แล้วรู้สึกชื่นชอบสรรญเสริญ แล้วกับหนึ่งในสมาชิกของเนอร์วานา เขาได้ยินอะไรจากอัลบั้มชุดนี้ “มันเป็นงานที่ฟังแล้วลืมไม่ลง เหมือนมันสิงอยู่ในความรู้สึก แล้วก็มีภาพในจินตนาการที่ผมไม่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นๆ รู้ได้ ผมคงโดนโห่ ถ้าไปบอกว่า ‘เพลงนี้หมายความว่าอย่างนั้น’ ผมคงกลายเป็นโจรปล้นจิตนาการคนฟัง และกลายเป็นคนที่ทรยศเคิร์ท

“งานชุดนี้มีประสบการณ์ส่วนตัวระหว่างเขากับผม คนอื่นๆ ก็มีประสบการณ์ของพวกเขากับเขา เราต่างมีสิทธิ์ตีความไปตามใจของเรา แต่ไม่มีใครที่ถูกเป๊ะ เขาต่างหากคือคนที่ทำแบบนั้นได้ และเขาก็จากไปแล้ว โดยที่ไม่เคยให้คำตอบอะไรเลยในขณะที่มีชีวิตอยู่”

จากเรื่อง ฟังคริสท์ โนโวเซลิค พูดถึง การทำงานของเคิร์ท โคเบน และความงดงามของอัลบั้ม In Utero (จบ)
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ 25 ตุลาคม 2556


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 1:01:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 32  
 
โนโวเซลิค มือเบส และสมาชิกดั้งเดิมของวงร่วมกับโคเบน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโรลลิง สโตน ถึงอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นการทำอัลบั้มสุดท้ายของเนอร์วานา

“ช่วงนี้ ผมฟังเพลงของเนอร์วานาเยอะมาก” โนโวเซลิค พูดขึ้น “มีอะไรเยอะแยะมากมายที่ได้มา” เขาพูดถึงสิ่งที่ได้จากการฟังเพลงเหล่านั้นอีกหน “มันพาความทรงจำเก่าๆ กลับมา ความทรงจำที่ดี, ที่เจ็บปวด แต่มันก็ยังเป็นเพลงที่ดี เป็นเพลงร็อคที่ดี”

หลัง In Utero ออกวางจำหน่ายในปี 1993 เดือนเมษายนของปีถัดมา เคิร์ท โคเบนก็ฆ่าตัวตาย แต่การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ อยู่ห่างไกลจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย โนโวเซลิคนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือของเด็กๆ ภายในห้องสมุดสาธารณะ ที่ลองวิว, วอชิงตัน แต่ถ้าขับรถขึ้นไปทางเหนือ สักราวๆ ชั่วโมง ที่นั่นคือ อเบอร์ดีน ที่ๆ โนโวเซลิคพบกับโคเบนเป็นครั้งแรกในปี 1987 และเริ่มต้นการเดินทางของเนอร์วานา

ปัจจุบันโนโวเซลิค อายุ 48 ปีแล้ว เขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น กำลังเรียนสังคมศาสตร์ทางมหาวิทยาลัยออนไลน์ ยังคงเล่นเบสแล้วก็แอคคอร์เดียน ล่าสุดเขาเพิ่งบันทึกเสียงกับปีเตอร์ บัค อดีตมือกีตาร์ของ อาร์.อี.เอ็ม ในอัลบั้มเดี่ยวของฝ่ายหลัง และก่อนหน้านั้นก็เป็นการทำงานที่น่าตื่นเต้น ร่วมกับกรอห์ล, มือกีตาร์ – แพท สเมียร์ ที่ออกทัวร์ In Utero กับเนอร์วานา และอดีตสมาชิกเดอะ บีเทิลส์ – พอล แม็คคาร์ทนีย์ โนโวเซลิคภูมิใจในความเป็น “เนอร์วานา” ของตัวเองมาโดยตลอด และยินดีเป็นทางเชื่อมระหว่างแฟนๆ และคนใหม่ๆ ที่สนใจในเพลง และประวัติความเป็มมาของวงที่เขาสร้างร่วมกับเพื่อนๆ “ผมหมายความว่า นั่นเป็นสิ่งที่พิเศษสุดๆ ในชีวิต”

แต่ถ้ามองในมุมกลับ เขากับกรอห์ล ก็เหมือนกับถูกบังคับให้แบกรับกับความทรงจำ และสิ่งที่โคเบนทิ้งเอาไว้ “เคิร์ทยังคงเป็นคนนำพาบทเพลงต่างๆ เพลงเหล่านั้นทุกเพลงล้วนแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ทางศิลปะของเขา เดฟกับผมไม่ได้แบก หรือพาบทเพลงอะไรเลย เคิร์ทต่างหาก”

หลังความสำเร็จของ Nevermind ตอนปลายๆ ปี 1992 โนโวเซลิคเคยพูดถึงสัมพันธภาพที่ย่ำแย่ภายในวง ที่น่าสนใจก็คือ ในตอนนั้น เขาเคยตั้งคำถามถึงการทำงานชุดต่อไปบ้างหรือเปล่า? “อะไรๆ มันไม่เหมือนที่เคยเป็น แต่มีอย่างหนึ่งที่พวกเรารักจะทำ ก็คือ เราอยากเล่นดนตรีด้วยกัน และนั่นคือทุกสิ่งทุกอย่าง เราเป็นวงดนตรีวงหนึ่ง เคยเล่นดนตรีด้วยกันกระทั่งในห้องซักรีด ร่วมกับบาร์เร็ทท์ เจมส์ (ซึ่งจะมีให้ฟังในอัลบั้ม In Utero ฉบับครบ 20 ปี) ที่บ้านของเขา เราไม่เคยมีห้องซ้อมของตัวเองเลย เรามักจะไปเร่ขอแบ่งเวลาห้องซ้อมจากวง โพซีส์ หรือใครก็ตาม เราเคยซ้อมกันที่ เบนบริดจ์ ไอส์แลนด์ ที่ทาโคมา, ในซีแอตเติล ที่ไหนก็ได้ที่เราพอจะหาเวลาได้ บาร์เร็ทท์มีเครื่องอัดแบบหลายแทร็ค ถ้าพวกเรามีเครื่องอะไรแบบนั้น คงมีงานเพลงออกมามากกว่านี้”


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 1:05:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 33  
 
17 เมษายน ไม่ว่าจะปีนี้ หรือเมื่อ 22 ปีที่แล้วกับคนไทยเราน่าจะเป็นวันทำงานวันแรกๆ หลังผ่านเทศกาลสงกรานต์ แต่กับวงการเพลงสากล นี่เป็นวันที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของดนตรี ทั้งแนวทางเพลง และการทำธุรกิจ เมื่อวงเนอร์วานาเอาเพลง Smells Like Teen Spirit ที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยมาเล่นในที่สาธารณะเป็นหนแรก ในโอเค โฮเต็ล, ซีแอตเติล ก่อนจะไปอัดเสียงอัลบั้ม Nevermind ที่ห้องอัดซาวนด์ ซิตี้ สตูดิโอ หลายสัปดาห์ ซึ่งเนื้อร้องจะต่างจากในอัลบั้ม

ตอนนั้นสมาชิกของวงทำงานกันอย่างหนัก เพื่อปั้นเพลงใหม่ๆ ออกมา “ผมพยายามที่จะเขียนเพลงป็อปโคตรๆ ออกมาให้ได้สักเพลง” เคิร์ท โคเบน ว่าเอาไว้ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 1993 “ผมพยายามที่จะทำเพลงในสไตล์ของวงพิกซีส์ ผมยอมรับนะ ว่าเราใช้อารมณ์เพลงแบบพวกเขา มีทั้งนุ่มนวล เงียบงัน แล้วก็ทั้งดังและหนัก”

ทีแรกทางวงไม่รู้สึกหรอกว่า เพลงนี้มีอะไรที่พิเศษกว่าเพลงอื่นๆ “ริฟฟ์ในเพลงก็ใช้กันมาจนเกร่อ” โคเบน เล่า “มันฟังใกล้ๆ กับ ริฟฟ์ของวงบอสตัน หรือเพลง Louie, Louie ตอนผมเล่นกีตาร์ให้คริสท์ (โนโวเซลิค – มือเบสของวง) ฟัง เขามองหน้าผม แล้วบอกว่า ‘เพลงนี้มันโคตรฮา เลยว่ะ’ ผมเลยให้วงเล่นเพลงนี้อยู่ราวๆ ชั่วโมงครึ่ง”

หลายๆ คนมักเปรียบเทียบริฟฟ์ของ Smells Like Teen Spirit กับเพลง More Than a Feeling ของบอสตัน และโคเบนเองก็รับมุข ด้วยการร้องบางท่อนของเพลงคลาสสิคจากปี 1976 ของบอสตันเพลงนี้ ก่อนจะเข้าเพลงของตัวเอง ในการแสดงที่เรดดิ้ง เฟสติวัล เมื่อปี 1992

Smells Like Teen Spirit ทำให้พวกเขาดังเป็นพลุแตกชนิดที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน เอ็มทีวีเปิดเพลงนี้ออกอากาศแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น ความสนใจที่เพลงนี้ได้รับช่วยให้เนอร์วานาเขี่ยไมเคิล แจ็คสันร่วงจากอันดับ 1 ในชาร์ท ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทางวงก็มีสัมพันธภาพที่ซับซ้อนมากๆ กับเพลงที่คนรักมากที่สุดของพวกเขา “ทุกคน ให้ความสนใจกับเพลงนี้มากเกินไป” โคเบน บอกไว้ “ผมคิดว่ามันยังมีเพลงอื่นๆ อีกหลายเพลง ที่ผมแต่งไว้ ถ้าไม่ดีกว่า ก็เจ๋งพอๆ กัน อย่าง Drain You ในคืนที่แย่ๆ ผมแทบจะเล่นเพลงนี้ได้ไม่จบ ผมหมายความว่าอยากจะโยนกีตาร์ ทิ้งแล้วเดินลงเวทีไปเลยนะ ผมมาแกล้งทำเป็นว่ามีความสุขกับการเล่นมันไม่ได้หรอก”

ย้อนกลับถึงไปวันที่ 17 เมษายน 1991 ที่คลับเล็กๆ ในซีแอตเติล ขณะที่แฟนเพลงบางคนตะโกนขอเพลง Free Bird ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น Smells Like Teen Spirit ก็ดังขึ้น มีผู้ชายเพียงคนเดียวในทุกโชว์ที่ชอบเล่นมุขขัดใจชาวบ้านในแบบนั้น กระทั่งในช่วงเวลาที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงขนาดนั้น


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 1:09:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 34  
 
เดี่ยวพรุ่งนี้มาต่ออีกนิดนึงครับ ครับ ผมเริ่มมึนๆ แล้วครับ

ภาพนี้ไม่เกี่ยว นะครับ ชอบเป็นการส่วนตัวครับ
(แฟนผมเองครับ เอิ้ก)

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 1:13:00    IP = 1.10.247.64
 


  คำตอบที่ 35  
 
ขอบคุณมากเลยครับ ผมอ่านเพลินเลย
สำหรับผม Nirvana นี่ยิ่งใหญ่มากๆเลยครับ

   unn08  27 ส.ค. 57   เวลา 11:17:00    IP = 171.96.24.104
 


  คำตอบที่ 36  
 
มาละครับ ต่ออีกนิดนึง เพิ่งตื่นครับ

ในการจัดอันดับเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล Smells Like Teen Spirit ของเนอร์วานา มักจะถูกเลือกเข้าอันดับเสมอๆ และในช่วงต้นปี 2557 นิตยสารดนตรี เอ็นเอ็มอี ของอังกฤษ ได้จัดอันดับ 500 เพลงยอดเยี่ยมตลอดกาลขึ้นมา และเพลงที่ส่งต่ออิทธิพลมากมาย เต็มไปด้วยความลึกลับเพลงนี้ของเคิร์ท โคเบน ซึ่งให้นิยามวัยรุ่นในยุคหนึ่งขึ้นมา ถูกเลือกเป็นเพลงเยี่ยมยอดที่สุด ซึ่งวันนี้เราจะไปพบเบื้องหลังมากมายของเพลงนี้ ที่กระทั่งคอเพลงวัยรุ่นในยุคนั้น ก็ล่วงรู้ถึงเรื่องราวในมุมมืดของเพลงนี้น้อยมาก

Smells Like Teen Spirit เป็นเพลงที่นิยามถึงคนรุ่นหนึ่ง และทำให้เด็กหนุ่มซีแอตเติล ที่ทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพาย เคิร์ท โคเบนกลายเป็นตำนาน แต่แล้วสิ่งต่างๆ กลับจบลงด้วยความอื้อฉาวมากมาย สำหรับนักร้องนำของวงเนอร์วานา ชีวิตในช่วงวัยรุ่นช่างเต็มไปด้วยความฟุ้งฝันอย่างจริงจังถึงความรุนแรง “ผมเก็บเนื้อเก็บตัวมากๆ ต่อต้านสังคม จนแทบจะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนบ้า ผมรู้สึกเสมอๆ ว่า พวกเพื่อนร่วมห้องเรียน คงจะโหวทให้ผมเป็นคนที่อยากจะฆ่าทุกคน ในงานเต้นรำของโรงเรียน


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:36:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 37  
 
” เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในปี 1993 “ผมเคยจินตนาการอย่างพลุ่งพล่านถึงเรื่องนี้ แต่ก็มักเลือกที่จะฆ่าตัวเองเป็นคนแรกเสมอ” เคิร์ทโตมาในย่านชานเมืองอาเบอร์ดี, วอชิงตันที่ดูซึมเซา เล่นเพลงคัฟเวอร์เดอะ บีเทิลส์คนเดียวที่ร้านเหล้าและสถานนางโลมในเมือง เพื่อหลบเลี่ยงสายฝนที่โปรยลงมาอย่างไม่ย่อท้อ ขวบปีในวัยรุ่นของโคเบน ได้เห็นเขาพัฒนาความว่างเปล่าที่เขาไม่เคยไปรบกวนมัน กลายเป็นสิ่งที่สร้างสรรพเสียงที่เต็มไปด้วยการทำลายล้างแสนดุดันที่เฉียบคม และการแต่งเพลงที่เป็นการระเบิดอารมณ์แบบสุดๆ จนเป็นเพลงความยาว 4 นาที กับอีก 38 วินาที ที่มี่ทั้ง เสียงร้องราวกับคมมีดโกน, เสียงกลองกระหน่ำดังสายฟ้าฟาด, เสียงกีตาร์แตกๆ แหบพร่า กับเนื้อร้องที่เป็นปริศนาไม่ต่างไปจากสีเหลี่ยมรูบิกซ์ ที่ 22 ปีผ่านไป ก็ยังไม่มีเพลงไหนฟังแล้วน่าตื่นเต้นเท่านี้

เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาในเดือนกันยายน 1991 แล้วก็กลายเป็นตัวจุดระเบิดการปฏิวัติ หลังจากช่วงเวลาโลกสวยแสนน่าชังของรัฐบาลประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนในยุค 1980s ของอเมริกา การบูมของตลาดเสรี และวลีอย่าง “โลภคือดี” Smells Like Teen Spirit คือเสียงของการเอาชนะการถูกเพิกเฉย ให้กับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่ถูกเรียกว่า คนรุ่นเอ็กซ์ ประหนึ่งว่าการไม่ได้รับความสนใจเป็นเรื่องใหม่ แต่ความจริงก็คือ ความรู้สึกถูกเพิกเฉยนั้นไม่เคยมีปากมีเสียง, ไม่เคยได้รับการยอมรับทางสังคม, ไม่เคยถูกมองว่ามีตัวตน เนอร์วานากับเพลงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเพลงนี้, เสื้อผ้าจากร้านราคาถูกที่สกปรก ซ่อมซอ และความรู้สึกถึงการยิ้มเยาะให้การจมปลักอยู่กับตัวเอง, การพูดการจาคมๆ ในเชิงแดกดันผ่านการให้สัมภาษณ์ รวมไปถึงการไม่ใส่ใจการสอพลอพวกเขาโดยสื่อ ทำให้ ทำให้ความรู้สึกนั้นดูจริง ถ้าภาพโทนสีน้ำตาลเศร้าๆ ของมิวสิค วิดีโอเพลงนี้ ที่ถ่ายทำในหอประชุมโรงเรียน มีภาพสโลโมชันในแบบเสียดสีของเชียร์ลีดเดอร์ ทำให้นึกถึงสิ่งสกปรกในนำ้เค็มๆ ที่ตกตะกอนอยู่ก้นท่อระบายน้ำ นั่นก็เพราะว่าโคเบนมองตัวเองและคนรุ่นเขา เป็นเช่นนั้น


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:38:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 38  
 
จริงๆ แล้ว Smells Like Teen Spirit ก็คือหนึ่งในบรรดาเพลงท้ายๆ ของ Nevermind อัลบั้มชุดที่ 2 ของวง 3 ชิ้นวงนี้ เริ่มด้วยการเป็น ลายมือหวัดๆ เชิงเหน็บแหนม บนกำแพงห้องนอนของเคิร์ท โคเบนในอพาร์ทเมนท์ โดยแคธลีน แฮนนา สมาชิกวงบิกินี คิลล์ เมื่อเดือนสิงหาคม 1990 ทั้งคู่ดื่มกันในช่วงบ่าย แล้วก็ออกจากห้องของเขาไปยืนยามแบบมึนๆ ที่ปีกขวาของศูนย์เด็กอ่อน ซึ่งเคิร์ทพ่นสเปรย์คำว่า GOD IS GAY ขนาด 6 ฟุตทิ้งเอาไว้

จากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่ห้องของโคเบน “เมาหนักกว่าเดิม แล้วฉันก็อ้วกใส่ขาของใครบางคน” แฮนนา เล่าอดีตให้ฟัง “ฉันหมดสติไปโดยมีปากกาเมจิคอยู่ในมือ แล้วตื่นขึ้นมากับหนึ่งในอาการเมาค้างที่คิดว่า หากเปิดประตูห้องข้างๆ ไป จะพบศพของใครสักคนในนั้น… 6 เดือนต่อมา เคิร์ทโทรหาฉัน แล้วบอกว่า ‘นี่ ไอ้คำที่คุณเขียนไว้บนกำแพงห้องผมน่ะ โคตรเจ๋งเลย ผมอยากใช้มันเป็นเนื้อร้องในเพลงใหม่ของผมนะ’”


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:43:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 39  
 
ในช่วงต้นปี 1991 ริฟฟ์ กีตาร์ 4 คอร์ดก็เข้ามาเติมเชื้อ เดฟ กรอห์ล มือกลองของวง หลงรักพลังที่มีอยู่ในเพลงนี้ทันที แต่ “ไม่รู้เลย” ว่า มันจะกลายเป็นเพลงฮิตมหาศาลอย่างที่เป็น เป็นเพลงป็อปที่อยู่ในโครงสร้างของเพลงพังค์ “เป็นเพลง More Than A Feeling ของบอสตัน ที่เนื้อร้องเปลี่ยนไป” เอเวอร์ทท์ ทรู อดีตนักข่าวของนิตยสารดนตรีเอ็นเอ็มอี และเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเคิร์ทกล่าวเอาไว้ในปี 2008 โครงสร้างของเพลงมาแบบง่ายๆ ท่อนร้อง แล้วก็คอรัส ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากวง เดอะ พิกซีส์ และยังเป็นเพลงๆ เดียวในอัลบั้ม Nevermind ที่สมาชิกทั้งสามคนของวงได้เครดิตในการแต่งเพลงร่วมกัน ซึ่งถูกต้องแล้วที่เป็นเช่นนั้น มันจะเป็น Smells Like Teen Spirit ได้ยังไง ถ้าไม่มีเสียงกลองที่กระแทกกระหน่ำอย่างกับเลื่อยไฟฟ้าที่หมุนเข้ามาในชีวิต หรือขาดเสียงเบสหน่วงๆ ของคริสท์ โนโวเซลิค บรรเลงยั่วเย้าอยู่รอบๆ เสียงร้องของเคิร์ท?

ความประทับใจที่มีต่อเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง เหมือนเป็นลูกตุ้มที่เหวี่ยงทุบตึกวัฒนธรรมป็อป แดนนี โกลด์เบิร์ก แห่งบริษัทดูแลศิลปิน โกลด์ เมาน์เทน ยอมรับว่า ไม่มีใครในซับ ป็อป (ต้นสังกัดของวง) หรือในทีมดูแลเนอร์วานาได้ยิน แล้วมองว่าเป็นเพลงที่มีโอกาสฮิตระเบิดแบบเมนสตรีม ความหวังสำหรับอัลบั้มนี้ก็คือ “ขายมันได้ราวๆ ครึ่งหนึ่งที่อัลบั้มชุดล่าสุดของวงโซนิค ยูธทำได้ก็พอ ถ้าเราโชคดีนะ” กับการมี Come As You Are ที่ถูกทีมของซับ ป็อปมองว่า เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะมีเพลงฮิต บรรดาสถานีวิทยุตามมหาวิทยาลัยกลับเล่นเพลงนี้เป็นหลัก แล้วก็มีคนเป็นร้อยๆ มารวมตัวกัน รอหน้าโชว์ของเนอร์วานาที่ขายบัตรได้เกลี้ยง โดยไม่มีบัตรอยู่ในมือ ด้วยหวังว่าจะฟลุ้คได้เข้าไปดู


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:45:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 40  
 
ทุกๆ ที่ ที่ Smells Like Teen Spirit ไปถึง เพลงนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับความวุ่นวายอย่างสุดๆ การแสดงของเนอร์วานา กลายเป็นสนามของการกระแทกกระทั้นทันทีที่โคเบน กระหน่ำโน้ตแรกของเพลงด้วยเจ้ากีตาร์เฟนเดอร์ จากัวร์ มีข่าวว่าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังตกมาจากระเบียงห้างสรรพสินค้า เมื่อเพลงนี้ดังขึ้นมาจากลำโพงในห้าง แล้วเขากระโดดไปกับเพลงอย่างไม่คิดชีวิต กระทั่งการถ่ายทำมิวสิค วิดีโอเพลงนี้ ก็ยังมีความวุ่นวายเกิดขึ้น “เราเอาเด็กๆ ที่ไปดูโชว์ของเนอร์วานามาเล่นวิดีโอ เทคแรกก็แทบจะจลาจลแล้ว” แซมวล ไบเออร์ ผู้กำกับเล่าเอาไว้ในปี 2008 “ผมอยู่ที่นั่นมีลำโพงอยู่ในมือตะโกนบอกให้ ‘หยุด! หยุด!’ ผมคิดถึงพระเจ้าเลยตอนนั้น เราต้องมีตำรวจเข้ามาดูแล คนเล่นกำลังจะหลุดไปกับเพลงนี้”

หลายเดือนผ่านไป ความนิยมของเพลงนี้ยังไม่สร่างซา ยอดขายของ Nevermind พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการหนุนหลังของ Smells Like Teen Spirit ถึงขนาดเขี่ยอัลบั้มของไมเคิล แจ็คสันหล่นจากอันดับ 1 ของชาร์ทบิลล์บอร์ด แต่มีคนๆ หนึ่งที่เบื่อหน่ายกับ Smells Like Teen Spirit มากขึ้น นั่นก็คือตัวโคเบน “ผมพอมองเห็นว่ามันเป็นเพลงที่ดี จากมุมมองทางการขาย แต่มันดูประดิษฐ์ไปหน่อย สำหรับรสนิยมของผม” เขาพูดในปี 1993 โคเบนเริ่มไม่ยอมเล่นเพลงนี้ในโชว์ บ่อยครั้งที่เขาจะเล่นกับจังหวะของเพลง เพื่อให้ฟังยุ่งเหยิง เพียงแค่สร้างความรำคาญให้กับคนดู ที่เขาหยันว่ามาดูเนอร์วานา ก็เพราะอยากได้ยินเพลงนี้ตอนที่ยังเป็นเพลงฮิตประจำเดือนอยู่ เขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดแบบนี้อีก การแต่งเพลงสำหรับอัลบั้มชุดต่อไป เขาจะใส่ใจกับซาวนด์ของเพลง ที่ขัดหูพวกคอเพลงดาดๆ เพราะจากที่คีธ คาเมรอน อดีตนักข่าวของหนังสือดนตรีเอ็นเอ็มอีมองเห็น เขา (โคเบน) รู้สึกว่ากำลังขายงานให้กับพวกที่ทอดทิ้งเขาตอนเป็นวัยรุ่น ให้รู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว “เคิร์ทจะไม่ขายเพลงให้พวกน่ารังเกียจ”


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:50:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 41  
 
20 ปีหลังการฆ่าตัวตายของโคเบน กระสุนปืนหนึ่งนัดที่กระหน่ำไปที่ศรีษะของเขา ในเรือนกระจกของบ้านในซีแอตเติลของตัวเอง เป็นการจบอาชีพการทำงานที่กำลังลุกโชนส่องแสง Smells Like Teen Spirit ยังคงสร้างความบันเทิงให้กับแฟนเพลง ยังมีความสำคัญเหมือนที่เคยเป็น ศิลปินตั้งแต่ ไมลีย์ ไซรัส ไปจนถึงเคลิส ต่างก็เคยคัฟเวอร์เพลงนี้ เจย์ ซีก็ยกย่องเพลงนี้เอาไว้ในอัลบั้ม Magna Carter Holy Grail ที่ออกมาเมื่อปีกลาย รวมทั้งยังถูกกล่าวถึง, นำไปใช้ในภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ตลอดจนถักทออยู่กับผืนผ้าวัฒนธรรมป็อปยุคใหม่อย่างเหนียวแน่น ที่บางทีหลายๆ คนอาจจะรู้จักกีตาร์โซโลของมันดีกว่าเพื่อนสนิท และครอบครัวของตัวเองเสียงอีก

เพลงนี้ไม่ได้มีความหมายแค่กับคนยุคหนึ่ง แต่ยังมีความรู้สึกที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในเพลงมาก่อน นั่นคือ ความเจ็บป่วยของสถาบัน, ความไม่มี ที่เพิ่มขึ้นในองค์กรโลก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เพลงนี้ยังคงมีพลัง และเป็นเหตุผลให้ผู้คนในทุกวันนี้ยังชื่นชม Smells Like Teen Spirit เหมือนที่เคยเป็น

จากเรื่อง เพราะอะไร Smells Like Teen Spirit ถึงกลายเป็นเป็นเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล (จบ) โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่1 พฤษภาคม 2557


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 12:56:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 42  
 
งงๆ นะครับ มาได้ไง

Anthony Kiedis ร้องนำแห่ง Red hot chilli paper เข้ามาเต้นใน mv ด้วยครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 13:01:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 43  
 
เราจะเห็นใน Mv จะมีไอ้หนุ่มหนุ่มเอเชีย เต้นสะเด่าอยุู่คนนึง เค้าผู้นั้นก็คือ
David Choe นั่นเองครับ (งง...ใครแว๊)



   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 13:10:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 44  
 
เค้าผู้นั้นก็คือ คนวาดปก อัลบัม jay z linkin park นะครับ

David Choe ศิลปินเกาหลี-อเมริกันที่ดังสุด ๆ คนหนึ่งแห่งงาน Graffiti จาก Los Angeles, California คนนี้ งานของเขาสร้างความตื่นตะลึงให้ต้องหยุดมองอย่างไม่อาจถอนสายตาไปได้แม้แต่วินาทีเดียว งานที่เจนจัดไปด้วยเทคนิคต่าง ๆ ความฟุ้งของภาพ เส้นสายที่หนักแน่นปนเท่สร้างความสะใจให้กับผู้เสพงานของเขา บ้างก็นุ่มนวลทว่าดูแปลกตา เหนือจริงอย่างน่าหลงใหล ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาผ่านผลงานมากมาย งานของ David Choe ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและปรากฏไปทั่วในรูปแบบอันหลากหลายในแง่ของวัฒนธรรมเมืองที่มีอิทธิพลต่อการตลาดในอนาคต (Urban Culture) อาทิเช่น เขาได้ทำ cover art ให้กับ Jay-Z และ Linkin Park’s multi-platinum album Collision Course ในปี 2004 สร้างสรรค์ผลงาน erotic ชิ้นยอดเยี่ยมให้กับ Facebook’s Silicon Valley Office แห่งแรก ใน Palo Alto, California ในปี 2007 และในปี 2008 David Choe ได้สร้างสรรค์ portrait ของ Barak Obama เพื่อใช้ใน grassroots street art campaign ซึ่งต่อมาผลงานชิ้นนี้ของเขาได้ถูกนำไปแสดงไว้ที่ทำเนียบ White House ชายที่เรียกขานตัวเองว่า “highest paid decorator alive” คนนี้ยังมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งผลงานใหม่ล่าสุดของเขาบนดินแดนในประเทศเม็กซิโก โดยเขาได้ร่วมงานกับ Dhear ศิลปินระดับประเทศที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในรูปแบบงานที่มีความเป็น surrealist graffiti และ David Choe ยังได้ร่วมเปิด workshop สอนพ่น graffiti ให้กับเด็ก ๆ ในเม็กซิโกบนพื้นที่ A Place Called Home (APCH) อีกด้วย

Read More: http://www.portfolios.net/profiles/blogs/graffiti-david-choe#ixzz3BZOlr4yK


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 13:16:00    IP = 1.10.247.13
 


  คำตอบที่ 45  
 
ขอบคุณ teayai ครับ

ที่มากระตุ้นต่อมอยากได้ mustang

^_^

   Djam      27 ส.ค. 57   เวลา 13:43:00    IP = 202.183.207.80
 


  คำตอบที่ 46  
 

ขอบคุณมากๆ ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      ชิตชัย      27 ส.ค. 57   เวลา 14:28:00    IP = 101.108.189.181
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 47  
 
ขอบคุณสำหรับ เรื่องราว ข้อมูลดีๆ ที่นำมาแบ่งปัน ครับ

ยิ่งอ่าน ยิ่งคิดถึง Kurt จริงๆ

   sickboy      27 ส.ค. 57   เวลา 14:41:00    IP = 107.201.240.135
 


  คำตอบที่ 48  
 
ได้อ่านบทความแลัวเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลยครับ คิดถึงยุคนั้นจริงๆ ขอบคุณพี่ teayai มากๆก๊าบบบบบบบบบบบบบบบ ^^

   kuy13      27 ส.ค. 57   เวลา 14:52:00    IP = 27.130.204.54
 


  คำตอบที่ 49  
 
เมื่อกี้ไป ทำการคล้ายกับ Soaked in Bleach(แช่ในการฟอก) ไปซักผ้ามาครับ

เคิร์ท คงคิดในใจ " ถึงกรูจะตาย..แต่กรูยังขายได้โว้ย!!"

มาอีกแล้วครับ หนัง เรื่องจบ คนไม่จบ!!!


ตัวอย่างภาพยนตร์กึ่งสารคดี 'Soaked in Bleach' (ยังไม่มีกำหนดออกฉาย) เกี่ยวกับปริศนาการเสียชีวิตของ Kurt Cobain เล่าผ่านมุมมองของนักสืบเอกชนนาม Tom Grant ที่ชี้ให้เห็นถึงทฤษฎีสมคบคิดที่คุณอาจคาดไม่ถึง





   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 15:54:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 50  
 
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับ

ผมกะจะสร้างกระทู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึก ครับ!!!


last days (2005) เป็นหนังที่ผมตามหามานานร่วม 3 ปี ผมได้มาจาก bit ของต่างประเทศ
หนังเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีซับไทยเลย แม้ว่าผมไม่เก่งภาษาก็ตาม เพราะบทพูดที่มีน้อยมาก
และแทบไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสำคัญมากเท่าไรเลย

last days ชายหนุ่ม ผมสีทองประบ่า เสื้อยืดสีขาวกางเกงสีแดง เหม่อลอย หลบหนีผู้คน
พร่ำบ่นในลำคอเบา (หรืออาจจะร้องเพลง หรือบทกลอนไม่อาจจะรู้ได้) เห็นได้ทั่วไปในหนังเรื่องนี้
บทสนทนาแทบจะไม่สำคัญกับตัวหนังเลย หนังเล่าเรื่องด้วยภาพตลอด 1 ชั่วโมงครึ่ง
ก่อนที่ผมจะได้ดูหนังเรื่องนี้ ได้ทราบว่า kurt cobain เป็นแค่แรงบัลดาลใจเท่านั้น
แต่ในหนัง ดูแล้วแทบจะเอาชีวิตจริง ในช่วง 2-3 วันสุดท้ายของ kurt มาทำโดยปรุงแต่ง
ตามแบบฉบับของ gus van sant ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ อารมณ์ของหนัง ชวนให้เผลอคิดไปได้ว่า
แบลค ชายหนุ่มคนนั้น คือ kurt cobain (ตั้งแต่การแต่งกาย เสื้อผ้าแม้แต่ลายของเสื้อผ้า
ท่าเดิน ดนตรี แมว ชุดชั้นในสตรี แว่นตา รองเท้า จดหมายลาตาย ลูกสาว เพื่อน แทบทุกอย่าง)


หนังเล่าเรื่องด้วยภาพ ไปหน้า ย้อนกลับ สลับกับการย้อนเรื่องมาที่เดิม และข้ามไปข้างหน้า
ทำให้เห็นถึงมุมมองของ คนอื่น และ มุมของของแบลค มุมกล้อง จะนิ่งและเชื้องช้า แม้กระทั้ง
นิ่งแช่ไปนาน ๆ ทำให้ดึงอารมณ์ไปอยู่กับตัวละครไปเลย เสียงน้ำที่ไม่มีที่มาที่ไป เสียงตะโกน
เสียงดนตรี กรีดร้อง วนเวียน ทำให้ก้องอยู่ในหัวราวกับเราเป็นตัวละครตัวนั้นไปเลย

โดยคุณ Archawin84
http://www.musicexpress.in.th/DetailWebboard.php?id=334

last days เป็นช่วงชีวิตสุดท้าย ที่ต้องการจะหนีความวุ่นวาย หนีผู้คน และหาความสงบให้ตัวเอง
และนั้นคือ "การฆ่าตัวตาย"

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 16:05:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 51  
 
แม้ว่า เดฟ จะเจ๋ง และเก่ง โพดๆ

แต่บางที เฮียแก ก็ กวน ตีน แฟนๆ เหมือนกันครับ

ดังเหตุการณในคลิป มีแฟนเพลง หรือ นักข่าว สมัครเล่นอะไร ก็ไม่ทราบ ไปขอสัมภาษณ์ พี่แก ใน ตม. รึเปล่า

เดฟพูดใส่คนๆ นั้นว่า

"I don't do interviews with people who aren't fucking journalists"

"กูไม่ให้สัมภาษณ์กะคนที่ไม่ใช่นักข่าวหัวกรวยว่ะ!!"

แป่ว....คนไปขอสัมภาษณ์มีเงิบ สิครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 16:17:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 52  
 

ข่าวเมื่อปี 53 แล้วนะครับ

“โรเบิร์ต แพททินสัน” ฉุนจัด ลั่นไม่อยากเล่นหนังประวัติ “เคิร์ท โคเบน”

พระเอกสุดฮอต โรเบิร์ต แพททินสัน ถึงกับโกรธลมออกหู ที่จู่ๆ ม่ายสาวสุดซ่า คอร์ทนี่ย์ เลิฟ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ไม่ปลื้มอย่างแรง ที่ผู้สร้างเตรียมติดต่อให้หนุ่มโรเบิร์ต มารับบท ร็อกเกอร์ผู้ล่วงลับ เคิร์ท โคเบน สามีของเธอในหนังอัตชีวประวัติเกี่ยวกับนักร้องนำวง เนอวาน่า โดยให้เหตุผลว่า โรเบิร์ต ฝีมือไม่ถึง ซึ่งหนุ่มโรเบิร์ต ก็สวนกลับทันควันว่า เขาเองก็ไม่คิดจะรับบทนี้เหมือนกัน

แต่ภาพข้างบนเป็น ภาพจากหนังเรื่อง How to be ซึ่ง Robert เล่นเป็นนักดนตรีที่เป็นโรคซึมเศร้าครับ หนังฮาดีครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 16:54:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 53  
 
Dave Grohl แนะ อย่าคิดถึงการตายของ Kurt Cobain เมื่อฟัง In Utero

อดีตมือกลองจาก Nirvana และนักร้องนำจาก Foo Fighters ออกมาบอกว่าเค้าไม่สามารถฟังอัลบั้ม In Utero อัลบั้มสุดท้ายของ Nirvana ได้อีกต่อไป เพราะเค้าคิดถึงแต่การตายของ Kurt Cobain

ในโอกาสที่อัลบั้ม In Utero อัลบั้มที่สามและอัลบั้มสุดท้ายจากสุดยอดวงกรั๊นจ์อย่าง Nirvana วางแผงอีกครั้งในการฉลองครอบรอบ 20 ปี Dave Grohl อดีตมือกลองของวงและนักร้องนำจาก Foo Fighters ได้ออกมาบอกว่าใครที่ฟังอัลบั้มนี้ ควรจะแยกแยะการฟังอัลบั้มกับการรับรู้เรื่องการฆ่าตัวตายตายของ Kurt Cobain เพราะมันจะผิดจุดประสงค์ของการมีอยู่ของอัลบั้มนี้ไป

"ทุกคนควรจะฟังอัลบั้มนี้ให้เหมือนกับเป็นวันที่มันเพิ่งปล่อยออกมา"

"ผมมีปัญหาของผมในการแยกแยะการฟังอัลบั้มและการรับรู้ว่า Kurt จากไป ผมเลยไม่สามารถจะฟังมันได้อีกต่อไป"

"ถ้าคุณฟังโดยไม่คิดถึงการตายของ Kurt คุณจะได้รับรู้ความตั้งใจที่แท้จริงของการทำอัลบั้มนี้ เหมือนลูกๆของผมที่รู้ว่าผมเคยอยู่ Nirvana รู้ว่า Kurt จากไป แต่พวกเค้าไม่รู้ว่า Kurt ฆ่าตัวตาย เพราะฉะนั้นเวลา ที่พวกเค้าฟัง In Utero พวกเค้าจะได้รู้ถึงมุมมองที่สดใหม่ของอัลบั้ม เหมือนคนที่ได้ฟังครั้งแรก"

"วันนึงพวกเค้าอาจจะได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น และพวกเค้าก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งมันก็ได้เกิดขึ้นกับผมมาแล้ว"

ขอบคุณข้อมูลจาก www.gigwise.com
http://rockonradio.becteroradio.com/news-detail.php?id=1236

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 16:59:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 54  
 




The Cribs ให้สัมภาษณ์ว่าถ้า Nirvana เกิดยุคนี้ ไม่มีทางได้เซ็นสัญญา

ไรอัน จาร์แมน หัวหอกวง The Cribs เผยว่า เชื่อขนมกินได้ ถ้า Nirvana เกิดในยุคนี้รับรองไม่มีใครเอาเข้าสังกัดแน่นอน ด้วยความที่อุตสาหกรรมเพลงในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนฟังเพลงมีความสนใจแบบฉาบฉวยพร้อมจะเปลี่ยนความชอบตัวเองได้ตลอดเวลา ไรอันให้ความเห็นส่วนตัวกับหนังสือพิมพ์ The Sun ว่า "วงอย่าง Nirvana, Sonic Youth หรือวงไหนก็ตามที่เกิดมาจากกระแสอันเดอร์กราวน์ด ไม่มีทางที่จะลืมตาอ้าปากได้ในตลาดเพลง ถ้าทำเพลงถูกใจแล้วเกิดดัง ก็บูมอยู่ได้แป๊บเดียว สักพักคนก็ขยับไปหาอย่างอื่นฟัง นี่ละที่ผมเป็นห่วง ผมถึงบอกว่าเดี๋ยวนี้มันไม่มีที่ว่างให้วงอย่างเราๆ เท่าไหร่นักหรอก"

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 17:04:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 55  
 
เมื่อวานได้รับรู้ถึงชีวิตแบบอัตคัตของเนอร์วานา ที่ต้องไปเร่ขอเวลาของห้องซ้อมจากวงที่รู้จัก หรือไปซ้อมที่บ้านเพื่อนซึ่งมีห้องซ้อม ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมมากกว่า ซึ่งทำให้พวกเขามีงานเพลงออกมา “น้อย” กว่าที่ควรจะเป็น

นั่นหมายความว่า ห้องซ้อมคือจุดเริ่มต้นหลายต่อหลายเพลงของพวกเขา “บางเพลงเคิร์ทจะแต่งเก็บเอาไว้ เขาจะมาห้องซ้อมพร้อมกับมัน แล้วเราก็เล่นมันออกมา ช่วยกันทำ แล้วก็มีหลายๆ เพลงที่มาจากในห้องซ้อมเลย ซึ่งได้มาจากการแจมกัน ซึ่งจะใช้เวลาซ้อมด้วยกันสัก 2-3 ครั้ง แต่พวกมันจะเป็นแค่โครง จากนั้นก็เป็นเคิร์ท เขาจะมีมีริฟฟ์กีตาร์ แล้วก็ทำได้ดีมากๆ ในเรื่องการร้องเป็นวลีๆ ออกมา เขามักจะเขียนเนื้อร้องออกมาได้ในนาทีสุดท้ายเสมอๆ แต่เขาเจ๋งมาก เรื่องการร้องเป็นวลีๆ ในห้องซ้อม ในที่สุดเราก็ได้เพลงมาแล้วเพลงหนึ่ง ซึ่งเราจะยึดการเรียบเรียงตรงนั้นเอาไว้ เราจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เห็นได้จากหลายๆ เวอร์ชั่นของแต่ละเพลงที่เราเล่นกันสดๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราไม่เคยเปลี่ยนการเรียบเรียง เมื่อมันได้ มันก็จบ จากนั้นก็แค่เล่นออกมา”

ดูเหมือนว่า เนอร์วานา ก็คือวงของเคิร์ท เขาทั้งร้อง ทั้งเขียนเนื้อร้องตั้งต้น วงเป็นแค่ทางเชื่อมเขากับโลก ”นั่นยุติธรรมดี ถูกสุดๆ เลยละ” คริสท์ตอบ และเขากับเดฟ ก็เป็นแค่ตัวช่วยในการเชื่อมโลกของเคิร์ท “เป๊ะ!!! ผมทำงานของผมไป ผมรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรกับวง ตอนนี้ผมพอจะบอกได้เรื่องหนึ่ง ที่น่าจะเป็นการตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด เดฟ, แพ็ท และผม ไม่เคยเล่นด้วยกันเลยตลอด 20 ปีมานี้ จนกระทั่งปีกลาย ตอนเราทุกคนเข้าห้องอัดกับพอล แม็คคาร์ทนีย์ (ซึ่งเป็นการทำงานให้กับหนังเรื่อง Sound City ของกรอห์ล) ผมรู้สึกแบบ ‘โอ พระเจ้า’ ผมรักผู้ชายคนนี้จัง แล้วเขาก็เล่นกีตาร์มือซ้ายเหมือนเคิร์ท ตอนที่เขากำลังเล่นสไลด์ท่อนสำคัญ ผมก็เริ่มเล่น พยายามจับจังหวะ ในคีย์ ดี กับใช้เอ็ฟเฟ็คท์แร็ทเก่าๆ ที่ให้เสียงคำรามออกมา เดฟเล่นตรงนั้น ตรงนี้ก็เป็นแพ็ท นั่นก็พอล เขาส่งริฟฟ์มาที่ผม ผมเล่นรับ แล้วก็โยนบางอย่างกลับไปให้เขา แล้วเขาก็รับ -

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 17:13:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 56  
 
“ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบฉับๆๆ แล้วเพลงนี้ (Cut Me Some Slack) ก็เป็นรูปเป็นร่าง มันกลายเป็นเพลงขึ้นมาได้ภายในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ผมมองไปที่เดฟ กับแพ็ท แล้วก็ไม่นึกถึงพอล ผมรู้สึก… ‘เราไม่ได้ทำแบบนี้ด้วยกันมานานมาก’ มันเหมือนกับเมื่อ 20 ปีก่อน เราเดินออกไปจากห้องนี้ แล้ววันนี้เราก็กลับเข้ามา และทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ในหนังพอลถึงกับพูดว่า ‘ผมไม่รู้ตัวเลยว่า ผมกำลังอยู่ในวงเนอร์วานา รียูเนียน…’”

ที่น่าสนใจก็คือ หลังเคิร์ทตาย ผู้คนเริ่มแกะปริศนาในเนื้อเพลงจากอัลบั้ม In Utero ทั้งๆ ที่บางเพลงเขียนเอาไว้ก่อนนานมากๆ ก่อนอัลบั้ม Nevermind ด้วยซ้ำ “ผมไม่เคยตีความเพลงเขาเลยสักเพลง” คริสท์ เผย “เคิร์ทก็ไม่เคยทำ เขาเขียนเนื้อร้องขึ้นมาอย่างรอบคอบ และมีบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ คุณตีความยังไงก็ได้ตามใจ ผมเคยเจอคนมาบอก ‘เพื่อน… ตอนที่ผมกำลังพักฟื้น ผมฟังเพลงของเนอร์วานาทุกวันเลย มันช่วยผมได้เยอะ’ นั่นก็เยี่ยมแล้ว ผมบอกคุณไม่ได้หรอกว่า เพลงนี้ เพลงนั้น มีความหมายยังไง

“กับเคิร์ท ผมควรจะเรียกเขาว่า กังหันลม ผมเคยบอกเขาแบบนั้น… มีครั้งหนึ่ง ผมถามเขาไป ‘นายได้ยินไหมว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรไป? นายพูดแย้งกับที่บอกเอาไว้เมื่อนาทีที่แล้ว’ เขาหัวเราะให้กับตัวเอง เพราะเขารู้ว่าทำอะไรไป เขาอยากเป็นร็อค สตาร์ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เกลียดมัน”


   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 17:15:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 57  
 
In Bloom - วง Obay Ft พี่ บ๋อม Potato

Nirvana Tribute Concert #12

เล่นมันมากครับ

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 17:35:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 58  
 
แจ๋วมากคับ ! เด๋วค่อยๆทะยอยมาอ่านต่อคับ

   Zar  27 ส.ค. 57   เวลา 17:45:00    IP = 27.254.8.20
 


  คำตอบที่ 59  
 
สุดยอดครับ

   Apirat15  27 ส.ค. 57   เวลา 17:46:00    IP = 49.230.185.38
 


  คำตอบที่ 60  
 

พวกเขาคือความผิดพลาด แบบไม่มีใครคาดคิด

ที่ก้าวเข้ามาเติบโต สร้างพัฒนาการทางด้านเสียงให้กับตัวเองได้ "ผมยังจำตอนที่ ดูเคิร์ทเล่นได้ ผมรู้สึกแบบ 'พระเจ้า ดนตรีของพวกเขามันก็คือระเบิดปรมาณูดีๆ ลูกหนึ่งนี่เอง' Bono จาก U2 กล่าว "นี่คือการปะทุของอะตอมขนานแท้ พวกเขาเพิ่มอุณหภูมิให้กับทุกๆ คน การสร้างงานเพลงป็อป ไม่เคยดูเยียบเย็น ขนาดนี้เลย จนกระทั่งมีความเร่าร้อนขนาดนี้มาอยู่ใกล้ๆ เนอร์วาน่าทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง กลายเป็นเรื่องงี่เง่า"

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 19:03:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 61  
 

เรามักจะเห็น Dave และ foo fighter ทำการล้อเลียน วง coldplay อยู่ตลอด
บางคนอาจคิดว่าเดฟ เกลียดวง โคลเพลย์

เราจะเห็น ใน MV เพลง walk ครับ

แต่เดฟ ก็ออกมาพูดแล้วครับว่า

“we don’t hate Coldplay, we just like to make fun of them that what's guys do. And if thier feeling get hurt, then sorry”

"เราไม่ได้เกลียดโคลเพลย์นะ เราแค่ชอบที่จะหยอกล้อเล่นพวกเขาเฉยๆ นั่นแหละที่พวกเราทำ และถ้าพวกเขารู้สึกเจ็บปวด ผมขอโทษแล้วกัน"

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 19:21:00    IP = 1.10.247.5
 


  คำตอบที่ 62  
 

ยลโฉมลูกสาว เคิร์ท โคเบน ผู้ปฏิเสธบท “เบลล่า” ในทไวไลท์

โตเป็นสาวแล้ว แถมยังสวยซะด้วย สำหรับสาวน้อยวัย 17 ปี นาม ฟรานเซส บีน โคเบน ลูกสาวของร็อกเกอร์ผู้ล่วงลับ เคิร์ท โคเบน แห่ง Nirvana กำลังเป็นที่สนใจของวงการบันเทิงมากมายว่าเธอจะเดินตามรอยพ่อ-แม่ที่ต่างก็เป็นร็อกสตาร์ทั้งคู่หรือไม่

ฝ่ายคุณแม่ คอร์ทนีย์ เลิฟ หลังจากที่สามีของเธอ(เชื่อว่า)ฆ่าตัวตายในขณะลูกน้อยอายุได้เพียง 20 เดือน เมื่อปีค.ศ. 1994 เปิดเผยว่า ฟรานเซส นั้นไม่ปรารถนาจะใช้ชีวิตในวงการมายา โดย ฟรานเซส ปฏิเสธบท เบลล่า จากภาพยนตร์ทไวไลท์ ที่ส่งให้ คริสเทน สจ๊วต ดังเป็นพลุแตก และบอกปัดภาพยนตร์แฟนตาซีอย่าง Alice In Wonderland ของทิม เบอร์ตัน ที่หวังให้เธอมารับบท อลิซ เช่นกัน และย้ำว่าเป็นความต้องการของลูกสาวที่อยากจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และกำลังสนใจนิยายภาพ (graphic novel = นิยายภาพ, การ์ตูน) เป็นอย่างมาก

แต่เราก็แอบไปรู้เรื่องกอสสิปมาเหมือนกันนะว่า ฟรานเซส นั้นก็แอบเสียดายบท เบลล่า เหมือนกัน เพราะตอนนี้คุณเธอปลื้ม ร็อบ (โรเบิร์ต แพททินสัน) มาเอาการ ขนาดคุณแม่อาศัยเส้นสายในวงการ จะจัดให้เจอกันเลยทีเดียว

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 20:50:00    IP = 1.10.247.94
 


  คำตอบที่ 63  
 

อันนี้เป็นบทความจากกระทู้
http://beta.soccersuck.com/boards/topic/1097875
จากคุณ TwaTMan ครับ

อ่านแล้วแปลกดีครับ แอบฮาเล็กน้อยครับ ไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ครับ


ระบายคับ โครตหงุดเลย ขออภัยอยากมีัคำหยาบนิดๆ เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่าน
เพื่อนผมคนนี้แม่งเป็น guitar hero แต่ มันมีไอดอลเป็น guitar hero ระดับปรามาจาร และพวกเฮฟวีเมทัล
วันๆแม่งไม่ทำห่าไรเลย นอกจากตื่นมาลีดกีตาร์ กับด่านักกีตาร์ให้เพื่อนฟัง โดยเฉพาะ Slash, syn gates, Noel oasis ฯลฯ 3 เวลาหลังอาหาร โดยเฉพาะ slash แม่งจะชอบด่าว่า "ฝีมือกากๆ เสือกเป็น guitar hero แม่งขายแต่ลุค ถ้าไม่หล่อก็ไม่ดังหรอก อาศัยบารมี axl" ส่วน sys gate แม่งจะชอบด่าว่า ฝีมือกากแล้วขี้เก๊ก มีแต่กล้ามเนื้อไม่มีสมอง ส่วน Noel มันจะชอบด่าว่า ดีแต่ปากมากกว่าฝีมือ เล่นรสดยังต้องใช้ลิปซิ้ง ฝีมือชุยๆ และอีกมากมาย เอ้อมี Sid อีกคนที่มันชอบด่า ด่าว่า ดังเพราะเล่นยาตาย เด็กป.1 ยังเล่นกีต้าเก่งกว่ามันอีก << ไอนี่ยอมรับนะว่าฝีมือมันห่วยจริง ขายเพราะภาพลักษณ์ แต่มันเป็นวิถีพังค์ เล่นกันไม่กีคอร์ด เค้าขาย live stye ด้วย นอกจากนี้มันก็ชอบด่าอีโม วงอีโมแม่งด่าหยาบๆคายๆตลชอด อย่างจาเร็ดก็โดน MCR Pabnic disco โอ้ยเยอะ บางทีเพื่อนเปิดเพลงอีมี อยู่ดีๆแม่งเดินมาปิดก็มี

เกริ่นมาเยอะแล้้ว วันนี้คับ ก็ดื่มเหล้าที่หอเพื่อนกัน ไอนี่มันเอาอีกละ แต่ไม่รู้แอะไรดลใจมันให้มาด่าเคิร์ต โคเบน ผมงี้ขึ้นเลยคับ มันด่าว่าเคิร์ตฝีมือกาก เล่นสดไม่ได้เรื่อง สกิลไม่มีเผลอ เผลอๆ เดฟ โกธ ยังเล่นเก่งกว่าอีก มีดีแค่ไลฟ์สไตล์ ไม่ต่างจาก Sid ถ้าไม่ฆ่าตัวตายก็ไม่มีใครยกให้เป็นตำนานหรอก

ผมก็ตอกมันไปว่า เฮ้ย เมิงพูดไรวะ ถ้าอย่างเคิร์ตกาก แล้วมันจะมีใครเก่งสักกี่คน เคิร์ตมันไม่ใช่ฮีโร่ เก่งของเมิงคือแบบไหน ?
แล้วมันก้พูดทฤษฏีไรของแม่งไม่รู้ยาวเหยียดเลย ไอสาสเมิงเป็นฮีโร่ เจือกมาวิจารณ์พังค์ ส้งติง เมิงใช้ไรคิดเนี่ยยยยย แล้วมันก็ด่าๆต่อว่า เคิร์ตติดเมีย ฝีมือเลยไม่พัฒนา พอรู้ว่าตัวเองฝีมือตก ก็เลยฆ่าตัวตายเพราะอยากเป็นตำนานให้คนจดจำ ไม่ให้เห็นตอนหมดสภาพ แม่งพุดจบผมลุกจะสาวหมัดละ พอดีเพื่อนอีกคนจับบ่าไว้ ผมเลยเดินออกมาจากวง กลับเข้าหอเลยครับ

จบละ บ่นเฉยๆนะ อยากรู้ว่าพวกแบบนี้มีกันเยอะป่ะ รอบๆตัวแต่ละท่าน พวกเล่นสายฮีโร่บ้าพลังดีๆที่ผมพบก็มีเยอะแยะ แต่พวกปากหมานี่มีเยอะเหมือนกันจริงๆ บางคนแค่ลีดสตีฟ วาย ได้ 3 ท่อน แม่งทำตัวเป็นกูรูวิจารณ์มือกีต้าร์ทั่วโลกก้มี

   teayai      27 ส.ค. 57   เวลา 21:08:00    IP = 1.10.247.94
 


  คำตอบที่ 64  
 

เจ๊ .... อรอรีย์
Live In Sonic Attack 2012 : 90s - The Best!!!

   teayai      28 ส.ค. 57   เวลา 0:22:00    IP = 1.10.247.8
 


  คำตอบที่ 65  
 
ใจเย็นๆครับ การที่มีคนมาต่อว่าด่าทอแนวดนตรี หรือสิ่งต่างๆที่เราชอบ ไม่ใช่เรื่อบแปลก ต่างคนต่างความคิด ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องไปโต้แย้งเขาหรอกครับ เขาพูดได้ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวเขาก็จะหยุดบ่น ( เห่า ) ไปเอง

คือคนที่เล่นดนตรี หรือ ฟังดนตรี แล้วมีความคิดเหยียดหยามหรือดูถูกคนอื่นนี่ ถ้าในหมู่นักดนตรี หรือ นักฟังที่ตกผลึกแลัวเขาไม่เอามาเป็นประเด็นหรอกครับ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ

ถ้าเป็นฝรั่งโดยมากถ้าเขาจะยอมรับอะไรซักสิ่งนึง เขาจะมีมุมมองหรือวิธีการวิเคาระห์ที่ละเอียดกว่าเรามากๆ ยกตัวอย่างเช่น Mike Portnoy ( Dream Theater ) เคยกล่าวชม Taylor Hawkins ( Foo Fighter ) ว่าเขาเป็นคนที่ตีกลองได้ยอดเยี่ยมจริงๆ และ Mike ก็ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่สามารถตีกลอง ให้หนักและดุเดือดขนาดนั้นได้แน่ๆ

จากบทสัมภาษณ์ด้านบน ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ได้อ่านก็คงคิดว่า Mike ก็แค่ปากหวานอวยไปแบบนั้นเอง เพราะเราๆท่านๆก็คงทราบดีว่า 2 คนนี้ Skill ต่างกันขนาดไหน แต่ผมเชื่อแน่ว่า Mike ต้องประเมิณตัวเองออก ว่าเขาไมีมีสิ่งที่ Taylor Hawkins มีแน่ เขาจึงให้สัมภาษณ์แบบนั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในตัวนักดนตรีเก่งๆแทบทุกคน นั่นคือ " การรู้จักตัวเอง "

ต่างจากนักดนตรีหลายๆคน ( โดยเฉพาะในบ้านเรา ) ที่มักจะมองแค่รายละเอียดผิวเผิญ แล้วก็ประนามวงดนตรีที่ตนไม่ได้ชอบ โดยวัดเอาจากตรรกะของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้รู้ลึกถึงที่มาที่ไปของวงดนตรีแนวอื่นๆเท่าไหร่ ( พูดง่ายๆก็คือเป็นคนโลกแคบล่ะครับ )

ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ อ.ท่านนึง ( ผมจำชื่อ อ. ท่านนั้นไม่ได้ครับ กราบขออภัย ) ท่านให้เหตุผลของประเด็นที่เกี่ยวกับการเหยียดแนวดนตรีดังนี้ ( คร่าวๆนะครับ )

" นักศึกษาวิชาดนตรี Jazz หลายๆคนมักจะมองแนวดนตรี อื่นๆ เช่น Rock , Punk และอีกหลายๆแนวที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเล่น และทฤษฏียากเท่าดนตรี Jazz ว่าเป็นดนตรีขยะแทบทั้งหมด คิดว่าดนตรีเหล่านั้นง่าย และ สามารถเล่นตามได้สบายๆ หากเทียบกับดนตรี Jazz ...

แต่ถามว่าการที่นักศึกษาเล่นโน๊ตเหล่านั้นได้ตรง และแม่นยำ จนบางครั้งนักดนตรีเหล่านั้นไม่มีทักษะฝีมือดีเท่าคุณเลยด้วยซ้ำ แต่คุณสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกแบบนั้นได้เท่าคนที่เล่นแบบนั้นมาทั้งชีวิตได้หรือเปล่า ?

ยกตัวอย่างเช่น มือกลองวง Punk ซักวงนึงที่ตีกลองแบบหยาบๆ ปิด - เปิด Hi - Hat แบบไม่กระชับ การลงสแนร์แบบไม่มี Dynamic หรือมือ Guitar ที่แม้แต่การจับคอร์ดแบบง่ายๆ และดูเหมือนผู้เล่นจะยังจับคอร์ดแบบพลาดๆอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่มันเป็นธรรมชาติของเขา คุณลองแกล้งจับคอร์ดให้เหมือนคนจับคอร์ดไม่แน่นดูสิ คุณว่าคุณจะทำได้ไหม ให้มันฟังดูเป็นธรรมชาติ และให้ได้อารมณ์แบบคนเล่นไม่เป็นจริงๆ สิ่งเหล่านี้มันคือองค์ประกอบที่ดนตรี Punk ต้องมี ...

สรุปง่ายๆก็คือ เราสามารถลอกโน๊ต หรือสำเนียงการเล่นจากใครคนนึงได้ แต่เราไม่สามารถลอก ตัวตน หรือ จิตวิญญาณความรู้สึกของใครได้ เพราะฉะนั้นคุณยังกล้าดูถูกแนวดนตรีอื่นๆอีกหรือ ในเมื่อคุณเองก็ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้เหมือนกับวงดนตรีเหล่านั้นได้จริงๆเช่นกัน "

เหตุผลนึงของการที่ดนตรีในบ้านเราไม่พัฒนาส่วนนึงมันมาจากตรงนี้ด้วยครับ การดูถูกกันและไม่เคารพซึ่งกันและกัน " มันเป็นสันดานของคนที่ยังไม่เจริญโดยแท้จริง " ( ขออนุญาตใช้คำหยาบคายนะครับ แต่ดูเหมือนคำๆนี้จะขยายความคนแบบนี้ได้ดีที่สุดในความคิดผม กราบขออภัยครับ )

และจำไว้ว่าไม่มีสิ่งใดที่ " ดีที่สุดในโลก " เพราะถ้ามีคนไม่ชอบเพียง 1 คน สิ่งๆนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเป็นแน่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดมีคนพูดว่า " Yngwie Malmsteen คือมือ Guitar ที่เล่นเก่งที่สุดในโลกหรือใครจะเถียง !!? " แต่ผมกลับบอกว่า " อืม...เขาก็เล่นเก่งนะแต่ผมไม่ชอบสำเนียงแบบ Classic เลยว่ะ ผมชอบสำเนียงแบบหมอลำเหมือนพี่ พี สะเดิด มากกว่า " หรือผมอาจจะไม่ชอบเพราะหมั่นใส้ที่ทุกๆคนต่างก็เทิดทูน Yngwie ก็ได้ นั่นก็เท่ากับว่า Yngwie ไม่ใช่มือ Guitar ที่ดีที่สุดในโลกแล้วล่ะ เขามีตำหนิแล้วเพราะผมไม่ชอบจริงไหมครับ ( อคติก็นับเป็นเหตุผลนึง ? ) และต่อให้มีคนมาโจมตีด่าทอแนวดนตรีที่ผมชอบ หรือโน้มน้าวด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ผมยอมรับเขา ผมก็คงไม่ไปโต้แย้งเขาหรอกครับ แต่จะรับฟังไว้เป็นความรู้ไม่ปิดกั้นตัวเอง และผมจะไม่พยายามอธิบายสิ่งที่ผมชอบให้ตัวเขายอมรับด้วยเช่นกัน เว้นแต่เขาจะยอมเปิดใจรับฟัง ...

เพราะผมมีแนวทางตามแบบฉบับของผม มีรสนิยมของผม มีความรู้สึกในแบบของผม และไม่เคยก้าวก่ายใคร

ขอเพียงคุณมีความสุขในสิ่งที่คุณเป็น เหมือนกับ Kurt Cobain ก็พอครับ

ผมว่า ศิลปะ กับ ดนตรี มันไม่เคยทำร้ายใคร เว้นแต่เราจะสร้างกรอบมาทำร้ายกันเอง ...

ฟัง และ เล่นดนตรี ให้มีความสุขก็พอนะก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ^^


   kuy13      28 ส.ค. 57   เวลา 4:09:00    IP = 27.130.204.54
 


  คำตอบที่ 66  
 
ขอบคุณครับ อ่านสนุกได้ความรู้เพลิดเพลินมากๆ ผมโตมากับเพลง Nirvana เหมือนกัน อ่านแล้วทำให้รำลึกไปถึงตอนวัยรุ่น.... อัลบั้ม Nevermind ผมยังเก็บแผ่นมาจนทุกวันนี้ ^^

   Tae669      28 ส.ค. 57   เวลา 12:43:00    IP = 118.172.23.219
 


  คำตอบที่ 67  
 
ขอขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาอ่าน มาเพลิดเพลินกันครับ

ผมอยากบอกว่า ผมมาฟัง nirvana ตอน kurt ตายไปแล้วเป็นสิบปีแล้วครับ

ผมเกิดช้าไปหน่อย แต่ฟัง ดู ทุก เพลง ทุกคอนเสริต แฟนพันธ์แท้แน่นอนครับ

เดี่ยวถ้ามีข่าวสารมาใหม่ จะเอามาลงแน่นอนครับ

kangpc >> ขอบคุณที่มาอ่านเช่นกันครับ

unn08 >> Nirvana ยิ่งใหญ่สุดใน แปดโลก ครับ

Djam >> จัดเลยครับพี่ ผมเองเพิ่งจัด แจสมาสเตอร์มาวันนี้เลยครับ แต่ทำไมมันจี่จัง

ชิตชัย >> ขอบคุณที่มาอ่านเช่นกันครับ

sickboy >> โอ้ นี่ท่านซิคบอย ปรมจารแห่ง เนอร์วานา มาอ่านด้วย ครับ ขอบคุณมากครับพี่

kuy13>> ครับ อย่างที่ท่านได้อธิบาย ผมละเกลียดมากเลยครับ คนที่บอกว่า คนนั้นกากคนนี้กาก ดนตรีมีไว้เพื่อให้คนฟังมีความสุข นั่นคือวัตถุประสงค์ครับ
ขอบคุณท่าน kuy13 ที่มาชี้แนะวิธีคิดที่สุดยอด ให้กับนักดนตรีครับ

Zar >> ขอบคุณมากครับท่าน ที่เข้ามาอ่านครับ

Apirat15>> สุดติ่งกระดิ่งแมวครับ

Tae669>>> พี่ยังโชคดีมากครับ ที่ได้เสพ ตอน เคิร์ท ยังไม่ตายครับ คงจะมันน่าดู นะครับ ชาว 90 ผมเสียดายครับ ตอนนั้นผมอยู่ประถมอยู่ครับ ยังไม่รู้เรื่องเลยครับ











   teayai      29 ส.ค. 57   เวลา 0:09:00    IP = 1.10.247.26
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket