(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  รวมเรื่องแปลกลึกลับทั้งไทยและเทศครับ  
 
ฉงน! นักวิจัยพบไฟประหลาดใต้น้ำตกสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจากก๊าซชั้นหิน

นานหลายทศวรรษแล้ว ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าไฟใต้น้ำตกอีเทอนอลเฟรมของนิวยอร์ก ลุกโชนไม่รู้จักดับจากก๊าชในชั้นหิน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบล่าสุดของนักวิจัยสหรัฐฯ ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าวโดยสิ้นเชิง แต่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนว่ามันเกิดจากกระบวนการใด




   สมาชิกแบบพิเศษ   top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:26:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 1  
 
เหล่านักค้นคว้าวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินดีแอนา พบว่าชั้นหินใต้อุทยานเชสนัท ริดจ์ เคาน์ตี อันเป็นที่ตั้งของน้ำตก ไม่เพียงพอสำหรับผลิตก๊าซ ซึ่งนั่นหมายว่าธรรมชาติคงมีกระบวนการอื่นที่สามารถผลิตก๊าซได้เพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงเปลวเพลิงให้ยังลุกไหม้ชั่วกัลปาวสาน



ทั่วโลกมีไฟไม่รู้ดับทางธรรมชาติหลายร้อยแห่ง และแต่ละแห่งสันนิษฐานว่าก๊าซทางธรรมชาติจากชั้นหินโบราณเบื้องล่างที่เรียกกันว่าชั้นหินดินดาน คือสิ่งหล่อเลี้ยงเปลวเพลิงให้ยังคงลุกโชติช่วง อย่างไรก็ตาม อาร์นด์ท ชิมเมลมันน์กับเหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา พบว่าชั้นหินที่อยู่ใต้เปลวเพลิงน้ำตกในนิวยอร์กไม่เพียงพอสำหรับก่อปฏิกิริยาเช่นนี้ได้

เชื่อกันว่าเปลวไฟชั่วนิรันดร์ที่อยู่ใต้น้ำตกอีเทอนอลเฟรมในนิวยอร์ก ถูกจุดด้วยคนพื้นเมืองอเมริกันหลายพันปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากผลวิจัยล่าสุด ชิมเมลมันน์ระบุว่าชั้นหินมีอุณหภูมิแค่ประมาณหนึ่งเท่านั้นและที่สำคัญมันไม่ได้เก่าแก่อย่างที่คิดไว้แต่แรก



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:28:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
ด้วยทั้งสองปัจจัยจึงหมายความว่าชั้นหินใต้น้ำตกในนิวยอร์กจึงไม่สามารถสร้างก๊าซธรรมชาติได้เหมือนเหล่าเปลวเพลิงที่ไม่รู้จักดับอื่นๆ ทั่วโลก และพวกนักวิจัยก็ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ากระบวนการผลิตก๊าซใต้น้ำตกนิวยอร์กเกิดขึ้นจากวิธีการใด

ตามทฤษฎีแล้ว อุณภูมิของชั้นหินต้องอยู่ใกล้จุดเดือดของน้ำหรือร้อนกว่านั้น เพื่อสลายโมเลกุลคาร์บอนในชั้นหิน และปฏิกิริยาเหล่านี้จะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดก๊าซทางธรรมชาติ

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/05/blog-post.html#ixzz2hCRhttIA
ขอบคุณครับที่ใส่เครดิต

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:28:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 10 บ้านหัวดอนคา ต.ห้วยม่วง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พบงูประหลาดสีฟ้าที่นายพศวัต แผนพงษ์ภัค อายุ 48 ปี สามารถจับได้ โดยนอกจากจะมีสีฟ้าแล้ว นัยน์ตายังมีสีทอง ลำตัวใหญ่ประมาณ 2 นิ้ว ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร โดยจับเลี้ยงไว้ในตู้กระจก ท่ามกลางชาวบ้านที่เดินทางมาดู และตีเป็นเลข



โดยนายพศวัต เล่าว่า จับงูตัวนี้ได้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ระหว่างที่ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระเพื่อเข้าบ้าน แต่มีงูสีฟ้าสะท้อนแสงเลื้อยผ่านหน้าไปและตรงไปยังประตูบ้าน ตนจึงรีบนำสวิงช้อนปลาตะปบไว้ หวั่นว่ามันจะกัดหรือทำร้ายคนในบ้าน ก่อนจะนำมาขังไว้ในตู้กระจก แต่ไม่ทราบว่าเป็นงูชนิดใด และมีพิษหรือไม่


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/03/blog-post_12.html#ixzz2hCSCXGEf
ขอบคุณครับที่ใส่เครดิต

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:30:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
ปรากฏการณ์แปลก! ก้อนน้ำแข็งกลมถูกคลื่นซัดเกลื่อนชายฝั่งมิชิแกน



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:31:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ เผยภาพปรากฏการณ์สุดแปลก เมื่อก้อนน้ำแข็งกลม ๆ จำนวนมหาศาล ถูกซัดเข้ามาเกลื่อนบนชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นบนชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติสลีปปิ้ง แบร์ ดูนส์ รัฐมิชิแกน โดยระหว่างที่ เลดา โอล์มสตีด หญิงสาวรายหนึ่งกำลังพาสุนัขทั้ง 2 ตัวของเธอไปเดินเล่น เธอก็ได้พบกับก้อนน้ำแข็งจำนวนมากนี้เข้า เธอจึงไม่รอรีที่จะบันทึกภาพ แล้วส่งให้กับทางสื่อท้องถิ่น ก่อนที่ภาพดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ออกไป และสร้างความฉงนสงสัยให้กับผู้คนอย่างมาก



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:31:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
เพื่อไขข้อข้องใจดังกล่าว ทางด้านเอมี่ ลิปสคอมป์ เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติสลีปปิ้ง แบร์ ดูนส์ จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า ก้อนน้ำแข็งกลม ๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นจากการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในฤดูหนาว และลอยอยู่ใกล้กับทะเลสาบมิชิแกน จากนั้นเมื่อเศษน้ำแข็งเหล่านี้ถูกคลื่นลมซัดจนลอยพลิกกลับไปกลับมาเรื่อย ๆ และไปจับกับหิมะ หรือน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ มากมายแล้ว มันก็เลยกลายเป็นก้อนกลมมนเหมือนกับสโนว์บอลที่สมบูรณ์แบบราวกับถูกปั้นด้วยมือ ก่อนที่จะถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายฝั่ง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่อุทยาน แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มา ไม่เคยเจอปรากฏการณ์น่าทึ่งแบบนี้มาก่อนเลย

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/03/blog-post_1.html#ixzz2hCSfVky5


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:32:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
พบฐานทัพ มนุษย์ต่างดาว ในแอนตาร์กติกา

ค้นพบทางเข้า อุโมงค์ปริศนา จาก Google Earth ในแอนตาร์กติกา เชื่อว่าอาจเป็นทางเข้าฐานทัพของมุนษย์ต่างดาว

ปากถ้ำ มีความสูง 30 เมตร และกว้าง 90 เมตร เชื่อว่าอาจเป็นทางออกของยาน UFO




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:34:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
และห่างกันไม่ไกลมากนักพบอีกหนึ่งทางเข้า ซึ่งปากถ้ำนี้มีโครงสร้าง คล้ายกับโดม
ซึ่งมีลักษณะที่ดำเงาแตกต่างจากก้อนหินของเชิงเขาโดยสิ้นเชิง

ลองพิจารณากันดู จากในคลิปครับ


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/06/blog-post.html#ixzz2hCTWLCmq


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:36:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
ฝูงกวางตายปริศนา ใกล้กับ Crop Circle นิวเม็กซิโก


ฝูงกวางเอลก์ 120 ตัว ตายปริศนา ภายใน 24 ชั่วโมงใกล้ๆกับสิ่งที่คล้าย Crop Circle นักวิจัย UFO ชื่อว่า อาจเชื่อมโยงกับ UFO



26 สิงหาคม 2013 ได้มีการพบฝูง กวางเอลก์ 120 กว่าตัว ล้มตายปริศนา 20ไมล์ จากทางตอนเหนือของลาสเวกัสในนิวเม็กซิโก ห่างจากบริเวณที่พบฝูงกวางประมาณ ไม่กี่ร้อยฟุต พบสิ่งที่ดูคล้ายคลึงกับ
Crop Circle ซึ่งสามารถมองเห็นได้จาก เฮลิคอปเตอร์



เชื่อกันว่าเหตุการณ์ล้มตายปริศนาของฝูง กวางเอลก์ อาจเกี่ยวข้องกับการทดลองของมนุษย์ต่างดาว

ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/09/crop-circle.html#ixzz2hCU0GMuN


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:38:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
นักวิทย์ยัน ซากประหลาดคล้ายเอเลี่ยน เป็นซากมนุษย์

เป็นเวลานานกว่า 10 ปี ที่มีการถกเถียงกันว่า โครงกระดูกความยาวเพียง 6 นิ้ว ที่ถูกพบในทะเลทรายประเทศชิลีเมื่อปี 2003 มีลักษณะประหลาด หัวโตคล้ายกับเอเลี่ยนหรือมนุษย์ต่างดาวนั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก หรือว่า เป็นเพียงซากของเด็กทารกกันแน่



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:40:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Stanford ของสหรัฐ เผยผลการตรวจพบว่า เป็นเพียงโครงกระดูกมนุษย์



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:41:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 12  
 
โดยก่อนหน้านี้ นักวิจัยได้ตั้งสมมติฐานว่า มันอาจจะเป็นซากของทารก ซากของลิงซิมแปนซี หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว โดยทีมนักวิจัยได้นำเอาชิ้นส่วนไปตรวจเพื่อเปรียบเทียบพันธุกรรม พบว่าเป็นซากทารกเพศชาย ที่มีโครงสร้างเป็นมนุษย์ ทั้งทางเดินอาหาร การหายใจ และกระบวนการขับถ่าย



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:42:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 
อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างที่มีขนาดเล็ก และแปลกประหลาด ทำให้หลายคนยังอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วเป็นซากของมนุษย์จริงหรือไม่



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:43:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
ประกอบ คห 11 ครับ

   eakibanez      9 ต.ค. 56   เวลา 12:46:00    IP = 58.8.97.17
 


  คำตอบที่ 15  
 
รวมภาพ UFO เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ที่มีการบันทึกไว้ได้

กล่าวกันว่า เมื่อถึงวันสิ้นโลก มนุษย์ต่างดาว ผู้เป็นมิตร จะมาช่วยชาว โลกให้รอดพ้นจากภัยพบัติ
ผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้น ที่จะ ได้รับความช่วยเหลื่อ

หรือเขาอาจแค่มาช่วยโลก แต่ไม่ช่วยมนุษย์ เหมือนดังในหนัง
เพราะรู้ดีว่ามนุษย์คือตัวทำลาย.....

หรือ อาจเป็นเป็นไปได้ว่า ต่างดาวอาจมอง ชาวมนุษย์ โลกว่าเป็นภัยคุกคาม
อาจจะมายับยัง มนุษย์ ไม่ให้ ขยาย อาณาจักร ไปยังดวงดาวอิ่นๆ
เพราะ มนุษย์โลก เป็นเหมือน สัตว์ หรือสังคมชั้น ต่ำ ของจักรวาล
ที่ยังคงเห็นแก่ตัว ทำลาย ทรัพยากร และระบบนิเวศ ที่ตนอาศัย

ไม่ว่าจะเป็น เช่นไรก็ตาม ก็ต้องรอจนกว่าจะถึง วันนั้น จริง ๆ
แต่ที่แน่ๆ เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลนี้อย่างแน่นอน....



UFO นั้นปรากฎหลักฐาน มาตั้งแต่สมัยโบราณ บรรพบุรุษ
ผมได้รวบ รวมหลักฐาน ตั้งแต่มีการบึนทึกภาพได้ เมื่อ 100 กว่าปีก่อนมาให้ชมกัน..



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:49:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 16  
 
111

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:51:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 17  
 
222

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:54:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 18  
 
333

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:55:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 19  
 
444

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:55:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 20  
 
ตะลึง !! UFO บินเข้าปล่องภูเขาไฟ ในเม็กซิโก

บ่อยครั้งเที่เราจะพบเห็น UFO บิน วนเวียนบริเวณ ภูเขาไฟ ที่กำลังจะประทุ โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นบ่อยในช่วงที่ ภูเขาไฟกำลังปล่อยควันออกมา

อีกหนึ่งคลิป ที่จับภาพ UFO โดยกล้องที่บันทึกการประทุของเขาไฟ Popocatepetl ในประเทศ เม็กซิโก
แต่ครั้งนี้ เป็นอะไรที่แปลกประหลาดยิ่งนัก นั้นเพราะ UFO ได้บินเขาไปในปล่องภูเขาไฟ หรืออาจเป็นบริเวณปล่องภูเขาไฟ ซึ่งภูเขาไฟนี้มีชื่อเสียงเรื่อง UFO อยู่แล้วเพราะได้มีการพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง


อาจเป็นไปได้ว่า บริเวณฐานภูเขาไฟ อาจเป็นฐานที่จอดของยาน UFO ที่เข้ามาสำรวจโลก
หรือการที่เราพบเห็น UFO บ่อยๆ บริเวณภูเขาไฟที่กำลังจะประทุ เขาอาจจะมาสำรวจภัยพิบัติ
ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก เพื่อประเมินการยับยั้งหรือช่วยเหลือ ก็อาจเป็นได้ ดั่งที่เคยปรากฏแก่สายตาชาวโลก
เมื่อตอนอุกาบาต ตกที่รัสเซีย


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2013/06/ufo-popocatepetl.html#ixzz2hCYrW9yz


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:57:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 21  
 
ปากปล่องภูเขาไฟ Popocatepetl



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 12:57:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 22  
 
เรื่องสยองผีบ้านทรงไทย

ญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่งมีชื่อว่าลุงชด ชอบเรียนวิชาอาคมและเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง ส่วนเครื่องรางของขลังก็พอมีบ้างแต่ไม่มากนัก ลุงชดนี่แหละที่ทำให้เรารู้ความจริงว่า ในโลกนี้ผีมีจริง !!! สมัยที่ลุงชดยังเป็นหนุ่มๆ แกเป็นคนใจร้อน ใครมาท้าตีท้าต่อยเป็นไม่ได้ เลือดของนักสู้เป็นต้องเดือดพล่านขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้เองทำให้ลุงชดต้องเรียนรู้เรื่องราวของวิชาอาคม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชายอยู่แล้ว
หลังบ้านของลุงชดอยู่ติดกับวัดขวิด ซึ่งสมัยก่อนมีกิตติศัพท์ในเรื่องผีดุเป็นอันมาก ไม่มีใครกล้าเดินผ่านวัดในเวลากลางคืน แต่ลุงชดกลับเดินผ่านป่าช้าอย่างสบายใจ เหมือนว่าในป่าช้าเป็นห้างสรรพสินค้ายังไงยังงั้น “ถามจริงๆ เถอะครับลุง ไม่เคยถูกผีหลอกบ้างเลยรึ” “เราต้องแยกแยะให้ออก ผีหลอกกับผีมาปรากฏร่างมันคนละเรื่องกัน แต่คนทั่วไปมักเข้าใจผิด คิดว่าทุกครั้งที่เห็นผีมักจะทึกทักว่าถูกผีหลอกที่จริงแล้วไม่ใช่ เขาอาจจะมาปรากฏตัวให้เห็นเพราะต้องการจะบอกอะไรเราบางอย่าง บางครั้งผีมีความหิวโหย ไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้ แต่เราเป็นผู้ที่มีจิตใจเอื้ออารี ผีจึงมาขอส่วนบุญโดยการปรากฏร่างให้เห็น” “ที่บอกว่าผีมาบอกอะไรเราบางอย่าง หมายความว่าอย่างไร?” “ผีนั้นมีความสามารถพิเศษ คือเขาสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับใครบางคน หากว่าเขามีความปรารถนาดี ไม่ต้องการให้คนผู้นั้นต้องได้รับเคราะห์กรรม เขาก็จะมาปรากฏร่างให้เห็น เพื่อเป็นการเตือนให้ระวังตัว คงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ผีมาบอก” “ลุงห้อยพระเครื่องบ้างหรือเปล่า” “ไม่เคยห้อยพระเครื่อง คนที่ห้อยพระเครื่องแต่ทำตัวไม่ดี ห้อยพระก็เท่านั้นไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” “ได้ข่าวว่าลุงเคยถูกฟันแต่ไม่เข้า” “ตอนนั้นไปมีเรื่องกับนักเลงวัดบ้านทวน มันเกเรชอบหาเรื่องชาวบ้าน เห็นพวกสาวๆ เป็นไม่ได้ ไม่เลือกว่าเป็นลูกเขาเมียใคร มันจีบดะไม่เลือกหน้า ลุงก็เลยท้าพวกมันต่อย แต่มันเล่นทีเผลอตอนที่เรายังไม่ทันระวังตัว อีดาบยาวฟันเราเข้าที่กลางหลัง ตอนนั้นสะดุ้งคิดว่าเหวะแล้ว แต่พอรู้ว่าไม่เข้ากำลังใจมาเป็นกระบุง เลยไล่แทงพวกมันจนหนีกระเจิง” “ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเรื่องคงกระพันชาตรีมันจะมีจริง” “ยังมีความลี้ลับในโลกนี้ที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย แต่คนทั่วไปมักมองว่าสิ่งไหนพิสูจน์ไม่ได้ แสดงว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องเหลวไหล อย่าไปเชื่อ อย่างกับเรื่องผีเหมือนกัน คนชอบพูดกันนักว่าอย่าไปเชื่อ ในโลกนี้ไม่มีผีหรอก แต่ลุงเคยเจอจะจะมาแล้วจนนับไม่ถ้วน สนใจอยากจะฟังหรือเปล่าล่ะ”
ประสบการณ์ผีเรื่องแรกที่ลุงชดเล่าให้ฟังก็คือ “ผีที่บ้านทรงไทย” ซึ่งบ้านทรงไทยหลังดังกล่าว อยู่ที่อำเภอองค์รักษ์ จังหวัดนายก ปัจจุบันบ้านหลังกล่าวก็ยังอยู่ แต่ถูกดัดแปลงบางส่วนให้เป็นร้านอาหารไปแล้ว “วันนั้นลุงไปหาเพื่อนที่จังหวัดนครนายก เพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันมานาน มันก็กินติดลมไปหน่อย รถเที่ยวสุดท้ายก็เลยหมด เพื่อนก็เลยให้นอนค้างที่บ้าน ใจจริงของลุงไม่อยากนอนค้างที่บ้านของเพื่อนสักเท่าไหร่ มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราหวาดระวัง คล้ายกับว่ามีคนมองเราอยู่ ไม่ว่าเราจะทำก็ตาม ลุงกับเพื่อนนั่งกินเหล้ากันอีกพักก็แยกย้ายกันไปนอน ลุงนอนในห้องที่เพื่อนจัดเอาไว้ให้ เป็นห้องเล็กๆ ในห้องมีโกฐใส่กระดูกตั้งอยู่ ตอนนั้นใจไม่สู้ดี แต่จะบอกเพื่อนว่ากลัวก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนรู้ว่าลุงเป็นคนไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว พอกำลังเคลิ้มๆ จวนจะหลับ ก็ได้ยินคนพูดข้างหูบอกว่า ออกไปจากห้องของกู ออกไปจากห้องของกู ตอนแรกคิดว่าเราหูแว่วไปเอง พยายามไม่คิดอะไร คราวนี้ไม่ได้ยินเสียงแต่ถูกดึงขา ลุงก็ชักเท้ากลับสวดมนต์เป็นการใหญ่ มีเสียงเท้าคนเดินรอบๆ ห้อง ลุงตัดสินใจเป็นไรเป็นกันวะ เปิดมุ้งลุกขึ้นยืนทันที ในห้องมันมีแสงสว่างลางๆ ไม่ถึงกับมืดเสียทีเดียว ลุงจึงมองเห็นแบบลางๆ ว่ามีผู้หญิงแก่ๆ ยืนอยู่ที่มุมห้อง ตอนนั้นสติแทบแตกโวยวายลั่นห้องจนเพื่อนตกใจตื่น ลุงก็เลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนบอกว่าห้องนี้เป็นห้องยายของมันเอง ยายตายในห้องนี้ และที่นอนที่ลุงนอนก็เป็นของยายมัน เพื่อนบอกว่าลืมจุดธูปบอกยายของมันว่าลุงจะเข้ามานอนในห้องนี้ ตอนนั้นมันก็จวนจะสว่างแล้ว ลุงก็เลยนั่งกินเหล้าต่อกับเพื่อน ไม่คิดจะกลับไปนอนในห้องนั้นอีกเลย นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของลุงที่ถูกผีหลอก จากนั้นลุงก็เริ่มศึกษาเรื่องราวของไสยศาสตร์ ศึกษาเรื่องจิตและวิญญาณ ยังมีสิ่งต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่คนธรรมดาสัมผัสไม่ได้ จับต้องไม่ได้”
อีกประสบการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับลุงชดเป็นเรื่องของ “ผีสาวเฮี้ยน” ซึ่งเกิดที่จังหวัดลพบุรี “ญาติคนหนึ่งของลุงไปเปิดร้านขายของที่จังหวัดลพบุรี วันเปิดร้านเขาก็ชวนพวกญาติๆ ไปทำบุญที่ร้าน ลุงก็ไปแต่ถึงลพบุรีก็ดึกมากแล้ว ตอนนั้นรู้สึกหิวก็เลยแวะทานข้าวต้ม ร้านข้าวต้มอยู่ติดกับสถานีรถไฟ ตอนที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดี หิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ มาใบหนึ่ง แต่ลุงก็ไม่ได้สนใจอะไร พอกินเสร็จก็ขึ้นรถ ผู้หญิงคนนั้นเดินมาหาลุง แล้วถามลุงว่าจะไปทางไหน ลุงบอกว่าไปทางลำนารายณ์ เขาก็บอกว่าไปทางเดียวกัน ขอติดรถไปด้วยคน ลุงเห็นเป็นผู้หญิงก็สงสารเลยให้นั่งรถไปด้วย พอขับรถออกมาได้สักพัก มันก็เริ่มได้กลิ่นเหมือนมีอะไรเน่าๆ อยู่ในรถ กลิ่นมันเหม็นมาก ลุงถามผู้หญิงคนนั้นว่าได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า เขาก็พยักหน้าบอกว่ากลิ่นศพคนตาย ลุงบอกว่าไม่ใช่หรอก มันเป็นกลิ่นหนูตายต่างหาก กลิ่นศพที่ไหนกัน พอลุงพูดจบผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะ มันเป็นเสียงหัวเราะที่เยือกเย็น ไม่ใช่เสียงคนอย่างแน่นอน พอลุงหันไปมองก็เห็นใบหน้าผู้หญิงคนนั้นเน่าเฟะ ดวงตาห้อยออกมานอกเบ้า น่ากลัวมาก ตอนนั้นลุงเหยียบเบรกรถทันที ความตั้งสิตแล้วสวดคาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ ร่างของผีผู้หญิงก็หายวับไป พอไปถึงบ้านญาติลุงก็เล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้พวกเขาฟัง ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อคิดว่าลุงโกหก แต่บังเอิญมีญาติคนหนึ่งเป็นตำรวจถามลุงว่า ผู้หญิงที่ลุงพบใส่เสื้อสีแดงลายดำ ลุงกางเกงขาวใช่หรือเปล่า ลุงก็บอกว่าใช่ เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อว่า “เพ็ญ” เป็นคนจันทบุรี มาตามสามีที่จังหวัดลพบุรี แต่ถูกคนร้ายลวงไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้นปรากฏว่าผีของเพ็ญได้ออกอาละวาด เที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านเป็นประจำ ตำรวจเองก็ยังถูกหลอกจนไม่กล้าออกตรวจพื้นที่ วันรุ่งขึ้นลุงก็เลยใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้เพ็ญ คืนนั้นเพ็ญก็มาเข้าฝันลุง พร้อมกับขอบคุณที่ลุงทำบุญให้เธอ เธอบอกว่าจะไปผุดไปเกิดเสียที”


แหล่งที่มา : http://shock.mthai.com/

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:06:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 23  
 
eakibanez สวัสดีครับ ขอบคุณครับสำหรับคลิป

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:15:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 24  
 
William J. Meister มีงานอดิเรกคือสะสมฟอสซิลของไทรโลไบต์ซึ่งอยู่ในภูเขาบริเวณรัฐยูทาห์ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 1968 เขาบังเอิญได้พบรอยเท้ามนุษย์ซึ่งฝังอยู่ในดินบริเวณที่เขาขุด มันเป็นหินซึ่งมีรอยเท้ามนุษย์โบราณพิมพ์ติดอยู่ และเซอร์ไพรส์ครับท่าน... มีซากของไทรโลไบต์ติดอยู่ด้วย!! สถานที่ที่เขาพบรอยเท้ามนุษย์ดังกล่าวอยู่ที่ Antelope Springs ประมาณ 43 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเดลต้า มลรัฐยูทาห์

ด้วยความตื่นเต้นแบบสุดๆ เขาใช้ค้อนและเครื่องมือขุด กระเทาะหินออกมาอย่างระมัดระวัง แทบไม่น่าเชื่อเลย สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขาก็คือ รอยเท้าประทับเท้าข้างขวาของมนุษย์พร้อมด้วยตัวไทรโลไบต์ในหินก้อนเดียวกัน รอยประทับนี้คาดว่าเป็นรอยที่เจ้าของเท้าเหยียบลงไปในดินโคลน ซึ่งภูเขานี้เคยเป็นทะเลมาก่อน เวลาที่ผ่านไปก็ได้ทำให้ดินนี้แข็งเป็นหินและฝังรอยประทับเอาไว้ นี่มันอะไรกันครับคนที่ไหนถึงได้ไปมีชีวิตอยู่ในช่วงเดียวกับตัวไทรโลไบต์ 300 - ล้านปีก่อน... และที่มหัศจรรย์ไปยิ่งกว่านั้น อย่างที่ท่านสามารถเห็นได้ด้วยตาของท่านเองจากในภาพ เท้าข้างนั้นดันสวมรองเท้าเสียอีกแน่ะ

รอยเท้าดังกล่าวยาวประมาณ 10 นิ้ว เป็นเท้าขวาอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะรูปทรงของส่วนส้นเท้ามันชี้อยู่เห็นๆ แถมด้วยซากของตัวไทรโลไบต์ที่กับฝ่าเท้าอีก ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของรอยเท้าข้างนี้ เขาได้ทำกรรมขนานใหญ่คือเหยียบตัวไทรโลไบต์จนแบนแต๋ติดเท้า กลายเป็นหลักฐานรุ่นเก๋ากึ๊กให้คนรุ่นใหม่อย่างเราฉงนใจกันเล่นๆ



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:16:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 25  
 
จากนั้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 1968 Antelope Spring ได้ถูกนักธรณีวิทยานาม Dr. Clifford Burdick เข้ามาสำรวจบ้าง ด้วยเวลาไม่นานนัก ดร.คลิฟฟอร์ด ก็ได้พบรอยเท้าของเด็กประทับอยู่ในหินเช่นกัน ท่านด็อกกล่าวว่า มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ได้พบรอยเท้าเช่นนี้ นี่เป็นรอยเท้าเด็กมีความยาวประมาณ 6 ฟุต ถือเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ทางโบราณคดีเลยทีเดียว


ครั้งสุดท้ายที่ค้นพบ หลักฐานสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ เดือน กันยายน 1968 Mr. Dean Bitter แห่ง Salt Lake City public schools system ได้พบรอยประทับเท้าแบบเดียวกันอีกสองรอยในบริเวณ Antelope Spring คราวนี้ไม่ยักกะมีไทรโลไบต์แบนแต๋ติดอยู่ครับ แต่พบไทรโลไบต์และสัตว์น้ำตัวเล็กๆอีกหลายชนิดกลายเป็นหินฝังอยู่ในก้อน เดียวกัน ...คนจากโลกนี้หรือโลกไหนครับที่มาฝากรอยเท้าเอาไว้บนโลก ในสมัยที่มนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยซ้ำ หึ หึ อย่าบอกนะว่าพี่หนุ่ยอำพล...




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:18:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 26  
 
ขอบคุณมากครับ มีแต่เรื่องราวดีๆทั้งนั้นเลย น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะ เรื่องสยองผีบ้านทรงไทย ผมชอบครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      khakai      9 ต.ค. 56   เวลา 13:18:00    IP = 223.207.250.155
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 27  
 
ในปี 1908 ณ ไซต์ขุดค้นทางโบราณคดีที่ Glen Rose มลรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นแหล่งขุดค้นหลักฐานที่สำคัญในยุคครีเตเชียส(Cretaceous; dating from 135 million to 65 million years ago) นักสำรวจได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้โลกต้องหันมาทบทวนทฤษฎีวิวัฒนาการ เสียใหม่ มันเป็นรอยเท้าของมนุษย์โบราณขนาดมหึมา ซึ่งประทับอยู่บนพื้นที่กลายเป็นหิน นั่นคงไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ถ้าหากว่า บริเวณใกล้ๆรอยประทับเท้านั้นไม่มีรอยเท้าของกิ้งก่าโบราณบางชนิด ที่เราเรียกว่าไดโนเสาร์รวมอยู่ด้วย...




Clifford L. Burdick และ Roland T. Bird นักโบราณคดีได้ทำการสำรวจรอยเท้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิด Bird เป็นนักชีววิทยาและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์ยุคโบราณ หลังจากทำงานอย่างหนักถ้อยแถลงที่ทีมสำรวจนี้มีต่อ American Museum of Natural History ได้ทำให้ใครต่อใครพากันอึ้งไปหมดครับ เพราะตรงรอยประทับเท้าดังกล่าว นอกจากรอยเท้ามนุษย์แล้วยังมีรอยขนาดใหญ่ที่เจ้าของเท้ามีนิ้วเท้าสามนิ้ว ประทับซ้อนกันอยู่ ครับ มันเป็นรอยเท้าของสัตว์โบราณไดโนเสาร์ไม่ผิดแน่ และจากการวัดอายุ รอยเท้าทั้งสองอยู่ในยุคสมัยเดียวกันครับไม่ได้เกิดจากการทับรอยเมื่อเวลา ผ่านไปอย่างที่หลายๆคนกำลังคิดอยู่ แปลกดีแฮะ

จะไม่แปลกได้อย่างไรเล่าครับ ในเมื่อไดโนเสาร์น่ะมีอยู่ในยุคครีเตเชียสและจูราสสิค ตั้ง 135-65 ล้านปีที่ผ่านมาแล้วนะครับ ส่วนมนุษย์นั้นเพิ่งจะมามีตัวตนเมื่อประมาณ 4 ล้านปีที่ผ่านมานี่เอง ไกลกันจนสุดกู่ การพบว่ามนุษย์(หรืออย่างน้อยก็สัตว์จำพวกมนุษย์)กับไดโนเสาร์เป็นสิ่งมี ชีวิตร่วมสมัยกันเนี่ย แทบจะหักล้างทฤษฎีวิวัฒนาการไปจนหมดสิ้น นักวิทยาศาสตร์จากหลายวงการคิดกันหัวแทบแตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะยิ่งนานวันหลังฐานที่พบก็สร้างความงุนงงให้กับพวกเขามากขึ้นทุกที (หลักฐานทั้งหลายผมจะค่อยๆเอามาให้ชมในบทถัดๆไปครับ) นายโซนิคก็อยากจะบอกพวกเขาล่ะนะครับว่าอย่าคิดมาก ให้ปลงแล้วก็หันหน้าเข้าวัดซะอะไรๆอาจจะดีขึ้น ปู้โธ่... ศาสนาพุทธของเรารู้มาตั้งนานแล้วสำหรับเรื่องนี้ พระพุทธองค์เองก็ยังเคยตรัสไว้ว่า โลกของเรานี้เคยมีอารยธรรม เคยมีมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดแล้วก็แตกดับถึงแก่กาลล่มสลายมานับ ไม่ถ้วน หัดไปศึกษาเรื่องวัฏสงสารมั่งนะท่านด็อกทั้งหลาย เผื่อจะได้เห็นทางสว่างขึ้นมาบ้าง


ยังมีกระทาชายนามว่า Max Han ชอบใช้เวลาในวันหยุดไปตกปลากับครอบครัวของเขาที่ Texas มีอยู่วันหนึ่งเขาได้พบกับหินก้อนหนึ่งโดยบังเอิญบริเวณริมตลิ่ง Han รู้สึกประหลาดใจกับอะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับแท่งไม้ที่โผล่ออกมาจาก หินก้อนหนึ่ง มันดูเก่าและเหมือนฟอสซิลของไม้ ด้วยความอยารู้เขาจึงงัด ขุด และนำเอาหินก้อนนั้นออกมา เมื่อเจาะหินออกมาได้ Han ก็พบกับเครื่องมือโบราณชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายฆ้อนอย่างที่เห็นในภาพ Han นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพราะเขาเองก็ไม่สันทัดกรณีมากนัก แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นของเก่าครับ... เขาคิดไม่ผิดเลย เพียงแต่ว่าอายุของฆ้อนนั้น มันดันเก่ากว่าที่ Hanจินตนาการเอาไว้มาก
ด้ามของฆ้อนมีลักษณะคล้ายไม้ที่กลายเป็นควอทซ์ ส่วนตัวหัวนั้น ผลการวิจัยจาก ห้อง Lab Betel บอกว่า มันมีส่วนประกอบของแร่ที่ดูแปลกไปจากปัจจุบัน คือ เหล็ก 96% คลอรีน 2.6% กับกำมะถัน 0.74 % แต่ไม่ยักกะมีคาร์บอน สิ่งที่แปลกเอามากๆก็คือ ภายใต้กาลเวลาที่เปลี่ยนไป หัวของฆ้อนไม่ปรากฏสนิมเหล็กให้เห็นเลย เพราะว่าโลหะที่ใช้ทำผ่านการถลุงจนกลายเป็นโลหะผสมที่บริสุทธิ์มาก แถมในเนื้อโลหะก็แน่นไม่มีฟองอากาศแม้สักนิดเดียว




   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:19:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 28  
 
khakai สวัสดีครับอาจารย์ขอบคุณที่เข้ามาทักทายครับ

.................................................................................

นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เจ้าฆ้อนโบราณด้ามนี้แม้จะเป็นอุปกรณ์ง่ายๆ แต่มันถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสูงมาก แม้แต่การหลอมหัวฆ้อนให้บริสุทธิ์และปราศจากฟองอากาศ ปัจจุบันเทคโนโลยีในวงการอุตสาหกรรมยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วฆ้อนด้ามนี้มีอายุเท่าไหร่กันนะ? คำตอบไม่ยากเลยครับเพราะหินที่ฆ้อนนี้ฝังอยู่ เป็นดินที่กลายเป็นคอนกรีตที่วัดอายุได้ง่ายมากมันอยู่ในยุคครีเตเชียสต อนปลาย ซึ่งตำราเรียนของเราบอกว่า อยู่ในช่วงเวลา 140ล้านปีที่ผ่านมาแล้ว ในช่วงที่ไดโนเสาร์ยังครองโลกอยู่... ในเมื่อ 140ล้านปีก่อนยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนเกิดขึ้นมาในโลก ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนทำฆ้อนอันนี้ขึ้นมาล่ะครับ? ไดโนเสาร์เหรอ? คงเป็นภาพที่ดูไม่จืดจริงๆถ้าเวโลซีแรพเตอร์ เที่ยวไล่ล่าหาอาหารด้วยการแบกฆ้อนยักษ์อันนี้ไปไล่ทุบหัวเหยื่อ ว่าแต่นิ้วแบบนั้นของไดโนเสาร์จะแบกฆ้อนได้ยังไงก็ไม่รู้สินะ ส่วนคำตอบที่ว่าฆ้อนอันนี้ใครเป็นคนทำและใครเป็นคนใช้นั้น นายโซนิคคิดว่าทุกท่านน่าจะได้คำตอบเลาๆอยู่ในใจบ้างแล้ว


เทคโนโลยีจิ๋วอายุแสนปี
เอาล่ะครับ ดูฆ้อนยักษ์กันมาแล้วทีนี้เราลองมาดูของขี้ปะติ๋วกันสักหลายๆชิ้นดีไหมครับ เป็นวัตถุโบราณที่คาดอายุว่าจะอยู่ในยุคเพลสโตซีน (Pleistocene: ประมาณ 2 ล้านปีที่ผ่านมาแล้ว) วัตถุในภาพที่เห็นขุดพบบริเวณเทือกเขายูราลในรัสเซีย จากรายงานเท่าที่ได้ในปัจจุบันโดยสถาบัน Central Scientific Research Institute for Geology and Prospecting for Precious and Non-Ferrous Metals (ZNIGRI) (ชื่อยาวจริงๆ..) ในมอสโคว์กล่าวว่า ชิ้นส่วนต่างๆที่ขุดพบนั้นน่าจะเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีที่มาจากต่างดาว หลังจากต้นปี 1990 เป็นต้นมา ได้มีการสำรวจบริเวณนั้นอย่างกว้างขวางและพบวัตถุปริศนาอีกมากมายหลายชิ้น โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำ Narada, Kozim, และ Balbanyu ในบริเวณเทือกเขายูราลด้านตะวันออก วัตถุเล็กๆดังกล่าวถูกขุดพบมากมายนับพันชิ้น โดยมากจะพบในชั้นดินที่ลึกลงไปประมาณ 10 -40 ฟุต



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:21:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 29  
 
วัตถุประหลาดดังกล่าวมีขนาดที่น่าทึ่งมากครับ คือตั้งแต่ใหญ่สุดประมาณ 3 เซ็นติเมตรจนถึงเล็กสุดซึ่งมีขนาดเพียง 0.003 มิลลิเมตร หรือ 1/10,000 นิ้วนั่นเชียว ก็ดังที่เห็นในภาพแหละครับ วัตถุพวกนี้มีลักษณะเป็นเกลียวจิ๋วและตอนแรก นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่แน่ใจนักว่ามันใช้ทำอะไรได้ มีนักโบราณคดีบางคนตั้งทฤษฎีว่าน่าจะเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่ง โธ่เอ๋ย... ใครกันครับจะทำเครื่องประดับจิ๋วมหาจิ๋วแบบนี้ออกมาใส่กัน ครั้งจะเป็นเครื่องกลหรืออะไรเทือกนั้นมันก็เล็กไปอีกนั้นแหละ หลายชิ้นมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น นับเป็นนาโนแม็คคานิคส์โดยแท้เลยครับ วัตถุดังกล่าว ทำมาจากโลหะผสมหลายประเภทส่วนใหญ่จะเป็นทังสเตน โมลิบดินัม และทองแดง ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าทังสเตนและโมลิบดินัมเป็นโลหะที่มีน้ำหนักอะตอมมาก มีจุดเดือดสูง การจะหลอมและผสมนำมาใช้งานจำต้องใช้ความร้อนมหาศาลและเทคโนโลยีทาง อุตสาหกรรมที่สูงมาก เพราะแม้ในปัจจุบันเราก็ยังใช้โลหะสองประเภทนี้ในอุตสาหกรรมบางอย่างเท่า นั้น (เช่นในอุตสาหกรรมหลอดไฟฟ้า หรือ การผลิตยุทโธปกรณ์) Dr. Valerii Ouvarov แห่ง the Russian Academy ofSciences ในเซนต์ปีเตอสเบิร์กได้ทำการวิเคราะห์วัตถุลึกลับเหล่านี้ และก็ได้แต่ส่ายหน้าเนื่องจากความสนเท่ในที่ไปที่มาของมัน

ปัจจุบัน เราทราบกันเพียงว่า วัตถุชิ้นจิ๋วดังกล่าว น่าจะเป็นส่วนประกอบของเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าในปัจจุบัน เราไม่ทราบว่ามันถูกนำมาใช้ทำหน้าที่อะไรเมื่อครั้งกระโน้น แต่อายุอานามของมัน ถูกแถลงจากนักวิทยาศาสตร์รัสเซียว่า มีช่วงอายุอยู่ราวๆเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนอย่างแน่นอน



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:22:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 30  
 
นี่คือ... ขั้วไฟฟ้าสมัยครึ่งล้านปีที่แล้ว...

เป็นวัตถุประหลาดอีกชิ้นหนึ่งที่ไม่ทราบที่มาของมัน มันถูกห่อหุ้มด้วยดินที่กลายเป็นหินมากว่าครึ่งล้านปี เจ้าวัตถุชิ้นนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของ the Coso artifact ถูกค้นพบที่ยอดเขาในแคลิฟอร์เนีย ลักษณะของมันเหมือนขั้วไฟฟ้าหรือปลั๊กอะไรสักอย่างหนึ่ง ทำมาจากโลหะแข็งและเปล่งประกาย นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยมันบอกว่า เจ้าวัตถุชิ้นนี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีเดียวกับการสร้างซูเปอร์คอนดัคเตอร์ หรือตัวนำยิ่งยวดในปัจจุบัน เป็นที่น่าเสียดายครับ ที่บริเวณนั้นไม่มีใครพบหลักฐานอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่อย่างนั้นเราอาจจะได้เงื่อนงำพอที่จะคลำทางไปสู่ต้นกำเนิดของขั้วไฟฟ้า อายุห้าแสนกว่าปีนี้ได้


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2011/06/blog-post_6976.html#ixzz2hCfIRqJ6


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:22:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 31  
 
บางคนอาจสงสัยว่าไทโลไบต์หน้าตาเป็นไงครับ


ไทรโลไบต์ เป็นสัตว์ทะเลที่มีรยางค์เป็นข้อปล้องในไฟลัมอาร์โธรโพดา ในชั้น “ไทรโลไบตา” เริ่มปรากฏครั้งแรกในยุคแคมเบรียนตอนต้นและชุกชุมในมหายุคพาลีโอโซอิกตอนต้นก่อนที่จะเริ่มต้นลดจำนวนลงและสูญพันธุ์ไปในที่สุด ...

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:24:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 32  
 
สวัดดีครับคุณ top2513 ผมติดตามกระทู้พี่ตลอดโดยส่วนตัวชอบเรื่องพวกนี้ด้วยครับด้วยครับ

   eakibanez      9 ต.ค. 56   เวลา 13:36:00    IP = 58.8.97.17
 


  คำตอบที่ 33  
 
eakibanez สวัสดีอีกครั้งครับขอบคุณครับที่ติดตาม เราคอเดียวกันครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 13:43:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 34  
 
ชอบมากครับ โดยเฉพาะเรื่องโบราณคดี ^_^ ขอบุคณคับ

   SuperAOT      9 ต.ค. 56   เวลา 14:05:00    IP = 182.52.120.75
 


  คำตอบที่ 35  
 
ชอบมากครับเรื่องลี่ลับแบบนี้ ขอบคุณมากครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      mawmeaw99      9 ต.ค. 56   เวลา 14:10:00    IP = 171.5.205.218
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 36  
 
SuperAOT สวัสดีครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ

mawmeaw99 สวัสดีครับ จะพยายามเสาะหามาลงอีกครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 14:27:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 37  
 
ได้สาระดีมากครับ
ความรู้ใหม่ๆเพียบแท้

   กีต้าร์ธน      9 ต.ค. 56   เวลา 15:11:00    IP = 171.7.143.15
 


  คำตอบที่ 38  
 
กีต้าร์ธน ขอบคูณครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      9 ต.ค. 56   เวลา 15:13:00    IP = 125.26.20.44
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 39  
 
อ่านเพลินเลยครับ Like!! ครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      Jeff Metal      9 ต.ค. 56   เวลา 16:25:00    IP = 203.113.116.12
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 40  
 

เด๋วมาอ่าน นะครับ

ขอบคุณครับผม ที่ทำให้บอร์ด มีเรื่องให้อ่าน อิอิ

   Kill_Me_Now      9 ต.ค. 56   เวลา 19:05:00    IP = 49.49.185.59
 


  คำตอบที่ 41  
 
ยอดเยี่ยมเลย

ขอบคุณมากครับ

   sakai  9 ต.ค. 56   เวลา 19:50:00    IP = 125.26.204.222
 


  คำตอบที่ 42  
 
สนุกมากขอบคุณครับ


   Blues Jr.      9 ต.ค. 56   เวลา 21:13:00    IP = 124.122.15.17
 


  คำตอบที่ 43  
 
ชอบๆ หนุกดี

   Phosphorus      9 ต.ค. 56   เวลา 23:55:00    IP = 118.173.199.98
 


  คำตอบที่ 44  
 
อ่านเพลินเลยครับ

   hUmnOii      5 มิ.ย. 57   เวลา 10:09:00    IP = 125.25.206.130
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket