Thailand Web Stat
    








(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)


(เพจ: Guitarthai.com)
  สุดยอด 10 อันดับสิ่งเร้นลับที่ยังไม่คลี่คลาย  
 
10. ผลพลาเซโบ (Placebo Effect)



ผลพลาเซโบ คือ ปรากฎการณ์ที่คนเราทานบางสิ่งที่เขาคิดว่าคือยา (แต่ไม่ใช่ยาจริง) เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แล้วเขามีอาการดีขึ้น. พลาเซโบเป็นสารเฉื่อย (โดยมากเป็นเม็ดแป้ง) เมื่อทานเข้าไป (โดยมีผู้แนะนำว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยได้) ทำให้เขาหายป่วยเพียงเพราะว่าเขาเชื่อว่าสิ่งนั้นคือยาที่สามารถรักษาโรคได้จริงๆ. ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้เป็นสิ่งเร้นลับที่ยังไม่มีคำตอบ. อาจเป็นเพราะการเชื่อมต่อของสมองกับร่างกายเป็นสิ่งลึกลับซับซ้อนที่เรายังไม่เข้าใจ. ดังดำว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”. ร่างกายและจิตของคนเรายังมีสิ่งเร้นลับอยู่อีกมาก.




   สมาชิกแบบพิเศษ   top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 9:59:00       พิมพ์   แจ้งลบ      IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 1  
 
9. แพนสเปอเมีย (Panspermia)



ชีวิตบนโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร? วิทยาศาสตร์บอกเราว่าชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเกิดสภาวะเหมาะสมเป็นถิ่นที่อยู่ แต่กระนั้นพวกจุลชีพดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้? สมมุติฐานอันหนึ่งคือแพนสเปอเมีย, ซึ่งกล่าวว่า “เม็ดพันธ์แห่งชีวิต” ปรากฎอยู่ทุกที่ในเอกภพ, และชีวิตบนโลกเริ่มขึ้นเมื่อ “เม็ดพันธ์” นี้เดินทางมาถึงโลก, บางทีมากับอุกาบาต. สมมุติฐานนี้บอกต่อไปว่าเม็ดพันธุ์นี้ยังถูกนำไปยังถิ่นอื่นๆ ในเอกภพอีกด้วย. ความเชื่อที่คล้ายกันนี้คือต้นกำเนิดนอกโลก (exo-genesis) ตามความเชื่อของบางศาสนา. ความเชื่อนี้บอกว่าชีวิตถูกนำมายังโลกเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว, แต่ไม่ได้กล่าวว่าถูกนำไปยังถิ่นที่อยู่อื่นๆ ด้วยหรือไม่. หลายคนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวนำชีวิตมายังโลกของเรา, ตามทฤษฎีของ อีริค ฟอน ดานิเคน (Erich Von Daniken). แม้ว่าหลายคนยังสงสัยว่าชีวิตดำรงอยู่กระจัดกระจายในเอกภพได้อย่างไร และ ถูกพาไปยังดวงดาวต่าง, มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ารูปแบบของชีวิตบางอย่าง, เช่นสปอร์บางชนิดของแบคทีเรียสามารถดำรงอยู่ได้ในอวกาศ, ในสภาวะหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราว


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:16:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 2  
 
8. การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ (Mass extinctions)



นับตั้งแต่การดับสูญของไดโนเสาร์, จนถึงการหายไปของสิ่งมีชีวิตในยุคเปอร์เมียน (Permian Era), การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้นอยู่แม้กระทั่งในตอนนี้. บางครั้ง, สาเหตุการเกิดนั้นมันชัดเจน. เรากำลังทำลายชั้นบรรยาชีพ (ไบโอสเฟียร์) และชั้นบรรยากาศ, และนักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าในอีก 100 ปีข้างหน้า, 50% ของชีวพันธุ์ทั้งหมด (living species) จะสูญพันธุ์. แต่บางครั้ง,เหตุผลที่แท้งจริงยังครุมเครือ. อาจเป็นเพราะการแก่งแย่งกับชีวพันธ์อื่นๆ, การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศครั้งใหญ่, หรือแรงกระแทกจากดาวเคราะห์น้อยหรืออุกาบาตุ (เหตุผลประการหลังนี้ได้รับการเชื่อถืออยูมาก). กระนั้นก็ตามคำถามบางคำถามยังคงหาคำตอบไม่ได้. นั่นคือทำไมว่าบางชีวพันธุ์เท่านั้นที่ดับสูญ, และชีวพันธุ์อื่นอยู่รอด, บางชนิดดำรงอยู่กระทังถึงทุกวันนี้ (ตัวอบ่างที่โด่งดังคือ ปลาซีลาแคนท์ ที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วนั่นเอง). ในช่วงที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์, ในสมัยนั้นก็ยังมีจระเข้กับเต่าอยู่เลย, และมันยังดำรงพันธุ์อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้, ในขณะที่ไดโนเสาร์, พเทอโรซอรัส (pterosaurus), สัตว์เลื้อยคลานในทะเลและชีวพันธุ์อื่นๆ ดับสูญ. หลายคนเชื่อว่าชีวพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปเพราะว่ามันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับ (อาจจะเกิดขึ้น) สิ่งแวดล้อมใหม่ได้ , แต่หลายคนก็ยังไม่เชื่อ. จนกระทั่งถึงทุกวันนี้, การสูญพันธุ์ก็ยังเป็นปริศนาคาใจอยู่, และถ้าไม่มีเครื่องจักรเวลาที่จะนำเราย้อนกลับไปในอดีต, บางทีเราอาจหาคำตอบที่แท้จริงได้. ทฤษฎีอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมก็มี:- ปรากฎการณ์หินภูเขาไฟละลายท่วม (flood basalt events), ฝนดาวตกขนาดเล็ก (smaller asteroid showers), ภาวะโลกร้อน/เย็น, ระดับน้ำทะเลลด.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:17:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 3  
 
7. สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) [Wikipedia]



สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา คือน่านน้ำในมหาสทุทธแอตแลนติกเหนือซึ่งเรือบินและเรือจำนวนมากได้หายไปอย่างประหลาดโดยไร้ร่องรอย. หลายปีที่ผ่านไปก็มีอธิบายออกมาเพื่อไขปัญหาการหายไปอย่างลึกลับนี้, มีทั้ง อากาศที่เลวร้าย, การลักพาตัวไปโดยชีวพันธ์นอกโลก, การบิดเบี้ยวของกาลเวลา (time warps), และ การที่กฎต่างๆ ทางฟิสิคส์ไม่ทำงาน.

แม้ว่าจะมีเอกสารจำนวนมากที่ถูกกล่าวว่าเป็นรายงานการสาบสูญที่กล่าวเกินจริงไป, แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบาบการหายไปเของเรือบินและเรือจำนวนมากในบริเวณนั้นอยู่ดี.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:20:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 4  
 
6. ญาณ (Intuition)



คุณเคยเรียนรู้บางสิ่งโดยไม่ได้รู้เลยว่าคุณรู้มันได้อย่างไร? นั่นล่ะคือญาณ. บางครั้งก็เรียกมันว่าสัมผัสที่หก หรือ กัทฟีลลิ่ง (gut feelings – ยากจะหาคำแปล คล้ายกับเป็นการรู้โดยใช้ความรู้สึกล้วนๆ), ญาณคือความสามารถในการได้มาซึ่งตวามรู้โดยไม่มีที่มาที่ชัดเจน หรือไม่มีเหตุผลใดๆ. บางคนอ้างว่าเขารู้ตัวว่ามีบางคนจ้องมองเขาอยู่, และเมื่อเขาหันมองไปรอบๆ และก็พบว่ามีคนจ้องเขาอยู่จริงๆ. หรือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจมองผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรม และ ด้วยวิถีบางอย่างเขารู้ว่าใครคืออาชญากร, และต่อมาก็พบว่าเขาคาดเดาได้ถูกต้อง. ถึงแม้ว่ามีบางคนกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้คือความบังเอิญ, บางคนก็เชื่อว่าสมองคนมีความสามารถพิเศษที่จะรับความรู้รอบตัวเขาได้อย่างไม่รู้ตัว. นี่ก็เป็นสิ่งลี้ลับอีกประการหนึ่งของจิตมนุษย์.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:21:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 5  
 
5. 2012



อะไรที่ทำให้ปีนี้พิเศษกว่าปี่อื่นๆ? เพราะว่าปีนี้เป็นปีที่โอลิมปิคจัดที่ลอนดอนหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่. อารยธรรมมายาโบราณ, จากอเมริกากลาง, มีปฏิทินพิเศษที่ถูกต้องแม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ใจ. และปฏิทินนี้ทำนายว่าจุดจบของวัฏจักรชีวิตมนุษย์ขาติคือ คือ วันที่ 21 ธันวาคม 2012, ซึ่งเป็นวันสุริยะสถิตย์ของฤดูหนาว (winter solstice) วันนี้ดวงอาทิตย์จะอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด (ปีหนึ่งมีสองวัน อีกวันหนึ่ง คือวันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันสุริยะสถิตย์ของฤดูร้อน). ชาวมายันยังเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์และดาราวิทยา (astrology – โหราศาสตร์) (พวกเขาได้ทำนายการเกิดคราสที่เกิดขึ้นภายหลังนับร้อยๆ ปี ได้อย่างแม่นยำมาก). ดังนั้นเองผู้คนต่างเชื่อกันว่าคำทำนายของชาวมายันเกี่ยวกับจุดจบของโลกน่าจะถูกต้องเช่นกัน. มีสื่งอื่นๆ ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ อยากรู้อยากเห็น คือว่ามีปรากฎการณ์ทางดวงดาวที่สำคัญๆ ที่จะเกิดในปี 2012. นอกเหนือไปจากคราสและอุกาบาตที่เกิดขึ้นตามปกติแล้ว, ระบบสุริยะจักรวาลทั้งหมดจะเคลื่อนผ่านศูนบ์กลางของดาราจักร, บางลิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นหนึ่งครั้งในทุกๆ 26,000 ปี. และ, มีโอกาสเสี่ยงที่มีการสับขั้วของดาวเคราะห์ของเรา. ฟังดูเหลือเชื่อใช่ไหม, แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าปรากฎการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว. นอกจากนั้น, ปฏิทินอินเดีย, กลียุค (Kali Yuga), จบลงในราวเวลาเดียวกันนี้. บังเอิญตรงกัน? ผมคิดว่าไม่ใช่.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:22:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 6  
 
...................

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:22:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 7  
 
4. ชีวิตบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (Life on exoplanets)



ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ มีทั้งหมด 277 ดวงตามที่บันทึกไว้ถึงปัจจุบัน. อย่างไรก็ตาม, ยังไม่มีการยืนยันว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงใดดวงหนึ่งใน 277 ดวงนั้น, หรือแม้แตในเอกภพ. กระนั้น, เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องลี้ลับ. เรื่องนี้แตกต่างจาก จานบิน หรือ ยูเอฟโอ เพราะ ยูเอฟโอคือวัตถุบินลึกลับ, หมายถึงมีการพบบางลิ่งที่ไม่สามารถระบุได้บินอยู่เหนือโลกมนุษย์. ดาวเคราะห์นอกที่ดูเหมือนว่าน่าจะมีสิ่งสนับสนุนการเกิดของสิ่งมีชีวิตได้แก่ Gliese 581 d และ HD 189733 b, ดาวดวงหลังนี้มีไอน้ำและสารอืนทรีย์. ยังมีคำถามอื่นอีกเช่นว่ามีดวงจันทร์โคจรรอบดาวเหล่านี้หรือไม่. บางคนเชื่อว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตแม้ในระบบสุริยะของเราที่เรายังไม่รู้. ดวงจันทร์บางดวง, อย่างเช่นไครตันของเนปจูน หรือ ยูโปของดาวเสาร์, อาจเป็นไปได้ว่ามี, หรือเคยมี, สิ่งมีชีวิตอยู่, และยังมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีน้ำไหลบนดาวอังคาร. กระนั้น, ยังไม่มีผู้ใดทราบ.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:22:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 8  
 
3. เส้นนาซคา (Nazca Lines)



ที่เจาะเป็นร่องลึกเข้าไปในผิวโลกบนทุ้งราบนาซคาในเปรูคือสัญญลักษญ์มหึมาวาดเป็นเส้นตรงไม่ขาดตอน. บางเส้นมีควายยาวหลายร้อยเมตร. เส้นเหล่านี้ดูเหมือนว่าลากขึ้นมาโดยมือยักษ์เมื่อสองพันปีล่วงมาแล้ว. และที่แปลกประหลาดก็คือ, สามารถมองเห๋นเส้นเหล่านี้ได้จากบนอากาศเท่านั้น. แล้วชาวนาซคานโบราณวาดมันขึ้นมาทำไม? นักค้นคว้ากล่าวว่าชาวนาซคานโบราณต้องสร้างบอลลูนลมร้อนหรือว่าวขึ้นมาเพื่อมองดูผลงานของตน. อันที่จริง, มีการทดลองและพิสูจน์ได้ว่าชาวนาซคานสามารถสร้างบอลลูนที่ใช้งานได้. ตัวสัญญลักษณ์เหล่านี้คือรูปสัตว์และต้นไม้. กระนั้นบางอันเป็นแถบยาวๆ บนพื้นดินโดยไม่มีความหมายอะไรเลย. นักเขียนนาม อีริค ฟอน ดานิเคน (Erich Von Daniken) เชื่อว่าเส้นเหล่านี้คือทางสำหรับลงจอดสำหรับยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว, และมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นอาจเป็นผู้ทำมันขึ้นมาเอง. เส้นนาซคานี้อาจทำขึ้นมาสำหรับไว้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นก็ได้. มาเรีย รีข (Maria Reiche), นักดาราศาสตร์, กล่าวว่าเส้นเหล่านี้อาจใช้เป็นปฏิทิน, หรือใช้เพื่อติดตามเส้นทางของดวงดาวและดาวเคราะห์. มีรูปวาดเป็นรูปลิงที่มีหางม้วนที่ดูคล้ายเส้นโคจรของระบบสุริยะของเรา. นอกจากนั้นยังมีทฤษฎีที่ครุมเคลือกล่าวว่ามีคนยักษ์เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว. แน่นอน, เหล่านี้คือสิ่งลิ้ลับที่ยังคำตอบไม่ได้


   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:25:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 9  
 
2. โครงสร้างหินขนาดยักษ์ (Megalithic structures)



โครงสร้างหินขนาดยักษ์ ที่จัดว่าเป็นสิ่งเร้นลับนี้ อาจเป็นอนุสาวรีย์ หรือเป็นแค่ก้อนหินที่กระจัดกระจายเป็นรูปแบบใดแบบหนึ่ง. สิ่งที่เร้นลับจริงๆ เกี่ยวกับสมัยโบราณคือ, คนเหล่านั้นสร้างสิ่งใหญ่โตมหึมาเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร? ผู้คนสมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีที่จำเป็นในการสร้างมันขึ้นมาได้. กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด. ตัวอย่างที่ใหญ่กว่านั้นคือปิรามิดยักษ์ที่กิซา, หรือปิรามิดในตัวของมันเอง. บางครั้ง วัตถุประสงค์ในการสร้างก็ไม่ชัดเจน (สโตนเฮนจ์), ในขณะที่บางที, โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างนั้นลึกลับและเหมือนว่าดูเหนือธรรมชาติ (ปีระมิด). สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ใช้หินขนาดยักษ์, โดยเฉพาะในกรณีของ สโตนเฮนจ์ และ กองหินคาร์แมค. แต่ก็มีโครงสร้างหินยักษ์บางแห่งก็ไม่ลึกลับ (เช่น Great Zimbabwe), แต่ส่วนใหญ่แล้ว ดูเหมือนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนยุคโบราณจะสร้างมันขึ้นโดยพวกเขาเอง. เอาละ, หลายคนอาจจะคิดว่ามนุษย์ต่างดาวช่วยคนสมัยโบราณนั้นสร้างมันขึ้นมา. แม้แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังพูดอะไรแปลกกว่านี้. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอาจจะมีอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไปแล้วที่ก้าวหน้าสูงมาก, และถ่ายทอดความรู้ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ให้กับอารยธรรมรุ่นหลัง. แต่ก็ไม่มีหลักฐานสำคัญอันใดที่จะสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน. ตัวอย่างโครงสร้างหินยักษ์อื่นๆ ได้แก่: หินรูปศรีษะที่เกาะอีสเตอร์ (Easter Island Heads), ปิรามิดดวงอาทิตย์ ในเมโสอเมริกา, ปิรามิดอื่นๆ ในอเมริกากลางและใต้, รูปปั้นขนาดใหญ่มหึมาแห่งโรด (Colossus of Rhodes).



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:26:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 10  
 
1. กำเนิดของเอกภพ (Creation of the Universe)



เอกภพไพศาลและไม่ล่วงรู้. เอกภพมีสิ่งเร้นลับมากมาย. และบางทีสิ่งที่เร้นลับที่สุดของเอกภพเองคือเอกภพเกิดขึ้นได้อย่างไร และใครเป็นผู้สร้าง. นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามีการระเบิดขนาดมหาศาลเกิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว เรียว่า บิกแบงก์ (The Big Bang). ทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป, และนักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาร่องรอยของพลังงานที่เหลือจากการระเบิดมหึมาที่ให้กำเนิดดวงดาวแสนล้านดาง. กระนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ที่สัมบูรณ์. แต่การกำเนิดของเอกภพเป็นบางสิ่งที่ใหญ่เกินไปที่จะเกิดขึ้นมาง่ายๆ แบบนี้. ศาสนิกชนต่างกล่าวว่า พระเจ้า/พระอัลล่าห์/พระวิษณุ สร้างเอกภพขึ้นมา. แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าไม่ใช่ มันมีบิกแบงก์, แล้วก็มีพลังงานจากการการะบิดเคลื่อนที่ผ่านเอกภพ, และนักวิทยาศาสตร์พยายามหาจุดระเบิดอยู่ (epicentre). ฉนั้น, การโต้เถียงดำเนินต่อไป. ศาสนา vs. วิทยาศาสตร์ อาจเป็นการขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้. แต่ศาสนาคืออะไร? มีศาสนามากมายหลายแบบ. และความแตกต่างระหว่างศาสนาคริสต์กับตำนานวิทยากรีกคืออะไร? ไม่มีใครเชื่อในตำนานวิทยากรีกอีกต่อไป. แต่วิทยาศาสตร์ล่ะคืออะไร? และคณิตศาสตร์คืออะไร? คือสิ่งที่สร้างโดยมนุษย์. ดังนั้นก่อนที่จะกล่าวมนุษย์สร้างพระเจ้าและวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง, ชาวบ้านควรตระหนักว่ามนุษย์สร้างวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเช่นเดียวกันl. และ บางที, เอกภพอาจเป็นบางอย่างที่จิตเราสร้างมันขึ้นมาก็ได้.



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:27:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 11  
 
Nazca Lines ลายเส้น ของพระเจ้า มนุษย์ต่างดาว หรือคนเดินดิน


............................................................


สิ่งหนึ่งที่เรามักทำกันเวลาไปนั่งเล่นริมชายทะเลคือเอาไม้วาดรูปเรื่อยเปื่อยไปบนผืนทราย เมื่อน้ำขึ้นจนท่วมรูปก็จะพัดพาเอาทรายกลับลงทะเลไปกลายเป็นชายหาดอันเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง

กลางผืนทะเลทรายใกล้ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในประเทศเปรู จะพบรูปภาพบนผืนทรายที่เหมือนใครเอาไม้ไปขีดเขียนไว้เป็นจำนวนหลายร้อยรูป มันคงไม่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ถ้าแต่ละรูปไม่ได้มีขนาดใหญ่โตถึง 200 เมตร และรูปทั้งหมดครอบคลุมเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร ท้าทายแดด ลม ฝน เป็นเวลากว่าสองพันปี

ภาพลายเส้นง่าย ๆ เหล่านี้มีตั้งแต่รูปคน รูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง นก แมงมุม ปลาวาฬ กิ้งก่า รูปต้นไม้ จนถึงรูปทรงทางเรขาคณิต เป็นจำนวนหลายร้อยรูป



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:46:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 12  
 
จากการศึกษาทางโบราณคดี พบว่ารูปเหล่านี้สร้างขึ้นในช่วง 200 ปีก่อนคริสตศักราช จนถึงประมาณปี ค.ศ. 700 ภาพวาดเหล่านี้ใครเป็นผู้วาด วาดด้วยจุดประสงค์อันใด และจากขนาดและความยาวของภาพลายเส้นเหล่านี้ คงมิได้สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์บนโลกดูเป็นแน่ แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าภาพเหล่านี้จงใจสร้างขึ้นเพื่อให้มองจากท้องฟ้า หรือนี่คือสัญญาณแสดงว่ามนุษย์เราเคยติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวมากว่าสองพันปีแล้ว





   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:47:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 13  
 
นกฮัมมิงเบิร์ด ลองดูลวดลายแบบเดียวกันบนแจกันที่พบในบริเวณใกล้ ๆ



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:48:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 14  
 
หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาถวายแด่เทพองค์ใดบนท้องฟ้าสรวงสวรรค์



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:49:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 15  
 
หรือว่ามนุษย์บนโลกค้นพบวิธีการบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อกว่าสองพันปีมาแล้ว



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:50:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 16  
 
หรือว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้สลักร่องรอยเหล่านี้ไว้บนผืนโลกกันแน่



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:53:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 17  
 
คำถามเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาท้าทายมนุษยชาติในยุคปัจจุบัน ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานการบันทึกทางประวัติศาสตร์ เราอาจไม่มีวันทราบคำตอบที่แท้จริงได้เลย



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:53:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 18  
 
เทคนิคในการสร้างภาพลายเส้นเหล่านี้เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ทำยาก นั่นคือการสกัดหินสีเข้มกว่าที่อยู่ที่ผิวออกให้เห็นเนื้อหินที่สีอ่อนกว่าด้านล่างให้ปรากฏออกมา และมีความลึกจากพื้นผิวเพียงแค่ 10-30 เซนติเมตรเท่านั้น จากการศึกษาค้นคว้า ไม่พบร่อยรอยของเทคโนโลยีใด ๆ ในการก่อสร้าง จึงพอจะสรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นแรงงานจากฝีมือมนุษย์เท่านั้น



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:54:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 19  
 
รูปมนุษย์ (หรือเปล่า) หัวกลมตาโต ยกมือขวาขึ้นโบกมือทักทายรูปนี้ ถูกขนานนามว่า “มนุษย์อวกาศ” ทำให้ใครต่อใครเชื่อว่าลายเส้นแห่งนาซคาแห่งนี้เป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก บางคนจินตนาการไปไกลถึงว่าเส้นบางเส้นอาจเป็นร่องรอยการขึ้นลงของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว แต่ทฤษฎีนี้ก็ถูกปฏิเสธมาตลอดเช่นกัน



   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:55:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 20  
 
สาเหตุที่ภาพลายเส้นเหล่านี้อยู่คงทนมาสองพันปี เป็นเพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ไร้ฝน ไร้ลม เราคงได้แต่หวังว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปคงไม่กระทบหรือกระทบช้าที่สุดต่อมรดกโลกที่ซุกซ่อนตัวจากความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ ณ ที่แห่ง

   สมาชิกแบบพิเศษ      top2513      4 พ.ย. 55   เวลา 10:55:00    IP = 125.26.45.29
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 21  
 
LIKE

   สมาชิกแบบพิเศษ      Thipsolofirelab  4 พ.ย. 55   เวลา 10:58:00    IP = 115.87.58.160
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 22  
 
ได้ความรู้มาก ขอบคุณครับ

   teelamyai      4 พ.ย. 55   เวลา 11:38:00    IP = 27.55.15.163
 


  คำตอบที่ 23  
 
เยี่ยมเลยครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      Solo man 007      4 พ.ย. 55   เวลา 11:54:00    IP = 27.55.4.239
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 24  
 

สมัยก่อนใช่ว่าคนจะไม่ พิเรน เหมือนสมัยนี้ คนที่พอมีฐานะ อาจจะใช้ให้คนงานทำมันขึ้นมาก็เป็นได้

คนที่มีอำนาจ บริวารมาก เช่น ฟาโรห์ ก็อยากจะสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ ดังที่เราเห็นพีระมิดกันมาจนทุกวันนี้

ความกลัวก็เป็นสิ่งที่สามารถสร้างสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้ ดังที่เราเห็นกำแพงเมืองจีน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุกราน

สมัยนี้ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เอารูปอะไรก็ได้ธรรมดามา แล้วก็ใช้ photoshop
จากนั้นก็โพส .... อนาคตอันยาวไกล รูปภาพที่โพสดังกล่าว อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกอย่างที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็เป็นได้... ใครจะรู้


   ปัดติโถ่      4 พ.ย. 55   เวลา 12:54:00    IP = 183.88.75.3
 


  คำตอบที่ 25  
 
ขอบคุณมากๆ ครับ

   sakai  4 พ.ย. 55   เวลา 13:22:00    IP = 113.53.154.20
 


  คำตอบที่ 26  
 
สวัสดีครับ ผมมารายงานตัวสายอีกแล้วววว

   jimmie_vaughan      4 พ.ย. 55   เวลา 13:27:00    IP = 49.49.28.241
 


  คำตอบที่ 27  
 
สนุกมากครับ ชอบๆๆๆ

   nyto      4 พ.ย. 55   เวลา 13:29:00    IP = 14.207.187.95
 


  คำตอบที่ 28  
 
มาครับ

   Jay Thongyai      4 พ.ย. 55   เวลา 13:44:00    IP = 118.173.18.160
 


  คำตอบที่ 29  
 
ขอบคุณครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      kabinblueser      4 พ.ย. 55   เวลา 13:45:00    IP = 27.55.15.144
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 30  
 
ชอบมาก

   sk888      4 พ.ย. 55   เวลา 14:14:00    IP = 125.24.182.177
 


  คำตอบที่ 31  
 
เเฟนกระทู้มารายงานตัวครับผม

   _iFENNO_      4 พ.ย. 55   เวลา 15:34:00    IP = 58.8.37.170
 


  คำตอบที่ 32  
 
สวัสดีครับ ไม่ค่อยได้เข้าเวปแต่ก็ตามไปอ่านย้อนหลังทุกกระทู้ครับ

ขอบคุณมากครับ ที่นำเรื่องดีๆมาลงครับ

   สมาชิกแบบพิเศษ      มือกีต้าร์หน้าละอ่อน      4 พ.ย. 55   เวลา 19:10:00    IP = 110.171.66.66
สมาชิกแบบพิเศษ  
 


  คำตอบที่ 33  
 
เพลินเลยครับ

   washburnohm      5 พ.ย. 55   เวลา 9:47:00    IP = 14.207.155.88
 
 

Bigtone.in.th Online Music Store

Yamaha



ตั้งกระทู้ Login ก่อน Click ที่นี่
ผู้ตอบ :
รูปภาพ:  ( ไม่เกิน 150 K )
ข้อความ :
 

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket