|
 |
|
 |
|
อย่าปลงใจเชื่อ ..อย่าปลงใจเชื่อ อย่าปลงใจเชื่อ ...อะไรง่ายๆ |
|
|
|
|
|
 |
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ตัวอย่าง
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:48:00
พิมพ์
แจ้งลบ IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
อ้าว..... สอนไม่ให้เชื่อแล้วเราจะเชื่อใครได้ล่ะ ในโลกนี้
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:51:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 2
|
|
|
 |
- ต้องหาทางพิสูจน์คำสอนของพระองค์ว่าเป็นความจริงมั่ย ถ้าจริงแล้วค่อยเชื่อก้อได้
- ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ฟังธรรม คำสอนเยอะๆ แล้วพิจารณาตามหลักและเหตุผล ว่าเหตุผลอะไรท่านจะมาหลอกเราทำไม
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:55:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 3
|
|
|
|
ไฟนรก 7 กอง เป็นสิ่งที่เราไม่ควรไปล่วงเกินโดยเด็ดขาด เพราะจะเป็นอันตรายมาก และจะเป็นกรรมที่จะนำเราไปสู่นรกอย่างรวดเร็ว
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:57:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 4
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 2 ได้แก่ พระธรรม
พระธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรู้กฎความเป็นจริงของธรรมชาติทุกอย่าง
ไม่มีผู้ใดในโลกจะฝืนกฎธรรมชาติไปได้ ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธเจ้า เพราะกฎของธรรมชาตินั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่เหมือนกับกฎหมายที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าคนส่วนใหญ่ต้องการจะเปลี่ยนก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ และถ้าผู้ใดก็ตาม ที่ไม่เชิ่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บุคคลผู้นั้นถือว่า เป็นผู้มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) คือ มีความเห็นผิดไปจากกฎธรรมชาติที่แท้จริง จะทำให้คนผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการมีความเห็นผิดที่ร้ายแรงที่สุด คือ การเชื่อว่าเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้ เมื่อตายไป ……
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:58:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 3 ได้แก่ พระสงฆ์
พระสงฆ์ คือ พระอริยสงฆ์ที่มีบรรลุธรรมตั้งแต่ขั้น 1 คือ พระโสดาบัน ขั้นที่ 2 คือ พระสกทาคามี ขั้นที่ 3 คือ พระอนาคามี และขั้นสูงสุดขั้นที่ 4 คือ พระอรหันต์ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ที่ตรัสรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้เป็นขั้นๆ จนถึงขั้นสูงสุด คือ พระอรหันต์ และเมื่อเราได้ทำบุญกับพระอริยสงฆ์ เราก็จะได้บุญมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน แต่ถ้าใครก็ตามไปล่วงเกินทำบาปกับท่าน เขาผู้นั้นก็จะต้องได้รับบาปมากมายมหาศาลเช่นเดียวกัน
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 15:59:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 6
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 4 ได้แก่ บิดามารดาผู้ให้กำเนิด
บิดามารดาผู้ให้กำเนิดนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พ่อแม่นั้นคือ พระอรหันต์ของลูก ผู้ใดก็ตามที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าผู้นั้นมีบุญวาสนาอย่างมาก เพราะเขาสามารถทำบุญกับพ่อแม่ได้ บุญที่เขาทำไปนั้นจะได้ผลบุญมากมายมหาศาลเทียบเท่ากับพระอรหันต์เช่นกัน แต่ผลบุญนั้นอาจจะได้ช้ากว่าพระอรหันต์สักหน่อย แต่อย่างไรก็จะต้องได้บุญมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน สาเหตุที่ต้องได้บุญมากมายเช่นนี้ ก็เพราะว่า ……
แต่ถ้าใครก็ตามที่ได้ล่วงเกินพ่อแม่โดยทางกาย วาจาและทางใจ ……..
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 16:00:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 5 ได้แก่ ครูบาอาจารย์
ครูบาอาจารย์ เป็นผู้ที่มีความสำคัญมากตามกฎของธรรมชาติ โดยเฉพาะอาจารย์ผู้ที่สั่งสอนธรรมะ ให้เราได้รู้หรือเป็นผู้ที่เขียนตำราให้เราได้อ่านก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นพ่อแม่คนที่ 2 ก็ว่าได้ ……
เมื่อใดก็ตามที่เขามีบุญวาสนา มาเจออาจารย์ที่มีความรู้ในธรรมะ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เขาผู้นั้นก็เสมือนว่าได้เกิดใหม่ ทั้งที่ยังไม่ตาย เพราะถ้าเขาได้รู้ธรรมะที่แท้จริงแล้ว จากตาที่เคยมืดบอด ก็กลับเห็นแสงสว่างขึ้นมาในทันที จึงทำให้รู้ว่าการกระทำอะไรเป็นบุญและการกระทำอะไรเป็นบาป และธรรมะที่ถูกต้องจะทำให้เขาตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมไปจนตลอดชีวิต และทำให้เขาได้รับกับความสุข ความเจริญทั้งในชาตินี้ และเมื่อตายไป ……
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 16:53:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 6 ได้แก่ สมณะชีพราหมณ์
ชีและพราหมณ์นั้น หลายคนคงเข้าใจอยู่แล้วว่า คือ นักบวช แต่สำหรับสมณะ ก็คือพระที่บวชในพระพุทธศาสนา โดยปฏิบัติตามพระวินัย คือ รักษาศีล 227 ข้อ เรียกว่า สมมติสงฆ์
พระทั่วไปที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมนั้นเรียกว่า สมมติสงฆ์ ถึงแม้จะเป็นสมมติสงฆ์ แต่ถ้ารักษาศีลเป็นอย่างดี และปฏิบัติธรรมเพื่อความเป็นไปตามทางแห่งพระอรหันต์แล้ว และถ้าเราได้ไปทำบุญกับท่าน เราก็จะได้บุญมากมายจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว แต่ถ้าเราไปทำบาปกับท่าน เราก็จะได้รับบาปมากมายจนนับไม่ถ้วนเหมือนกัน ……..
เรามีสิทธิ์ที่จะทำบุญกับพระรูปใดก็ได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปด่าว่าใคร เพราะถือว่าไปเบียดเบียนผู้อื่นนั่นเอง
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 16:54:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
|
ไฟนรกกองที่ 7 ได้แก่ สามี
สามีนั้นเปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 ของภรรยา เพราะต้องทำหน้าที่คอยดูแลห่วงใย และต้องคอยป้องกันภัยให้กับภรรยา จึงเป็นความสำคัญ และยังเป็นไฟนรกกองที่ 7 ของผู้หญิงที่เป็นภรรยา ตามกฎของธรรมชาติที่ได้กำหนดเอาไว้ ฉะนั้นผู้หญิงคนใดที่ได้สามีไม่ดี ถือว่าเป็นความโชคร้ายของผู้หญิงคนนั้นทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะเมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก เพราะจะมีโอกาสทำกรรมหนัก คือ การล่วงเกินต่อสามี ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 และเป็นไฟนรกกองที่ 7 ของภรรยานั่นเอง
ถ้าภรรยาทำบุญกับสามี ภรรยาก็จะได้บุญอย่างน้อยประมาณ 5,000 ล้านเท่า แต่ถ้าล่วงเกิน ก็ต้องรับผลบาปอย่างน้อยประมาณ 5,000 ล้านเท่า เช่นกัน
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 16:55:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
 |
เชิญร่วมทำบุญอันยิ่งใหญ่ “หุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย” เพื่อเป็นการบูชาพระเจดีย์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านสามารถร่วมทำบุญกิจกรรม “ หุ้มทองคำยอดฉัตรฯ ” ได้ที่
กล่องทำบุญ ณ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กสิกรไทย สาขาถนนราชพฤกษ์ ( ปตท.ประดับดาว )
ชื่อบัญชี “ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม เพื่อกิจกรรมพิเศษ ” เลขที่บัญชี 655-2-08533-5
ภายใน 22 มิถุนายนนี้ เท่านั้น
**************************************************************************** สรุปยอดทำบุญกิจกรรม “ หุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ” ร่วมกับ อ.ษิริพงศ์ อัครศรียุกต์ และมูลนิธิพิสูจน์ธรรม ครั้งที่ 1 ณ วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2556
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 16:58:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
 |
อานิสงส์ กางฉัตรให้พระพุทธเจ้า (สร้างฉัตรพระเจดีย์)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ 649
อานันทเถราปทานที่ ๑๒ (๑๐) ว่าด้วยผลแห่งการกางฉัตรถวายพระพุทธเจ้า
[๑๒] พระมหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ เสด็จออกจากประตูพระอารามแล้ว ทรงเมล็ดฝนอมฤตให้ตก ยังมหาชนให้เย็นสบาย. พระขีณาสพผู้เป็นนักปราชญ์เหล่านั้น ประมาณหนึ่งแสนได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก แวดล้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดุจพระฉายาตามพระองค์ไปฉะนั้น.เวลานั้น เราอยู่บนคอช้าง กั้นฉัตรขาวอันประเสริฐ ปีติ เกิดแก่เรา เพราะได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้มีพระรูปโฉมงาม. เราลงจากคอช้างแล้วเข้าไปเฝ้าพระนราสภ ได้กั้นฉัตรแก้วของเราถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด. พระมหาฤๅษีพระนามว่าปทุมุตตระ. ทรงทราบความดำริของเราแล้ว ทรงหยุดกถานั้นไว้ แล้วตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดได้กั้นฉัตรอันประดับด้วยเครื่องอลังการทอง เราจัก พยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว บุรุษผู้นี้ไปจากมนุษยโลกแล้ว
จักครอบครองภพดุสิต จักเสวยสมบัติ มีนางอัปสรทั้งหลายแวดล้อม. จักเสวยเทวราชสมบัติ ๓๔ ครั้ง จักเป็นอธิบดีแห่งชนครอบครองแผ่นดิน ๘๐๐ ครั้ง จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๘ ครั้ง จักเสวยราชสมบัติในประเทศราชอันไพบูลย์ในแผ่นดิน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 6
เอกฉัตติยเถราปทานที่ ๒ (๔๑๒) ว่าด้วยแห่งการกางเศวตฉัตรถวายพระพุทธเจ้า
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระยศใหญ่ พระนามว่าอัตถทัสสี เมื่อทรงประกาศ สัจจะ ๔ ได้ทรงแสดงอมตบท ข้าพระองค์ถือเศวตฉัตรกั้นถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์ครั้นกั้นถวายวัน หนึ่งแล้วได้ถวายบังคมพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดก็พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้เชษฐะของโลก ประเสริฐกว่านรชน ประทับนั่งในท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
ผู้ใดมีจิตเลื่อมใส ได้กั้นเศวตฉัตรให้เรา ด้วยมือทั้งสอของตน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว
เมื่อผู้นี้เกิดในเทวดาหรือมนุษย์ ชนทั้งหลายจักคอยกั้นเศวตฉัตรให้ทุกเมื่อ นี้เป็นผลแห่งการกั้นฉัตรถวาย ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๗๗ กัป จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑๐๐๐ ครั้ง จักเสวย ทิพย์สมบัติในเทวโลก ๗๗ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับไม่ถ้วน
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 17:04:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 13
|
|
|
 |
1. ยอดเงินสด เป็นจำนวนเงินรวมทั้งส้ิน 162,500.- บาท นำไปซื้อทองคำแท่งได้ทั้งส้ิน 8 บาท 2. ยอดทองคำรับมา เป็นจำนวนนำ้หนักรวมทั้งส้ินประมาณ 10 บาท 2 สลึง ยอดทำบุญทองคำฯ น้ำหนักรวมทั้งส้ิน 18 บาท 2 สลึง
นำไปมอบให้กับโครงการ “หุ้มทองคำยอดฉัตร พระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา” ณ พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556
Huoto/Solo
12 มิ.ย. 56
เวลา 17:06:00 IP = 27.145.219.129
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
|