Thailand Web Stat
    








(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  วันนี้นำเสนอเรื่องแปลก ลึกลับ รวมทั้งแนววิทยาศาสตร์ ทั้งไทยและเทศครับ  
 
คณะทัวร์ป่าหน้าฝนของอุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เดินทางสำรวจท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้พบกับรอยเท้าบนหินก้อนใหญ่ ตามเส้นทางไปลานหินปุ่ม ตรงข้ามกับสะพานมรณะ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ



ทั้ง นี้ รอยเท้าดังกล่าวเป็นข้างขวาข้างเดียว มีนิ้วเท้าครบทั้ง 5 นิ้ว มีสภาพที่สมบูรณ์ คาดว่าเป็นรอยเท้าของผู้หญิง เพราะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับเท้าของเจ้าหน้าที่ผู้ชาย ฝังอยู่ในก้อนหินของป่าต้นน้ำขนาดใหญ่ความกว้างประมาณ 5 เมตร ที่มีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านรอยเท้าโบราณ
ด้าน นายไพรัช มณีงาม หัวหน้าอุทยานภูหินร่องกล้า เปิดเผยว่า รอยเท้ามนุษย์ดังกล่าว ถือว่าแปลกประหลาด น่าจะเกิดโดยธรรมชาติ
อย่าง ไรก็ตาม นายศักดิ์ปรินทร์ สุรารักษ์ ผู้ช่วยอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กล่าวว่าขณะนี้พบรอยเท้าคนเพียงจุดเดียวเท่านั้น กำลังรวบรวมข้อมูล ภาพถ่ายเพื่อแจ้งให้นักธรณีวิทยามาสำรวจ

นักธรณียืนยันรอยเท้าที่พบใน “ภูหินร่องกล้า” ไม่ใช่ของมนุษย์ ชี้หินที่อุทยานดังกล่าวมีช่วงอายุในกลุ่มหินยุคไดโนเสาร์ และไม่น่าใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเกิดหลังจากยุคนั้นอีกนาน ยืนยันแค่ลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาได้ก็บอกได้ว่ารอยเท้าดังกล่าวไม่ได้ เกิดจากคน

จากข่าวการค้นพบรอยเท้าบนก้อนหินใหญ่ที่อุทยานภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ทางทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ผศ.ดร.บูรพา แพจุ้ย อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงความเป็นไปได้ที่จะพบรอยเท้ามนุษย์ในอุทยานดังกล่าว ซึ่งได้ให้ความเห็นว่าหินในอุทยานคงไม่ใช่หินช่วงที่มีมนุษย์เกิดขึ้นแล้ว

เนื่องจากหินที่ภูหินร่องกล้าเป็นหินที่เกิดในช่วง “กลุ่มหินโคราช” ซึ่งคาบเกี่ยวยุคจูราสสิค (Jurassic) และยุคครีเตเชียส (Cretaceous) แต่ ผศ.ดร.บูรพากล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าภูหินร่องกล้าเป็นหินในยุคใด แต่โดยทั่วไปแล้วควรเป็นหินในยุคไดโนเสาร์ และรอยเท้าที่อยู่ในยุคนี้ไม่ควรเรียกว่า “มนุษย์” อย่างแน่นอน เพราะมีอายุเกิน 60 ล้านปี ที่เริ่มมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งกว่าจะมีมนุษย์ก็หลังจากนั้นอีกนาน

ผศ.ดร.บูรพากล่าวว่า เขามีความเชี่ยวชาญทางด้านหินอัคนี แต่ผู้ที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีคือผู้เชี่ยวชาญด้านหินตะกอน อย่างไรก็ดี เขามีความรู้ในระดับที่ลำดับเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาได้ ซึ่งเพียงพอที่จะบอกได้ว่ารอยเท้าดังกล่าวไม่ใช่รอยเท้ามนุษย์

นอกจากนี้ ผศ.ดร.บูรพาให้ความเห็นอีกว่า การค้นพบเพียงรอยเท้าเดียวยิ่งยากที่จะบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะหากเห็นหลายๆ รอยเท้ายังพอบอกว่าคือรอยก้าวเดิน ซึ่งเป็นไปได้ว่ารอยเดียวที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นการหลุดร่อนหรือแตกออกไป เนื่องจากการกองทับของเศษอย่างอื่นที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่ทั้งนี้จะบอกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตใดนั้นต้องใช้นักบรรรพชีวินวิทยาดู เรื่องนี้อีกที

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/08/blog-post_25.html#ixzz31YvIj7VF



   สมาชิกแบบพิเศษ   top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:21:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 1  
 
หลุมดำใหญ่กลาทะเล ลึกกว่า 200 เมตร



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:23:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
หลุมดำ ซึ่งที่ถูก ควรจะเรียกว่า หลุมน้ำเงิน (blue hole) เป็นถ้ำ หรือหลุมที่มีอยู่ในทะเล หลุมน้ำเงินดังกล่าวนี้ มีอยู่มากมายทั่วโลก โดยเฉพาะในทะเลแถบ บาฮามา และ ชายฝั่งทะเลของประเทศแบลิซ ทางตอนใต้ของเม็กซิโก

หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งเม็กซิโก ชื่อ ทามาวลิปาส (Tamaulipas) มีความลึกที่สุด ถึง 335 เมตร
ถัดมาคือหลุมน้ำเงินดีน(Dean's Blue Hole) อยู่นอกชายฝั่งบาฮามา ลึกประมาณ 202 เมตร




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:23:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
สำหรับหลุมน้ำเงินทีมีการกล่าวถึงมากที่สุดคือ หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งประเทศแบลิซ ที่มีรูปทรงเป็นวงกลมเกือบสมบูรณ์
หลุมน้ำเงินนี้ เชื่อกันว่า มีขนาดใหญ่ที่สุด คือปากหลุมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตร ขณะที่มีความลึก 125 เมตร

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/09/200.html#ixzz31Yvt6T55


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:24:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
หอคอยปีศาจ จากอำนาจหินละลายของภูเขาไฟ สู่สิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่ง



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:25:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
"หอคอยปีศาจ" (Devils Tower) ในมลรัฐไวโอมิง ประเทศ สหรัฐอเมริกา

เป็นชื่อเรียก หินที่โผล่ขึ้นมาเหมือผิวดินเป็นรูปหน้าตัดตอนบนคล้าย ๆ กับตอของต้นไม้ใหญ่มหึมา

ตอหินนี้เกิดขึ้นเพราะอำนาจหินละลายของภูเขาไฟ เมื่อมันจับตัวเย็นลง และถูกอำนาจความร้อนและแสงแดดลมและฝนพัดซะกร่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นชั้นของหินในด้านตั้งได้ชัดเจน และมีลักษณะแปลกประหลาดมาก ชั้นของหินเหล่านี้แตกหักแล้วทำให้คงรูปเป็นเหลี่ยมขึ้นโดยรอบ จนเกือบไม่น่าเชื่อเลยว่าธรรมชาติจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้เช่นนี้



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:26:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
สวยงามครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:27:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
เรื่องแปลกประหลาด หญิงสาววัย 23 กลายเป็นคุณยายอายุ 73 เพียงไม่กี่วัน



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:28:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
ซ้าย อายุ21 ขวา อายุ 26

เชื่อหรือไม่ ถาพนี้เป็นบุคคลเดียวกัน ...ถ่ายเวลาต่างกันเพียงไม่กี่ปี


กรณีประหลาด ของหญิงสาวเวียดนาม ชื่อ Nguyen ที่แพทย์ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร


ในวัย 26 เธอกล่าว ว่า
"ผิวหนังทั่วร่างกาย และใบหน้าของ เธอเริ่มพองบวม ในวัย 23 ปี 2008
และเหี่ยวยานลงในที่สุด



ผิวบนใบหน้า หน้าอกของฉันและหน้าท้อง ตอนนี้มันเหมือนหญิงสูงอายุ
ที่ได้ให้กำเนิดลูกหลายต่อหลายครั้งถึงแม้ว่าฉันไม่เคยมีลูก"

เนื่องจากเป็นคนจน เธอจึงไม่มีเงินไปรักษา



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:29:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
ภาพหญิงสาวที่สวยงาม ในวันแต่งงานของเธอ เมื่อ ปี 2006



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:29:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
สามีของเธอ ยืนยันเรื่องนี้เป็นความจริง
และความรักของเขายังไม่ได้จางหายไป
สำหรับภรรยาครั้งหนึ่งที่สวยงามของเขา

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/10/23-73.html#ixzz31YxO7PJU


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:30:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
ภาพอุโมงค์ใต้น้ำ รูปกะโหลกมนุษย์

ช่างภาพ Peter Bardsley ได้เปิดเผยภาพน่าขนลุก เมื่อเขาถ่ายภาพอุโมงค์ใต้น้ำโฮจด์ โคส ในเมืองคัมเบีย ของอังกฤษ ได้อย่างบังเอิญ



โดย Peter กล่าวว่า หลังจากเขาถ่ายภาพอุโมงค์ดังกล่าว และหมุนตั้งขึ้น 90 องศา เขาพบว่าภาพที่ปรากฏมีลักษณะคล้ายกะโหลกมนุษย์ขนาดใหญ่ ทำให้เขาตกตะลึงมากๆ มันเหมือนหน้าของผี หรืออะไรบางอย่างที่น่ากลัว



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:31:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 12  
 
ภาพอุโมงค์ เมื่อหมุนตั้ง 90 องศา

ทั้งนี้ Peter ยังเล่าต่อว่า มีคำล่ำลือกันว่า เคยมีนักดำน้ำจมน้ำตาย และนักปืนเขาตกลงมาเสียชีวิต ที่บริเวณอุโมงค์ดังกล่าวหลายราย อีกทั้งเมื่อปี 2005 เกิดเหตุที่ทีมกู้ภัยต้องเข้าช่วยเหลือนักดำน้ำวัย 48 ปี ที่มาดำน้ำบริเวณนั้น หลังตื่นตกใจและบอกว่าเขาพบศพของมนุษย์อยู่ใต้น้ำ



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:32:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 
ภาพอุโมงค์โฮจด์ โคส จากช่างภาพคนอื่น



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:33:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
เมฆประหลาดลายพลิ้ว เหนือเมืองเบอร์มิ่งแฮม

ภาพก้อนเมฆหลายก้อนก่อตัวเป็นคลื่นบนท้องฟ้า เหนือเมืองเบอร์มิ่งแฮม รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(16 ธ.ค.) สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างมาก
ทั้งนี้เมฆลักษณะแบบนี้เรียกว่า เมฆคลื่นเคลวิน-เฮลม์โฮลตซ์ หรือเมฆลายพลิ้ว เป็นเมฆที่ม้วนตัวเป็นรูปคลื่น ซึ่งจะเกิดเมื่อมีลมที่พัดสวนกันที่ระดับต่างกัน เมฆด้านล่างจะถูกดึงไว้ ทำให้เมฆด้านบนเคลื่อนที่ไปเร็วกว่า จึงเกิดการม้วนตัวคล้ายลักษณะคลื่นกระทบฝั่ง



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:35:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 15  
 
เกร็ดความรู้
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆคลื่นหัวแตก (wave clouds)




เมื่อเห็นเมฆนี้ต้องยอมรับว่ามันช่างเหมือนกับเกลียวคลื่นในทะเลที่กำลังม้วนตัวเป็นระลอกๆ เหมือนดั่งภาพนี้มีทะเลอยู่ของชั้น ดูแล้วช่างเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงามยิ่ง


เมฆ ชนิดนี้เป็นที่รู้จักในหลากหลายชื่อดังนี้ เมฆคลื่น(billow cloud),
เมฆแรงโน้มถ่วงเฉือน(shear-gravity clouds),
และเมฆเคลวิน-เฮลม์โฮลตซ์(Kelvin-Helmholtz หรือเรียกย่อๆว่า เมฆKHI
ซึ่งตั้งเป็นเกียรติต่อท่านลอร์ด Kelvin และ Hermann von Helmholtz)

เมฆนี้ลักษณะคล้ายเกลียวคลื่น และมันยังเป็นตัวชี้วัดถึงสภาพความปั่นป่วนในชั้นบรรยากาศำหรับอากาศยานต์ได้เป็นอย่างดีหากพบเห็นพวกมัน หมายความว่าอากาศปั่นป่วน

สาเหตุของการเกิดเมฆคลื่นหัวแตกนี้เกิดจาก ความเร็วในการเคลื่อนตัวของชั้นอากาศ 2 ชั้น
(หรือมากกว่า2ชั้น)ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน โดยอากาศชั้นบนเคลื่อนที่เร็วสูงกว่าชั้นล่าง
เมื่ออากาศด้านบนเคลื่นที่ด้วยความเร็วสูงกว่าชั้นล่างจะก่อให้เกิดแรงดันอากาศที่แตกต่างกัน
โดย กล่าวคืออากาศที่เคลื่อนที่เร็วกว่าจะมีความดันต่ำกว่า ทำให้อากาศด้านล่างจะมีแรงดันสูงจะยกตัวขึ้น ส่วนอากาศด้านบนที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงจะมีแรงดันต่ำก็จะกดตัวลง ทำให้เกิดความปั่นป่วนในเมฆทำให้เมฆม้วนตัวดังภาพด้านล่าง

เมฆคลื่นหัวแตกนี้มักจะพบได้ในวันที่มีลมแรง ในสถานที่มีความหนาแน่นของอากาศที่แตกต่างกันอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุญหภูมิ


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/12/blog-post_22.html#ixzz31Yz6YeAC


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:37:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 16  
 
เมื่ออากาศแต่ละชั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เมื่อชั้นบนเคลื่อนที่เร็วจะเกิดความดันต่ำกว่าบรรยากาศชั้นล่าง เมื่อความดันไม่สมดุลย์กันอากาศความดันสูงจะยกตัวขึ้นส่วนที่ความดันต่ำจะกดตัวลง ก่อนให้เกิดการม้วนตัวดังภาพ

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/12/blog-post_22.html#ixzz31YzH453H


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:37:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 17  
 
“เมืองบาดาล” โลกเร้นลับใต้พิภพ....ปริศนารอวันพิสูจน์

“เมืองบาดาล” คำคำนี้ชวนให้นึกถึงดินแดนอันเป็นปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ มักใช้เรียกสถานที่ลึกลับที่มาพร้อมกับตำนานเล่าขาน ซึ่งโดยมากก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเร้นลับที่ไม่สามารถหาคำตอบได้

แต่ “เมืองบาดาล” บางแห่ง อาจรวมไปถึงสถานที่ที่จมลงไปสู่พื้นสาครโดยเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์หรือเกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ไม่ว่าอย่างไร “เมืองบาดาล” แต่ละแห่งก็มีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างออกไปให้เราได้ไปสัมผัสกัน


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:39:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 18  
 
แก่งอาฮง-สะดือแม่น้ำโขง-วังพญานาค

เมืองบาดาลที่มีเรื่องเล่าขานกันมากที่สุด คือเมืองบาดาลแห่ง “แม่น้ำโขง” แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ทอดยาวผ่านหลายประเทศ บางส่วนของแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว ลำน้ำโขงในส่วนนี้เองที่มีตำนานเรื่องเมืองบาดาล เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ที่ในคืนวันออกพรรษาจะปรากฏลูกไฟสีแดงพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและหายไป เป็นเรื่องเล่าขานถึงพญานาคที่ได้ทำบั้งไฟถวายเป็นพุทธบูชา

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:40:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 19  
 
ปากทางเข้า “ถ้ำดินเพียง” เส้นทางสู่เมืองพญานาค

ตลอดสายน้ำโขงที่ทอดยาว โดยเฉพาะบริเวณช่วงจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ มีเรื่องเล่ามากมายของผู้คนตลอดสองฟากฝั่งถึงเมืองบาดาลซึ่งถือเป็นเมืองของพญานาคนั่นเอง โดยเฉพาะบริเวณ “แก่งอาฮง” ที่อยู่บริเวณใกล้กับวัดอาฮงศิลาวาส อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ แม่น้ำโขงบริเวณหน้าวัดอาฮงแห่งนี้เชื่อกันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง เรียกกันว่า “สะดือแม่น้ำโขง” ชาวบ้านเชื่อว่า ณ สะดือแม่น้ำโขงนี้เองคือวังบาดาลของพญานาค

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:41:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 20  
 
“ถ้ำดินเพียง” ในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในเรื่องราวความเร้นลับของเมืองบาดาล ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวบ้านที่ออกล่าสัตว์ป่าจนไปพบถ้ำนี้โดยบังเอิญ ภายในถ้ำแห่งนี้มีห้อง โพรง ช่อง ซอก ซอย รู อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินที่เต็มด้วยส่วนโค้ง ส่วนเว้า จำนวนมากนับเป็นพันๆ ช่องทาง สามารถใช้สัญจรทะลุเชื่อมถึงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อซึ่งเล่ากันว่าคล้ายเส้นทางการเลื้อยของพญานาค ชาวบ้านเชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางไปสู่เมืองพญานาคที่สามารถเดินทางไปใต้ลำโขง ไปๆ มาๆระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ได้ โดยมีเรื่องเล่าว่า ในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย เส้นทางเดินนี้ต้องเป็นพระผู้ทรงศีลแก่กล้าเท่านั้นจึงจะมองเห็นเส้นทาง

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:42:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 21  
 
ส่วนที่ “ถ้ำน้ำเขาศิวะ” อำเภอคลองหาด จังหวัดสระเเก้ว ที่เพิ่งถูกค้นพบและเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่นานมานี้ ก็นับได้ว่าเป็นเมืองบาดาลเช่นกัน ตลอดเส้นทางที่ทอดยาวเข้าไปในถ้ำนั้นมืดมิด นักท่องเที่ยวต้องเดินลุยน้ำเข้าไปชมซึ่งบางส่วนมีความลึกมาก ปลายถ้ำนั้นเป็นทางตัน เมื่อชมถึงจุดปลายสุดแล้วจะต้องเดินย้อนกลับมา แต่ที่ปลายสุดแห่งนี้เองวิทยากรผู้นำทางได้เล่าถึงเรื่องราวความเร้นลับว่า ก่อนที่จะเปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวได้มีการสำรวจโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำมาด้วย เมื่อถึงปลายสุดของถ้ำได้มีการดำน้ำลงไปสำรวจเพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณตาน้ำที่ลึกที่สุด และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำลงไปสำรวจเเล้ว เมื่อกลับขึ้นมาเล่าว่าข้างล่างนั้นเป็นเหมือนเมืองบาดาล เจ้าหน้าที่คนนั้นเพียงแค่เล่าเรื่องราวแต่ไม่หันกลับไปมองบริเวณนั้นอีกและยังไม่มีใครกล้าที่จะดำลงไปอีก จึงกลายมาเป็นเรื่องราวปริศนาที่เล่าต่อๆ กันมาของถ้ำน้ำเขาศิวะแห่งนี้


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:42:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 22  
 
สำหรับเมืองบาดาลที่ไม่ได้มาพร้อมตำนานเร้นลับ หากเกิดจากน้ำมือมนุษย์ก็คือที่ "อำเภอสังขละบุรี" จังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อครั้งอดีตชุมชนดั้งเดิมของชาวมอญได้มีการสร้างหมู่บ้านบริเวณจุดรวมของแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี่ ต่อมาในปี 2527 มีการสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้บ้านเมืองบริเวณนี้ต้องจมลงใต้สายน้ำ ชาวบ้านต้องย้ายที่อยู่และที่ทำกินไปอยู่บนพื้นที่สูงกว่าเดิม ส่วนหมู่บ้านเก่าที่ยังคงมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทิ้งร้างไว้นั้นกลายเป็นก้นเขื่อน เมื่อน้ำลดจึงจะมองเห็นสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ “วัดวังก์วิเวการาม” (หลังเก่า) ที่ในหน้าแล้งน้ำลดลงจนสามารถลงไปเดินชมซากโบสถ์หลังเก่าได้ ส่วนในหน้าน้ำหากล่องเรือออกไปจะมองเห็นตัววัดรำไรอยู่ใต้สายน้ำ เกิดเมืองบาดาลแห่งสังขละบุรีขึ้น

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:43:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 23  
 
ส่วนเมืองบาดาลที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาตินั้นได้แก่ “โยนกนคร” มีเรื่องราวการล่มสลายของโยนกนครจนเป็นเมืองบาดาลอยู่มากมาย แต่ทฤษฎีที่เป็นวิทยาศาสตร์และน่าเชื่อถือนั้นก็คือ เมืองโยนกนครแห่งนี้ล่มสลายลงเพราะแผ่นดินไหว เนื่องจากเมืองได้สร้างอยู่บริเวณที่ดอนกลางหนองน้ำในปล่องภูเขาไฟซึ่งดับไปแล้ว โดยเป็นพื้นที่ที่ไม่มั่นคง ประกอบกับเมืองยังตั้งอยู่บนรอยเลื่อนสองแห่ง เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมืองโยนกนครจึงล่มลงกลายเป็นเมืองบาดาลทิ้งปริศนาความเร้นลับให้แก่คนรุ่นหลังได้ไขกันต่อไป

เนื่องจาก “เมืองบาดาล” แต่ละแห่งล้วนแล้วแต่ลึกลับ มีมนต์เสน่ห์และมาพร้อมตำนานความเชื่อ การเข้าชมสถานที่แต่ละแห่งจึงควรให้ความเคารพในสถานที่และปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:44:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 24  
 
นักวิชาการชี้พญานาคหนองหาร น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต


รอง อบจ. สกลนคร เตรียมขอขมาพญานาค หวั่นเกิดอาเพศเหตุร้าย ด้านนักวิชาการชี้ เกลียวคลื่นดังกล่าว ไม่ใช่พญานาค น่าจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่ใต้น้ำ

จากกรณีที่ นายคำรณ หว่างหวังศรี พิธีกรรายการเกษตรฮอตนิวส์ พร้อมทีมงานรวม 9 คน ได้นั่งเรือท่องเที่ยวออกไปถ่ายทำรายการในบริเวณหนองหาร จังหวัดสกลนคร ซึ่งในระหว่างทางนั้น ทีมงานก็ได้พบเหตุการณ์อันน่าพิศวง เมื่อจู่ ๆ ก็มีเกลียวคลื่นคล้ายถูกแรงกระทำจากวัตถุบางอย่างใต้น้ำ ม้วนไปมายาว 20 เมตร สูงประมาณ 30 เซนติเมตร สร้างความแปลกประหลาดใจกับเหล่าทีมงานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ชาวบ้านจังหวัดสกลนคร ต่างพากันเชื่อว่า สิ่งที่อยู่ใต้น้ำดังกล่าว เป็นพญานาค ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วานนี้ (30 มีนาคม) นายสันติ ชัยยศ รอง นายก อบจ.สกลนคร ได้เล่าถึงรายละเอียดขณะที่เจอเหตุการณ์อันน่าพิศวงว่า ตนได้พาทีมงานรายการเกษตรฮอตนิวส์ และนายคำรณ หว่างหวังศรี ล่องเรือไปดูพระอาทิตย์ตกดิน หรือดูตะวันรอนที่หนองหาร เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา และในขณะที่ตนได้เล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของหนองหารอยู่นั้น มีทีมงานคนหนึ่งได้สังเกตเห็นเงาบางอย่างผุดขึ้นเหนือผิวน้ำ จึงได้ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดใจมาก เนื่องจากในขณะนั้นเรือก็จอดนิ่งสนิท เลยสงสัยว่า จะเกิดเกลียวคลื่นได้อย่างไร

นายสันติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฎขึ้นถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่จะได้พบเจอกันบ่อย ๆ ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนไม่กล้าลบหลู่ เพราะเป็นตำนานของเมืองสกลนคร ซึ่งตอนก่อนที่ตนจะพาทีมงานล่องเรือนั้น มีคนทักว่า ให้ทำพิธีบวงสรวงก่อน แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้บวงสรวง ตนจึงเกรงว่า อาจจะเกิดอาเพศได้ เลยจะดำเนินการบวงสรวงในเร็ววันนี้

ด้าน นายไชยยศ พรมวัง พนักงานขับเรือที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนพบเห็นเกลียวคลื่นดังกล่าวบ่อยครั้ง และถ้าไม่ใช่สิ่งลี้ลับจริง ก็จะต้องเป็นปลาขนาดใหญ่ที่ยาวมากกว่า 10 เมตร หนักว่า 1 ตัน อย่างแน่นอน ส่วนตัวตนเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหนองหาร โดยที่ดอนลังกาทุกวันพระ จะมีลูกแก้วลอยขึ้นจากสิมแห่งนี้ ซึ่งเคยเห็นกับตามาหลายครั้งแล้ว

ขณะที่ ดร.สพสันต์ เพชรคำ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร กล่าวว่า ตนเห็นภาพดังกล่าวแล้ว เกลียวคลื่นนั้นไม่ได้เกิดจากคลื่นที่เกิดจากเรือแน่นอน อาจจะเป็นงู หรือสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในน้ำก็เป็นได้ ชาวบ้านเลยมีความคิดเชื่อมโยงไปยังเรื่องของพญานาค ซึ่งเป็นความเชื่อของคนในลุ่มน้ำโขงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลุ่มแม่น้ำใดก็จะมีความเชื่อเกี่ยวกับนาคทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำชีก็มีชื่อว่า ชีวนาค แม่น้ำมูล ก็มีชื่อว่า คณะมูลนาค ซึ่งนาคเป็นความเชื่อของคนท้องถิ่นที่มาจากประเทศอินเดีย และคนในท้องถิ่นส่วนใหญ่ ก็จะนำเรื่องแปลกประหลาดไปโยงเข้ากับนาคเสียทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ บรรดาชาวบ้านที่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวก็แห่กันมาจับจองที่นั่งเฝ้ารอดูพญานาคโผล่ที่ริมฝั่งหนองหาร ส่วนทางด้านทิศตะวันตกก็มีประชาชนนำ หมาก พลู บุหรี่ และพานบายศรี พร้อมด้วยพวงมาลัยเซ่นไหว้ตามความเชื่อ แต่ก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากตลอดทั้งวันไม่มีพญานาคโผล่มาให้เห็นเลย

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:46:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 25  
 
โอเอซิสกลางมหาสมุทร

กัปตัน นีล เคอร์รี่ พร้อมด้วยภริยาและลูกอีกสองคน รวมทั้งลูกเรืออีก 32 ชีวิต ได้นำเรือ ลารา ของเคอร์รี่ ออกจากท่าในเมือง ลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2424 เพื่อไปยังซานฟรานซิสโก และระหว่างการเดินทางได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เรือขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องสละเรือ ขณะที่เรือลำดังกล่าวกำลังลอยอยู่ในฝั่งทะเลตะวันตกของ เม็กซิโก เรือช่วยชีวิตขนาดเล็กจำนวน 3 ลำ ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก โดยไม่ได้เห็นผืนแผ่นดิน หรือเรือลำอื่น ๆ ผ่านเข้ามาเลยแม้แต่น้อย





แต่ในไม่ช้า ด้วยความอ่อนเพลียและหิวกระหาย ลูกเรือทั้งหมดก็เริ่มหมดสติ และปล่อยให้เรือล่องลอยไปในกระแสน้ำในมหาสมุทรต่อไป และในคืนวันหนึ่ง ขณะที่ เคอร์รี่ กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่นั้น เขาฝันว่าน้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียว เขาลองชิมน้ำนั้นดู ก็ปรากฏว่าเป็นน้ำที่ดื่มได้ และเมื่อตื่นขึ้นมา เคอร์รี่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีแหล่งน้ำจืดอยู่รอบ ๆ เรือลำเล็กของเขา และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ เคอร์รี่ และลูกเรือทั้งหมด สามารถมีชีวิตอยู่ในเรือชูชีพขนาดเล็กกลางมหาสมุทรเป็นเวลานานถึง 23 วันได้ จนเรือพาไปถึงฝั่งเม็กซิโก นั่นเป็นเพราะน้ำบริสุทธิ์ใสสะอาดที่ เคอร์รี่ ค้นพบอย่างบังเอิญกลางมหาสมุทร

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      13 พ.ค. 57   เวลา 10:48:00    IP = 125.26.37.219
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 26  
 

ขอบคุณครับ พี่หมอ

   สมาชิกแบบพิเศษ      ชิตชัย      13 พ.ค. 57   เวลา 12:31:00    IP = 171.5.250.160
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 27  
 
แหล่ม

   Phosphorus      13 พ.ค. 57   เวลา 15:16:00    IP = 118.173.189.129
 


  คำตอบที่ 28  
 
สุดยอดมากครับ อ.ท๊อป วันหยุดด้วยมีอะไรอ่านเพลินเลยครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      khakai      13 พ.ค. 57   เวลา 15:51:00    IP = 223.207.251.133
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 29  
 
อ่านเพลินเลย

   สมาชิกแบบพิเศษ      Bond11      13 พ.ค. 57   เวลา 16:04:00    IP = 49.230.86.238
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 30  
 
เยี่ยม

   สมาชิกแบบพิเศษ      Solo man 007      13 พ.ค. 57   เวลา 16:27:00    IP = 110.168.155.24
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 31  
 
ขอบคุณครับ ผมชอบเรื่องใต้ทะเล จริงๆ ครับ ^^

   Saverum      13 พ.ค. 57   เวลา 18:02:00    IP = 58.9.33.89
 


  คำตอบที่ 32  
 
อ่านสนุกทุกเรื่องเลยครับ

   aomam888      13 พ.ค. 57   เวลา 21:01:00    IP = 223.207.250.151
 


  คำตอบที่ 33  
 
เรื่องหลุมลึกใต้ทะเล นู๋ว่า มันน่าจะมาจาก อุกกาบาตชนโลกเมื่อสมัยหลาย หลายปีก่อน หรืออาจจะเป็นต้นเหตุการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ก็ได้คะ เคยมีคลิปดำลงไปดู พอลงไปลึกๆ มองไม่เห็นอะไรเลย มืดทุกอย่าง แต่จะมีอะไรที่จะรุนแรงขนาดทำให้เป็นหลุมลึกขนาดนั้น เท่ากับอุกกาบาต

   ~มารถั่วดำ~      14 พ.ค. 57   เวลา 3:30:00    IP = 171.7.189.49
 


  คำตอบที่ 34  
 
ชอบมากครับ

   takashi miike      14 พ.ค. 57   เวลา 8:00:00    IP = 110.77.143.243
 


  คำตอบที่ 35  
 
ชอบมากเลย ความรู้ล้วนๆแถมเพลิดเพลินอีกด้วย ขอบคุณครับ

   stato      14 พ.ค. 57   เวลา 15:52:00    IP = 202.176.110.64
 


  คำตอบที่ 36  
 
อ่านสนุก ได้ความรู้ด้วย
ขอบคุณลุงท้อปมากๆครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      mcgiver      17 พ.ค. 57   เวลา 8:12:00    IP = 223.205.178.226
สมาชิกแบบพิเศษ  
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket