Thailand Web Stat
    








(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  ....มีใครเคยลงทุนบ้างมั้ยครับ  
 
....มีใครเคยลงทุนบ้างมั้ยครับ แบบว่า จะลงทุน

ตอนนี้ผมพอมีทุนแล้วละครับ เหลือแต่เตรียมใจ

อยากให้คนที่มีประสบการณ์ ลองมาแชร์กันดูครับ
ว่า ไปได้ดี หรือว่าเจ๊งกันมั่งครับ ว่ารู้สึกยังไงกันมั่ง พอใจกับผลงานมั้ย


หมูบิน PiggyFlyFire       8 ธ.ค. 55   เวลา 13:58:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 171.6.154.111
 


  คำตอบที่ 1  
 
วันก่อนไปซื้อจักรยานออนไลท์ เค้าไม่มีหน้าร้าน แต่ก็ขายได้เรื่อยๆ
อย่าไปดูคนสำเร็จใ ห้ถามคนล้มเหลวว่าผลาดตรงใหน
บันทึกเป็นของผู้ชนะ

   สมาชิกแบบพิเศษ      กีต้าร์เสียงแตก      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:03:00    IP = 171.7.12.62
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
กีต้าร์เสียงแตก ผมว่าจะลงทุนขายในเว็บนี่ละครับ
จะขายกางเกงยีนส์มือสอง จะเอามาขายในเว็บเราด้วย

ผมไม่อยากไปเช่าที่ ผมมีเป้าหมายอยู่ครับ มีขอบเขตการขายด้วย คิดว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพีบงแต่ไม่อยากไปเช่าที่คนอื่น หรือไปออกขายตามตลาดเพราะไม่มีเวลาและก็เหนื่อยครับ

   หมูบิน PiggyFlyFire       8 ธ.ค. 55   เวลา 14:08:00    IP = 171.6.154.111
 


  คำตอบที่ 3  
 
รับทราบ

   สมาชิกแบบพิเศษ      กีต้าร์เสียงแตก      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:12:00    IP = 171.7.12.62
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
ผมเปิดร้านขายของชำมา10 กว่าปี
อยากบอกว่าเงินที่ลงทุนทำร้านกับซื้ออุปกรณ์มันเป็นเงินจมไม่สามารถถอนคืนได้
หากจะเลิกกิจการก็จะขายได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่ลงทุน ส่วนทุนที่ซื้อของมาขายแน่นนอนมันต้องมีกำไร แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการบริโภคของลูกค้าด้วย อาจจะขาดทุนก็ได้ การลงทุนจึงมีความเสียงพอสมควร หากคิดจะทำอะไรควรศึกษาดูให้ดีก่อนแล้วก็มุ่งมั่นไปให้เต็มที่

   สมาชิกแบบพิเศษ      kensero      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:18:00    IP = 125.25.73.229
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
ขายเสื้อผ้่า ขายตามตลาดนัด ได้น้ำได้เนื้อกว่า

ขายในเน็ท คนขายมันเยอะมาก แข่งกันขี้แตก ไม่ไหวหรอกพ่อ

หาตลาดแถวๆบ้าน ลงขาย จะได้ เรื่องฟ่าค่าๆๆๆๆๆ

   Spin      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:19:00    IP = 27.55.15.250
 


  คำตอบที่ 6  
 
ทุกวันนี้ทำอยู่ และ อยู่รอด มีกำไรพอสมควร

ปล. ถัาเรามีงานประจำ ตัองมึอีกคนไปจองที่นะคะ

พอดี หนู ทำสองคน ง่ะ

   Spin      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:21:00    IP = 27.55.15.250
 


  คำตอบที่ 7  
 
ถ้าคิดจะค้าขายอันดับแรกที่ควรมองเลยคือ.....ทำเลครับ

   dorepop      8 ธ.ค. 55   เวลา 14:25:00    IP = 58.9.72.39
 


  คำตอบที่ 8  
 
ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด อิอิ

   สมาชิกแบบพิเศษ      niponz      8 ธ.ค. 55   เวลา 15:47:00    IP = 171.98.108.189
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
โชคดีกับทุกทางที่เลือกเดินครับ

   sakai  8 ธ.ค. 55   เวลา 18:13:00    IP = 113.53.135.245
 


  คำตอบที่ 10  
 
เด็ก และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรลงทุนคับ

ขายในเฟสบุ๊คได้อีกทางนะ แต่น่าจะลองทีละน้อยๆ ก่อน อย่าเพิ่งไปลงเยอะ

   รักกวาง      8 ธ.ค. 55   เวลา 20:39:00    IP = 124.120.212.197
 


  คำตอบที่ 11  
 
ลงทุนต้องเผื่อใจ

   nutthapon9      8 ธ.ค. 55   เวลา 23:00:00    IP = 49.49.181.67
 


  คำตอบที่ 12  
 
ขออนุญาติพิมอะไรยาวๆเผื่อเป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่

ผมเอาเงินเย็นลงทุนในหุ้นกับบอนด์อย่างเดียวครับ อาศัยต้นทุนทางเวลาต่ำ ผมจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างความสุขให้ตัวเอง ซื้อก็ซื้อที่คิดว่าราคาอยู่ในระดับที่โอเค บริษัทพื้นฐานดี เกิดต้องใช้เงินฉุกเฉิน ส่งออเดอร์ขายวันนี้ พรุ่งนี้ก็ได้ตัง

แต่ผมไม่ขายนอกจากบริษัทจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆจนมันกระทบความเสี่ยงในพอร์ทที่ผมรับไหว หรือถ้าราคาผวนจนระดับความเสี่ยงในพอร์ทชิฟท์มากเกินไป ผมถึงขายบางส่วนเพื่อปรับสมดุลพอร์ท

ผมไม่ขายเพื่อ realize gain หรือขายเพื่อทำกำไร และถ้าไม่คุ้มค่าธรรมเนียม ก็ไม่ขายปรับพอร์ทเหมือนกัน ผมเติมทุกเดือน ถ้าเดือนไหนส่วนของหุ้นโตมาก ผมก็ซื้อบอนด์ฟันด์เพื่อบาลานซ์แทน หรือหุ้นลง growth ผมหาย ผมก็เติมในส่วนของหุ้น

คนส่วนใหญ่เลือกหุ้น ถือ พอขึ้น แล้วก็ขายเพื่อ realize gain ได้ความตื่นเต้นเห็นกำไรมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถามว่าขายแล้วเราทำอะไรกับ net worth เรา? เราแปรสภาพจากสินทรัพย์เพิ่มมูลค่าเป็นเงินที่ลดมูลค่าใช่ไหม?

การrealize gainทำให้เราขาย วินเนอร์ แต่พอหุ้นลง เราไม่อยากเทคลอส บ่อยครั้งเราถือรอมันขึ้น กลายเป็นเราขายวินเนอร์ มาถือcashกับถือลูสเซอร์ นักลงทุนดีๆเค้าไม่ทำกัน

คนเข้าตลาดแรกๆมักเจออะไรอย่างนี้ เลือกตัวไหนถูกพอขึ้นก็ขาย คุณขายทำกำไรไปแล้ว ถือเป็นเงินแล้ว แล้วยังไงต่อ? ถ้าไม่รีบปรับความคิด คุณจะจบลงที่ดอยที่ไหนสักแห่งแน่นอน เพราะพอตัวไหนขึ้นคุณขายออก position หมด ตัวไหนลง คุณถือ เพราะคุณปั๊มตรา vi ไว้กลางหน้าผากตัวเอง แต่ไม่มี investor's mind

แล้วเราต้องทำยังไงครับ? ถือมันไปตลอดชาติไม่มีวันขายหรือ? จริงๆแล้วเราเลือกถือหุ้น vi เราต้องเห็นก่อนว่าเป็นบริษัทที่เราไว้ใจถือตลอดชาติได้ อย่างน้อยๆสิบปี

ต้องคิดว่า cash เป็นแค่ asset รูปแบบหนึ่ง นักลงทุนต้องรู้ว่าแปรสภาพ asset เพื่ออะไร เราไม่ขายเพื่อ realize gain ทั้งหมดในรูปของ cash ถ้าเราไม่ได้จำเป็นต้องใช้มัน แต่เราขายเพื่อปรับโครงสร้างความเสี่ยงของพอร์ตเท่านั้น สมมติเราโอเคกับ 60/40 ถ้าหุ้นที่ถือขึ้น สัดส่วนเปลี่ยนเป็น 70/30 เราจึงขายออก10ไปซื้อบอนด์ฟันด์ให้เป็น 60/40 เหมือนเดิมอะไรอย่างนี้เป็นต้น

ทำอย่างนี้เราจะขายสูง ซื้อต่ำ ไปพร้อมๆกับถือวินเนอร์เพื่อรักษาgrowth และเมนเทนระดับความเสี่ยงที่เราสบายใจ นักลงทุนต้องมองการลงทุนเป็นกระปุออมสินที่โตได้ คุณต้องหยอดเรื่อยๆ ยิ่งหยอดมันก็ยิ่งโตเร็ว ไม่ใช่มองมันเป็นรูเล็ต เอาเงินกองตามเบอร์ ถูกก็ cash out ถูกกินก็เติม อย่างนี้มีโอกาสเจ๊งเยอะครับ
.
อย่างไรก็ตามการลงทุนเป็นปรัชญา คุณต้องทำสิ่งที่คุณเชื่อมั่น ถ้าคุณเชื่ออย่างที่ผมเชื่อ อยากให้อ่านเรื่อง Asset Allocation ให้มากๆ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ปรัชญาการลงทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน whatever floats your boat.

อีกนิดเรื่อง dividend หลายคนคิดว่าหุ้นที่กระจาย dividend เยอะเท่านั้นที่จะเป็นหุ้น vi จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ cash flows ธุรกิจต้องสร้างเงินสดได้เพียงพอ และมั่นคง ต่อเนื่องเป็นเวลานาน มันคนละเรื่องกับ dividend หรือ earnings เลย ความจริงมันผิดตั้งแต่เราใช้คำว่า "จ่ายปันผล" (pay dividend) แล้ว

เพราะอะไร? เพราะ earnings ไม่ว่าจะ retained หรือที่กระจายผ่าน dividend นั้นเป็นของ shareholders อยู่แล้ว บริษัทไม่ได้ติดค้างอะไร shareholders เลย เพราะshareholdersเป็นเจ้าของบริษัทและผลประกอบการทั้งหมด ถ้าบริษัทมีนโยบายไม่กระจาย เพื่อเก็บไว้ใช้ในการขยายกิจการ บริษัทต้องตั้งเป้าใช้ผลประกอบการที่ retained ไว้ ในการลงทุนที่ yield อย่างน้อยเท่ากับ required return ที่นักลงทุนมีต่อแชร์ในตลาด ถ้าบริษัทดีๆ ทำตรงนี้ได้ มันก็จะส่งผลต่อราคาแชร์ในอนาคตให้ถีบตัวขึ้นตามผลประกอบการ

ที่ตลกกว่าคือเวลาได้ยินบางท่านในเวบบอร์ดการลงทุนบางแห่งบอกว่าเจ้าของบริษัท เสี่ยนู้นเสี่ยนี้ ไม่ยอมกระจายปันผลให้รายย่อย ต้องการเก็บผลประกอบการไว้คนเดียว ในบริษัทมหาชน เจ้าของกิจการก็เป็นแค่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้รับปันผลเหมือนกับรายย่อย ถ้าบริษัทไม่กระจายปันผล จะรายใหญ่หรือรายย่อยก็ไม่ได้สักสตางค์แดงเดียวเหมือนกัน

ดังนั้นบริษัทที่ไม่กระจายปันผลเราจึงต้องคาดหวัง growth มากกว่า แต่ถ้าสามารถ generate solid cash flows ต่อเนื่องเป็นเวลานานได้ด้วย ผมมองว่ามันเป็นทั้ง growth และ value ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบมากกว่าบริษัทที่จ่ายปันผลเยอะ เพราะมันทั้งโตได้อีกมาก และสามารถบริหารจัดการให้ generate positive cash flows ต่อเนื่องได้เป็นเวลานานได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ปันผลดีๆนั้น ส่วนมากแล้วจะมั่นคงอยู่แล้ว เวลาเจอบริษัทปันผลโตต่อเนื่องส่วนมากก็เป็นตัวเลือก vi ที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ไม่ออกปันผล ไม่ใช่ vi ที่ดี

ในขั้นเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจ financial statements และ ธุรกิจเอง ซื้อหุ้นคือการลงทุนในธุรกิจ รู้เรื่องบริหารธุรกิจครอบคลุมจึงมีประโยชน์มากกว่ารู้ financial models หรือการตีกราฟต่างๆ ถ้ามีโอกาสเรียนปริญญาโทและสนใจด้านการลงทุน ผมแนะนำให้เรียน MBA มากกว่า MF

สุดท้าย ให้คุณรวมเรื่อง personal finance เข้าไว้กับการลงทุนของคุณด้วย ถ้าคุณได้งานมั่นคงมีรายได้แน่นอนในอนาคต ให้คุณมองมันเป็นการลงทุนทางหนึ่ง ต้นทุนของคุณคือเวลา แรงกาย และค่าใช้จ่ายประจำเดือนเช่นค่ารถไปทำงาน ถ้าตรงนี้ของคุณค่อนข้างแน่นอน คุณอาจจะสามารถเพิ่มความเสี่ยงในพอร์ทของคุณได้อีกนิดเพื่อ potential growth ผมเห็นหลายท่านเหลือเกิน การงานแน่นอนรายจ่ายแน่นอน แต่เค้าไม่มองตรงนี้เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เมื่อไม่มองและด้วยความที่เค้าอาจจะเป็นคนรับความเสี่ยงได้น้อย เค้าก็ load bond portion ในพอร์ทซะหนาเตอะ เมื่อนั้น growth ของ net worth ของเค้า ที่รวมทั้งพอร์ท ทั้งpersonalด้วยกัน ก็อืด

กลับกันถ้าคุณเปิดธุรกิจของคุณเองในอนาคต คุณอาจต้องลด equity portion ลงและไปเพิ่ม cash & equivalents เพื่อเป็น liquidity source ยามฉุกเฉิน และ bond portion มากขึ้นเพื่อลด volatility

ถ้าสมมติคุณอ่าน statement ให้แตกฉานได้แค่ statement เดียว ขอให้คุณเลือกอ่าน Cash Flows แต่ทางที่ดีต้องอ่าน annual report ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงโน้ตย่อยๆ ที่อธิบายเพิ่มเติมในหน้าหลังๆ เพราะคนเราชอบซ่อนขยะไว้ใต้พรม

   Bottomsup      8 ธ.ค. 55   เวลา 23:06:00    IP = 208.69.242.75
 


  คำตอบที่ 13  
 
ผม ลงไป..หลายหมื่นและ..กะร้านปลาทอด...ปัจจุบัน..ยังไม่คืนมาเลยซักบาท (5-6เดือนและ)..ก็ ยังพยามต่อไปครับ..อีกซัก2 เดือน.ถ้ายังไม่ได้ อะไร ผมก็จะเลิกและ...ผมลืมไป..ลืมมองว่าตัวผมเองเหมาะกะอะไร..ทำไรที่ตัวเองไม่ถนัดเลย..เหนื่อยมากเ..ผลตอบแทนน้อย..ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้..ก็ มีงานดีๆทำ อยู่ แล้ว หาเรื่องออกมาลงทุน ..ทึ่ผมได้ แน่ๆ ตอนนี้.คือ บทเรียน..ที่ ทำให้ผม ต้องคิดมากขึ้น..ทำไรต้องทำให้สุด..ทำตามเวรตามกรรม ตามเงินที่มี..แล้ว มัน.ไม่ถูกที่..ถึง.คิดดีแค่ใหน..ก็ ไปยากอยู่ดีครับ..

   Peak882      9 ธ.ค. 55   เวลา 1:43:00    IP = 171.6.156.62
 


  คำตอบที่ 14  
 
แปะครับ
เป็นประโยชน์มากครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      คลั่ง      9 ธ.ค. 55   เวลา 16:12:00    IP = 14.207.201.3
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 15  
 
ลงทุนอะไรก็ศึกษาดีๆครับถ้าเป็นสิ่งที่เราถนัดยิ่งดี

แต่ขออย่างเดียวอย่าไปลงทุนกับพวกขายตรง เพื่อนผมโดนมาแล้วลงทุนซื้อของ 43000 บาท น้ำผลไม้บ้าไรก็ไม่รู้ ตอนนี้ขายก็ไม่ออกจะออกได้ไงขวดละตั้ง 2000 บาท แฟนก็ทิ้ง แถมเงินที่เอามาลงทุนก็ยืมญาติมา ตอนนี้นั่งประสาทเสียเหมือนคนบ้า

ขอให้ประสบความสำเร็จครับ ^^

   PB FLYING V      9 ธ.ค. 55   เวลา 17:05:00    IP = 171.7.188.113
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket