|
 |
|
 |
|
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร !?! & พูดดี & พูดร้าย...(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) |
|
|
|
|
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร !?!
ก า ร ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ดี คื อ ป ฏิ บั ติ อ ย่ า ง ไ ร !?!? อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.)
ถ า ม
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร (ผู้ถาม : ภูริจฉก์)
ต อ บ
มีพระพุทธวจนใน มหาสติปัฏฐานสูตร (๑๐/๒๗๓/๓๒๕) ว่า
ผู้มีปฏิบัติพึงมี ความเพียร (อาตาปี) มีสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว และมีสติความระลึกได้
หรืออาจนำเอาหลักธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติไม่ผิด ที่เรียกว่า อปัณณกปฏิปทา ๓ คือการสำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อินทรียสังวร) รู้ประมาณในอาหาร (โภชเนมัตตัญญุตา)
และมีความเพียรในการปฏิบัติ ไม่เห็นแก่การนอนหลับ (๒๐ / ๔๕๕ / ๑๔๒) ก็นำมาใช้ได้ในการประคองให้การปฏิบัติธรรมได้ผลดี (ที่มา : คำถาม-คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา เล่ม ๕ โดย มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์, พิมพ์ครั้งที่ ๑, พ.ศ. ๒๕๔๓, หน้า ๖๒)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39116
rockonyou
8 พ.ย. 54
เวลา 3:19:00 IP = 72.229.112.145
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 2
|
|
|
 |
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือ ปฏิบัติอย่างไร ?
การปฏิบัติธรรม จำเป็นต้องแบ่งแยกออกเป็น ๒ อย่าง ๒ ประเภท ที่เป็นเช่นนั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มบุคคล ในทุกกลุ่มเชื้อชาติ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมตามหลักพุทธศาสนา จึงแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
๑. การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของบุคคลทั่วไป เพื่อการปฏิสัมพันธ์ ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
๒. การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของบุคคลที่มีความต้องการที่จะปฏิบัติธรรมให้ได้ถึงชั้นอริยบุคคลหรือปฏิบัติธรรมเพื่อจุดมุ่งหมายจะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย ในที่นี้หมายรวมตั้งแต่กลุ่มบุคคลที่เข้ามาพึ่งทางธรรมเพื่อต้องการขัดเกลาความเศร้าหมองในจิตใจ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความเศร้าหมองในจิตใจอยู่แล้วและเข้ามาปฏิบัติธรรม เพื่อต้องการขจัดความเศร้าหมองตามความเข้าใจของพวกเขา หรือความหลงผิดในจิตใจของเขาทั้งหลายเหล่านั้น
เมื่อท่านทั้งหลายได้ทราบแล้วว่า การปฏิบัติธรรมจำต้องแบ่งออกเป็น ๒ อย่าง ๒ ประเภท การปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้ผลดี ก็ย่อมต้องแบ่งการปฏิบัติเป้น ๒ รูปแบบ เพื่อให้ได้ผลดี ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของกลุ่มบุคคลทั่วไปนั้น ถ้าจะเอาแบบง่ายๆสั้น ก็ย่อมต้องนำเอาหลักการของ "อริยมรรค อันมีองค์๘ "มาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยทำให้การปฏิบัติธรรมได้ผลดีและการดำรงชีวิตในสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน เป็นไปอย่างราบรื่น มีแต่ความสมัครสมานสามัคคี แทบจะไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย นั่นก็คือ "
๑. มีความเห็นในทางที่ดี,
๒.คิดในทางที่ดี,
๓.เจรจาติดต่อสื่อสารในทางที่ดี,
๔.ประพฤติปฏิบัติในทางที่ดี,
๕.เลี้ยงชีพเลี้ยงตัวเองในทางทีดี,
๖.มีความขยันหมั่นเพียรในทางที่ดี,
๗.ความหวนนึกถึงในทางที่ดี,
๘.ความตั้งใจสำรวมจิตในทางที่ดี (ขยายความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)
ทั้ง ๘ ข้อ ย่อมเป็นเครื่องมือที่จะช่วยหรือจะทำจะนำให้บุคคลที่ยึดถือสามารถปฏิบัติธรรมได้ผลดียิ่ง เพราะธรรมทั้งหลายล้วนย่อมมีอยู่ในตัวของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว ถ้าใช้หลักการของ อริยมรรคอันมีองค์๘ เป็นเครื่องช่วยในการปฏิบัติ ซึ่ง ตัวของ อริยมรรค อันมีองค์๘ ก็เป็นหลักธรรมอย่างหนึ่ง เช่นกัน ถ้านำไปปฏิบัติ ก็คือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอันจักทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเกิดธรรมทั้งหลายในจิตใจอยู่เสมอ นั่นหมายความว่า ทั้งผู้ปฏิบัติ และผู้ได้ร่วมปฏิสัมพันธ์ ย่อมเกิดธรรมอย่างดีเยี่ยมทั้งสองฝ่าย
ส่วนการปฏิบัติธรรมในอย่างที่ ๒ เป็นการปฏิบัติธรรมของผู้ที่มีความต้องการใคร่จะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย จนถึงบุคคลที่ต้องจะปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุสู่ชั้นอริยบุคคล และหมายรวมถึงบุคคลที่เข้ามาพึ่งทางธรรม เพื่อต้องการขัดเกลาความเศร้าหมองในจิตใจ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความเศร้าหมองในจิตใจอยู่แล้วและเข้ามาปฏิบัติธรรม เพื่อขจัดความเศร้าหมองในจิตใจตามความเข้าใจของพวกเขา หรือความหลงผิดในจิตใจของพวกเขาทั้งหลายเหล่านั้น ก็ย่อมต้องมีเครื่องมือ หรือหลักวิธีที่จะทำให้การปฏิบัติได้ผลดี เป็นขั้นเป็นตอน ตามหลักพุทธศาสนา อันได้แก่
๑.เรียนรู้หลักกัมมัฏฐาน ๔๐ กอง
๒.ฝึกปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานไปตามลำดับ
เพราะการปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานทั้ง ๔๐ กองนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือการฝึกปฏิบัติ ตามหลัก "สติปัฏฐาน ๔ "นั่นเอง เพียงแต่แยกออกมาอธิบายหรือจัดเป็นหมวดหมู่เพื่อให้เป็นหลักการหรือเครื่องมือที่ทำให้ง่ายต่อการเรียกใช้หรือง่ายต่อการปฏิบัติ
ดังนั้น การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี สำหรับบุคคลประเภทที่ ๒ จึงจำต้อง เรียนรู้หลักกัมมัฏฐาน ๔๐ กอง และฝึกปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานไปตามลำดับ
การปฏิบัตินั้น ในทางพุทธศาสนาจะแนะนำไว้ว่า "ไม่ตึง ไม่หย่อน" นั่นหมายความว่า ให้บุคคลทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมรู้จักจัดแบ่งเวลาที่เหมาะสม ให้รู้จักว่า เวลาไหนควรฝึก เวลาไหนความปฏิบัติ เวลาไหนความคิด หรือเวลาไหนไม่ควรคิด ถ้ารู้จักจัดแบ่งเวลา ในชีวิตประจำวันของบุคคล แต่ละบุคคลย่อมสามารถประพฤติปฏิบัติธรรมได้ผลอย่างดียิ่ง และย่อมใช้ชีวิตในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้อย่างปกติสุข ไม่หนีโลก หนีปัญหา ฉะนี้ จ่าสิบตรี เทวฤทธ์ ทูลพันธ์ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39116
rockonyou
8 พ.ย. 54
เวลา 3:24:00 IP = 72.229.112.145
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
|
เค้นจิตเพื่อให้ก้าวหน้า
rockonyou
8 พ.ย. 54
เวลา 3:39:00 IP = 72.229.112.145
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
 |
ขอบคุณครับ ....
gula101
8 พ.ย. 54
เวลา 5:57:00 IP = 125.26.230.20
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 8
|
|
|
ขอให้เจริญในธรรมครับ... ปล.พอจะมีประวัติพระอาจารย์ตั๋น วัด บุญญาวาส ชลบุรีให้อ่านไหมครับ.... :)
Believe
8 พ.ย. 54
เวลา 9:43:00 IP = 223.206.42.61
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
 |
ถึงคุณ Believe ผมไม่เคยอ่านประวัติของ พระอาจารย์ตั๋น วัด บุญญาวาส นะครับ เเต่ผมลองไปที่ google เเล้วพิมพ์ พระอาจารย์ตั๋น วัด บุญญาวาส ก็มีขึ้นมาครับ ลองดูครับคุณ Believe ไม่ก็พิมพ์ ประวัติพระอาจารย์ตั๋น วัด บุญญาวาส ก็ได้ครับ ผม search เเล้วใน youtube ก็มีขึ้นครับ ลองดูครับ อนุโมทนาครับ
rockonyou
8 พ.ย. 54
เวลา 11:39:00 IP = 72.229.112.145
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
อนุโมทนาครับทุกคน ขอให้โชคดีครับ
rockonyou
16 เม.ย. 63
เวลา 8:13:00 IP = 24.90.61.129
|
|
|
 |
|
 |
|