(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  แอมป์ทรานซิสเตอร์ กับ แอมป์หลอดต่างกันยังไงครับ  
 
มันต่างกันยังไงมั่งครับ เอาพอคร่าวๆให้เข้าใจ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ


viewsoodza      15 พ.ค. 56   เวลา 23:11:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 182.53.198.155
 


  คำตอบที่ 1  
 
คร่าวๆ แอมป์กีต้าร์นะครับ
แต่เดิม นานมาแล้ว
แอมป์ คือ แอมป์หลอดครับ ใช้หลอด ทำภาคปรีแอมป์ (พวกเสียง ทุ้ม กลาง แหลม เสียงคลีนเสียงแตก อะไรงี้) และใช้หลอด เป็นตัวขับเสียง หรือกำลังวัต ที่เรียกกัน ภาคพาวเวอร์

ต่อมายุคๆ นึง ได้มีการ ผลิต ทรานซิสเตอร์ขึ้นมาใช้ทดแทนแอมป์หลอด
ซึ่งผลิตได้ง่ายกว่า ใช้ต้นทุนน้อยกว่า โดยไม่มีวงจรหลอดเลย ในทั้งภาคปรีแอมป์และภาคพาวเวอร์

แล้วต่อมา ก็มี แอมป์ไฮบริด (ลูกผสม) คือ ใช้หลอดในภาค ปรีแอมป์
แต่ใช้ทรานซิสเตอร์ในภาคพาวเวอร์ หรือที่เรียกว่าแอมป์ปรีหลอด

ส่วนแอมป์หลอด แท้ๆ จริงๆ ในตอนยุคแรกนั้น ปัจจุบันเราจึงเรียกว่า แอมป์หลอดล้วน

ส่วนเรื่องเสียง แล้วแต่ชอบ แต่โดยส่วนมาก แอมป์ ที่แพงๆ
เสียงดีๆ ทั้งหลาย ส่วนมาก ยังเป็นแอมป์หลอดครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      takzakub      16 พ.ค. 56   เวลา 8:38:00    IP = 182.53.122.198
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
แอมป์ transistor = ใช้ diode op-amp ในการไดร์ว แล้วก็ขยายสัญญาน
แอมป์หลอดล้วน = ใช้ หลอดปรี ในการไดร์ว (หรือบางยี่ห้อสับขาหลอก ด้วยการใช้ op-amp ไดร์วแล้วเอา หลอดเอาไว้แค่อุ่นเสียง) และหลอด power ในการขยายสัญญาน
แอมป์ hybrid (พวกปรีหลอด) = ใช้หลอดปรี ในการไดร์ว (หรือบางยี่ห้อสับขาหลอก ด้วยการใช้ op-amp ไดร์วแล้วเอา หลอดเอาไว้แค่อุ่นเสียง) แล้วใช้ transistor ขยายสัญญาน

เสียงดีไม่ดีไม่เกี่ยวว่าหลอดไม่หลอด transistor เสียงห่วยก็เยอะ ดีก็มี แอมป์หลอดเสียงห่วยก็หาได้ทั่วไป

ส่วนเรื่อง clipping ไม่เกี่ยวคับ มันขึ้นกับการออกแบบวงจร all-tube ที่มี clipping ของคุมไว้ก็เยอะแยะ

   cpharsit      16 พ.ค. 56   เวลา 8:42:00    IP = 61.7.147.32
 


  คำตอบที่ 3  
 
แล้วก็ เรื่องเสียงแตก
เท่าที่ทราบ นะครับ (แย้งได้นะครับ)

เสียงแตกยุคแรกๆ มันก็คือ อาการจากการเปิดแอมป์หลอด แบบสุดๆ จนเกินกำลังอะไรงี้จนเกิดอาการ clipping จนมีเสียงแตกปลายๆ จึงเรียกกันว่า overdrive

แต่มาจึงมีการพัฒนาวงจร ช่วยให้เกิดอาการ cliping ได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องเค้นแอมป์ แบบหนักหน่วง แต่ก็ทำให้เกิดอาการ clip จนแตก ได้

แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนบิดเบือน(distrotion )เนื้อเสียงกีต้าร์เดิม จากคลีนใสๆ เป็นแตกจนแทบไม่เหลือเนื้อเสียงกีต้าร์เดิมๆ อยู่เลย เราจึงเรียกกันว่า แตกแบบ distrotion

   สมาชิกแบบพิเศษ      takzakub      16 พ.ค. 56   เวลา 8:50:00    IP = 182.53.122.198
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
ตอนเรียน ป.ขี้ไก้ แบกแอม8หลอดเข้าอกห้องกระจายเสียงจนเบื่อ มันหนักสำหรับเด็กอายุ11 หม้อแปลงมันมี2ตัวผมจำใด้ 2คนหิ้ว หากแอมป์หลอดดีจริงในทุกที่ท่านว่า สารกึ่งตัวนำ transister ก็คงไม่เกิด แล้วfetที่มาที่หลัง ดีไหม
ผมว่ามันมีการพัฒนาไป

   stum      16 พ.ค. 56   เวลา 21:34:00    IP = 110.168.47.160
 


  คำตอบที่ 5  
 
หากหลอดดีจริงทุกสิ่งประสงค์ หรือ trasister แน่จริง ทำไมถึงต้องมี ic power
ออกมาในปี80

   stum      16 พ.ค. 56   เวลา 21:37:00    IP = 124.122.35.99
 


  คำตอบที่ 6  
 
และ อย่างน้อย trตัวถัง to-92 กับ หลอดที่ ให้ อัตตราขยายเท่ากัน ขนาด และ power ที่จ่ายไปตัวไหน ดีสุด hfe= 100 เท่ากัน สัญญาญรบกวน ครอสทอก
ตัวไหนดีสุดครับ

   stum      16 พ.ค. 56   เวลา 21:46:00    IP = 124.122.35.99
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket