|
|
|
|
|
"ปล่อย"เมื่อไหร่.....สบายเมื่อนั้น + ศิลปินสุดเจ๋งสร้างภาพศิลปะจากอาหาร เป็นหน้าดารา |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
|
"ปล่อย"เมื่อไหร่.....สบายเมื่อนั้น
ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น
เธอครองชีวิตร่วมกับเขามานานกว่า ๑๐ ปี แล้ววันหนึ่งก็พบว่าเขาปันใจให้หญิงอื่น เธอจึงแยกทางจากเขา แต่เขาหาได้ไปจากจิตใจของเธอไม่ ทุกครั้งที่นึกถึงเขา เพลิงแค้นก็ลุกท่วมหัวใจ เธอแค้นที่ถูกเขาทรยศ แค้นที่เขาทำลายชีวิตที่ดี ๆ ของเธอ ยิ่งนึกก็ยิ่งรุ่มร้อน จนอยากตบ อยากทำร้าย อยากทำลาย "มัน"
เธอหันหน้าเข้ากรรมฐาน แต่ความแค้นยังตามมารังควานเธอ แม้เรื่องจะจบไปนานแล้ว แต่เธอไม่ยอมจบด้วย ใจยังหวนกลับไปขุดเรื่องราวในอดีตให้มาทิ่มแทงเธอไม่หยุดหย่อน เสียงด่าดังก้องอยู่ในใจทั้ง ๆ ที่รอบตัวมีแต่ความเงียบสงบ
แต่ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน มีเกิดก็มีดับ ตอนนั้นเธอกำลังเดินจงกรม มือประสานกันที่ท้อง เธอรู้สึกว่าเมื่อยเหลือเกินเพราะกุมมือในท่านั้นนานเป็นชั่วโมงแล้ว จึงปล่อยมือลง ทันทีที่ปล่อยความเมื่อยก็หายไป ความรู้สึกสบายกายสบายใจเกิดขึ้นตามมา ชั่วขณะนั้นเองเธอได้ประจักษ์แก่ใจว่า "แค่ปล่อย เราก็ไม่ทุกข์อีกต่อไป" แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมา
วินาทีนั้นเองที่เธอระลึกขึ้นได้ว่าสาเหตุที่เธอคับแค้นไม่เลิกราก็เพราะไป ยึดติดกับเรื่องราวในอดีตอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะเธอไม่ยอมปล่อยมันไปนั่นเอง เธอจึงทุกข์แล้วทุกข์เล่า เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอจึงปล่อยมันออกไปจากใจทันที
เธอเล่าว่าในการปล่อยมือครั้งนั้น เธอได้ปล่อยความแค้นและเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับเขาไปด้วย จิตใจบังเกิดความเบาสบายสงบเย็นขึ้นมาทันที
มือที่กุมไว้นาน ๆ ย่อมเมื่อยฉันใด ใจที่ยึดไว้ไม่เลิกรา ย่อมเป็นทุกข์ฉันนั้น ไม่มีอะไรที่จริงยิ่งไปกว่านี้ แต่ความจริงง่าย ๆ อย่างนี้น้อยคนจะตระหนัก ทั้งนี้ก็เพราะเราคุ้นชินกับการยึดจนเป็นนิสัย อะไรก็ตามที่ติดเป็นนิสัยแล้ว เรามักจะทำไปโดยไม่รู้ตัว คนที่เคร่งเครียดจนเป็นนิสัย ก็เอาแต่เคร่งเครียด หน้านิ่วคิ้วขมวด เกร็งมือเกร็งคอ ไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้สึกเมื่อยล้า ก็หารู้ไม่ว่าเป็นเพราะนิสัยดังกล่าวนั่นเอง แต่ทันทีที่รู้ตัวและผ่อนคลายลง เขาก็จะรู้สึกสบายทันที
อะไรก็ตามถ้าเราไปยึดติดแบกถือแล้ว ล้วนทำให้เป็นทุกข์ทั้งนั้น แม้ว่าสิ่งนั้นดูเหมือนเล็กน้อยไม่สลักสำคัญ แต่ก็ประมาทไม่ได้ สิวเพียงไม่กี่เม็ด ถ้าไปหมกมุ่นครุ่นกังวลกับมันทั้งวันทั้งคืน ก็สามารถทำให้เด็กสาวฆ่าตัวตายเพราะความอับอายได้ ดังเคยเป็นข่าวมาแล้ว
มีเรื่องเล่าว่าชายผู้หนึ่งเข้าไปกราบทูลระบายความทุกข์กับสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์หนึ่ง เขาเอาแต่บ่นว่า "หนักครับ.....ช่วงนี้แย่มากเลยครับ" เมื่อสมเด็จฯ ถามว่าหนักเรื่องอะไร เขาก็ทูลเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าชีวิต สุดท้ายก็ทูลว่า "ตอนนี้ผมจวนจะแบกไม่ไหวแล้วครับ"
สมเด็จฯ ฟังสักพัก ก็รับสั่งให้เขานั่งคุกเข่าและยื่นมือทั้งสองออกมาข้างหน้า แล้วพระองค์ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาวางบนฝ่ามือทั้งสองของเขา แล้วรับสั่งว่า "นั่งอยู่นี่แหละ อย่าขยับหรือไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา จะเข้าไปข้างในสักประเดี๋ยว"
เขานั่งอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานาน แต่สมเด็จฯ ก็ยังไม่เสด็จออกมาเสียที จนเขาเริ่มเมื่อยล้า กระดาษดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเหงื่อเริ่มออก
ในที่สุดสมเด็จฯ ก็เสด็จเข้ามาประทับที่เดิม แล้วทรงถามชายผู้นั้นว่าเป็นอย่างไร
"หนักครับ พระเดชพระคุณ เมื่อยจนจะทนไม่ไหว"
"อ้าว ทำไมไม่วางมันลงเสียล่ะ?" สมเด็จ ฯ รับสั่ง "ก็ไปยอมให้มันอยู่อย่างนั้น มันก็หนักอยู่ยังงั้นนะซี มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง"
กระดาษแม้จะบางเบา แต่ถ้าไปยึดถือมันนานๆ ก็จะกลายเป็นของหนักจนสู้ไม่ไหว อารมณ์โกรธเกลียด ท้อแท้ กลัดกลุ้ม แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่ถ้าไปแบกไว้ทั้งวันทั้งคืน ใจเรานั่นแหละที่จะแย่ ตรงกันข้ามกับหินก้อนใหญ่ ตราบใดที่ไม่ไปอุ้มไปแบก ก็ไม่มีวันหนัก
เป็นเพราะไม่รู้ตัวใช่ไหมเราจึงเผลอไปแบกหรือยึดความทุกข์เอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ยิ่งแบกยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์ แต่ก็ยังไปแบกไปยึดอยู่นั่นเองเพราะทำจนเป็นนิสัยเสียแล้ว ความรู้ตัวจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่หนทางแห่งความไม่ทุกข์ เพราะเมื่อรู้ตัวแจ่มชัดเราก็ประจักษ์แก่ใจว่าได้เผลอแบกยึดอะไรต่ออะไรไว้มากมาย ถึงตอนนั้นการปล่อยวางก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ฉะนั้นไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็ตาม ควรหมั่นมองตนสำรวจจิตเพื่อให้รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ ความรู้ตัวนี้แหละจะช่วยปลดเปลื้องสิ่งหมักหมมที่ค้างคาในจิตใจจนทำให้ชีวิตเบาสบาย
เทศกาลปีใหม่มาถึงแล้ว ใคร ๆ ก็อยากได้ของขวัญ แต่ถ้าอยากให้ชีวิตเบาสบาย ไม่มีอะไรดีกว่าการปล่อยวางสิ่งที่ทำความหนักอึ้งแก่จิตใจ อย่าแบกข้ามปีให้เหนื่อยใจอีกต่อไปเลย
วันนี้สิ่งสำคัญจึงมิใช่คำถามว่าเราได้อะไรมาบ้าง? แต่ได้แก่คำถามว่าเรา "ปล่อย" ไปมากแค่ไหนแล้ว
http://board.palungjit.org/f14/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99-35471.html
rockonyou
20 ก.ค. 57
เวลา 1:31:00 IP = 108.41.215.115
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
มารออ่าน ธรรมะในยามดึกสงัด
ขอบคุณมากครับ
sakai 20 ก.ค. 57
เวลา 1:48:00 IP = 113.53.139.104
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
ยินดีเสมอครับคุณ sakai อนุโมทนาครับทุกคน
rockonyou
20 ก.ค. 57
เวลา 2:15:00 IP = 108.41.215.115
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
|
ศิลปินสุดเจ๋งสร้างภาพ ศิลปะจากอาหาร เป็นหน้าดารา
นาธาน วายเบิร์น บัณฑิตหนุ่มชาวเวลส์ อายุ 23 จบการศึกษาด้านศิลปะ เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงจากการสร้างภาพ ศิลปะจากอาหาร แนวทำออกมาเป็นภาพหน้าของดารา ซึ่งเขามักสร้างสรรค์ผลงานออกมาจากอาหารชนิดต่าง ๆ อย่าง Marmite ขนมปัง , ซอสมะเขือเทศ , น้ำตาล ช็อคโกแลต ) พร้อมด้วย ของใช้ในชีวิตประจำวัน อย่าง หนังสือพิมพ์, ดิน , เทียน , ยาสีฟัน และ น้ำตาล
rockonyou
20 ก.ค. 57
เวลา 2:18:00 IP = 108.41.215.115
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
|
ภาพ Margaret Thatcher จากถ่านหิน
เพราะผลงานที่มีเอกลักษณ์ของเขา ภาพผลงาน ศิลปะจากอาหาร ที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาจึงได้มีโอกาสออกทีวี และ สื่อต่าง ๆ อยู่บ่อยๆ อย่างเช่นรายการ Britains Got Talent 2011, Daybreak, Blue Peter and ITV News อีกทั้งเขายังได้ขึ้นปกนิตยสาร The Guardian จากผลงานภาพศิลปะ จากภาพถ่าย 5,000 ภาพอีกด้วย ซึ่งนอกจากเขาจะทำงานศิลปะแล้ว เขายังได้ทำงานการกุศล เพื่อหาเงินบริจากกับผู้ประสบภัยอีกด้วย
# ขออนุโมทนากับคุณนาธาน วายเบิร์น ด้วยครับ
rockonyou
20 ก.ค. 57
เวลา 2:21:00 IP = 108.41.215.115
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 14
|
|
|
|
ภาพศิลปะจากภาพถ่าย 5,000 ภาพ
ซึ่งศิลปะจากอาหาร ของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็น ศิลปะที่เป็นชิ้นงานแรกของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งผลงาน ศิลปะจากอาหาร จากหน้าดารานี้เขาได้เผยว่า ตัวของเขาได้รับแรงบัลดาลใจมาจากพาดหัวหนังสือพิมพ์ เป็นข่าวของ Simon Cowell ว่า You love him or hate him (ถ้าไม่รักเขา ก็เกลียดเขาเลย) เขาจึงเกิดความคิดสร้างสรรทำ ศิลปะจากอาหารด้วย Marmite (อาหารชนิดหนึ่งที่เอาไว้ทากับขนมปัง) ซึ่งสโลแกนของ Marmite ก็คือ ไม่รักก็เกลียดเลย คล้าย ๆ กับข่าวพาดหัวในหนังสือพิมพ์ที่ให้แรงบัลดาลใจเขา เขาจึงนำ Marmite มาทาบนขนมปังปิ้งเพื่อสร้างผลงานศิลปะจากอาหาร จนเป็นที่ชื่นชอบโด่งดัง
rockonyou
20 ก.ค. 57
เวลา 2:23:00 IP = 108.41.215.115
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 16
|
|
|
|
ขอบคุณครับ....
gula101
20 ก.ค. 57
เวลา 4:52:00 IP = 180.183.64.49
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 18
|
|
|
...ธรรมมะ สวัสดี..........
อนุโมทนาครับ ท่าน rockonyou
peter midi
20 ก.ค. 57
เวลา 8:40:00 IP = 223.207.198.232
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คำตอบที่ 19
|
|
|
ขอบคุณครับ
คนโคราช 20 ก.ค. 57
เวลา 9:27:00 IP = 182.52.30.79
|
|
|
|
|
|
|