Guitarthai : อุบายของผู้ปฏิบัติ - ธรรมคำสอนหลวงมั่น ภูริทัตโต & ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism ผลงานของ Hengki Koentjoro

(เพจ: โรงเรียนกีตาร์ไทย)

(เพจ: Guitarthai.com)

อุบายของผู้ปฏิบัติ - ธรรมคำสอนหลวงมั่น ภูริทัตโต & ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism ผลงานของ Hengki Koentjoro

สวัสดีครับทุกท่าน อนุโมทนาครับ

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:19:00

พิมพ์

แจ้งลบ IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 1

อุบายของผู้ปฏิบัติ - ธรรมคำสอนหลวงมั่น ภูริทัตโต

"ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ
ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม
คืออาศัยการกำหนดพิจารณาธรรม
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีปรากฏอยู่
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็มีอยู่
ได้ยินอยู่ สัมผัสอยู่ ปรากฏอยู่ จิตใจเล่าก็มีอยู่
ความนึกคิด รู้สึกในอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่
ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอก ภายใน ก็มีอยู่
ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดา เขาแสดงความจริงคือ
ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ
เช่น ใบไม้มันเหลืองหล่นร่วงลงมา
พินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายมีอยู่เสมอแล้ว
ชื่อว่า ได้ฟังธรรมทุกเมื่อแล"
__________________

นิพพานัง ปะระมัง สุขัง

http://board.palungjit.com/f63/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%95-12956.html

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:27:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 2

การ์ดคำสอนหลวงตาพระมหาบัว

http://board.palungjit.com/f63/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7-338749.html

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:30:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 3

คติธรรมหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

http://board.palungjit.com/f4/%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%8D-275111.html

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:34:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 4

ลักษณะของคนที่น่ารัก

วาจาสุภาษิตมีองค์ประกอบ ๕ ประการ คือ

• เป็นคำจริง

• เป็นคำอ่อนหวาน

• เป็นคำมีประโยชน์

• พูดถูกกาลเทศะ

• พูดประกอบด้วยเมตตา

คำพูดใด แม้จะเป็นคำจริง และเป็นคำอ่อนหวาน แต่ถ้าไม่มีประโยชน์แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไม่ให้พูด เพราะไม่ได้ประโยชน์ หรือคำพูดใด แม้จะเป็นคำจริง คำอ่อนหวานและมีประโยชน์ แต่ถ้าพูดไม่ถูกกาลเทศะ พระองค์ก็ไม่ตรัสสอนให้พูดเช่นกัน เพราะไม่เป็นวาจาสุภาษิต แต่ถ้าคำนั้นประกอบด้วยลักษณะ ๕ ประการ คือ เป็นคำจริง เป็นคำอ่อนหวาน เป็นคำมีประโยชน์ พูดถูกกาลเทศะ และพูดด้วยเมตตาจิตแล้ว พระองค์ก็ตรัสสอนให้พูดคำเช่นนี้ เพราะก่อให้เกิดคุณค่าให้แก่ตนเองและผู้อื่นเป็นอันมาก ทำให้เป็นที่รักของคนทั้งหลาย และจัดเป็นมงคลแก่ชีวิต

http://www.kanlayanatam.com/sara/sara86.htm

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:40:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 5

๑๗.สันโดษ

สันโดษ คือ ความยินดี ความพอใจ ตามที่มีและตามที่ได้มาโดยสุจริต ไม่คิดยินดีหรือเปรียบเทียบ กับทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ริษยาใคร ไม่คิดอยากได้ในทางที่ผิด

จิตที่ขาดสันโดษ เป็นจิตที่แห้งผาก มีความหิว มีความอยากไม่จบสิ้น แม้ว่าจะมีเงินทองทรัพย์สินมากมายปานใดใจก็ไม่พอไม่อิ่ม ไม่มีความยินดีในสมบัติของตน แต่มันชอบไปพอใจของที่ไม่ใช่สมบัติของตน เห็นของคนอื่นมันดี มันน่าพิสมัย น่าเสน่หากว่าของตนอยู่ร่ำไป จนใจขาดความสุข

ด้วยเหตุนี้ ใจที่มีสันโดษ จึงเป็นใจที่มีความสุข เพราะมันรู้สึกว่า ได้มีอะไร ๆ อยู่มากมาย จนเกินและใช้ไม่ทัน ต้องผันเอาไปแจกจ่ายผู้อื่นอยู่เสมอ

ตรงกันข้ามกับคนที่ขาดสันโดษ แม้มีอะไรอยู่มากมาย ใจมันก็ยังไม่พอ ยังไม่เต็ม มันพร่องอยู่เสมอ จน “ถมไม่รู้จักเต็ม” เหมือน “ตัณหามันมีตื่น” คือมันคอยจะเดินหนีอยู่เรื่อย วิ่งตามมันไม่ทันสักที พอตามมันไปถึง มันก็วิ่งหนีไปอยู่ข้างหน้าอีกแล้ว ชีวิตนี้ก็เลยไม่มีความสุข แม้ว่าจะกินดีและอยู่ดีปานใดก็ตาม อนิจจา !

จงมั่นใจเถิดกัลยาณมิตร ! ถ้าไม่รู้จักควบคุมตัณหาคือความอยาก ให้อยู่ในขอบเขตของศีลและธรรมแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าได้หวังเลยว่า จะพบความสุข

เพราะมีหลักความจริงอยู่ว่า ไฟย่อมไม่อิ่มด้วยเชื้อ และทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ ฉันใด ความอยาก (ตัณหา) ก็ไม่อาจที่จะอิ่มด้วยการสนองมันได้ฉันนั้น !

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าได้พยายามดับไฟด้วยเชื้อ หรือถมทะเลด้วยน้ำเลย มันจะเหนื่อยจนขาดใจตายไปเสียก่อนที่จะไฟจะดับหรือทะเลจนเต็ม !

สันโดษนี้ จะเป็นยาใจ ช่วยให้ใจอิ่มใจพอ มีแค่ไหนก็พอใจแค่นั้น มีมากก็พอมาก มีน้อยก็พอน้อย ไม่มีเลยก็พอใจในความไม่มีนั้น เพราะจะไม่เกิดความทุกข์จากความมีหรือไม่มีน้อย (บางคนมีจนนอนไม่หลับ)

ดังนั้น เมื่อมีหรือได้สิ่งใด ก็จงพอใจในสิ่งนั้น อย่าคิดเปรียบเทียบกับคนที่เขามีมากกว่าเรา ถ้าจะเทียบก็จงเทียบกับคนที่เขามีน้อยกว่าเรา หรือคนที่เขาไม่มีเลย แล้วใจเราก็จะเป็นสุข กินได้นอนหลับ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในรัชชสูตร (๑๕/๑๖๕) ว่า แม้ให้ภูเขาที่เป็นทองคำถึงสองลูกแก่คนโลภ (ขาดสันโดษ) ก็ไม่ทำให้เขาพอใจ หรือมีความสุขได้ เพราะคนที่มีกิเลสตัณหานั้น ถ้าไม่ควบคุมด้วยสันโดษ มันก็จะไม่รู้จักอิ่มหรือพอได้เลย ไม่ว่าเขาจะร่ำรวยระดับเศรษฐี หรืออภิมหาเศรษฐีก็ตามที.

http://www.dhammajak.net/book/sukha/sukha17.php

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:47:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 6

รวบรวมคติธรรมดี ๆ มาให้อ่านกัน...

http://board.palungjit.com/f10/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B9%86-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-178960-38.html

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:48:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 7

บันทึกธรรม โดยพระราชนิโรธรังสี คัมภีร์ปัญญาวิศิษฏ์(เทส เทสรังสี)

(๕๕) ภัยอะไร จะร้ายยิ่งไปกว่าภัยคือ จิตตสังขาร ( อ่านความหมายของ สังขาร ได้ที่ข้างล่างครับ อนุโมทนาครับ ) ไม่มี
มิตรอะไร จะดียิ่งไปกว่ามิตร คือ ความรู้เท่าทันสังขารจิตไม่มี

* สังขาร * ได้แก่ ระบบคิดปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รับรู้สึกและจำได้นั้น ๆ ( ผมคิดว่า สังขาร ในกระทู้นี้ คือ สังขาร ทีี่มาจาก ขันธ์ 5 ไม่ใช่ สังขาร ที่เเปลว่า ร่างกาย ถ้าผิดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเเล้วกันครับ ใครอยากรู้ว่า ความหมายของ ขันธ์ 5 คืออะไร ก็ click เข้าไปดูได้ใน link ข้างล่างเเล้วกันครับ )

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32452&sid=2fc01267174e4a1df317d8e0a7f84702

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 2:57:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 8

มงคลชีวิตประสิทธิ์พร (จันทร์ กุสโล)

เห็นโทษในสิ่งที่ตนได้

เห็นภัยในสิ่งที่ตนมี

คือความเป็นอิสระในโลก

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1749

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 3:00:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 9

ประเทศไทยโชคดีีที่มีในหลวง 46

@ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน @

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 3:03:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 10

ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism ผลงานของ Hengki Koentjoro

ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism
ผลงานของ Hengki Koentjoro

ผลงาน ภาพถ่ายทิวทัศน์ ของ Hengki Koentjoro ช่างภาพชาวอินโดนีเซีย เป็นภาพแบบศิลปะ minimalism หรือปัจจุบันเรียกกันสั้นๆ ว่า MiniM เรียกอย่างเป็นทางการในชื่อภาษาไทยว่า ลัทธิจุลนิยม อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ ลัทธิน้อยสุดขีด เป็นการปลอกเปลือกรายละเอียดจนเหลือแต่แก่น ด้วยการลดสิ่งที่ “ไม่จำเป็น” ลง

ในด้านการถ่าย ภาพ MiniM มักจะหมายถึงภาพที่คัดเลือกองค์ประกอบมาอย่างดี มีรายละเอียดน้อย แสดงรูปทรงชัด มักเป็นภาพขาวดำ เพื่อสื่อความเรียบง่ายได้ชัดเจนที่สุด และอาจปรับภาพด้วยเทคนิคบางประการ เช่น Burn ภาพบางส่วนให้มืดลงเพื่อลดทอนรายละเอียด หรือ ปรับส่วน Hightlight ให้ขาวไปจนหมด ดูเหมือนจะง่าย แท้จริงแล้ว การหัดถ่าย ภาพ minimalism ต้องอาศัยความพยายามมาก ๆ ในการลดทอนองค์ประกอบภาพ โดยให้ความงดงามยังคงอยู่

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 3:21:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 11

ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism ของ Hengki Koentjoro เป็นการถ่ายภาพขาว-ดำ ซึ่งใช้การปรับแสงเงาของวัตถุตัดสะท้อนกับแสงสีขาวแวววาวของพื้นหลัง ส่วนใหญ่นำเสนอภาพวัตถุซึ่งปรากฏกลางสายน้ำในม่านหมอก แต่ละภาพแสดงจุดรวมแสงอย่างชัดเจน จากลายเส้น รูปทรง ซึ่งเกิดจากสีขาวและสีดำ บางภาพปรับแสงเส้นตัดระหว่างขอบฟ้าและน้ำทะเลให้ลางเลือน เพื่อลดทอนองค์ประกอบ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงาม ตอบโจทย์ตามศิลปะแบบ minimalism

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 3:23:00 IP = 98.14.37.3

คำตอบที่ 12

ภาพถ่ายทิวทัศน์ แบบ minimalism ผลงานของ Hengki Koentjoro

ที่มา : http://www.thecoolist.com

ปล. ดูรูปทั้งหมดได้ใน link ครับ

http://travel.mthai.com/world-travel/17654.html

rockonyou

23 พ.ค. 55 เวลา 3:25:00 IP = 98.14.37.3