(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  ตกลงความเชื่อเรื่อง "ผี วิญญาณเฮี้ยน" อะไรแบบนี้เป็นความเชื่อทางศาสนาพุทธหรือไม่  
 
**รบกวนอย่าหาว่าผมลบหลู่อะไรนะ ผมมาในลักษณะถามปัญหาธรรมะ ก็เหมือนที่คุณวู๊ดดี้ถามเรื่องสวรรค์ นรกกับท่านว. กรุณาเปิดกว้างด้วย***
ไม่ได้ลบหลู่ถามเฉยๆ ผิดก็แย้ง และช่วยเฉลยให้ถูกทีครับ ^^

ผมไปเจอข้อความในพระไตยปิฏก เหมือนจะเขียนว่า จริงเวลาคนตายปุ๊บ จะไปเกิดใหม่ปั๊บทันทีเลย โดยอัตโนมัติ (แบบRagnarok ระบบจุติ) จะไม่ค้างตึ่งเป็นแบบวิญญาณเร่ร่อนในรายการ"คนอวดผี"
เช่น ตายแล้วไปเกิดใหม่อย่างฉับพลันในโลก
ตายแลวตกนรกอย่างฉลับพลัน กรือขึ้นสวรรค์อย่างฉลับพลัน

ลองดูนะ ผมก๊อปมา

"จุติและปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย ตอนที่ ๒ ตราบใดที่สัตว์ทั้งหลายยังมีตัณหา ยังไม่สิ้นอาสวะกิเลส ย่อมต้องเวียนว่ายตาย เกิดไปในภพภูมิต่างๆ ใน ๓๑ ภูมิ ตามแต่กำลังอำนาจของกรรมที่สัตว์เหล่านั้นได้สั่งสมไว้ โดยมีมรณาสันนวิถีเป็นวิถีจิตสุดท้าย ซึ่งจะมีชวนะเกิดขึ้นเพียง ๕ ขณะ เมื่อจุติจิตของสัตว์นั้นดับลง ปฏิสนธิจิตก็เกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีระหว่างคั่น

พระอภิธรรมปิฎก : ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค / มรณาสันนวิถี เมื่อสุดวิถีของมรณาสันนวิถี จุติจิตต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ๑ ขณะ สัตว์นั้นก็ถึงแก่ความตาย เมื่อจุติจิตดับลงแล้ว ปฏิสนธิก็เกิดติดต่อกันในทันทีทันใด ไม่มีจิตอื่นมาเกิด คั่น ระหว่างจุติกับปฏิสนธิจิตเลย (เว้นจุติจิตของพระอรหันต์ ไม่มีปฏิสนธิจิตมาเกิดต่อ)"


redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:24:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 1  
 
พิมพ์ใหม่ให้อ่านง่ายๆ

"จุติและปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย ตอนที่ ๒ ตราบใดที่สัตว์ทั้งหลายยังมีตัณหา ยังไม่สิ้นอาสวะกิเลส ย่อมต้องเวียนว่ายตาย เกิดไปในภพภูมิต่างๆ ใน ๓๑ ภูมิ ตามแต่กำลังอำนาจของกรรมที่สัตว์เหล่านั้นได้สั่งสมไว้ โดยมีมรณาสันนวิถีเป็นวิถีจิตสุดท้าย ซึ่งจะมีชวนะเกิดขึ้นเพียง ๕ ขณะ เมื่อจุติจิตของสัตว์นั้นดับลง ปฏิสนธิจิตก็เกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีระหว่างคั่น

พระอภิธรรมปิฎก : ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหวิภาค / มรณาสันนวิถี เมื่อสุดวิถีของมรณาสันนวิถี จุติจิตต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ๑ ขณะ สัตว์นั้นก็ถึงแก่ความตาย เมื่อจุติจิตดับลงแล้ว ปฏิสนธิก็เกิดติดต่อกันในทันทีทันใด ไม่มีจิตอื่นมาเกิด คั่น ระหว่างจุติกับปฏิสนธิจิตเลย (เว้นจุติจิตของพระอรหันต์ ไม่มีปฏิสนธิจิตมาเกิดต่อ)"

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:26:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 2  
 
ไม่ทราบเหมือนกันครับ ต้องลอง...

อิอิ

   pisarize      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:27:00    IP = 171.5.147.73
 


  คำตอบที่ 3  
 
ตอบ pisarize
แหม...มีแต่เขาอยากจะรู้ก่อนที่จะตายทั้งนั้นแหละครับ อิอิ เพราะผมคิดว่ากว่าผมจะตายอีกนานมาก อิอิ ^^"

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:28:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 4  
 
ผมว่าน่าจะมีนะ ไม่รู้สิมีควมรู้สึกว่ามันค่อนข้างละเอียด กฎ นรก สวรรค์ เราอาจรู้ไม่หมดก็ได้ แล้วแต่ความเชื่อ ครับ

   delpieroloso  4 ธ.ค. 55   เวลา 20:29:00    IP = 49.49.72.171
 


  คำตอบที่ 5  
 
จุติและปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย เกิด ดับ เกิด ลองหา ปฏิจจสมุปบาท มาฟังครับ

   steve_nui      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:31:00    IP = 171.7.54.6
 


  คำตอบที่ 6  
 
ความเชื่อเรื่องวิญญานเนี่ย เป็นทุกศาสนา ทุกชนชาติแหละ....

จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ถ้าคิดอีกแง่นึง มันก็เป็นกุศโลบายได้นะ....

   Noy Noy      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:31:00    IP = 183.89.44.46
 


  คำตอบที่ 7  
 
มีนักโทษประหารเคยพูดไว้ว่า ถ้าเวรกรรมมีจริง ตายแล้วเกิดใหม่ คนก็คงล้นโลกไปแล้ว แต่ตอนนี้ มันก็เยอะขึ้นหนิ แล้วส่วนที่เยอะขึ้นล่ะ.

   delpieroloso  4 ธ.ค. 55   เวลา 20:31:00    IP = 49.49.72.171
 


  คำตอบที่ 8  
 
มนุษย์ ขี้ ปี้ ครับ 555

   delpieroloso  4 ธ.ค. 55   เวลา 20:32:00    IP = 49.49.72.171
 


  คำตอบที่ 9  
 
ฝากกระทู้เก่านิดนึง ครับ ผมตอบบางคนแล้วนะ ในคต.161-162
ปล.ถ้าจะตอบ ตอบในกระทู้เก่านะ ^^

http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=356997

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:39:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 10  
 
คือเกิดและตายในหนึ่งวันได้หลายรอบ ตามมาอ่านเลยครับ


เด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ร้องไห้จ้า ขึ้นมา เพราะ ตุ๊กตาตกแตก พอเขาเห็น ตุ๊กตาตกแตกนี้ เรียกว่า ตากับรูป กระทบกัน เกิด จักษุวิญญาณ ขึ้นมา รู้ว่า ตุ๊กตาตกแตก ตามธรรมดา เด็กคนนี้ ประกอบด้วย อวิชชา เพราะว่า เขาไม่เคยรู้ธรรมะ ไม่รู้อะไรเลย เมื่อตุ๊กตาตกแตก นั้น ใจของเขา ประกอบอยู่ด้วย อวิชชา อวิชชาจึงปรุงแต่ง ให้เกิด สังขาร คือ อำนาจชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้ เกิดความคิด ความนึกอันหนึ่ง ที่จะเป็นวิญญาณ สิ่งที่เรียกว่า วิญญาณ ก็เห็นตุ๊กตา ตกแตก แล้วรู้ว่า ตุ๊กตาตกแตก อันนี้ เป็น วิญญาณทางตา เพราะอาศัย ตาเห็น ตุ๊กตาตกแตก แล้วมีอวิชชา อยู่ในขณะนั้น คือ ไม่มีสติ เพราะว่า ไม่มีความรู้ เรื่องธรรมะเลย จึงเรียกว่า ไม่มีสติ และมีอวิชชาอยู่ ฉะนั้น จึงเกิดอำนาจ ปรุงแต่งวิญญาณ ที่จะเห็นรูปนี้ ไปในทาง ที่จะ เป็นทุกข์ ความประจวบของ ตากับรูป คือ ตุ๊กตา กับวิญญาณ ที่รู้นี้รวมกัน เรียกว่า ผัสสะ เดี๋ยวนี้ ผัสสะทางตา ได้เกิดขึ้นแก่เด็กคนนี้แล้ว จากผัสสะอันนี้ ถ้าจะพูดให้ละเอียดก็ว่า ได้เกิด นามรูป คือ ร่างกาย และ ใจของเด็กคนนี้ ขึ้นมา ชนิดที่ พร้อมสำหรับ ที่จะเป็นทุกข์

นี่ขอให้รู้ว่า ตามธรรมดา ร่างกายจิตใจของเรา ไม่อยู่ในลักษณะ ที่จะเป็นทุกข์ จะต้องมีอวิชชา หรือ มีอะไรมาปรุงแต่ง ให้มันเปลี่ยน มาอยู่ในลักษณะ ที่มันอาจจะเป็นทุกข์ ดังนั้น จึงเรียกว่า นามรูป ก็พึ่งเกิดเดี๋ยวนี้ เฉพาะกรณีนี้ หมายความว่า มันปรุงแต่งวิญญาณ ด้วยอวิชชานี้ ขึ้นมากแล้ว วิญญาณนี้ ก็จะช่วยทำ ให้ร่างกาย กับจิตใจนี้ เปลี่ยนสภาพ ลุกขึ้นมา สำหรับทำหน้าที่ ที่พร้อม จะเป็นทุกข์ และ ในนามรูปชนิดนี้ ขณะนี้ จะเกิดมี อายตนะ อันพร้อมที่จะเป็นทุกข์ คือ ไม่หลับอยู่ตามปกติ แล้วมันก็มีผัสสะ ที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะเป็นทุกข์ เฉพาะในกรณีนี้ แล้วมันก็มี เวทนา คือ ความรู้สึกเป็นทุกข์ แล้วเวทนา ที่เป็นความทุกข์นี้ ทำให้เกิด ตัณหา คือ อยาก ไปตาม อำนาจ ของความทุกข์ นั้น มี อุปาทาน ยึดมั่นว่า เป็นความทุกข์ของกู มันก็เกิด กู ขึ้นมา เรียกว่า ภพ แล้วเบิกบานเต็มที่ เรียกว่า ชาติ แล้ว มีความทุกข์ในเรื่อง ตุ๊กตาตกแตกนี้ คือ ร้องไห้ นั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่า อุปายาส แปลว่า ความเหี่ยวแห้งใจ อย่างยิ่ง

ทีนี้ เรื่อง ชาติ นี้ มันมีความหมายกว้าง คือรวม ชรามรณะ อะไรไว้เสร็จ ถ้าไม่มีอวิชชา ก็จะไม่ถือว่า ตุ๊กตาแตก หรือ ตุ๊กตาตาย หรือ อะไรทำนองนั้น แล้วก็จะไม่มีทุกข์ แต่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเลย เดี๋ยวนี้ ทุกข์มันเกิดเต็มที่เพราะว่า มันเกิดอุปาทานว่า ตัวกู ตุ๊กตาของกู แล้วตุ๊กตาก็แตกแล้ว แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะมีอวิชชา ดังนั้น จึงร้องไห้ การร้องไห้ คือ อาการของความทุกข์ ขึ้นสูงสุดเต็มที่ ถึงที่สุดของ ปฏิจจสมุปบาท

ตรงนี้ คนโดยมาก ฟังไม่เข้าใจ ในข้อลี้ลับ ของข้อที่ว่า ภาษาธรรมะ หรือ ภาษาปฏิจจสมุปบาท นี้ เขาไม่ได้ถือว่า คนได้เกิดอยู่แล้ว ตลอดเวลา หรือ ว่า นามรูป ได้เกิดอยู่แล้ว หรือ อายตนะ ได้เกิดอยู่แล้ว ถือว่า เท่ากับ ยังไม่ได้เกิด เพราะ มันยังไม่ได้ทำอะไร ตามหน้าที่ ต่อเมื่อ มีธรรมชาติ อันใดอันหนึ่ง มาปรุงแต่ง ให้มันทำหน้าที่ เมื่อนั้น จึงจะเรียกว่า เกิด เช่น ลูกตาของเรา เราก็ถือว่า มีอยู่แล้ว หรือ เกิดอยู่แล้ว แต่ตามทางธรรมะ ถือว่ายังมิได้เกิด จนกว่าเมื่อใด ตานั้นจะเห็นรูป ทำหน้าที่ การเห็นรูป จึงจะเรียกว่า ตาเกิดขึ้นมา แล้วรูปก็เกิดขึ้นมา แล้ววิญญาณทางตานั้น ก็เกิดขึ้นมา ๓ อย่างนี้ ช่วยกัน ทำให้ สิ่งที่เรียกว่า ผัสสะ เกิดขึ้นมา แล้วผัสสะนี้ ทำให้เกิด เวทนา ตัณหา เรื่อยไป จนตลอดสาย

ทีนี้ ถ้าว่าต่อมา เด็กคนนี้ เอาเรื่องตุ๊กตาแตก มานอนคิด แล้วมานอนร้องไห้ อยู่อีก นี่มันกลายเป็นเรื่องทาง มโนวิญญาณ ไม่ใช่ทาง จักขุวิญญาณแล้ว คือ เขานึกคิดขึ้นมา ถึงตุ๊กตาที่แตก ก็เป็นเรื่องความคิด ที่เป็น ธรรมารมณ์ แล้ว ธรรมารมณ์ กับ ใจสัมผัสกัน ทำให้เกิด มโนวิญญาณ รู้สึกถึงเรื่องที่ตุ๊กตาแตก นี้มันสร้างนามรูป คือ กายกับใจ ในขณะนั้น ให้เปลี่ยนปั๊บไปเป็น นามรูป ที่จะเป็น ที่ตั้งของอายตนะ ที่จะเป็นทุกข์ อายตนะนั้น ก็จะสร้างให้เกิด ผัสสะ ชนิดที่เป็น ที่ตั้งของความทุกข์ เกิดเวทนา ตัณหา อุปาทาน จนเป็นทุกข์ จนนอนร้องไห้ อยู่อีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ตุ๊กตามันแตก มาตั้งหลายวันแล้ว หรือ หลายอาทิตย์แล้ว ก็ได้ ความคิดที่ปรุงแต่ง ทะยอยกันอย่างนี้ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท มีอยู่ในคน เป็นประจำวัน

   steve_nui      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:42:00    IP = 171.7.54.6
 


  คำตอบที่ 11  
 
ดีครับ ขอข้อมูลเยอะๆไปพิจารณาครับ

บางทีผมยังคิดว่าเชื่อธรรมะยากกว่าดนตรีครับ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองมีธรรมะแค่ไหน

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:44:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 12  
 
ถามพระจะรู้เรื่องกว่าม้างง

งั้นก็รอพี่ rockonyou มาตอบ

   เงอะ      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:45:00    IP = 115.67.228.8
 


  คำตอบที่ 13  
 
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี

เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี

เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี

เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี

เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี

เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี

เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี

เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี

เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี

ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี

หนึ่งรอบปฏิจจสมุปบาท ก็คือ เกิดจนดับ แล้วก็เกิด ปฏิจจสมุปบาท ขึ้นมาอีก อย่างนี้ได้ทั้งวัน

   steve_nui      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:46:00    IP = 171.7.54.6
 


  คำตอบที่ 14  
 
ตอบ steve_nui
ครับ เท่าที่อ่านมาเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดใช่มั้ยครับ ถ้าตอบแบบสรุป

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:48:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 15  
 
ิว๊ายยยย!!!! ผีหลอก

   AE!      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:54:00    IP = 183.89.85.242
 


  คำตอบที่ 16  
 
ครับ ตราบใดที่สัตว์ทั้งหลายยังมีตัณหา ยังไม่สิ้นอาสวะกิเลส ย่อมต้องเวียนว่ายตาย เกิดไปในภพภูมิต่างๆ ก็คือ ยังวนเวียนอยู่ใน ปฏิจจสมุปบาท
เว้นจุติจิตของพระอรหันต์ ไม่มีปฏิสนธิจิตมาเกิดต่อ เพราะ จิตของพระอรหันต์ นิ่งแล้วจึงไม่เกิดการเวียนว่ายในกระแสแห่ง ปฏิจจสมุปบาท ครับ

   steve_nui      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:58:00    IP = 171.7.54.6
 


  คำตอบที่ 17  
 
ตอบ steve_nui
อ๋อครับ

   redwine1990      4 ธ.ค. 55   เวลา 20:59:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 18  
 
บอร์ดกีตาร์ไทย มีความรู้หลายแขนงจริงๆ ชอบครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      thehank      4 ธ.ค. 55   เวลา 21:19:00    IP = 171.98.254.36
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 19  
 
ส่วนตัวเชื่อเรื่องผีนะ แต่ จะพิสูจน์ ยังไงหว่า

สมัยเรียน เคยเรียน วิชาปรัชญา ครูถามว่า เชื่อเรื่องพี่หรือไม่

เราก็ยกมือตอบเลย ว่าเชื่อที่ซู๊ด มีจริงๆๆๆ

คุณครูก็สวนปัง มาเลยว่า เธอ เขื่อเหรอ " งั้นเธอจับมาให้ครูดูหน่อยดิ "

หนู "เอ๋อแดก" เลยๆๆๆ ฮ่วยๆๆ นึกในใจ ผีนะ ไม่ใช่ "ปลาดุก" จะได้ไปจับกันง่ายๆ

แต่ก็จริงแหละ ผีถ้ามันจับง่าย เสียสถาบันหมดเนอะ มันต้องลึกลับ อึมครึม ถึงจะสมฐานะผี

สวนประสบการณ์ ที่เจอจังๆ แบบ ชัวร์สุดๆ ว่าไม่ใช่คน มีสองครั้ง

ครั้งแรก บ้านเก่า เป็นบ้านเช่า มีเด็กตายในบ้าน

เวลาไม่มีคนอยู่ จะมีเสียงเด็กวิ่งเล่น

แรกๆก็ไม่เจอนะ พออยู่ไปได้ซักพัก บนบ้านจะมีเสียงวิ่ง

แต่ทุกคนอยู่ข้างล่างหมด ก็เลย อืมๆๆๆ

ครั้งที่สอง นี้ เต็มตีน

ไปบ้านเพื่อนที่ อยุธยา เป็นเรือนยกสูงแบบโบราณ เสากลางบ้านจะมี สวิทช์ไฟแบบ หลังเต่าเก่าๆ

เวลากลางคืนจะมืดมาก พอดี บ้านไม่มีคนอยู่ ตอนเย็นไปทำธุระที่วัด

กลับมา ก็มืดแล้ว เพื่อน ไปเข้าห้องน้ำ ส่วนเราจะไปเปิดไฟ

มืดตื๋อเลยตอนนั้น พอเอามือจะไปเปิด สวิทช์ไฟ ก็สัมผัสกะ มือ ? ใครก็ไม่รู้

ตกใจ ชักมือกลับ เพราะ ไม่ใช่เพื่อนแน่ๆ มัน อยู่อีกด้านนึงของบ้าน

สรุปว่า มือใครก็ไม่รู้ แต่ ก็นะ อืมๆๆๆ

จริงๆ ผีถ้ารู้จัก เช่น พี่นัอง หรือเพื่อนเนี่ย ไม่น่ากลัวหรอก

แต่ถ้าไม่รู้จัก อันนี้ ตัอง คุยกันยาว หลอกเราตกใจตาย ก่อนลงนรก จะบอก ยมบาลว่า

ขอสะสาง กะไอ้เวรที่หลอกเรานี่ก่อน จะตำแม่มให้ยับเลยๆๆๆๆ

   Spin      4 ธ.ค. 55   เวลา 21:28:00    IP = 27.55.13.164
 


  คำตอบที่ 20  
 
ผี คือ วิญญาณ

วิญญาณ เค้าเรียกกันว่า กายละเอียด

มนุษย์นั้นประกอบไปด้วยกายหยาบและวิญญาณด้วยกัน แบ่งเป็นสองส่วนเมื่อกายหบายหมดอายุจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้กายละเอียดก็จะออกจากร่าง ถือเป็นการไปจุติ

เทวดา ก็คือ กายละเอียดที่มีภพภูมิที่สูงเนื่องจากได้รับอานิสงจากผลบุญกุศลที่เคยทำไว้

เปรต สัตว์นรก อสูรกาย คือ กายละเอียดที่อยู่ในภพภูมิต่ำเพราะว่าอกุศลที่เคยประกอบส่งผลในวาระสุดท้ายก่อนตาย

ถ้ายังเชื่อว่า เทวดามีจริง หรือพวกเปรตรสัตว์นรกมีจริง ผีก็มีจริง

   Heavymetal      4 ธ.ค. 55   เวลา 21:36:00    IP = 124.120.67.59

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 21  
 
ออ เพิ่มเติม พวกผีที่สิงอยู่ตามบ้าน แล้วเป็นบ้านเราเองนี่ยิ่งต้องห้ามกลัว

เพระ

อาศัยบ้านกรู ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ไม่ได้ช่วยออก ยัง เถือก มาหลอก กรู อีก

อย่างนี้

ต้อง ทะเลาะ กันหน่อยค่าๆๆๆๆๆ

   Spin      4 ธ.ค. 55   เวลา 21:41:00    IP = 27.55.13.164
 


  คำตอบที่ 22  
 
ผมเจอบ่อยๆ แต่มักเป็นตอนครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือตอนสติไม่สมบูรณ์อะครับ มักเห็นเป็นเงาดำ
แล้วรู้สึกว่าพวกนี้อยากจะทำให้เราเชื่อว่าเค้ามีอำนาจเหนือเราด้วย ให้เรากลัวตลอด พอผมทนไม่ไหว
หลังๆเลยด่า แล้วก็อยากจะนึกว่าเป็นแค่จินตนาการเราเองฝันไป เลยพยายามทำจิตแข็งไม่กลัว
และมันกลัวผมแทนเลย เพื่อนผมอิสลามบอกว่าเป็นปีศาจมาหลอกเราให้ทำโน่นทำนี่ตามความต้องการ
ถ้าเราไม่กลัวมัน หรืออนุญาติมัน มันจะทำอะไรเราไม่ได้ เหมือนกับ เล่นของ หรือทรงเจ้าเข้าผี
สว่นผมขอตีความว่า สิ่งที่ผมเชื่อนั้นคือ
1. สัมพเวสีมีจริง เป็นจิตวิญญาณอีกมิติที่เรามองไม่เห็น แต่สัมผัสได้บางครั้ง
2. เราแกร่งกว่า ถ้าไม่คิดถึงมัน ไม่ทำพิธีครอบครู ไม่เล่นกับมัน อนุญาติมัน
3. คิดว่าถ้าคนเราปกติเบิกบาน จิตใจดีปกติ เหมือนมีโลห์จิตใจป้องกัน มันจะเข้าหาเราไม่ได้เลย
ความคิดส่วนตัวจากประสบการณ์ตรงนะครับ

   บะบะบะบีน      4 ธ.ค. 55   เวลา 21:52:00    IP = 110.171.74.39
 


  คำตอบที่ 23  
 
้เท่าที่ฟังผู้รู้มาพอจำได้แบบงูๆปลาๆ คือคนเราประกอบไปด้วย
1.กาย
2.จิต
3.ไม่รู้มีอีกป่าวจำไม่ได้

หน้าที่ของกายคือ เป็นที่อยู่อาศัยของจิต คอยทำตามที่จิตสั่งการ เหมือนรถหรือยานพาหนะ

หน้าที่ของจิตมี 3 อย่างคือ
2.1รับสิ่งกระทบ ( จาก หู ตา จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ) แล้วปรุงแต่งเป็นอารมณ์
2.2บังคับกายให้ทำตามที่จิตต้องการ
2.3บันทึกเหตุการณ์ที่กายทำลงไปเก็บไว้เป็นประวัติกรรมดี กรรมชั่ว

ผู้รู้บอกว่า การตายคือ การที่จิตทิ้งร่างกายไป อาจจะด้วยหลายสาเหตุ เช่น กายเสื่อมโทรมหรือชำรุดจนไม่สามารถใช้อาศัยได้ หมดอายุขัย เป็นต้น
จากที่กล่าวไปแสดงว่า กายเสื่อมสลายไป แต่จิตยังคงอยู่ กรณีที่ กาย ชำรุดก่อนถึงเวลาที่กำหนดเวลา จิตจะยังไม่สามารถไปจุติได้เพราะยังไม่ถึงเวลา จิตจึงต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดจึงจะไปจุติได้ ( แต่กฏก็มีข้อยกเว้น )
ข้อยกเว้นคือ กรรมดี กรรมชั่ว ที่ได้ทำไว้และถูกบันทึกไว้จะเป็นตัวกำหนดว่าคนนั้นจะไปจุติเป็นอะไร เพราะอะไร ผู้รู้บอกว่าขณะที่จิตจะหลุดออกจากร่างถ้าคิดถึงสิ่งที่เป็นกุศลกรรม ก็จะไปจุติในภูมิที่สูงขึ้นหรือเท่าเดิม แต่ถ้าขณะจิตหลุดออกจากร่างคิดถึงอกุศลกรรม ก็จะไปจุติในภพภูมิที่ต่ำลง โบราณจึงให้หมั่นทำความดีละเว้นความชั่ว เพราะทั้งชีวิตถ้าไม่เคยทำความดีเลย ขณะจะตายจะนึกถึงสิ่งดีๆ ได้อย่างไร
ทำไมถึงรู้ว่าคนตายแล้วจิตยังอยู่ ข้อพิสูจน์ก็คือ การมีบางคนระลึกชาติได้ครับ กำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่ามันก็ไม่น่าเชื่อถืออีก ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า คำอธิบายคือ จากที่ผมได้กล่าวไว้ว่าหน้าที่ของจิตคือ สั่งให้กายทำตามที่จิตต้องการ หลังจากนั้นก็บันทึกเหตุการณ์นั้นไว้เป็นความทรงจำ ยกตัวอย่างเช่น ท่านนึกถึงอาหารเย็นวันนี้ได้ไหมว่าทานอะไร น่าจะนึกได้ใช่ไหม แล้วอาหารกลางวันวันนี้ล่ะ น่าจะพอนึกได้ ถ้าเป็นอาหารเย็นเมื่อวันที่ 4 ของเดือนที่แล้วล่ะ ผมว่าน้อยคนคงจะจำได้ แต่จริงๆแล้วความสามารถของจิตมันบันทึกเหตุการณ์ไว้ข้ามภพข้ามชาติได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ไหนครับ อยู่ที่เราจะระลึกถึงมันได้ยังไง อย่าว่าแต่ชาติที่แล้วเลย เดือนที่แล้วก็จำไม่ได้แล้ว เหตุที่เราระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ ( ทั้งในปัจจุบันชาติและอดีตชาติ ) เพราะ จิตของเราไม่มีพลังพอครับ เหมือนกับการบังคับตัวเองวิ่งไปอเมริการวดเดียวให้ถึงอะไรประมาณนั้น การที่เราจะทำได้ก็ต้องฝึกจิตให้มีพลังเพิ่มขึ้น โดยการทำสมาธิ เจริญวิปัตสนากรรมถานครับ เท่าที่ฟังจากผู้รู้มาแบบงูๆปลาๆก็ประมาณนี้ครับ ผิดพลาดไงก็ขออภัยด้วยครับ



   Noisenote  4 ธ.ค. 55   เวลา 22:06:00    IP = 101.109.18.231
 


  คำตอบที่ 24  
 
คนชอบดูหนังผี เพราะมันตื่นเต้น

ให้ลองไปเดินป่าช้าคนเดียวเอามั้ย '' ไม่เอาเพราะผีดุ '' ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามีวิญญาณมีจริงมั้ย แต่ศพไต้ดินมีแน่นอน

เจ้าพ่อ เจ้าแม่ทั้งหลาย

ผีกับคนน่าจะอยู่คู่กันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

   สมาชิกแบบพิเศษ      niponz      4 ธ.ค. 55   เวลา 22:15:00    IP = 171.98.108.189
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 25  
 
ยังไม่เคยตายครับ เลยไม่รู้จะตอบยังไง

   สมาชิกแบบพิเศษ      WE ARE SQUIER      4 ธ.ค. 55   เวลา 22:32:00    IP = 171.5.208.23
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 26  
 
ผมเชื่อเรื่องผี ไม่อยากเจอ แต่ผมกลัวน้อยกว่า "คน" ครับ

   hackprevent      4 ธ.ค. 55   เวลา 22:50:00    IP = 110.168.45.184
 


  คำตอบที่ 27  
 
ความเชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณเป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ถ้าเชื่อแบบพุทธเถรวาท เวลาสัตว์ตายแล้วจะเกิดเลย (ยกเ้ว้นพระอรหันต์)
แต่จะเกิดเป็นอะไรนั้นเป็นอีกเรื่อง เพราะสถานที่เกิดมีตั้ง31ภูมิ
ตั้งแต่นรกถึงอรูปพรหม แล้วแต่กรรมและเหตุปัจจัยนำไป
ผีตามหลักพุทธ น่าจะเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง อาจจะเป็นอสูรกาย เปรต หรือเทวดาก็ได้
ในพระสูตรก็เคยมีเรื่องปรากฎว่าพระโดนผี(รุกขเทวดาแปลง)มาหลอก
เป็นผีหัวขาด ฯ เนื่องจากพระมาอาศัยทำสมาธิทำให้เทวดาอยู่ไม่ได้ เลยต้องหลอก
พระพุทธเจ้าก็เลยให้พระเหล่านี้นแผ่เมตตาก่อนฝึกสมาธิ เทวดาจึงไม่มาหลอกอีก


   นิราโส  4 ธ.ค. 55   เวลา 23:00:00    IP = 124.122.66.191
 


  คำตอบที่ 28  
 
ผมว่าความเชื่อเรื่องพวกนี้น่าจะมีมาก่อนการกำเนิดศาสนาหลักๆโลกซะอีกครับ
เมื่อคนที่รักตาย ก็หวังว่าซักวันเค้าจะกลับมา เห็นชีปะขาวก็เป็นตัวแทนบรรพบุรุษ
คนที่บาดหมางจากไป ก็ใจกังวลว่าเค้าจะอาฆาตพญาบาทไม๊ ถ้าเค้ามาหลอกหรือมาแก้แค้นจะมีอะไรป้องกันไม๊? พักนี้หัวใจแห้งเหี่ยว ให้ท่านหมอทำของให้เมียเพื่อนบ้านมารักมาชอบ จะคิดเท่าไหร่? ฯลฯ
ผมว่าในวัฒนธรรมสัตว์โลกชนิดอื่นก็น่าจะพื้นฐานในความคิดเรื่องพวกนี้เหมือนกัน แต่ขั้นตอนของมนุษย์จะมีพิธีและซับซ้อนและจินตนาการเยอะกว่า

   smoinync      4 ธ.ค. 55   เวลา 23:04:00    IP = 101.108.28.59
 


  คำตอบที่ 29  
 
มาทางเรื่องศาสนาไม่มีความรู้เลย55555
ยิ่งเรื่อง ผี ผมว่ามันพูดยากว่ามีจริงหรือไม่
มันต้องประสบกับตัว และใช่ว่าทุกคนมันจะเจอน่ะ
คำตอบมันถึงยังไม่ลงตัวสักทีนะ อืม

   bbling      5 ธ.ค. 55   เวลา 0:31:00    IP = 171.7.9.226
 


  คำตอบที่ 30  
 
ผมเคยฟังอ.เจษฎาบรรยาย เขาบอกว่าผีไม่มีจริงด้วยอ่ะ

   redwine1990      5 ธ.ค. 55   เวลา 0:54:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 31  
 
เพิ่งเจอมาเต็มๆ เมื่อวันเสาร์ กับสถานที่ๆไปเล่น

   Kaizerlos      5 ธ.ค. 55   เวลา 1:01:00    IP = 58.9.143.26
 


  คำตอบที่ 32  
 
มันเหมือนไก่กับไข่ ไม่มีวันจบครับ แหะๆ

   bbling      5 ธ.ค. 55   เวลา 1:03:00    IP = 171.7.9.226
 


  คำตอบที่ 33  
 
ไข่เกิดก่อนไก่มาเป็นล้านๆปีครับ ตั้งแต่บรรพบุรุษของไก่แล้วครับ บรรพบุรุษของไก่ที่ภายหลังวิวัฒนาการมาเป็นไก่อย่างช้าๆทีละนิดๆนั้น บรรพบุรุษพวกนั้นก็ได้เกิดจากไข่มากตังแต่ไหนแต่ไรครับ

ดังนั้นไข่เกิดก่อนไก่

   redwine1990      5 ธ.ค. 55   เวลา 1:14:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 34  
 

พุทธก็มีทั้งสองแบบนะครับทั้งมหายานแล เถรวาท

ส่วนตัวจะพูดถึงเถรวาทละกันครับเพราะนับถือทางสายนี้
ถามว่ามีมั้ย ผี วิญญาณ บอกได้เลยว่าทางนี้มีแน่นอน เพราะมันเป็นองค์ประกอบของ "วัฏฏะสงสาร" หรือการ เวียนว่าย ตายเกิด นั่นเอง

อย่างที่คุณ steve_nui เอารูปมาลงนั่นก็ใช่เลยครับมนุษย์เกิดจากกรรมดีและชั่วที่ทำเอาไว้มีมากแค่ไหน ทุกสิ่งล้วนมาจาก กิเลส และ ตัณหา (แต่การเกิดเป็นมนุษย์ต้องมีกรรมดีเยอะมากโดยเฉพาะต้องคนที่ถือศีล ๕ อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีขาดตกบกพร่อง) และไม่ทำกรรมชั่วชนิดเลวร้ายรุนแรงไว้ ถึงได้จุติเป็นมนุษย์อย่างพวกเรา

และแน่นอนว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมากมาย แต่ก็ใช่ว่าเกิดมาแล้วจะสุขสบายกันทุกคน สังเกตุว่ามนุษย์เราเกิดมาไม่เท่ากัน บ้างก็รวยบ้างจน บ้างก็หล่อสวย บ้างก็อัปลักษณ์ หรือพิกลพิการ ก็มีอยู๋ถมไป ทุกอย่างไม่ใช่เรื่อง "ดวงซวย" แต่มันเกิดมาจาก ผลแห่งกรรมที่ทำไว้ชาติปางก่อนทั้งสิ้น

พุทธเถรวาทกล่าวว่าก่อนมาเกิดเป็นคน สัตว์นรกตนนั้นก็ต้องชดใช้กรรมให้หมดเสียก่อนโดยเฉพาะกรรมชั่วหนักๆที่ทำเอาไว้ (ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ นะครับ มันขัดแย้งกับกาลามสูตร10บัญญัติมากๆ ที่พระพุทธเจ้าสอนให้เชื่อทุกอย่างด้วยเหตุและผลจริงๆ) ผมคิดว่านรกไม่น่าจะมีจริง เพราะทุกอย่างคงไม่ตอบแทนการกระทำด้วยการ ทรมานแบบนั้น น่าจะให้ทรมานในภพชาติที่จะจุติใหม่น่าจะชัดเจนกว่ามาอยู่ในกะทะทองแดง ปีนงิ้ว บลาๆอะไรพวกนี้ มันดูไม่มีเหตุผล (เป็นกูศลโลบายไว้หลอกคนขวัญอ่อนและมุ่งให้คนทำดีละเว้นความชั่วเสียมากกว่า)

ถ้าว่าตามเถรวาท ก็อย่างท่านๆด้านบนได้เกริ่นไปนั่นแล พอเราเสียชีวิตปุ๊บวิญญานจะออกจากร่าง ในขณะที่เสียชีวิตจิตเราคิดถึงอะไร เราจะไปอยู่ตรงนั้นเพียงชั่วขณะ ก่อนที่จะมีคนจากปรโลกมารับไป (เค้าเรียกไรนะ นายนริยบาลใช่ไหม) น่าจะประมาณนั้น ถ้าหมดห่วงทุกอย่างแล้ว ก็ไปเกิดใหม่ได้ แต่ถ้ายังมีห่วงมากๆ เช่นห่วงลูก ห่วงคนที่รัก ห่วงพ่อแม่ ใจก็จะเศร้าหมอง และจะอยู่ตรงนั้นไป 3 วัน 7 วันที่จะคอยติดต่อกับคนที่มีห่วงและยังรัก และยังไปเกิดใหม่ไม่ได้เสียที (แต่ผมว่าส่วนใหญ่ตายแล้วก็คงปล่อยวางหมดแล้วล่ะ)

ส่วนจะเกิดเป็นอะไรก็ตามที่ท่านๆได้กล่าวไว้ครับ ๓๑ ภูมิ อยู่ที่กรรมล้วนๆทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ส่วนเรื่องวิญญาณเฮี้ยนนี่ผมว่ามีจริงคงพวกที่ถูกฆ่าตายอ่ะครับ พวกนี้จะเฮี้ยนมากๆ และมีกรรมรุนแรง วิญญาณพวกนี้มักจะถูกพวกหมอผี (คนเล่นไสยศาสตร์) จับขังเอาไว้ในหม้อ หรือในอาคมที่ทำเอาไว้ เพื่อเอาไปแก้แค้นหรือไปทำร้ายคนที่เขาต้องการสาปแช่ง (คนเล่นของพวกนี้ตายไปกลายเป็นเปรตสถานเดียวนะครับ เพราะถือว่าเป็นกรรมชั่วมากทั้งทำลายวิญญาณคนอื่นและยังฉุดไม่ให้ผู้อื่นไปผุดไปเกิด) บ้างก็ไปหาวิญญาณตายท้องกลมมาทำลูกกรอก รักยม ก็มี มันเป็นของเดรัจฉานวิชาครับ ส่วนนึงที่พุทธมีเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้มาเกี่ยวข้องเพราะเคยรับบางส่วนจากศาสนาพราห์มณ์ มาก่อน ซึ่งพวกนี้เขาจะเชื่อเรื่องแนวนี้มากๆ แต่ถ้าทางเถรวาทจริงๆ เขาจะไม่ฝักใฝ่เรื่องพวกนี้ครับ

สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตายแล้วไปไหน ....หมั่นทำความดีเอาไว้เถิดพี่น้อง ใครไม่เห็น แต่ฟ้ามีตา




   สมาชิกแบบพิเศษ      easybuying2008      5 ธ.ค. 55   เวลา 1:16:00    IP = 171.6.213.150
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 35  
 
ในความคิดผมนะตายแล้ว เกิดเลยครับ
วิญญาณนั่นแหละก็คือการเกิดในรูปแบบใหม่
และจะเปลี่ยนการเกิดไปเรื่อยๆ ตามบุญและกรรมที่ได้ทำไว้
ผมเชื่อในเรื่องนรก สวรรค์ 100%
เพราะถ้าไม่มีนรกสวรรค์ ไม่มีกฎแห่งกรรม
เราทุกคนต้องเกิดมาทุกอย่างเหมือนกันหมด
รวย จนเท่ากันหมด จริงมั้ยครับ
ที่เราเกิดมาต่างกัน เพราะมีแรงบุญ กรรมต่างกัน
ในพุทธประวัติก็กล่าวถึงพระพุทธเจ้า
ยั งไปโปรดพระมารดาถึงบนสวรรค์
ดังนั้นแล้วชีวิตหลังความตายนั้น ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติตัวในตอนที่เรามีชีวิตอยู่ครับ

   chok      5 ธ.ค. 55   เวลา 1:41:00    IP = 141.0.8.126
 


  คำตอบที่ 36  
 
ลองไปบวชแล้วสัมผัสจริงๆ อย่าอ้างอิงแต่ในตำราครับ

ผมกล้าพูดว่ามีจริงครับ แต่คงไม่อธิบายเพราะมันเป็นความเชื่อส่วนตัว
คนไม่เชื่อก็เถียงกันเปล่าๆ

   pangchangnoy      5 ธ.ค. 55   เวลา 3:01:00    IP = 171.4.137.212
 


  คำตอบที่ 37  
 
มีจริงครับ

......เคยโดนแบบเต็มๆเหมือนกันครั้งนึง ทั้งๆที่เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อว่าผีมีจริง ของแบบนี้ต้องโดนเองครับถึงจะรู้

   อ้นครับผม  5 ธ.ค. 55   เวลา 3:19:00    IP = 49.49.207.204
 


  คำตอบที่ 38  
 
Gu wa norn her mou wa

   delpieroloso  5 ธ.ค. 55   เวลา 5:14:00    IP = 49.49.72.171
 


  คำตอบที่ 39  
 
วันนี้โชคดีจังรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้น

   สมาชิกแบบพิเศษ      jsbach      5 ธ.ค. 55   เวลา 7:46:00    IP = 124.120.29.67
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 40  
 
ไม่รู้แฮะ รู้แต่ว่าทุกชาติทุกภาษา ทุกเผ่าที่อยู่กลางป่าลึก ก็เชื่อเรื่องผี

   สมาชิกแบบพิเศษ      นาดูร      5 ธ.ค. 55   เวลา 8:40:00    IP = 101.51.116.248
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 41  
 
บางสิ่ง คงต้องเจอกับตัวก่อน ถึงจะเข้าใจครับ

ผมเจอมาบ่อยแล้ว ทั้งผีอำ ทั้งมาเป็นตัวๆ ทั้งลองนั่งทรงเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ เลยต้องยอมเชื่อมาว่มี ^_^

   The_lost_guitar      5 ธ.ค. 55   เวลา 11:35:00    IP = 113.53.73.69
 


  คำตอบที่ 42  
 
เหอๆ ตอนนี้ผมตลกคุณ The_lost_guitar เรื่องเพลง 4:33 จัง

เหมือนเขาจะคิดว่ามีเพียงเขาที่รู้ความเป็นมาของเพลงนี้และเหมือนคิดว่าเพลงนี้มันเป็นของใหม่ที่มีเพียงคนทราบความเป้นมาไม่กี่คน จริงๆวงการเพลงคลาสสิกเขาเลิกเห่อเพลงนี้ไปตั้งนานแล้วครับท่าน แต่ก็มีพูดถึงบ้างและนำมาแสดงบ้างเพื่อการศึกษาและเพื่อดำรงคงไว้ครับ ^^

ลองอ่านดูนะ ผมเข้าไปตอบแล้ว อิอิ

http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=356997

http://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=356915

   redwine1990      5 ธ.ค. 55   เวลา 16:12:00    IP = 101.108.100.207

User ID นี้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราว  
 


  คำตอบที่ 43  
 
รู้จักเข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรมกันบ่อยๆครับ

คิดว่าเด็กๆ หรือแม้แต่คนสมัยนี้ บางทีห่างไกลวัดกันมาก อาจด้วยเวลาและวิถีชีวิตปัจจุบัน

   GminorBb      5 ธ.ค. 55   เวลา 16:31:00    IP = 171.7.157.57
 


  คำตอบที่ 44  
 
เฮ้อ...คนแดงควรละเลิกนิสัยยกตนข่มท่านซะบ้างนะครับ ^_^
เพลงนั้นผมไม่ได้เห่ออะไร แต่ผมเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ที่จะให้เด็กๆเริ่มรู้จักคำว่า ปรัชญา ^_^

   The_lost_guitar      5 ธ.ค. 55   เวลา 17:37:00    IP = 113.53.73.69
 


  คำตอบที่ 45  
 
ผมเคยไปบวชเรียนมา ......

ไม่เคยเจอ
ไม่อยากเจอ

อย่ามายุ่งกับกู....... ครับ

   limpbik      5 ธ.ค. 55   เวลา 22:20:00    IP = 58.11.225.0
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket