Music News :
ประจำวันที่30 ธ.ค 2547 Sting,Casiopia & T-Squre,David Sanborn,Duke Ellington and more 31 ธ.ค. 47
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : Casiopia vs The Square Album : Casiopia vs The Square Live Style : Fusion Jazz Label : Sony Music BEC Tero
Casiopia และ The Square หรืออีกชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันก็คือ T – Square นั่นเอง คอเพลงฟิวชั่นแจ็สคงรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่ๆ ซึ่งเรื่องของเครดิตในการทำเพลงก็คงไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะเชื่อใจกันได้อย่างแน่นอน สำหรับอัลบัมชุดนี้คงเป็นอัลบัมที่พิเศษอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นอัลบัมที่บันทึกการแสดงสดของวง Casiopia และ The Square และที่พิเศษจริงๆก็คือทั้งสองวงได้ร่วมเล่นอยู่บนเวทีเดียวนั้นเอง ดังนั้นเพลงแต่ละเพลงที่งัดขึ้นมาเล่นนั้นต้องเป็นเพลงเก่งของแต่ละวงอย่างจริงๆ และช่วงที่เจ๋งมากๆของแผ่นนี้ผมว่าจะอยู่ในช่วงแทร็คที่ 6 ขึ้นไปเพราะมันได้อารมณ์ของความเป็นฟิวชั่นน่าจะได้ดีกว่าและในแทร็คที่ 7 นั้นมีการโชว์โซโล่กลอง โดยเพลงนี้มีความยาวถึง 10 นาที ส่วนตัวผมแล้วผมชอบเพลง Midnight Circle และ Asayake เป็นพิเศษอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเมโลดีและการวางคอร์ดมันออกไปทางฟิวชั่นได้ดีกว่าเพลงอื่นที่ดูจะติดกลิ่นของความเป็นร็อกเข้ามามากกว่า ในส่วนของเรื่องโชว์การโซโล่นั้นอัลบัมชุดนี้มีให้ฟังกันอย่างแน่นอนครับ สรุปว่าข้อเสียอย่างเดียวที่ผมค้นพบก็คือเรื่องของภาษาที่พี่ท่านใช้เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆดังนั้นจึงจนปัญญาจริงที่จะบรรยายว่าในปกซีดีเขาพูดถึงอะไรกันบ้าง แต่เรื่องของเพลงนั้นเจ๋งแน่นอนครับ
Artist : David Sanborn Album : Closer Style : Jazz / Contemporary Jazz Label : Universal Music
สำหรับมือแซ็กคนนี้ที่พึ่งจะมาร่วมเล่นคอนเสริตแจ็สเฟสติวัลที่บ้านเราที่พึ่งจะผ่านพ้นไปไม่นานนี้ ซึ่งจัดว่าเป็นนักดนตรีในสายสมูทแจ็สที่คอเพลงในบ้านเรารู้จักกันเป็นอย่างดี และอัลบัมชุดนี้เป็นอัลบัมชุดใหม่ของเขา งานชุดนี้ David Sanborn ใช้บริการนักดนตรีแบ็กอัพอย่าง Russell Malone,Christian McBride และ Steve Gadd เป็นต้น ซึ่งก็เป็นนักดนตรีห้องอัดหน้าเดิมๆทั้งนั้นครับแต่ฝีมือนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยครับ Tin Tin Deo เพลงเก่านำมาเล่นใหม่ในแบบจังหวะเป็นละติน Don’t Let Me Be Lonely tonight เพลงเก่งของ James Taylor ซึ่งเป็นเพลงที่เพราะมากอยู่แล้วและครั้งนี้ David Sanborn นำมาทำใหม่ออกไปทางอาร์แอนด์บีนิดๆ Smile ,You Must Believe In Spring , Sofia เพลงบัลลาดช้าๆเหงาๆ Enchantment เพลงช้าในสไตล์บอสซ่าโนว่า Capetown Fringe เพลงจังหวะสนุกๆ และยังมีอีกหลายๆเพลง โดยรวมแล้วออกจะผิดหวังไปซักนิดเพราะตัวของ David Sanborn นั้นก็ยังไม่ค่อยได้โชว์อะไรมากนัก แต่ส่วนตัวผมแล้วผมรู้สึกชอบชุดนี้มากกว่าชุดก่อนๆของเขา และคอเพลงสมูทแจ็สเองก็คงจะถูกใจกันอย่างแน่นอนครับ
Artist : Duke Ellington Album : The Duke Ellington Collection Style : Jazz Label : EMI
เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคหนึ่งของดนตรีแจ็สจะต้องมีชื่อของชายผู้นี้ติดอยู่ด้วย อย่างน้อย Duke Ellington ก็จัดว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำให้ดนตรีแจ็สในสไตล์บิ๊กแบนด์ติดอยู่ในประวัตศาสตร์ของดนตรีแจ็ส สำหรับอัลบัมชุดนี้เป็นการรวบรวมงานที่เรียกว่าเป็นเพลงเด่นเพลงดังของเขาทั้งสิ้นซึ่งได้รวมมาให้ฟังกันทั้งสิ้นถึง 18 เพลงด้วยกัน แต่ตามความคิดของผมแล้วผมว่ายังน้อยเกินไปซะด้วยซ้ำสำหรับชื่อของ Duke Ellington แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นตัวอย่างเพลงให้คนที่อยากจะศึกษาในแนวทางนี้ได้พอสมควรเลย เพราะหลายๆเพลงที่ถูกรวมอยู่ในชุดนี้ก็เป็นเพลงมาตรบานที่นักดนตรีแจ็สทุกคนจะต้องรู้จักและเล่นกันได้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น Take the ‘A‘ Train , In Sentimental Mood , Mood Indigo หรือ Satin Doll เป็นต้นและความพิเศษอีกอย่างก็คือในชุดนี้จะมีการนำเพลงที่เป็นการเล่นร่วมกันระหว่างบุคคลทางประวัติศาสตร์ของดนตรีแจ็สถึงสองคนนั้นคือ Duke Ellington และ Louis Armstrong ไว้ถึงสี่เพลง เพราะฉะนั้นอัลบัมชุดนี้ถือว่าเป็นอัลบัมที่น่าฟังอีกหนึ่งชุดในปีนี้ยิ่งโดยเฉพาะอย่างคอแจ็สปรือบุคคลที่อยากศึกษางานแจ็สโดยเฉพาะ
Artist : Various Artist Album : In the Mood For the Blues Style : Blues Label : Universal Music
แค่ได้เห็นชื่อชุดคงพอเดาทางกันออกบ้างแหละครับว่าอัลบัมชุดนี้เป็นอัลบัมที่เป็นเพลงบลูส์ ถูกต้องแล้วครับเพียงแต่ว่ามันมีอะไรเยอะกว่านั้นนั้นคืออัลบัมชุดนี้เป็นการรวมเพลงบลูส์ที่เป็นบลูส์จริงๆ และเป็นการรวมเพลงที่คุ้มค่าของเงินอย่างยิ่งเพราะคุณจะได้เพลงทั้งหมดถึง 40 เพลงที่บรรจุไว้ในซีดี 2 แผ่น ศิลปินที่รวมอยู่ในชุดนี้จัดได้ว่าเป็นครูเพลงในสายบลูส์จริงๆไม่ว่าจะเป็น B.B.King , John Lee Hooker , Muddy Water , John Mayall , Albert King , Chuck Berry , Stevie Ray Vaughan , Garry Moor , ZZ Top เป็นต้น ซึ่งในแต่ละเพลงที่รวมมานั้นเป็นบลูส์แบบโบราณๆเลยแบบประเภทที่ว่าบางเพลงก็มีเพียงแค่เสียงร้องและเสียงกีต้าร์เท่านั้นหรือบางเพลงเราก็จะได้ซาวด์ที่เป็นออริจินัลจริงแบบเหมือนกับฟังจากแผ่นเสียงและก็จะมีบลูส์ร็อคบ้างในบางเพลง หากจะว่าไปแล้วถือว่าอัลบัมชุดนี้เป็นการเปิดโลกแห่งดนตรีบลูส์สำหรับคอเพลงที่จะหันมาฟังแนวนี้เพื่อเป็นแนวทางในการหาฟังเพลงบลูส์อย่างจริงจังได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียวครับ
Artist : Laura Fygi Album : The Very Beat time Of Year Style : Jazz / Bossanova Label : Universal Music
นี่คือศิลปินแจ็สอีกคนที่ถ้านับผลงานที่ผ่านมานั้นคงนับกันไม่หวาดไหวแน่ครับเพราะเยอะเหลือเกิน และนักฟังเพลงในสายแจ็สในบ้านเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดี และสำหรับอัลบัมชุดนี้ก็แน่นอนอีกแหละครับเดาทางกันออกแน่ครับ หากอัลบัมไหนที่ออกในช่วงเดือนธันวาคมแล้วหล่ะก็คงจะหนีไม่พ้นอัลบัมที่เกี่ยวกับเพลงคริสมาตอย่างแน่นอน เพลงในอัลบัมชุดนี้มีเพลงที่มีความหมายดีๆให้ฟังถึง 13 เพลง และแน่นอนครับสไตล์การทำเพลงของ Laura Fygi ก็ต้องออกมาเนียบๆหน่อยตามแบบฉบับนั้นหมายถึงการเรียบเรียงเพลงที่ไม่ค่อยจะปล่อยช่องว่างให้อิมโพรไวส์กัน โดยเฉพาะท่อนโซโล่จะเป็นเสียงโซโล่ที่มาจากวงออเคสตร้าซะมากกว่าหรืออาจจะมีเสียงโซโล่จากแซ็กหรือฟลุ๊ตบ้างบางเพลง ส่วนตัวผมแล้วผมว่าเป็นเรื่องยากอยู่พอสมควรในการเรียบเรียงเพลงเพราะว่าหากทำออกมาไม่ดีมันจะความรู้สึกในตอนฟังว่ามันเหมือนกันแทบทุกเพลง เพลงส่วนใหญ่ในชุดนี้ออกจะอยู่โทนเดียวกันไปหมดนั้นคือเป็นเพลงช้าๆเย็นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไลด์ของเครื่องดนตรีจากออเคสตร้าที่ออกจะเหมือนกันแทบทุกเพลง แต่ในส่วนความหมายของเนื้อเพลง ผมว่าแต่ละเพลงนั้นมีความหมายที่ดีมากๆ ผมว่าอัลบัมชุดนี้เหมาะกับคนที่กำลังเริ่มหัดฟังแจ็สเลยทีเดียว เพราะดนตรียังไม่มีความสลับซับซ้อน หรือคนที่กำลังหาอัลบัมที่สามารถฟังได้เรื่อยๆ ไม่ต้องการความแรง เอาแบบว่าเอาไว้ฟังก่อนนอนนี่แหละครับได้ผลที่เดียว อัลบัมชุดนี้คงเป็นคำตอบให้คุณได้อย่างแน่นอนครับ
Artist : Various Artist Album : Theme Addict Style : Rock / Pop / Hip Hop / etc. Label : Sony Music Bec Tero
งานชุดนี้คงจะได้เฮกันอย่างแน่นอนกับบรรดาแฟนมวยปล้ำ เพราะอัลบัมชุดนี้เป็นการรวมเพลงที่ใช้ในตอนเปิดตัวของเหล่านักมวยปล้ำของ WWE ทั้งหลาย และอัลบัมชุดนี้ได้รวมเพลงมันๆไว้ถึง 16 เพลง โดยที่แต่ละเพลงก็จะเป็นเพลงประจำตัวของแต่ละคนในสไตล์ต่างๆอย่างเพลง Cool ในเพลงที่สองนั้นทำออกมาเป็นเพลงแบบพวกแถบจาไมก้าหรือแถบคาริเบียนครับ หรือ Chavito Ardiente ที่ทำออกมาแบบพวกเพลงสเปนหรือเม็กซิโก หรือบางเพลงก็จะเป็นฮิบฮอบหรือเป็นทีมเพลงแบบบรรเลงเป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเพลงจะออกไปทางพวกร็อกแบบนิวเมตัลหรือฮาร์ดคอร์ซะเยอะกว่าเพลงที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น ในส่วนของเพลงที่ใช้เปิดตัวหลักๆเลยของพวกเขา คล้ายกับเป็นเพลงที่ออกเป็นทางการก็จะเป็นเพลง Line In The Sand ที่เล่นโดยวง Motorhead หนักแน่นใช้ได้ ทำเพลงออกมาได้สมกับศักดิ์ศรีเลยครับ ส่วนอีกเพลงที่ใช้ก็คือ Rise Up ที่เขาเรียกว่า WWE SmackDown ซึ่งเพลงนี้เล่นโดยวง Drowning Pool ส่วนตัวผมแล้วหลังจากที่ได้ฟังเพลงนี้ ผมกลับนึกถึงเพลงในแบบของ Pentera ขึ้นมาทันทีทันใดเลยครับ และเพลงพิเศษอีกเพลงก็คือ Untouchables ซึ่งเป็นเพลงจากอัลบัมชุดใหม่ของ John Cena ส่วนความพิเศษอีกอย่างของชุดนี้คือ มีการแถมวีซีดีที่รวมภาพของนักมวยปล้ำแต่ละคนพร้อมกับเพลงที่อยู่ในอัลบัมชุดนี้ มันเหมือนกับคุณได้ดูมิวสิควิดีโอนั้นแหละครับแต่เพียงแต่ตัวแสดงเป็นนักมวยปล้ำครับซึ่งมีให้ดูกันถึง 14 เพลงครับ งานนี้คงจะถูกใจแฟนๆกีฬามวยปล้ำอย่างแน่นอน
Artist : Lisa Ono Album : Boas Festas 2 – Feliz Natal Style : Jazz / Bossanova Label : EMI
นับว่าเป็นศิลปินในสายแจ็สอีกคนที่มีผลงานออกมาให้ฟังกันอยู่เรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง อัลบัมชุดนี้ทิ้งช่วงเวลาห่างจากชุดที่แล้วยังไม่ถึงหกเดือนเห็นจะได้ และก็เป็นอัลบัมชุดที่สองขอ งเธอที่ร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคริสมาสต์ โดยที่คอนเซบอัลบัมเป็นการที่เธอนำเพลงที่เป็นเพลงมาตรฐานของเพลงคริสมาสต์ของประเทศบราซิลมาร้อง และนักดนตรีที่มาร่วมบันทึกเสียงในชุดนี้ก็เป็นชาวบลาซิลและชาวญี่ปุ่น ในส่วนของเพลงที่ทำออกมานั้นยังคงความเพราะของบอสซาโนว่าแบบฉบับของเธอได้อย่างคงเส้นคงวาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าในความคิดของผมแล้วผมว่าอัลบัมชุดนี้เป็นอัลบัมที่ดีมากๆในบรรดาหลายๆชุดของเธอ ทั้งวิธีการร้องที่ยังเพราะเหมือนเดิมและอีกสิ่งที่เจ๋งมากก็คือการเรีบยเรียงดนตรีที่ทำออกมาได้ลงตัวมากๆ แต่ก็ยังมีข้อน่าสงสัยอยู่อย่างหนึ่งที่ครั้งนี้ Lisa Ono ไม่ยอมลงมือทำเรื่องอื่นเลยนอกจากเหมาร้องอย่างเดียว แต่ก็เอาเถอะครับแค่นี้ก็สามารถกล่อมคุณให้รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างแน่นอนครับ เพลงที่น่าสนใจสำหรับชุดนี้ก็เห็นจะเป็น I’ll be home for Christmas เพลงนี้ผมว่าได้บรรยากาศแบบเพลงของ Jobim อย่างยิ่ง Um Feliz Natal เป็นเพลงที่เริ่มด้วยจังหวะช้าๆเรื่อยๆก่อนที่จะเข้าจังหวะแซมบ้าแต่เป็นแซมบ้าที่ไม่เน้นความดัง เพราะว่าเขาใช้ไม้แส้ตีกลองนั้นเอง แต่เพราะมากครับ Borboleta เพลงนี้สิ่งเดียวที่ทำให้ผมติดอกติดใจเป็นพิเศษนั้นคือเสียงของเพอคัสชั่นแม้ว่ามันจะไม่ได้เล่นแบบหวืหวาอะไรมาก แต่ไอ้ความที่รู้จังหวะจะโคนของคนตีที่ทะยอยใส่เขมามันกลับมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แม้อัลบัมนี้จะมีเพลงเพียงแค่ 8 เพลงแต่ก็เป็นแปดเพลงที่ทำให้รู้สึกสบายจากเสียงของกีต้าร์สายเอ็น,เสียงร้องนุ่มๆหวานๆ หรือเสียงของเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ต่างก็มีเสน่ห์ในตัวของมัน ในยามอากาศดีๆกับวันสบายๆในช่วงนี้ครับ
Artist : Various Artists Album : Big Rock Style : Rock Label : Sony Music BEC Tero
ระยะหลังๆเรามักจะได้เห็นอัลบัมรวมฮิตออกมาเยอะอยู่พอสมควรโดยเฉพาะในช่วงปลายๆปีเช่นนี้และแต่ละชุดต่างก็มักจะงัดไม้เด็ดออกมาใช้กัน แต่จะว่าไปแล้วหลายๆอัลบัมก็ยังไม่ค่อยเป็นที่น่าประทับใจซักเท่าไหร่ และอัลบัมรวมเพลงอีกชุดที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี่ถือว่าเป็นอัลบัมรวมเพลงที่เจ๋งมากอีกหนึ่งชุด นั่นคือเป็นการรวมเพลงร็อกจากวงร็อกดีๆไว้ถึง 29 เพลงในซีดี 2 แผ่นคู่ ศิลปินที่อยู่ในอัลบัมชุดนี้เช่น Oasis ,Suede ,John Mayer , Five For Fighting, Crazy Town , Soul Asylum, Manic Street Preachers , Fuel และอีกหลายๆวงที่ให้เลือกฟังกันตามสบายสไตล์ใครสไตล์มัน ซึ่งเพลงที่รวมมานั้นเรียกได้ว่าเป็นเพลงเก่งของศิลปินนั้นๆอย่างเช่น Suede ที่มากับเพลง Beautiful One หรือ John Mayer กับเพลง No Such Thing หรือ Crazy Town เป็นต้น จะว่าไปแล้วอัลบัมชุดนี้เหมือนกับยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัว
Atrist : Linda Ronstardt Album : Hummin to Myself Style : Jazz Label : Universal Music
Linda Ronstardt จัดได้ว่าเป็นนักร้องระดับที่เรียกว่า diva อีกหนึ่งคน ยิ่งถ้าใครติดตามงานของเธอมาเรื่อยๆจะทราบดีว่านักร้องระดับกะทิอย่างนี้ร้องเพลงได้หาตัวจับยากทีเดียว ยิ่งเธอร้องเพลงในสไตล์แจ็สแล้วหล่ะก็ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังย้อนยุคกลับไปฟัง Billy Holliday ร้องยังไงยังงั้นเลยครับแม้ว่าเร้นจ์เสียงของเธออาจจะยังไม่เท่ากับ Billy Holliday ก็ตาม แต่ก็นับว่าเริ่มคนที่ร้องเพลงในสไตล์นี้ยากขึ้นทุกที อัลบัมชุดนี้คอนเซปเป็นเหมือนกับการนำเพลงแจ็สแสตนดาร์ดเก่าๆมาขับร้องใหม่ โดยเป็นการนำเพลงของครูเพลงอย่าง Cole Porter,Duke Ellington และคนอื่นๆมาร้องเป็นต้น ในส่วนของบทเพลงที่เธอนำมาร้องนั้นคอเพลงแจ็สรู้จักกันดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเพลง cry me a river, I fall in love to easily, Day Dream เป็นต้น ซึ่งเพลงส่วนใหญ่จะออกไปทางเพลงช้าฟังได้สบายๆเรื่อยๆ และอีกเรื่องที่อยากพูดเลยก็คือในเรื่องของแบ็กอัพในชุดนี้นั้นบุคลากรแต่ละคนนั้นหายห่วงเลยครับ ยิ่งใครที่เคยฟังเพลงแจ็สจะรู้จักชื่อของเขาดีว่าแต่ละคนนั้นเป็นมือปืนชั้นเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น Christian McBride เล่น ดับเบิ้ลเบส Roy Hargrove ที่เป่าฟูเกิลฮอร์น หรือ Peter Erskins ที่มารับหน้าที่ตีกลองเป็นต้น สำหรับอัลบัมชุดนี้ถือว่าเป็นอัลบัมแจ็สที่ได้ฟิลของความเป็นแสตนดาร์ดให้คุณไฟังกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอนครับ
Artist : Ashanti Album : Concrete Rose Style : Hip Hop / R&B Label : Universal Music
ผมมีความรู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สาวๆในแนวฮิบฮอบจะหายหน้าหายตาไปกันอยู่พอสมควร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮิบฮอบหนุ่มๆออกมากันเยอะพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา และครั้งนี้กับเธอคนนี้ที่ออกมาในแนวฮิบฮอบกับ Ashanti แม้ว่าสไตล์ของเธอจะไม่ถึงขนาดว่าเป็นฮิบฮอบร้อยเปอร์เซนต์แต่ก็น่าที่จะถูกรวมเข้ากับพวกฮิบฮอบได้ เพลงของเธอจะออกมาประมาณฟังได้เรื่อยๆไม่ถึงกับขนาดที่ว่าฟังแล้วต้องลุกขึ้นมาเต้นเอาแค่ประมาณว่าแค่พอโยกหัวโยกไหล่ขยับแข็งขาได้ ประมาณว่าเป็นฮิบฮอบที่ไม่โฉ่งฉ่างเอาแต่พองาม เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้เพลงฟังง่ายก็คือ ความที่มีอาร์แอนด์บีเข้าไปผสมอยู่ เพลงที่ออกเป็นฮิบฮอบอย่างชัดเจนก็มี Still Down หรือ Wonderful หรือ Turn It Up ที่ได้ Ja Rule มาร่วมแจมเป็นต้น เพราะนอกนั้นถึงจะเป็นฮิบฮอบแต่ก็ยังจางๆ ยังคงมีส่วนของความเป็นอาร์แอนด์บีอยุ่และในบรรดาเพลงพวกนี้แหละครับ ยังมีเพลงดีๆว่อนอยู่เหมือนกันอย่างเช่น So Hot เพลงนี้ผมกลับชอบคอร์ดที่เล่นรองรับอยู่ข้างหลังมันทำให้เพลงดูน่าสนใจอย่างแรง หรือ Massage To The Fans ในส่วนของแพทเทิร์นกลองและดนตรีที่คอยประกอบเข้ามาเล็กๆน้อย และเทคนิคคอยแพนเสียงซ้ายขวาที่ทำได้เท่ห์ดีครับ งานนี้ใครอยากลองฟังดูและหารายละเอียดประมาณนี้ ผมว่าชุดนี้มีให้ฟังกันอยู่เยอะครับ
Artist : Various Artist Album : Soundtrack Bridget Jones ll Style : /////////// Label : Universal Music
นับว่าเป็นหนังที่ดังอีกหนึ่งเรื่องในบ้านเรา กระแสแรงตั้งแต่ยังเป็นหนังสือให้อ่านกันและพอถูกนำไปสร้างเป็นหนังก็ยิ่งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องสร้างภาค 2 ตามออกมา เพลงที่รวมอยู่ในชุดนี้ถือว่าเป็นเพลงประเภทฟังได้เรื่อยๆเพลินๆ และมีเพลงเพราะจากศิลปินดังๆอยู่หลายคนอยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Sting มากับเพลงดังมันๆในยุคหนึ่งอย่างเพลง We’ll Be Together หรือ Robbie William ที่มากับเพลงช้าๆ Misunderstood หรือศิลปินในสายแจ็สรุ่นใหม่อย่าง Jamie Cullum ก็นำเพลงเท่ห์อย่าง Everlasting Love หรือจะเป็นเจ้าขาแดนส์อย่าง Kylie Minogue ที่มากับเพลงดังเป็นอย่างมากในบ้านเราอย่าง Can’t Get Out Of My Head หรือจะเป็นเพลงอย่าง Lovin ‘ You ของ Minnie Riperton เป็นต้น ส่วนศิลปินที่เหลือที่เราๆท่านๆอาจจะเคยรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อกันบ้างก็มี Primal Scream , Barry White , Beyonce ,Jay – z (ช่วงนี้กำลังฮอตมากครับ) ,Will Young เป็นต้น หากรวมเพลงที่อยู่ในชุดนี้ก็จะมีเพลงให้ฟังทั้งสิ้น 18 เพลง และจะมีเพลงสุดท้ายที่เป็นสกอร์เพลงมาให้ฟังกันเพลินๆด้วยครับ แม้ว่าชุดนี้เพลงอาจจะยังไม่แรงอย่างชุดแรกอย่างเพลง Out Of Reach แต่ก็เป็นเพลงที่ฟังได้เรื่อยๆและเหมาะมากกับวันสบายๆและอากาศดีๆในช่วงนี้ครับ