Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 16 มิ.ย. 50   18 มิ.ย. 50    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง



Artist : Paul Gilbert
Album : Get Out Of My Yard
Style : Rock
Label : Sony BMG
** Recommend Of The Week By Guitarthai.com **

Paul Gilbert ชื่อนี้สำหรับมือกีต้าร์แล้วถือว่าเป็นพระเจ้าเลยก็ว่าได้ ยิ่งงานชุดนี้แล้วถือว่าเขาทำออกเพื่อศรัทธาจากมือกีต้าร์โดยเฉพาะ งานชุดนี้เพิ่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะออกมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็ตาม แต่เชื่อว่ามีคนยังรองานชุดนี้อย่างแน่นอน 13 เพลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นเพลงบรรเลงที่อัดเน้นด้วยเทคนิคอย่างมหาศาล ลูกซีเคว้นมีให้ฟังกันเต็มอิ่ม พร้อมสปีดที่เร็วจี๋ รวมถึงเพลงคลาสสิคและลูกโซโล่ที่เต็มไปด้วยไลด์ของเพลงคลาสสิคเชื่อๆได้เลยว่าหลายๆเพลงในชุดนี้ทำให้หลายๆคนต้องอ้าปากค้างในความเยี่ยมยอดในไอเดียและการเล่นของเขาอย่างแน่นอน Get Out of My Yard เปรียบเสมือนตำราบทใหญ่ที่ออกมาเพื่อให้มือกีต้าร์ได้ศึกษากันอย่างดีเยี่ยม





Artist : Sabbat
Album : History Of A Time To Come
Style : Heavy Metal
Label : Platinum

หนึ่งในวงเมตัลที่โด่งดังมาก และยังเป็นพวกนิวเวฟแห่งยุค 80 อีกด้วย อัลบั้มชุดนี้เป็นงานที่ออกมาในช่วง 1988 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรื่องของวงเมตัล และเรื่องของวงร็อกกับมือกีต้าร์ที่เก่งนั้นเป็นของคู่กันอยู่แล้ว และ Sabbat เองก็ไม่ด้อยไปกว่าใครเช่นกัน ฝีมือ Andy Sneap ทั้งริทึ่มและโซโล่นั้นไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว งานในชุดนี้เหมือนกับการนำ Metallica มาผสมกับ Slayer ก็ว่าได้ และการเล่นของ Andy Sneap นั้นน่าจะทำให้หลายๆคนทึ่งในความสามารถเลยทีเดียว นอกจากเพลงในอัลบั้มที่อัดกันหนักหน่วงในสไตล์แทร็ช สปีด เมตัลแล้ว ยังมีเพลงแถมในเวอร์ชั่นแสดงสด เป็นการเล่นใน Berlin เมื่อปี 1990 อีก 5 เพลงเต็มซึ่งได้ฟิลสดมากๆอีกด้วย





Artist : Vital Remains
Album : icons Of Evil
Style : Death Metal
Label : Platinum

งานชุดใหม่จากวงเดธเมตัลอันลือชื่อ รับรองว่าโหดได้ใจแน่นนอน แค่ปกซีดีก็กินขาดความโหดแล้ว ยิ่งเปิดดูหน้ากลางของปกซีดีแล้ว ก็ยิ่งไม่น่าจะเหมาะกับชาวคริสต์ซักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าถ้าเห็นแล้วก็คงหนาวๆร้อนๆกันอย่างแน่ที่เห็นพระเยสูโดนทารุณ พวกเขาทั้ง 3 ยังทำงานออกมาได้โหดเหมือนเดิม ในภาคของดนตรีนั้นเต็มร้อยครับ เจ๋งมาก หากตัดเสียงร้องออกก็ไม่ได้ต่างอะไรมากนักกับพวกสปีดผสมกับเมโลดิกเมตัลเลย ยิ่งภาคของกีต้าร์เองก็ไม่ได้ด้อยเลยแม้แต่น้อย เพลงส่วนใหญ่ที่กีต้าร์เล่นออกมาริฟจะหนักไปที่เรื่องของเมโลดีซะเยอะ ชื่อของ Tony Lazano ต้องจำขึ้นใจเลยก็ว่าได้ กระเดื่องคู่เองก็กระหน่ำออกมาได้รวดเร็วราวกับปืนกล 10 เพลงในชุดนี้ยังคงกระหน่ำกันอย่างต่อเนื่องแบบแทบไม่ให้หยุดหายใจกัน และในอีกมุมนึงอาจจะเรียกว่าเป็น อัลบัม Rising Force ของ Yngwie ในด้านมืดก็ว่าได้





Artist : Grave
Album : You’ll Never See
Style : Death Metal
Label : Platinum

วงดนตรีเดธเมตัลจากสวีเดนเริ่มเปิดฉากความหนักขึ้นมาในยุค 80 และอัลบั้มชุดนี้ก็เป็นตั้งแต่สมัยปี 1992 เป็นงานชุดที่สองของพวกเขา ซึ่งยังเต็มไปด้วยความสดการไอเดียและการเล่นอย่างมาก และครั้งนี้เมื่อนำมาขายในเมืองไทยนอกจากเพลงหลักจากเดิม 8 เพลงแล้วยังมีโบนัสแทร็คเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างจะคุ้มค่ากับคนฟังอย่างยิ่ง โดยเพิ่มมาเป็น 14 เพลงหนักหน่วงเต็มที่ พวกเขาเป็นวงดนตรีที่เล่นกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น แต่ในภาคของดนตรีโดยเฉพาะริทึ่มนั้นไม่มีคำว่าเปิดช่องโหว่ให้เห็นเลยทีเดียว คอเพลงเดธหลายๆคนต่างก็ยกย่องถึงความเจ๋งอัลบั้มนี้อย่างไม่ขาดปาก จนงานชุดอาจเรียกได้ว่าของเก่าที่คอเพลงเดธเมตัลควรจะหาไว้ฟังโดยไม่ต้องคิดมากเลยครับ





Artist : Dew - Scented
Album : Incinerate
Style : Thrash Metal
Label : Platinum

งานชุดที่ 7 ของวงแทรชเมตัลชั้นแนวหน้าจากเยอรมัน พร้อมกับเพิ่มสมาชิกเข้ามาเสริมทีมให้แน่นขึ้นเป็น 5 คน ซึ่งรับรองได้ว่าหนักและมันส์กว่าเดิมมาก ลองนึกถึงภาพวงที่ผสมเอาเพลงอย่าง pantera ผสมกับเดธ โหดๆมารวมกัน และงานชุดนี้ยังคงได้เพื่อนฝูงสไตล์เดียวกันนี้มาแจมมากมายไม่ว่าจะเป็นสมาชิกจาก Annihilator, Firewind , Kreator ในส่วนของดนตรีนั้นเต็มร้อยกับความมันส์ และยังเป็นงานที่มือกีต้าร์ที่ชอบโซโล่แบบ Dimbag และกลองที่หวดสองกระเดื่องตลอดงาน ก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน





Artist : Travis
Album : The Boy With No Name
Style : Modern Rock
Label : Sony BMG

วงดนตรีที่ก้าวกระโดดจากงานชุดแรกขึ้นมาเป็นวงแถวหน้าได้อย่างยิ่งใหญ่ จากแค่ในประเทศอังกฤษก็กระจายสู่ทั่วโลกอย่างรวดเร็วด้วย และด้วยอัลบั้มอย่าง The Man Who และ The Invisible Band ที่เป็นตัวสร้างชื่อและตอกย้ำความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น จนมาถึงงานชุดนี้ความเหงาที่แฝงไว้ในเพลงนั้นยังคงไว้เหมือนเดิม พวกเขามีความละเมียดทางดนตรีที่เพิ่มมากขึ้น จนหลายๆคนอาจจะบ่นว่า Travis เปลี่ยนไป และเหมือนกับต้องค่อยๆฟังและรับเอารสชาดของงานเข้าสู่ความรู้สึก เพลงอาจจะไม่โดนใจในการฟังครั้งแรก หลายๆเพลงใน The Boy With No Name นั้นชวนให้ย้อนกลับไปสู่ความรู้สึกของซาวด์แบบยุค 70 แต่อย่างน้อยๆ Closer เพลงตัดเพลงแรกก็น่าจะเป็นที่โดนใจหลายๆคนอย่างแน่นอน





Artist : The legends
Album : Up Against The Legend
Style : Rock
Label : Small Room

วงดนตรีจากสวีเดนวงนี้เป็นวงโมเดิร์นร็อกที่มาในรูปแบบของวงที่แตกต่างและพยายามสร้างเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างแรกเลยคือสมาชิกวงที่มีมากถึง 9 คน อย่างที่สองเครื่องดนตรีที่ใช้ในเขาเลือกที่จะไม่ใช้กลองชุดแต่แทนที่ด้วย เสียงสแนร์และแทมโบริน และเครื่องอื่นอย่างกีต้าร์,คีย์บอร์ด,เบส ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ว่าเพลงที่ออกมาเป็นสไตล์อัลเทอร์เนทีพ ผสมพังก์ที่ไม่มีกลองชุดนั้นจะแน่นอย่างนี้ โทนเพลงในอัลบั้มนั้นก็ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ หากเติมกลองชุดเข้าไปนั้นอาจเป็นพังก์มันส์ๆ ได้ดีทีเดียว 12 เพลงในอัลบั้มชุดนี้ค่อนข้างจะเข้าทางคอเพลงอีโม,พังก์ หรือโมเดิร์นร็อกแรงๆขึ้นหน่อย น่าจะถูกใจทีเดียว





Artist : Manic Street Preachers
Album : Send Away The Tigers
Style : Alternatives / Britis Rock
Label : Sony BMG

คงไม่มีทางไหนที่จะปฎิเสธได้เลยว่ายุคสมัยปี 90 นั้นวงจากประเทศอังกฤษที่นำพาร็อกในแบบปะเทศของตนก้าวออกมาให้เป็นกระแสเพลงแนวใหม่ที่คนทั่วโลกต่างพากันนิยมเป็นอย่างมาก และ Manic Street Preachers ก็เป็นผู้นำในวงเหล่านั้น และชื่อของ Richey James Edwards นั้นก็พาให้คนต่างคลั่งไคลในตัว Manic Street Preachers เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ภายหลังจาการหายตัวไปอย่างไม่มีใครรู้สาเหตุของ Richey นั้นก็ส่งผลกระทบต่อวงอย่างแรง งานช่วงที่ไม่มี Richey นั้น วงเองก็ทำเพลงออกมาเบาอย่างเห็นได้ชัด และครั้งนี้ก็เป็นอัลบั้มชุดใหม่ที่พวกเขากลับมาอีกครั้งโดยไม่มี Richey เป็นการกลับมาเพื่อพิสูจน์ถึงแนวทางใหม่

งานชุดนี้พวกเขาทำออกมาค่อนข้างจะสดและดีกว่า 2 ชุดที่แล้ว อีกทั้งยังได้ Nina persson แห่ง Cardigans มาร่วมแจมในเพลง Your Love Alone Is Not Enough อีกด้วย ร่วมถึงซาวด์ที่ค่อนข้างจะกลับมาเหมือนเดิม เพลงที่มีพลังมากขึ้น แม้จะไม่ดิบเหมือนเดิม แต่ก็ทดแทนด้วยความละเอียดที่น่าจะมีเพิ่มมากขึ้นไปตามวัย รับรองได้ว่าเพียงแค่เพลง Your Love Alone Is Not Enough ก็อาจจะทำให้แฟนเพลงต้องร้องไห้ในความยินดีที่พวกเขากลับมาอย่างแน่นอน งานชุดนี้น่าจะเป็นการกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบและเดินอยู่บนแนวทางที่ถูกต้องของ Manic Street Preachers ในวันที่ไม่มี Richey





Artist : Bloc Party
Album : A Weekend In The City
Style : Rock
Label : Platinum

หลังจากงานชุดแรกที่สร้างชื่อให้พวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขากลับมาพร้อมอัลบั้มชุดใหม่ที่สดกว่าเดิม งานชุดนี้แค่เพียงได้ยินชื่อโปรดิวเซอร์ก็มีชัยไปกว่าครึ่งซะแล้ว การที่ได้ Jacknife Lee ผู้ที่เคยร่วมงานกับ U2 ในอัลบั้ม How to Dismantle an Atomic Bomb ที่ได้รางวัลแกรมมี่มาแล้ว ก็ทำให้พวกเขาเป็นที่จับตามองมากกว่าเดิม งานชุดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งโมเดิร์นร็อก พวกเขาเน้นเรื่องของซาวด์มากขึ้น และเรื่องของการบันทึกเสียงที่เก็บรายละเอียดค่อนข้างเยอะ จนอาจเรียกว่านี่คือ U2 น้อยๆก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็เป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีทั้งในเรื่องของความก้างหน้าทางดนตรีของพวกเขาเองและอาจจะรวมถึงการเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งวงการดนตรีที่สานต่อแนวทางนี้ต่อไป





Artist : The Meeting Places
Album : Numbered Days
Style : Pop Rock
Label : Small Room

วงดนตรี 4 ชิ้นจาก L.A ที่ต่างก็มีคนพูดถึงในความแรงของวง งานที่ทำออกมานั้นค่อนข้างจะเรียกว่างานชั้นดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของซาวด์ สไตล์พวกเขาออกไปทางโมเดิร์นร็อก นึกถึงวงอย่าง Travis หรือ Cold Play แต่มีความเป็นอัลเทอร์เนทีพยุค 90 ผสม หลายๆคนอาจบอกว่านี่คือสไตล์เพลงอย่างวง My Bloody Valentine ก็ว่าได้ ด้านอารมณ์เพลงนั้น ท่อนที่ถูกเรียบเรียงมาค่อนข้างจะบิวต์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี เพลงแต่ละเพลงนั้นอยู่ในจังหวะปานกลาง สามารถฟังได้อย่างเรื่อย ๆ เรียกว่างานนี้ฟังแล้วมีแต่เท่ห์และอินเทรนด์ครับ





Artist : Dolores O’Riordan
Album : Are You Listening
Style : Folk Rock
Label : Platinum

ราว 10 ปีที่แล้ววงดนตรีนามว่า The Cranberries เป็นที่โด่งดังในบ้านเรา ไม่มีนักฟังเพลงคนไหนที่ไม่รู้จักวงดนตรีวงนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเพลงอย่าง Zombie ที่ปัจจุบันนี้ยังมีวงดนตรีในบ้านเราเล่นกันอยู่ทุกวัน และมาถึงวันนี้เจ้าของเสียงเพลง Zombie ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเธอ ซึ่งงานในชุดนี้มีความเป็น โฟล์คร็อก ที่ผสมกันอย่างลงตัว ในอีกมุมนึงอาจจะเรียกว่าเป็น The Cranberries ในภาคที่เบาลงมาครึ่งนึง แต่ยังคงความเป็นร็อกอยู่ ไม่ถึงกับสาดเสียงแตกอย่างที่เคยเป็น ในภาคดนตรีมีการนำเครื่องสายมาใช้อีกด้วย และด้วยเสียงร้องของเธอนั้นทำให้เพลงทั้งชุดดูเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แม้เพลงนั้นจะเรียบง่ายก็ตาม งานดีแม้จะใช้เวลานานถึง 4 ปีอย่างชุดนี้ คงต้องรอการพิสูจน์แล้วครับ





Artist : Shakatak
Album : Emotionally Blue
Style : Contemporary Jazz
Label : Platinum

วงดนตรีวงนี้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปซีกกี่ปี ก็ยังเป็นวงที่ยืนหยัดคู่กับนักฟังเพลงกลุ่มสมูทแจ็สชาวไทย และเป็นที่รักใคร่จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ อัลบั้มชุดใหม่ชุดนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมในตรงจุดขายที่ว่า งานร่วมสมัยที่มีเมโลดีป็อปๆฟังง่ายๆ ซึ่งยังเป็นเอกลักษณ์ของวงอยู่เสมอ แต่ในเรื่องซาวด์นั้นทำออกมาทันสมัยขึ้น ยังเป็นเพลงร้องและบรรเลงที่ผสมเอา แจ็ส,อาร์แอนด์บี,โซล,ฟั้งกี้มารวมกัน สิ่งที่รู้สึกได้ในงานชุดนี้คือเรื่องของการอิมโพรไวส์ที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าชุดก่อนๆในอดีต และยังคงเป็นงานฟังสบายสำหรับชาวไทยตลอดกาลจริงๆ





Artist : Silje Nergaard
Album : Darkness Out Of Blue
Style : Pop Jazz
Label : Universal Music

นักร้องสาวจากนอร์เวย์ ที่ผ่านงานในวงการแจ็สมาอย่างมากมาย มาถึงงานชุดนี้ที่ห่างจากชุดที่แล้วถึง 3 ปี เต็ม เธอกลับมาพร้อมงานสไตล์ป็อปแจ็สที่ไม่ซับซ้อน เน้นเจาะตลาดกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มของป็อปแจ็สและสมูธแจ็ส งานในส่วนของดนตรีนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ หลายๆไลด์ถูกมิกซ์ไว้เบาๆไว้เป็นแบ็คกราวด์ เรียกได้ว่าต้องตั้งใจฟังดีๆเลยทีเดียว ทุกอย่างทำมาเพื่อรองรับนักร้องและดันเธอให้เด่นขึ้น เช่นเดียวกับตัวเพลงที่ทำให้เรียบง่าย เหมาะกับการฟังโดยไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของเทคนิคและความยากในการเล่น เรียกว่าหากจะหยิบงานป็อปแจ็สขึ้นมาฟังซักชุดก็คงต้องนึกถึงเธอเลยทีเดียว





Artist : Depapepe
Album : Beginning Of The Road
Style : Acoustic / Easy Listening
Label : Sony BMG

Depapepe คือคำจำกัดความของคำว่า “ดนตรีคือภาษาสากลจริงๆ” %จากที่เราจะเคยรู้มาว่าเพลงญี่ปุ่นเป็นเพลงที่ทำมาเพื่อรองรับชนในชาติของตนเท่านั้น แต่สองหนุ่มที่มีกีต้าร์อะคูสติกเป็นอาวุธกลับมองตรงข้าม นั้นคือไม่จำเป็นต้องมีเพลงที่เป็นเนื้อร้อง พวกเขาคิดมันจากกีต้าร์ล้วนๆเป็นเพลงบรรเลง และงานชุดนี้ก็เป็นการรวมเพลงในยุคแรกๆของเขาออกมาให้ฟังกัน งานชุดนี้ยังคงเหมาะกับการฟังเพื่อรับกลิ่นอายของบรรยากาศยามเย็นริมชายทะเลอย่างยิ่ง 13 เพลงที่รวมมาจากงานสมัยที่พวกเขายังอยู่ใต้ดินนั้น เชื่อได้เลยเสียงกีต้าร์ฮะคูสติกว่าน่าจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นในช่วงอากาศแปรปรวนอย่างบอกไม่ถูกแน่นอน




any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket