Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 6 ก.ย. 06    6 ก.ย. 49    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง



Artist : Venom
Album : Metal Black
Style : Metal / Black Metal
Label : Platinum

หากกล่าวถึงวงการดนตรีแบล็กเมตัลวงที่เป็นแกนนำทำให้คนรุ่นหลังบูชาราวกับเทพเจ้าคงหนีไม่พ้น Venom วงดนตรีสามชิ้นแต่แน่นปึ๊ก อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นแรงพลังผลักดันทำให้ Metalica เกิดขึ้นมา อัลบั้มชุดนี้เป็นงานชุดใหม่ของพวกเขาพร้อมการทำงานกับเทคโนโลยีในแบบดิจิตัล ชื่ออัลบั้มชุดนี้เป็นการกลับคำมาจากชุด Metal Black เมื่อปี 1982 การกลับมาครั้งนี้อาจจะอ่านด้วยในความดิบจากที่เคยมีในยุคโน้นไปซักนิด แต่ก็ยังไม่ได้เลวร้ายขนาดที่แฟนเพลงเก่าๆรับไม่ได้ นอกจากว่าคุณเป็นพวกที่ชอบการยึดติด พวกเขายังคงทำงานกันในแบบวงทรีโออยู่ โดยสมาชิกครั้งนี้ประกอบด้วย Cronos ร้องนำและเบส Mykvs กีต้าร์ และ Antton กลอง การกลบมาครั้งนี้ แม้จะพกความมันส์ ที่เต็มไปด้วยความเก๋าของประสบการณ์แต่ดูเหมือนว่าทิศทางของ Venom จะหันไปหาความทันสมัยมากขึ้น สังเกตุผ่านเพลงได้ว่า พวกเขาทำเพลงในชุดนี้ออกมาเหมือนกับวง Metal หนักๆในยุคนี้ รวมถึงซาวด์และการเล่นอีกด้วย แต่ก็ยังคงความเป็น Venom ไว้บางส่วน หลักๆคือวิธีร้อง ทั้ง 14 เพลงนั้นอัดกันเต็มที่ งานชุดนี้หากมองอีกมุมหนึ่งนั้น น่าจะเป็นเรื่องที่ดีซะอีกที่เราจะได้ฟังเมตัลแบบหวดสองกระเดื่องอย่างไม่ยั้งและที่สำครัญกีต้าร์ก็สามารถทำงานได้ดีทั้งโซโล่และริทึ่มคอร์ด สปีดที่ปั่นอย่างรวดเร็วสำเนียงที่เล่นได้ดุดันนั้นค่อนข้างจะหายากในงานเมตัลรุ่นใหม่ที่มีแต่ริฟและเน่นริทึ่ม ตรงจุดนี้ผมให้ Venom กินขาดงานเมตัลยุคนี้ ทั้งเพลงอย่าง Burn In Hell , Assassin , Lucifer Rising , Antechrist น่าจะเป็นเพลงที่คอเมตัลยุค 80 โหยหาในงานปัจจุบันอย่างยิ่ง อย่างน้อยผมเชื่อว่าคนที่ชอบ Metallica น่าจะชอบงานที่เป็นรากฐานของเมตัลอย่าง Venom และงานชุดนี้อย่างแน่นอน





Artist : Bleeding Through
Album : The Truth
Style : Metal / Black Metal
Label : Sony BMG

The Truth งานชุดใหม่จากวงเมตัลที่อาจเรียกว่าเป็นเมตัลคอร์หรือแบล็คเมตัลจนอาจมีส่วนผสมของอีโมและพั้งก์บ้างบางครั้งก็ว่าได้ การที่ได้ Sony BMG เป็นตัวจำหน่ายเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคอเพลงหูเหล็กทั้งหลาย ทำให้เราได้ฟังเพรชเม็ดงามที่ถูกซ่อนไว้ พวกเขาอาจจะเป็นความหวังของเพลงสไตล์นี้ที่ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้า ด้วยความแรงเร็วดิบอย่างไม่ปราณีคนฟังนั้นเป็นเรื่องที่หาฟังยากมากกับงานที่อยู่บนดิน สไตล์เพลงของ Bleeding Through แม้จะหนักหนาสาหัสอย่างไรพวกเขาก็ยังแฝงเอาเมโลดีสวยๆยัดไปอยู่ในเพลง การร้องแบบเสียงธรรมดา แม้จะใช้กันเยอะกับเพลงสไตล์นี้แต่ก็ยังได้ผลอยู่เสมอ For Love And Failing เปิดฉาก ซัดกันเต็มเหนี่ยว กลองในจังหวะไกร์คอร์หวดไม่ยั้ง Love In Slow Motion เท่ห์มาก กับการใช้คีย์บอร์ดมารองพื้น เพลงนี้คล้ายๆกับเพลงร็อกแบบนิวเมตัลที่มีอยู่กับวงรุ่นใหม่ๆ แต่ก็ยังมีสัดส่วนของความหนักแบบแล็คเมตัลแถบยุโรป Line In Sand เพลงช้าที่มีไว้เพื่อขายเต็มที่ The Truth เพลงบรรเลงที่ไม่ได้โชว์อะไรมากนัก หากเติมเนื้อร้องและเมโลดีเข้าไป ก็เท่ากับได้อีกหนึ่งเพลงเต็มๆ จริงๆเพลงนี้เหมือนเป็นการแจมกันและปล่อยไปตามฟิลบนทางคอร์ดที่วางไว้ ส่วนตัวผมแล้วค่อนข้างจะชอบมือกีต้าร์วงนี้กับริทึ่มที่เขาทำหน้าที่อยู่ เพราะฟังแล้วเทคนิคการสับพาวเวอร์คอร์ดของมือขวาค่อนข้างดีทีเดียว และการที่ได้เอนจิเนียร์ฝีมือดีๆซักคนมาช่วยก็เลยได้ซาวด์ดีๆพ่วงท้ายอีก จุดขายของวงนี้อยู่ที่ริทึ่มของสมาชิก ที่เน้นความเร็วและหนัก จุดหนึ่งที่พวกเขายังทำไม่ดีนักคงเป็นเรื่องของการเรียบเรียงเพลง ที่ค่อนข้างจะมีฟอร์มคล้ายๆกันมาเป็นแพ็ค จุดนี้ถ้าหากพวกเขาสลัดให้หลุดออกไปได้ ผมเชื่อว่างานชุดหน้าน่าจะมีอะไรดีๆมาให้ฟังกันอีกแน่นอน





Artist : Sepultura
Album : Dante XXI
Style : Metal / Death Metal
Label : Platinum

นับตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงนั้นคือการที่ Max Cavalera ได้ออกจากวงไป ระบบที่เคยสร้างมานั้นค่อนข้างจะสั่นคลอนอยู่พอสมควร แม้วงจะแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนตัวนักร้องมาเป็น Derrick Green มาทำหน้าที่นี้แทน ก็ยังไม่ค่อยออกมาดีและพอใจสำหรับแฟนเก่าๆซักเท่าไหร่นัก แต่นั้นก็เป็นการบ้านที่ยากเอาการของ Derrick อัลบั้มแล้วอัลบั้มเล่าที่ Sepultura ออกมานั้นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผิดกับ Soulfly ที่เดินหน้าไปได้สวยในวงการเมตัล และสำหรับอัลบั้มชุดใหม่ของ Sepultura นั้นก็เป็นที่จับตามองอย่างยิ่งกับการเคี่ยวเข็นอย่างหนักจนออกมาเป็น Dante XXI

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยกับงานชุดนี้คือ การทำหน้าที่ของทุกคนนั้นค่อนข้างจะประกอบเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจน โดยเฉพาะ Derrick ที่เห็นการพัฒนาอย่างดีเยี่ยม วิธีการร้องของเขาพัฒนามันจนน่าจะถูกทางกับ Sepultura ที่จริงน่าจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เสียงร้องของเขานั้นมาในครั้งนี้ดุดันและใช้เทคนิกที่เรียกแบบไทยๆว่าสำรอกเยอะมาก นั้นคือการทำให้เพลงทั้งชุดดูมีพลังเพิ่มตาม แต่ยังไงบทบาทสำคัญก็ยังตกอยู่กับ Andreas Kisser และ Iggor Cavalera อยู่วันยังค่ำ สังเกตุได้จากหลายๆเพลงที่ไม่ริฟจากกีต้าร์ก็เป็นกลองขึ้นนำมาก่อน Convicted In Life หวนให้นึกถึงวันเก่าของวง ทั้งการเรียบเรียงและการเล่น False หนักแน่นรุนแรงและเต็มไปด้วยเท็นชั่น Repeating The Horror มาเป็นลูกผสมของอิเล็กทรอนิก้าร์ในช่วงแรกก่อนจะค่อยๆดึงอารมณ์กดดันให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเพลงบรรเลงนั้นยังมีให้ฟังกันแต่บอกตามตรงเลยว่าทำออกมายังอ่อนความเป็น Sepultura อย่างที่เคยเป็น งานชุดนี้หากใครคิดจะนำไปเทียบชั้นอย่าง Chaos AD หรือ Root นั้นคิดผิดทันทีเพราะมันไม่สามารถเทียบงานยุคนั้นได้ แต่กลับกันแล้วมันกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ Sepultura ในการเรียกแฟนเพลงเก่าๆกลับมา





Artist : Lost Prophets
Album : Liberation Transmission
Style : Rock
Label : Sony BMG

ร็อกสต่าร์รุ่นใหม่จากเกาะอังกฤษที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเล่นสดได้มันส์มาก กลับมาพร้อมงานชุดที่ 3 การกลับมาครั้งนี้พวกเขายังได้ โดยมีโปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง Bob Rock (เคยทำงานให้ Metallica, Bon Jovi และอีกหลายต่อหลายวง) มาช่วยตีกรอบสร้างรูปร่างของวงให้ดียิ่งขึ้น และผลที่ตามมาก็ดีขึ้นกว่างายชุดเก่าจริงๆซะด้วย จังหวะจะโคนถูกวางไว้ถูกที่ถูกทาง แต่สิ่งที่ตามมาคือการที่ลดดีกรีความดิบลงกลายเป็นการตลาดมากขึ้น Everyday Combat เพลงที่เปิดวงได้อย่างสมศักดิ์ศรี ทั้งเมโลดีและภาคดนตรีกลับมาที่ความเป็น Lost Prophets อย่างเต็มตัว อาจมีความเป็นพั้งก์ผสมอยู่เล็กน้อย และนานๆที่จะได้เห็นวงนิวเมตัลมาโชว์ปั่นโซโล่ดูกัน A Town Called Hypocrisy ลดดีกรีความแรงลง เอาแค่จังหวะโจ๊ะ แต่ติดหูดีชะมัด เสียงประมาได้ทุกเวลาครับ ทำให้เพลงมีมิติมากขึ้น Rooftops (A Liberation Broadcast) เพลงช้า เมโลดีงามๆ เพลงนี้ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลแรกของวงอีกด้วย เป็นเพลงที่ค่อนข้างโดนใจ หลายๆครั้งที่ได้ฟังเพลงประมาณนี้ มักจะพาลนึกถึง L’Arc – en – Ciel อย่างบอกไม่ถูก Heaven For The Weather , Hell For The Company มีส่วนผสมของอิเล็กทรอนิก้าและสไตล์กอติกของยุโรปเล็กน้อย Always All Ways (Apologies, Glances And Messed Up Chances) ชื่อเพลงยาวมาก เป็นเพลงช้าออกป็อปติดหูไม่ยาก เหมือนกับได้ฟังเพลงของ Incusbus หรือ Hoobustank เป็นการส่งท้ายงานชุดนี้อย่างนุ่มนวล งานชุดนี้แม้จะลดความกร้าวลงไปหน่อย แต่ก็น่าจะถูกใจขาโมเดิร์นร็อกที่ผสมอีโมและพั้งก์บ้างเล็กน้อยแน่นอน





Artist : Sex Pistols
Album : Spunk
Style : Punk
Label : Platinum

ผู้สร้างตำนานบทใหม่ด้วยดนตรีที่ออกมาจากสัญชาติญาณภายในของตัวผู้เล่น ด้วยความดิบและเถื่อนไม่จำเป็นต้องเรียบเรียงให้สวยงามจนได้บทสรุปที่ใครต่อใครตั้งให้ว่าคือสไตล์ “Punk” แม้ว่าวงนี้จะมีอายุได้ไม่นานแต่ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างมากมาย งานชุดนี้เป็นการรวมรวมเอาเพลงที่เป็น Bootleg และเหล่าบรรดาเดโม ที่รวมไว้เป็นทางการของวงและเคยออกวางขายเมื่อปี 1977 และ Spunk ในตอนนี้ก็เป็นการฉลองครบ 30 ปี ก็เลยทำการนำกลับมาขายใหม่อีกครั้งหลายๆแทร็คเต็มไปด้วยความดิบและเพี้ยนแต่ให้ความมันส์อย่างบอกไม่ถูก เพลงหลายๆเพลงทำให้เราเห็นถึงที่มาที่ไปของชื่ออย่างชัดเจน เพลงที่มีการวงเล็บไว้อยู่ข้างหลังนั้น ชื่อต้นของมันเป็นชื่อที่ใช้ในครั้งแรกก่อนที่ภายหลังจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อในวงเล็บ ใครที่อยากค้นไปถึงต้นกำเนิดของพั้งก์ไม่น่าพลาดงานชุดนี้เด็ดขาด





Artist : The Feeling
Album : Twelve Stops And Home
Style : Rock
Label : Universal Music

วงดนตรีร็อก 5 ชีวิตจากประเทศอังกฤษประกอบด้วย 2 กีต้าร์ 1 เบส 1 คีย์บอร์ดและ 1 กลอง เพลงของพวกเขานั้นกำลังดึงคนฟังย้อนกลับไปสู่ดนตรียุค 70 ในช่วงที่ร็อกจากอังกฤษกำลังจะระเบิดเปิดฉากอย่างเป็นทางการ ทั้งฮาร์โมนีและเมโลดีที่ทำให้คนฟังง่ายต่อการฟังและจำ ราวถึงเสียงร้องประสานในแบบดนตรีอังกฤษ มองลึกลงไปในเพลงของพวกเขาแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะพบกับส่วนผสมของ The Beatles , Queen และแม้แต่ Sex Pistols ก็ตามทุกอย่างหล่อหลอมออกมาอยู่ในชุดนี้ Never Be Lonely เสียงประสานในเพลงนี้ทำให้เพลงมีเสน่ห์อย่างแรง Fill My little World ป็อปจังหวะกลางๆ สบายๆ เหมาะกับวันใสๆ Sewn เป็นเพลงในอัลบั้มที่ ผมเชื่อว่าจะทำให้คนรัก John Lennon ต้องคิดถึง The Beatles และต้องรักเพลงนี้อย่างแน่นอน แต่ออกจะเป็น The Beatles ยุค 2000 ส่วน Same Old Stuff เพลลงช้าในสไตล์โมเดิร์นร็อกที่เราจะสามารถเห็นได้จาก Travis หรือ Coldplay และ I Want You Now ร็อกเจือป็อปและเติมส่วนผสมของอัลเทอเนทีพพั้งก์ซักเล็กน้อย เป็นเพลงเปิดอัลบั้มที่ลงตัว ท่อนฮุคติดหู งานชุดนี้จุดเด่นที่ลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดก็ต้องยกให้กับเสียงประสานและเมโลดีเพราะแบบช่วง 70 อย่างที่บอกไว้ นั้นคือจุดขายที่ยิ่งใหญ่และต่างจากวงร็อกจากอังกฤษที่มีอยู่ในตอนนี้ การเรียบเรียงเพลงค่อนข้างจะละเมียดละไม นั้นหมายความว่า 12 เพลงอาจจะหยุดให้คุณทำทุกอย่างและหันมาสนใจพวกเขา จุดหนึ่งถ้าการที่เป็นคนชอบดนตรียุค 70 ที่เต็มไปด้วยความงดงามก็ไม่น่าพลาดชุดนี้อย่างยิ่ง





Artist : Thom Yorke
Album : The Eraser
Style : Electronica / Ambient
Label : Platinum

งานเดี่ยวชุดแรกจากแกนนำวง Radio Head ที่สามารถทำลายความคาดหวังจากแฟนเพลงลงอย่างสิ้นเชิง งานทั้งชุดนั้นไม่มีความเหมือนกับ Radio Head เลยแม้แต่น้อย มันเหมือนเป็นวัตถุดิบที่ Thom กลั้นกรองมันออกมาและอยากทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ แต่การที่อัลบั้มชุดนี้วางแผงได้เพียง 8 วัน งานชุดนี้ก็เป็นที่ตอบรับเป็นอย่างดีของแฟนเพลง จน ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 12 อัลบั้ม เข้าชิงรางวัล Nationwide Mercury Music Prize 2006 จากผลงานของศิลปินอังกฤษและไอริช

เพลงในชุดนี้ Thom ค่อนข้างจะนำสิ่งที่มีอยู่ในใจระบายออกมาผ่านเสียงเพลงที่เต็มไปด้วยซาวด์หม่น และเป็นการที่เขาแต่งเติมไอเดียวความชอบ ยังคงความเป็นอวังกาดเต็มที่ ซาวด์ที่เขาดีไซด์ค่อนข้างเต็มไปด้วยความกดดันและล่องลอย 9 เพลงในชุดนี้จึงไม่ค่อยต่างอะไรกับงานศิลปะในแบบของแอ็ปสแต็กที่อยู่ที่การตีความของแต่ละบุคคล การที่ได้ฟังงานชุดนี้สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับความคิดของ Thom นั้นอาจเกิดการสติแตกขึ้นมาได้อย่างง่ายๆ โครงสร้างของเพลงที่วางไว้หลวมๆ ซาวด์ดนตรีที่ทำมาจากเครื่องล้วนๆ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับถึงไอเดียของเขาอย่างแรงครับ การสร้างบีทและนำไปวางไว้ในเพลงต่างๆนั้นค่อนข้าจะมีเอกลักษณ์สำหรับเพลงนั้นๆอย่างดี ง่ายๆสำหรับงานชุดนี้คือเหมาะกับคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆที่ไม่จำเจจากท้องตลาดและชอบงาน หม่นๆบีบอารมณ์ และงานทดลองที่อาจเรียกเข้ากลุ่มของอวังการ์ดก็น่าลองชุดนี้อย่างแรง งานชุดนี้น่าจะเป็นบทสรุปของคำว่าศิลปะอยู่เหนือธุรกิจ





Artist : Sublime
Album : Gold
Style : Ska / Ska Punk
Label : Universal Music

อีกหนึ่งวงดนตรีที่กลายเป็นตำนานตลอดกาล พวกเขาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างกระแสดนตรีจาไมก้าที่เรียกว่า “สกา” ให้ขึ้นมาอยู่แนวหน้าวงการดนตรีทั่วโลก ส่วนผสมที่หล่อหลอมรวมกันทั้งป็อป,Dub,เร็กเก้,สกาและพั้งก์ร็อกเป็นแนวทางที่คิดค้นจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานชุดนี้อยู่ในซีรี่ย์ Gold ที่รวมเอาเพลงดีๆของวงดังต่างๆในอดีตมาบรรจุไว้ในซีดีสองแผ่นคู่ สำหรับ Sublime นั้นมีทั้งหมด 44 เพลงเต็มอิ่ม เพลงดังอย่าง Santeria , D.J’s , Bad Fish , Date Rape รวมถึงเพลงเก่งจาก Bob Marley อย่าง Trenchtown Rock ก็นำมาคัพเวอร์เล่นอีกด้วย งานชุดนี้นับว่าเป็นเรื่องดีที่ออกมาในช่วงนี้ นั้นหมายถึงส่วนหนึ่งทำให้วงการดนตรีเร็กเก้สกาน่าจะทำให้คนที่สนใจมีโอกาสหางานดีๆเช่นนี้มาฟังกันได้ง่ายขึ้น คอสกาไม่น่าพลาดอย่างแน่นอน





Artist : Fried Pride
Album : Music Cream
Style : Acoustic / Jazz
Label : Paltinum

หากย้อนกลับไปงาน Fats เมื่อปีที่แล้ว หลายๆคนที่ไปร่วมงานนั้นน่าจะจำภาพของดูโอ้ชายหญิงจากญี่ปุ่น กับสไตล์การเล่นเพลงแบบฟิงเกอร์สไตล์ที่ผสมอยู่กับเพลงร้อง ทั้ง Akio Yokota (กีต้าร์) และ Shiho (ร้อง) นั้นต่างก็มีงานเดี่ยวและงานในนามของ Fried Pride อยู่หลายชุด ฝีมือในการเล่นของ Akio และสไตล์การร้องของ Shiho นั้นหลายต่อหลายครั้งที่ฟังมักจะอดไม่ได้ที่จะนึกถึง Tuck & Patti ผู้เป็นต้นฉบับของสไตล์นี้

อัลบั้มชุดนี้เขาทั้งคู่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพลงส่วนใหญ่ก็เป็นงานเพลงคัพเวอร์ของศิลปินท่านอื่นๆแล้วนำมาปรุงแต่งเพิ่มรสชาดใหม่และก็มีเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองด้วย รวมถึงการใช้เครื่องดนตรีต่างๆเข้ามาช่วยเสริมทัพ โดยเฉพาะเพอคัสชั่น แต่งานชุดนี้จะมีเพลงที่เป็นภาษาญี่ปุ่นเข้ามาด้วยต่างจากงานชุดเก่าๆ หลายๆเพลงยังคงเป็นเพลงดังที่เรารู้จักกันดี Can’t Take My Eyes Of You มาแบบแซมบ้าเผ็ดๆมันส์ๆเสียงร้องของ Shiho นั้นมีส่วนในการดึงเพลงนี้ให้เด่นขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม Night Bird บอสซ่โนว่ากึ่งๆแซมบ้า มีการนำมาเรียบเรียงทางคอร์ดใหม่ หลายๆท่อนในเพลงจะพบการคอร์ดซับที่รองรับทำให้ตัวเมโลดีเพลงโดดเด่นขึ้น Higher Ground มาเป็นอะคูสติกแจ็สเบาๆ La La Means I Love You เพลงเพราะอีกเพลงที่มาทำเป็นอะคูสติกป็อปมากขึ้น โทนนุ่มๆเย็นๆ อีกเพลงที่น่าสนใจมากกัง Words With Wings ฟังกี้โซลโยกๆ จากการแต่งของพวกเขา Get Down To Me เพลงนี้ Akio โชว์การเล่นริทึ่มบนกีต้าร์ได้อย่างเยี่ยมจริงๆ เพลงมันส์ๆ Akio ใช้กีต้าร์ตัวเดียวคุมทั้งคอร์ดและกึ่งสแล็ปไลด์เบส ครบเครื่อง ส่วนที่เป็นองค์ประกอบหลักเลยก็คงหนีไม่พ้นการเล่นและการเรียบเรียงเพลงของ Akio Yokota ที่ฝีมือจัดจ้านทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่มุมหนึ่งที่เสริมให้เด่นขึ้นก็คงเป็นเสียงของ Shiho ที่พยายามเลียนเสียงและสไตล์การร้องเหมือนคนดำ และเธอก็ทำได้ผลจริงๆด้วย รวมถึงสำเนียงที่ได้ความเป็นคนดำ ทั้งสองจุดนี้ที่ทำให้งานออกมาแตกต่างจากงานเพลงญี่ปุ่นทั่วๆไป เพราะงานจากเขาทั้งคู่นั้นค่อนข้างจะก้าวไปสู่ตลาดอินเตอร์ได้เป็นอย่างดี





Artist : Kristian Jorgensen Quartet feat Monty Alexander
Album : Meeting Monty
Style : Jazz / Country Jazz
Label : Hit Man

นับว่าเป็นงานที่โชคดีของคนฟังอย่างมาก อันแรกเลยก็คือเราจะได้ฟังยอดนักเปียโนสไตล์บ็อบ อย่าง Monty Alexander ต่อมาคือ เราจะได้ฟังมือไวโอลีนที่หาฟังยากมากในวงการแจ็สนับแต่ Stephan Gillespie มาก็ยังไม่มีใครที่ออกมาให้ฟังกันซักเท่าไหร่ และโชคดีอันสุดท้ายก็เป็นเรื่องของ การที่เราจะได้ฟังเขาทั้งคู่เล่นคู่กันนั้นเอง มาครั้งนี้ในงานชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่าแจ็สและคันทรี The Mill เป็นเพลงที่เห็นได้ชัดสำหรับตัวอย่างนี้ แต่ก็ยังคงความเป็นแสตนดาร์ดแจ็สในอีกหลายๆเพลงด้วย และในอัลบั้มแจ็สแต่ละชุดนั้นคงเป็นไปได้ยากที่จะเห็นใครนำเพลงตัวเองมาเล่นทั้งร้อยเปอร์เซ็น อัลบั้มชุดนี้ก็เช่นกัน A Flower Is A Love Some Thing เพลงเก่าที่แต่งโดย Billy Strayhorn ,Oriental Shuffle ของ Django Reinhardt , Estate ของ Bruno Martino และเพลงอมตะอย่าง Willow Weep For Me ของ Ann Ronell

ประเด็นหลักที่ทำให้อัลบั้มชุดนี้น่าสนใจก็คงตกไปอยู่ที่ Monty Alexander จนน่าจะกลายเป็นงานของ Monty อย่างเต็มตัวและการได้ร่วมเล่นกับ Monty นั้น ก็เป็นผลอันยิ่งใหญ่ที่ Kristian จะกลายเป็นที่จับตามองอย่างแน่นอน ฝีมือการเล่นของเขานั้นมองทั่วๆไปแล้วยังไม่มีอะไรหวือหวามากนัก ยิ่งโดยเฉพาะเพลงในแบบบ็อบเร็วนั้นยังจืดไปซักนิด แต่ก็ฟังได้เรื่อยๆ แต่เขากลับเหมาะกับเพลงอย่าง Oriental Shuffle ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนของผู้ร่วมงานนั้น ชื่อของ Monty เป็นตัวประกันได้อยู่ว่าไลด์เปียโนไม่มีอะไรน่าผิดหวัง วเครื่องอื่นอย่าง กีต้าร์ ,เบส ,กลองนั้นก็ทำหน้าที่ของแต่ละคนได้อย่างดี การที่ได้พบกับ Monty อย่างชื่อชุดนั้น น่าจเป็นการนั่งคุยกับอาจารย์ Monty ในแบบสบายๆ มากกว่าที่จะมาบู๊กันให้แหลกไปข้าง งานชุดนี้จึงเป็นงานที่น่าฟังในวันสบายๆอากาศดีๆครับ





Artist : Xue Fei Wong
Album : Ramance De Amor
Style : Classic
Label : EMI

นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่เราจะได้เห็นผู้หญิงเล่นกีต้าร์จนก้าวชึ้นมาอยู่ชั้นแนวหน้าของวงการดนตรี Xue Fei Wong เป็นนักดนตรีชาวจีนผู้ที่ได้ดิบได้ดีในวงการคลาสสิก John William เป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะยกย่องเธอถึงความสามารถตลอดเวลา ประสบการณ์การเล่นทั้งวงใหญ่วงเล็กงานระดับยักษ์ในเมืองนอกโดยเฉพาะแถบยุโรปนั้นเธอผ่านมานับไม่ถ้วนแล้วครับ อีกทั้งยังเป็นศิลปินคนแรกของจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับอินเตอร์ เพียงแค่อายุช่วงวัยทีนเท่านั้นนี่คือตัวอย่างที่ดีของความมุ่งมั่นและได้รับความสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่ไม่มัวมองว่าดนตรีมีเพียงแค่สไตล์ป็อปหลอกเด็ก

อัลบั้มชุดนี้เป็นการนำบทเพลงคลาสสิกและเพลงที่เป็นวัฒนธรรมที่มีอยู่แล้วทั้งสามซีกโลกมารวมกันนั้นคอเพลงจาก ยุโรป,อเมริกาและเอเชียมาบรรเลงด้วยกีต้าร์คลาสสิก เพลงเด่นๆก็มี Recuerdos De Ia Alhambra ,Ramance De Amor เป็นเพลงคลาสสิกที่มือกีต้าร์แทบทุกคนเล่นได้แน่นอน Schindler’s List เพลงที่ใช้ประกอบหนัง แต่งโดย John William และ Sakura เพลงประจำชาติญี่ปุ่นก็ว่าได้ Cavatina เพลงช้าที่เพราะอีกเพลง สไตล์การเล่นของเธอนั้นค่อนข้างจะนุ่มและน้ำหนักการนั้นถือว่าเล่นได้เนียนมาก การเล่นหนักเบานั้นทำได้ดีมาก โทนเพลงโดยรวมของชุดนั้นเป็นเพลงช้าที่สามารถฟังได้เรื่อยๆ แต่บทจะบู้เธอก็ทำได้ดี และอาจลบภาพของดนตรีคลาสสิกที่ฟังยากออกไปจากโลกนี้อีกด้วย วงการกีต้าร์กำลังจะได้สิงห์นักปั่นมาประดับวงการอีกคนอีกทั้งฝีมือการเล่นไม่เป็นรองผู้ชายแน่นอน





Artist : Clea
Album : Trinity
Style : Pop /Pop Dance
Label : Platinum

วงทรีโอจากประเทศอังกฤษกับงานป็อปชุดแรกของพวกเธอ กับงานชุดนี้ภาพในประเทศของเธอเองนั้นก็ถือว่าค่อนข้างจะเข้าทางคนฟัง เพราะมันทำให้พวกเธอทั้งสามได้แสดงเป็นวงเปิดให้กับ Blue, Lemar และ Daniel Bedingfield มาแล้วด้วยในการทัวร์ในประเทศอังกฤษ และเธอเองก็เพิ่งจะมาเปิดมินิคอนเสิร์ตในบ้านเราไม่นานนี้เอง มาตราฐานการทำเพลงในชุดนี้ค่อนข้างดี อันนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้กับโปรดิวเซอร์และทีมทำเพลง สไตล์เพลงของพวกเธอเป็นการผสมผสานเอาดนตรีแบบอิเล็กทรอนิก้า,ทริปฮอปและเหล่าบรรดาชิลเอาด์มาใช้กับเพลงป็อป ซิงเกิ้ลแรกที่ถูกตัดออกมาก็เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง Download It ที่เป็นชิลเอาด์เท่ห์ๆ Cloth Off ย้อนยุคกลับไปสู่แด้นส์ซัก 80 – 90 นึกถึงสไตล์ของ Kylie Minough ส่วน Reasons อาร์แอนด์บีป็อปช้าๆ Free Styles อิเล็กทรอนิก้าร์ที่เราเห็นได้จากเพลงฮิพฮอพในยุคนี้ Stuck In The Middle เพลงช้าที่ทำเพื่อโดนใจแฟนเพลงตามสไตล์เกิล์ลกรุ๊ป องค์ประกอบของดนตรีหลักๆนั้นก็คงเป็นส่วนของคีย์บอร์ดและโปรแกรมมิ่งร่วมถึงเสียงซินท์ต่างๆ สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในสไตล์แด้นส์ของพวกเธอนั้นคือการที่เป็นแด้นส์จากฝั่งยุโรปน่าจะได้เปรียบกว่าสไตล์ในแด้นส์ในอเมริก้า เพราะอย่างน้อยเพลงของพวกเธอยังมีความละเอียดและไอเดียในเรื่องการซาวด์ดีไซด์ที่น่าสนใจ Clea เป็นป็อปแด้นส์ที่ยังไม่แตกต่างจากวงอื่นๆสไตล์นี้ แต่ก็เป็นงานอีกหนึ่งชุดที่สามารถฟังได้เรื่อยๆ




any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket