ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : Trivium Album : The Crusade Style : Metal Label : Sony BMG ** Recommend Of The Week By Guitarthai.com **
ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลจากชุดแรก กลับมาครั้งนี้พวกเขายังยึดแนวทางเดิมไว้อย่างเหนี่ยวแน่น แต่ดูจะอัดกันหนักกว่าเก่า หลายๆเพลงในชุดนี้มีการกลายพันธุ์เป็นลูกผสมแทรชเลยก็ว่าได้ สิ่งที่น่าจะเห็นได้ชัดเลยก็คือเรื่องของวิธีร้องที่จากเดิม Matthew เคยร้องสำเนียงออกฮาร์ดคอร์ แต่มาครั้งนี้เขาใช้วิธีสำรอกแบบแทรช กรุณานึกถึง Metallica ยุคแรกครับซึ่งทำให้เพลงเข้มข้นมากกว่าเก่า ริทึ่มที่แน่นปึก และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ กีต้าร์คู่ในแบบของเขา เรื่องโซ่โล่ยังคงดุเด็ดเหมือนเดิม ปั่นกันกระจายครับ โชว์เต็มที่ไม่ยั้ง 13 เพลงในชุดนี้ ไม่มีคำว่ากั๊กฝีมือหรือเทคนิกการเล่น ยิ่งพวกเขาได้ โปรดิวเซอร์คู่ใจอย่าง Jason Suecof มาร่วมทำงานด้วยแล้ว ยิ่งเป็นตัวรับประกันได้เลยว่าไม่ผิดหวังครับ Anthem (We Are The Fire), Ignition, Detonation , To The Rat , Contempt Breeds Contamination ที่ออกเป็น Neo Classic และ The Crusade เพลงบรรเลงที่ให้เบสเป็นตัวโซโล่ หากมีการจัดอัดดับวงเมตัลยุคใหม่ ผมเชื่อว่าชื่อของ Trivium ติดหนึ่งในห้าแน่นอนครับ
Artist : Stone Sour Album : Come What Ever May Style : Rock Label : Sony BMG
งานเพลงชุดที่สองที่มีแฟนเพลงรอคอยอย่างมหาศาล มุมหนึ่งเราอาจเรียกได้ว่าที่ Stone Sour ได้รับการต อบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดคิด นั้นก็คงเพราะได้สองกำลังสำคัญอย่าง Corey Taylor (ร้องนำ) และ James Root (กีต้าร์) มาร่วมงาน เพราะทั้งคู่เป็นสมาชิกที่มาจาก Slipknot ที่มาหาอะไรทำในยามว่าง งานของ Stone Sour นั้นคือความพอดีของ Nu Metal และ Extreme ผสม Hard Rock ไม่หนักจนเกินไป จังหวะจะโคนกำลังดีและเน้นเรื่องของเมโลดีมากขึ้น James Root ดูจะเล่นโชว์ได้อย่างออกหน้าออกตามากกว่าตอนเล่นกับ Slipknot เห็นได้ชัดในเรื่องของโซโล่ เพลงอย่าง 30/30 – 150 เป็นตัวพิสูจน์ได้อย่างดี หรือจะเป็นซิงเกิ้ลแรกอย่าง Through Glass เพลงช้าติดสำเนียงบลูส์ก็เข้าถึงคนฟังไม่ยากเย็น แม้จะเป็นโปรเจ็คชั่วคราวแต่คุณภาพนั้นเกินร้อย และสิ่งที่ Stone Sour กำลังทำอยู่อาจเป็นตัวบ่งบอกถึงทิศทางใหม่ของวงการร็อกก็เป็นไปได้
Artist : Evanescence Album : The Open Door Style : Gothic Metal Label : Sony BMG
จากชุดที่แล้ว Fallen ที่สร้างความสำเร็จอย่างสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่แรงกดดันที่จะต้องทำงานในชุดต่อมาต้องทำให้ดีกว่าเดิม และแม้ว่าอัลบั้มชุดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมือกีต้าร์จาก Ben Moody มาเป็น Terry Balsamo แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าความเป็น Evanescence จะต้องเปลี่ยนแปลง และตราบใดที่ Amy Lee ยังเป็นนักร้องนำทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม จากการเปิดตัวอัลบั้มชุดนี้ด้วยเพลง Call Me When You're Sober เป็นเรื่องที่พิสูจน์ต่อความสำเร็จที่ยังได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม Evanescence ก้าวขึ้นติดอันดับท็อป 5 อัลบั้มขายดีในหลายๆประเทศ และอีกหนึ่งเพลงอย่าง Good Enough ที่มีบางส่วนถูกตัดมาจาก เพลงในหนังเรื่อง The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe ที่ Amy Lee เขียนไว้เพื่อใช้ประกอบหนัง แต่ก็ไม่ได้ใช้ ความหนักแน่นที่มีนั้นเต็นร้อย แฟน Evanescence ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน
Artist : Audio Slave Album : Revelations Style : Rock Label : Sony BMG
ซุปเปอร์กรุ๊ปที่กลับมาพร้อมบ้านหลังใหม่อีกครั้ง กับงานที่ดูจะเข้าขากันมากขึ้น Revelations เป็นงานที่ค่อนข้างจะหนีห่างจากกลิ่นอายของ Rage Against the Machine อย่างเห็นได้ชัด และหันเข้าสู่อารมณ์ดิบๆแบบน้องๆ เฮวี่ สไตล์การร้องของ Chris เองก็เริ่มจับทางที่ชัดเจน รวมถึงสไตล์การเล่นของ Tom ก็มีความเป็นฟังกี้ เยอะพอตัว และแน่นอนว่าเทคนิคการเล่นกับเอ็ฟเฟ็คของ Tom มีเต็มร้อย ริทึ่มในงานชุดนี้ค่อนข้างจะเหนียวแน่นแม้ว่าจะเป็นดนตรีแค่สามชิ้นก็ตาม เช่นกันเหมือนทุกครั้ง Tom วางไลด์กีต้าร์รองรับไว้สำหรับงานเล่นสดแน่นอน Revelations , One And The Same และ Original Fire น่าจะได้เสียงตอบรับจากแฟนเพลงได้อย่างไม่ยากเย็น งานชุดนี้แม้จะไม่จัดจ้านอย่าง Rage Against the Machine แต่ก็มันส์ได้เต็มพิกัดตามแบบ Audio Slave
Artist : Lacuna Coil Album : Karma Code Style : Metal / Gothic Label : Platinum
กลับมาอีกครั้งกับงานที่หนักแน่นกว่าเดิม และสิ่งที่พวกเขาพยามยามทำในอัลบั้มชุดนี้คือสไตล์ดนตรีที่ออกไปทางโพรเกสซีพอย่างเห็นได้ชัด อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ของจินตนาการ อีกทั้งยังมีความเป็นคลาสสิกและโมเดิร์นร็อกผสมอยู่อีกด้วย สังเกตุได้จากการอัดเสียง ก่อนหน้านั้นอาจมีหลายคนที่มองว่า Evanescence ดูเหนือกว่า Lacuna Coil แต่หากได้ลองฟังงานชุดนี้ของพวกเขาแล้ว ผมเชื่อว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างแน่นอน พัฒนาการของพวกเขานั้นก้าวขึ้นไปอีกขั้น ทั้งเรื่องการเขียนเพลงและทำดนตรีให้น่าสนใจ แต่ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของวง ร็อกจากแถบยุโรปที่ยังรอวันแก้ไขอยู่ก็คือ การโชว์โซโล่ของกีต้าร์นั้นยังคงไม่มีเหมือนเดิม ถ้าเพิ่มจุดนี้ได้รับรองว่าสุดยอดครับ To The Edge ,What I See เป็นเพลงที่โดนใจคอเพลงเมตัลอย่างแรง เป็นเพลงเร็วที่เชิดหน้าชูตาให้วงได้อย่างดีเยี่ยม แต่เพลง Fragile ก็เป็นเพลงขายได้อย่างไม่ยากเลยแม้แต่น้อย อัลบั้มชุดนี้อาจนับว่าเป็นงานที่พวกเขากลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีและก้าวไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างแน่นอน
Artist : Vital Remains Album : Horrors of Hell Style : Death Label : Platinum
Artist : Oasis Album : Stop The Clocks Style : Rock Label : Sony BMG
วงดนตรีที่เรียกได้ว่าเป็นผู้สืบสานตำนานต่อจาก The Beatles อัลบั้มชุดนี้เป็นการรวมเพลงฮิตของเขาจากอัลบั้มทั้งหมดมาบรรจุไว้เป็นซีดี สองแผ่นคู่ รวมทั้งหมด 18 เพลงด้วยกัน ซึ่งแต่ละเพลงนับว่าเป็นเพลงคลาสสิกของพวกเขาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น Live Forever ,Wonder Wall , Don’t Look Back In Anger , ,Some Might Say , Morning Glory เป็นต้น และที่น่าจะเจ๋งกว่านั้น คงจะเป็นเรื่องของบุ๊คเล็ทที่มีทั้งรูปต่างๆพร้อมรายละเอียดความเป็นมาเป็นไปของวงที่ค่อนข้างละเอียด ใครที่อยากทำความรู้จักกับพวกเขา งานเพลงชุดนี้คือสิ่งที่บอกเรื่องราวกว่า 12 ปี ของวง Oasis ได้เป็นอย่างดี
Artist : Emilie – Claire Barlow Album : Like A Lover Style : Jazz Label : Platinum
สาวสวยเสียงหวานกับงานแจ็สดีๆในบ้านเราอีกหนึ่งชุดที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว Emilie – Claire Barlow เป็นนักร้องแจ็สจากยุโรป ซึ่งเธอเองกับชาวญี่ปุ่นนั้นก็ได้รับการต้อนรับไม่น้อยทีเดียว นั้นเพราะเธอได้เซ็นสัญญากับ JVC ตรงจุดนี้จึงทำให้คนไทยตาดำๆอย่างเราได้รับอานิสงค์ไปด้วย งานของเธอจะมาทางแสตนดาร์ดแบบอนุรักษณ์นิยม ทั้งบอสซาโนว่าและแสตนดาร์ดนั้นยอมรับเลยว่าเธอทำได้ดีเยี่ยม จนเป็นที่น่าดีใจว่ายังมีคนรุ่นใหม่สืบทอดดนตรีแจ็สแบบดั้งเดิมอยู่ เพียงแต่เนื้อเสียงจากเดิมแบบแหบห้าวเปลี่ยนเป็นหวานนุ่มแต่สำเนียงได้มาก 12 เพลงในอัลบั้มชุดนี้มีทั้งเพลงเก่าและใหม่ผสมรวมกัน เพลงเก่าอย่าง on the sunny side of the street , some one to watch over me ,so danco samba เพลงนี้เธอร้องแบบสแคสซิงกิ้งครับ เพราะเลยที่เดียว, our love is here to stay, retrato em branco e preto ซึ่งทั้งหมดนี้ไว้ใจในความเพราะได้เลยครับ ด้วยประสพการณ์จากการร้องเพลงของเธอทั้งที่เรียนมาและออกทัวร์นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้งานในรูปแบบแจ็สแสตนด์ดาร์ดและบอสซาโนวาของเธอในชุดนี้นั้นน่าฟังอย่างยิ่งครับ
Artist : Salena Jones Album : Gold : The Ultimate Collection Style : Pop Jazz Label : Platinum
อีกหนึ่งศิลปินที่เต็มไปด้วยคำว่าคุณภาพ และยิ่งอัลบั้มชุดนี้เป็นการรวมเพลงที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นงานระดับมาสเตอร์พีชของเธอ ยี่สิบแปดเพลงในชุดนี้ที่แบ่งเป็นซีดีสองแผ่น นั้นเป็นงานเพลงร้องสไตล์ป็อปแจ็สที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เรียกว่าพอขึ้นอินโทรมานั้นต้องพอเคยผ่านหูมาอย่างแน่นนอน นับว่าเป็นการรวมเพลงที่คุ้มค่ากับคนฟังอย่างยิ่ง เพลงดังที่รวมมาก็มี Just The Way You Are , We’re Only Just Begun , Georgia On My Mind , Girl From Ipanama ,Every Breath You Take , Smile , You’re Got A Friend , One Note Samba และเพลงอื่นๆอีก ซึ่งสามารถนั่งฟังได้อย่างเรื่อยๆกับความรู้สึกสบายๆ อีกทั้งยังเต็มอิ่มกับความคุ้มค่าอีกด้วยครับ
Artist : Peggy Lee Album : Christmas With Peggy Lee Style : Jazz Label : EMI
นักร้องสาวระดับดีว่าอีกหนึ่งคนที่ความสามารถในการร้องเพลงล้นเหลือ ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับอัลบั้มสบายๆในช่วงคริสมาสต์ เป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้ศิลปินหลายๆคนมักจะนำเพลงคริสมาสต์มาร้องกันอย่างมากมาย และ Peggy Lee เองก็เป็นหนึ่งในศิลปินเหล่านั้นเช่นกัน แต่แตกต่างตรงที่เพลงส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มาจากอัลบั้มที่เคยออกมาในอดีตของเธอ แล้วนำมารวมใหม่ ทั้งสิ้น 16 เพลง แต่ละเพลงนั้นก็เล่นเป็นแจ็สทั้งสิ้น เพลงดังอย่าง Jingle Bell , The Christmas Song ,Santa Claus Is Coming To Town , White Christmas ก็รวมอยู่ในนี้เช่นกัน แม้จะเป็นเพลงที่บันทึกเสียงไว้นานแล้วก็ตามแต่ยังคงได้ความสดเหมือนใหม่อยู่เสมอ
Artist : Stefano Bollani Album : Gleda Song From Scandinavia Style : Jazz Label : Hit Man
Artist : Thomas Siffling Album : Change Style : Jazz Label : Hit Man
อัลบั้มชุดนี้ใช้ชื่อชุดได้ตรงกับเนื้องานที่อยู่ข้างใน Thomas Siffling อาจเรียกได้ว่าเป็นมือทรัมเป็ตแจ็สหัวก้าวหน้าอีกหนึ่งคนในยุค 2000 หลายครั้งที่ผ่านมาของเขา Thomas ยังคงยึดเส้นทางที่นำแจ็สมาผสมกับดนตรีจังหวะอิเล็กทรอนิก้ารวมถึงฟังกี้ เช่นกันกับงานชิ้นนี้ซึ่งเป็นงานทรีโอที่ประกอบด้วยกลอง ,เบสและ ทรัมเป็ต จะสังเกตุได้ว่าเครื่องดนตรีที่เป็นส่วนของฮาร์โมนี้ไม่มี งานนี้จึงเน้นเรื่องของริทึ่มอย่างเดียว แต่ทั้งสามกลับเล่นออกมาได้อย่างแน่น ทุกชิ้นต่างอุดช่องโหวได้เป็นอย่างดี ไอเดียการใช้ดับเบิ้ลเบสและทรัมเป็ตใส่วาห์ วาห์ ก็เป็นไอเดียที่ดีเยี่ยม สิ่งที่น่าทึ่งกับ Thomas ก็คือ เขาต้องได้ยินเสียงฮาร์โมนีทั้งหมด และจึงสามารถร้อยไลด์อิมโพรไวส์ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเล่นแบบนี้ที่ทุกคนยกย่องกับความสามารถแบบนี้ก็คือ John Zorn นั้นเองที่ผ่านศึกแบบนี้มาอย่างมากมาย งานชุดนี้นอกจากเพลงเด็ดๆอย่าง Aufbaumen Der Gefuhle ก็ยังมี Walking On The Moon เพลงเก่งของ Sting ที่นำมาเล่นด้วย อีกเรื่องที่ไม่น่าพลาดเช่นกันคือเรื่องการบันทึกเสียงที่ได้ความสดอย่างแรง เหมือนกับการที่นั่งฟังพวกเขาเล่นสดๆอยู่ข้างๆเลยทีเดียว
Artist : Thomas Fryland Album : Another Song Style : Jazz Label : Hit Man
เมื่อไม่นานมานี้เทศกาลดนตรีแจ็สในเมืองไทยแห่งหนึ่ง เกิดมีชื่อของศิลปินที่ชื่อว่า Thomas Fryland เข้ามาร่วมเล่นด้วย นับเป็นการเปิดตัวให้คนรู้จักได้อย่างดีเยี่ยม และมาถึงตอนนี้อัลบั้มเต็มจากมือทรัมเป็ตจากยุโรปก็มาให้เราได้ฟังกัน Thomas เลือกที่จะนำเสนองานโดยเล่นเป็นวงสี่ชิ้นประกอบด้วย ทรัมเป็ต, กลอง ,เบส และสมาชิกคนสำคัญที่น่าจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้ได้อย่างดีนั้นคือแขกรับเชิญอย่าง Jim Mcneely กับตำแหน่งเปียโน ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับนักดนตรีแจ็สมาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Stan Getz,Chet Baker หรือ David Liebman
กับงานชิ้นนี้เขามาในรูปแบบของการเล่นแบบแสตนดาร์ด ดังนั้นจึงไว้ใจได้ในเรื่องของความเพราะของไลด์อิมโพรไวส์ที่มีโครมาติกอยู่ตลอดทั้งชุด สไตล์การเล่นของ Thomas นั้นค่อนข้างจะอยู่ตรงกลาง จะไม่บู๊อย่าง Clifford Brown หรืออ่อนหวานอย่าง Chet Baker เพลงส่วนใหญ่ก็อยู่ในจังหวะมีเดียมซะมากกว่า ส่วนเพลงที่นำมาเล่นนั้นก็มีทั้งเพลงแสตนดาร์ดเก่าๆและแต่งขึ้นใหม่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงความเพราะอยู่เสมอ 9 เพลงในอัลบั้มชุดนี้ไม่ได้เป็นงานที่ฟังยากแต่อย่างใด แต่กลับเหมาะที่จะน่าฟังในยามค่ำคืนเป็นอย่างยิ่ง
Artist : Five For Fighting Album : Two Light Style : Pop Rock Label : Sony BMG
อีกหนึ่งวงที่ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเพลง Superman (It's Not Easy) การกลับมาครั้งนี้เอกลักษณ์ที่พวกเขามียังคงไว้อย่างเต็มเปี่ยม หน้าที่หลักของวงยังน่าจะตกอยู่ที่ John Ondrasik เมโลดีและการร้องที่ฟังแล้วเข้าถึงความเป็น Five For Fighting ยังมีให้ฟังกัน หลายๆเพลงจัดได้ว่าเป็นป็อปชั้นดี ที่สามารถฟังครั้งเดียวก็จำได้ ตรงนี้เสียงและวิธีการร้องของ John มีผลอย่างยิ่ง เพลงเด่นในชุดนี้ก็มี Two Lights , Freedom Never Cries , World และอีกหนึ่งเพลงพิเศษที่ John มักจะพูดถึงนั้นคือ The Riddle นั้นก็เพราะเพลงนี้เขาแต่งให้กับลูกของเขานั้นเอง หาก Superman (It's Not Easy) เข้าไปอยู่ในใจใครหลายคน เพลงเหล่านี้ก็น่าจะเป็นที่ชื่นชอบได้อย่างไม่ยากเย็น
Artist : Billy Joel Album : 12 Gardens Live Style : Pop Rock Label : Sony BMG
ไอดอลอีกท่านหนึ่งที่ยังได้รับความนิยมอย่างมหาศาลนับตั้งแต่ยุค 70 ยาวจนถึงปัจจุบัน และอัลบั้มชุดนี้ก้เป็นการบันทึกการแสดงสดที่ Madison Square Garden เมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่อยู่ในซีดีสองแผ่นนี้สามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า แม้จะแก่แต่ก็ยังมีความเก๋าอยู่เสมอ เพลงฮิตทั้ง 30 เพลงที่นำมาเล่นครั้งนี้ล้วนแล้วให้ความรู้สึกถึงความเป็นศิลปินรุ่นใหญ่ เพลงอย่าง Zanzibar ,Movin Out (Anthony’s Song)เพลงที่โชว์จุดนี้ได้อย่างดี หรือจะเป็นเพลงเก่งอย่าง You May Be Right และ Piano Man ที่ยังเรียกเสียงกรีดจากแฟนเพลงได้ตลอดทุกครั้ง เวลาร่วมเกือยสามชั่วโมงในอัลบั้มชุดนี้ได้ทั้งความสดและความมันส์และเก๋าในสไตล์ของ Billy Joel ผู้เป็นไอดอลแห่งยุค 70 – 80 ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นนอนครับ