(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  _+_+_+_+_+_+_+_+_+_ช่วยแนะนำที่ครับพี่ๆชาวกีตาร์ไทย (เกี่ยวกับBoss)_+_+_+_+_+_+_+_+_+_  
 
ผมอยากรู้ว่าระหว่างBoss GT8 , Boss GT10 , Boss GT100ทั้ง3ตัวนี้มันต่างกันยังไงบ้างครับ แล้วเป็นพี่ๆจะเลือกตัวไหน เพราะอะไร แล้วตัวไหนดีและคุ้มค่าที่สุดครับ...

ขอบคุรพื้นที่ดีดีจากกีตาร์ำไทยครับ


prin1999   10 ส.ค. 56   เวลา 22:20:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.24.15.18
 


  คำตอบที่ 1  
 
GT100 ครับ

เพราะมันเป็นดิจิตอล มันก็ต้องถูกพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นเก่าครับ

แต่เสียงนั้น แล้วแต่คนชอบเลย

   สมาชิกแบบพิเศษ      tamasnare      10 ส.ค. 56   เวลา 22:33:00    IP = 182.52.140.96
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
Boss GT100 มันพัฒนามา จาก Boss GT-10 และ Boss GT-10 มันพัฒนามาจาก Boss GT-8
ดังนั้น Boss GT100 จะเลือกแบบไม่คิดมากเลยครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      tkromeo      10 ส.ค. 56   เวลา 23:17:00    IP = 110.168.179.26
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
Gt 100

   สมาชิกแบบพิเศษ      bl@ckm@n      11 ส.ค. 56   เวลา 1:52:00    IP = 49.0.80.201
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
เท่าที่ลองๆใช้มาเรื่องเสียงของตระกูล GT พวก MOD กับเสียงแตก ไม่ได้หนีกันมากครับ ถ้าถามว่าตัวไหนดีกว่ากันก็คงจะตอบลำบาก เพราะมันแตกต่างกันตรงที่วิธีการใช้งาน และการปรับแต่ง ถ้ารุ่นใหม่ๆ มันจะมีการเพิ่มฟังก์ชั่นในการใช้งานสำหรับการเล่นสดให้สะดวกขึ้นตามลำดับ

ความเห็นส่วนตัวผม...

GT-8 >>> มีปุ่มภายนอกเยอะเนื่องจากจอแสดงผลยังเป็นแบบเก่า ไม่มีการแสดงเป็นภาพ Graphic ชัดเจนนัก มีแต่ตัวอักษรบอกรายชื่อ Effect ที่กำลังสั่งการ หรือปรับแต่งอยู่ ส่วนตัวผมว่ามันก็ดีตรงที่เราสามารถเลือกปรับได้ง่ายคล้ายๆก้อนเพราะ Knob และปุ่มเยอะ แต่มันจะละลานตามากหากเป็นผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นใช้งาน Boss ตระกูลนี้ แต่ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยากครับ ค่อยๆเรียนรู้ไป ปุ่ม CTL มีแค่ปุ่มเดียว การทำงานของปุ่มนี้สามารถตั้งเป็นคำสั่งได้หลากหลาย เพื่อ Control การทำงานของ Effect ได้ทันท่วงที แต่บางคนก็ไม่ได้ใช้ครับ หากไม่เล็งเห็นประโยชน์ของมันมากนัก ก็ไม่ต้องใส่ใจว่ามันจะมีหรือไม่มี ( แต่ผมว่ามันค่อนข้างมีประโยชน์เหมือนกัน ยังไงลองศึกษาดูครับเพราะอธิบายมากกว่านี้คงจะยาวไปวันสิ้นโลก 55+ ) สามารถ FX Chain ได้อิสระแต่อาจจะดูลำบากหน่อยเพราะมีแต่รายชื่อไม่มีรูป ถ้าคนที่ไม่ค่อยเข้าใจหลักการวางหรือเรียงลำดับ Effect ตามความน่าจะเป็นอาจจะมีมึนได้ครับ แต่ก็ไม่ยากครับค่อยๆหมุนไปใจเย็นๆ ( แต่โดยปกติแล้ว Preset ต่างๆของทาง Boss จะจัดวาง Signal ที่เป็นมาตรฐานมาให้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเรียงผิดครับ ถ้าในกรณีที่เรียงผิดแล้วงง ก็ลองไปดูวิธีเรียงใน Preset จากโรงงานได้ครับ ) การปรับแต่งหน้างานค่อนข้างสะดวก แต่การใช้งานในโหมด Manual มีข้อจำกัดเพราะปุ่มที่ใช้ควบคุม FX ค่อนข้างตายตัวไม่อิสระนัก และใน GT-8 ยังไม่มีระบบคำสั่งลัด อย่างเช่นเหยียบปุ่ม 2 ปุ่มพร้อมกันเพื่อเข้าโหมด Phrase Loop , เข้าโหมด Manual อะไรแบบนั้น อาจจะต้องมีก้มๆเงยๆขณะเล่นมากหน่อย เพราะหลายๆคำสั่งไม่สามารถสั่งการได้โดยการเหยียบปุ่มกด ( เว้นแต่จะ Assign คำสั่งต่างๆไว้ที่ปุ่ม CTL ) ซึ่งอาจจะไม่สะดวกนักในบางโอกาส

GT-10 >>> รุ่นนี้หน้าตาจะดูสะอาดขึ้นมากเนื่องจากทาง Boss ได้ลดตัดทอนปุ่มให้น้อยลงเพื่อเป็นการลดต้นทุกบริษัท ( ฮา ) จริงๆแล้วที่ตัดปุ่มที่มันดูยุ่งเหยิงบนตัว Effect ออกก็เพราะ GT-10 มีการออกแบบจอแสดงผลให้ใหญ่ขั้นและสามารถแสดง Parameter ออกมาเป็นภาพให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น โดยซ่อนการทำงานไว้ในเมนูต่างๆ และ เพิ่มปุ่ม CTL มาเป็น 2 ตัว เราสามารถใช้เพียงไม่กี่ปุ่มบนตัว GT-10 ในการสั่งงาน ตรงจุดนี้เองที่มันเหมือนดาบสองคม สำหรับคนที่เคยใช้งานรุ่นเก่าๆมาก็คงบอกว่าสะดวกดีเพราะเมนูใหญ่ขึ้น มีภาพที่สวยงามเข้าใจง่ายเนื่องจากวิธีปรับก็คล้ายๆกันกับรุ่นก่อนๆ แต่คนที่ไม่เคยเล่นตระกูล GT มาก่อนก็คงบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า " ปรับยาก " เพราะว่ามีคำสั่งซ่อนอยู่มากมายภายในเมนูที่ใช้ Edit แต่ผมว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น มือเก่า หรือ มือใหม่ สำหรับ GT-10 สิ่งที่ควรจะศึกษาเป็นอันดับแรกเลยคือ " คู่มือ " เพราะมันเยอะจริงๆให้ตาย เยอะชนิดที่ว่าคนที่เคยใช้จนขายไปแล้ว พอได้มีโอกาสกลับมาเล่นอีกยังต้องอุทานว่า " เห้ย!!? มันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอฟะ !!! " -*- การปรับแต่งหน้างานยังคงทำงานได้ทันท่วงทีเช่นเดิม เพราะถึงแม้จะเอาคำสั่งทั้งหลายไปยัดไว้ในเมนูจนหมด แต่ก็ยังมีปุ่มไฟแดงเพื่อแสดงสถานะของ Effect ต่างๆที่กำลังทำงานอยู่ เราสามารถเรียก Effect เหล่านั้นมาปรับแต่งได้ทันที ตรงจุดนี้ผมว่า GT-10 ทำออกมาได้ดีมาก ( หรืออาจจะดีที่สุดในตระกูล GT ขณะนี้ ) การเรียกใช้งาน Phrase Loop ทำได้เร็ว และใช้งานได้ดีขึ้นมาก การเรียงลำดับ Effect หรือการปรับแต่ง EQ ต่างๆ มีภาพแผนผังแสดงเป็นรูปชัดเจนขึ้น มีระบบ EZ Tone เพื่อใช้ปรับจูนเสียงในรูปแบบของแนวดนตรีต่างมาให้เลือกเลยเหมาะสำหรับมือใหม่มากๆครับ ( แต่ผมไม่ถูกใจซักอัน 55+ ) การเล่นโหมด Manual มีความอิสระมากขึ้น


จนมาถึง... GT-100 รุ่นนี้เนื่องจากทางบริษัท Boss เกิดสภาพหนี้เสียขาดทุนต่อเนื่องอย่างนักจนต้องออกนโยบายกระชับพื้นที่ ( อ่ะ ล้อเล่ง ~ ) รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนโฉมการปรับแต่งบนตระกูล GT ออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ป่มที่ใช้กดเพื่อเข้าคำสั่งต่างบนตัว Effect ลดลงไปมากปุ่มหมุนวงกลมที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูล GT ได้ถูกตัดออกไปเนื่องจากเม็ดพลาสติกแพง ( พอแล้ว 55+ ) และได้มีการเพิ่มจอแสดงผลเป็น 2 จอ และมีการเพิ่มปุ่ม Phrase Loop ( ปุ่มนี้ตั้งเป็นปุ่ม CTL ก็ได้ ) กับ ACCEL / CTL เข้ามา เหตุผลจริงๆที่รุ่นนี้ทำปุ่มน้อยลงไปมากก็เพราะมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก ( ผมว่าเป็นรุ่นที่คำสั่งไม่ซับซ้อน และ Edit ง่ายที่สุดของตระกูล GT เป็นมิตรกับคนโง่ๆอย่างผมมาก 55+ ) เพราะด้วยความที่มี 2 จอ มันเลยทำให้เวลาการเข้าเมนูต่างๆสั้นลง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นรุ่นก่อนๆจะต้องกดเข้า เมนู1 > แล้วจะวิ่งไป2 เพื่อเลือกสิ่งที่จะ Edit > จากนั้นตัดเข้าเมนู3 เพื่อดูรายละเอียด ซึ่งผมว่าเป็นจุดนึงเลยที่ทำให้หลายๆคนงงกับการปรับจากรุ่นก่อนๆหน้า เพราะมัวแต่หาวิธีเข้าเมนูโน่นนี่ จนบางทีลืมว่าจะเข้าไปปรับอะไร แต่ GT-100 จะแสดงผลพร้อมๆกันทั้ง 2 จอ อย่างเช่นเราเลือกเสียงแตกที่จอซ้าย ในขณะเดียวกัน จอทางด้านขวาก็สามารถหมุน Knob ปรับได้เลย เป็นต้น และมีการเพิ่มลูกเล่นต่างๆมาในปุ่ม ACCEL สนุกมากๆครับเพิ่มสีสันในการเล่นได้ดีทีเดียว แต่การ Edit หน้างานอาจจะลำบากกว่า GT-10 นิดหน่อย เพราะปุ่มแสดงผล Effect ไม่มีอีกแล้ว ต้องกดเข้าไปดูในเมนูสถานเดียว แต่ก็ปรับให้รวดเร็วได้ไม่ยากครับ โดยการกดปุ่ม " Effect " แล้วหน้าจอจะตัดมาที่ Signal ของ Effect ที่วางเรียงกันอยู่ ถ้าเราจะเลือกปรับตัวไหนก็กดไปที่ Effect ตัวนั้น ตัวอย่างเช่นถ้าเรา Save เสียงแตกไว้ในช่องที่ 2 เราก็กดปุ่มหมายเลข 2 หน้าจอทางขวาก็จะแสดง Parameter ของ Effect นั้นๆให้ปรับทันที แต่ Effect บางประเภทอาจจะต้องหมุน Knob หมายเลข 4 เพื่อไล่หาเท่านั้นนะครับจึงจะปรับแต่งได้ อย่างเช่นพวกหัวแอมป์ หรือ ปุ่ม ACCEL ส่วนรายละเอียดต่างๆอย่างเช่นการจัดเรียง Effect หรือ Phrase Loop ยังทำได้ดีเช่นเดิม ( แต่ Phrase Loop อาจจะต้องทำความเข้าใจวิธีใช้งานนิดหน่อย ) สิ่งนึงที่ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างได้จริงๆจาก GT-100 หากเทียบกับรุ่นพี่ๆของมันก็คือ Dynamic การเล่นที่ตอบสนองมากยิ่งขึ้น ยิ่งเวลาเล่นพวกเสียงแตกจะรู้ได้ทันทีว่าต่างจากตัวเก่าๆประมาณนึงเลย เสียงอิ่มกว่าอย่างเห็นได้ชัด และใช้เวลา Edit ไม่นานก็ได้เสียงที่ถูกใจแล้ว ต่างจากรุ่นก่อนๆมาก พวก MOD ก็มีลูกเล่นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ การใช้ปุ่มคำสั่งลัดออกแบบมาได้ดี คล้าย GR-55 เรียกว่าใช้ประโยชน์ตรงจุดให้มากขึ้น ก็เพื่อชดเชยปุ่ม Edit ที่กดน้อยลงนั่นเอง

ถ้าถามผม ส่วนตัวผมคงเทไปที่ GT-100 ล่ะครับ เพราะมันปรับให้ได้ Suond ที่ชอบได้ง่าย และฟังก์ชั่นถูกออกแบบมาเพื่อให้เล่นสดได้ง่ายขึ้น อ้อ!!? รุ่นนี้มี Metronome ด้วยนะอิๆ เสียงเพราะเชียวสะดวกมากๆ

ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพียงมุมมองโง่ๆของผมเองนะครับ พูดไปแบบตามมีตามเกิดตามประสาคนเคยลูบๆคลำๆ รายละเอียดหลายๆข้ออาจมีข้อมูลผิดพลาด หรือตกหล่นลงไปบ้าง ( เพราะบางตัวเล่นมานานมากแล้ว ) ยังไงกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจบ้างไม่มากก็น้อยนะก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ ^^ ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบครับ

   kuy13      11 ส.ค. 56   เวลา 6:21:00    IP = 14.207.134.54
 


  คำตอบที่ 5  
 
ขอบคุณท่าน kuy13 ครับ ชอบแนวการตอบแบบนี้ครับ.

   สมาชิกแบบพิเศษ      tomjazz9219      11 ส.ค. 56   เวลา 9:32:00    IP = 49.231.97.143
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
สุดยอดเลยครับพี่ kuy13 ....... เป็นการตอบคำถามที่มีประโยชน์มากๆๆเลยครับ

   12AX7      11 ส.ค. 56   เวลา 15:39:00    IP = 203.114.108.118
 


  คำตอบที่ 7  
 
ขอบคุณมากครับพี่ สุดยอด...

   prin1999  11 ส.ค. 56   เวลา 15:56:00    IP = 125.24.49.101
 


  คำตอบที่ 8  
 
จ๊ะว๊ายยย !!? เขินเลยแฮะๆ ผมก็ตอบไปมั่วๆล่ะครับตามประสบการณ์ที่เคยใช้ นึกว่าจะไม่มีเข้าคนมาอ่านซะแล้ว ขอบคุณทุกๆคนมากๆเลยนะก๊าบบบบบบบบบบบบบ ^^ หวังว่าคงจะชอบกันนะ

   kuy13      11 ส.ค. 56   เวลา 19:36:00    IP = 171.99.47.142
 


  คำตอบที่ 9  
 
ไม่ใช่ชอบธรรมดา ชอบมากกกกกกกเลยนะขอรับ

   prin1999  12 ส.ค. 56   เวลา 1:27:00    IP = 125.24.49.101
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket