ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : Tommy Angelo Album : Live A Tribute To Guitar Heroes Style : Rock Label : Angelo Record
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าอัลบั้มชุดนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่เป็นความภาคภูมิของชาวไทยอีกหนึ่งชุดก็ว่าได้โดยเฉพาะวงการดนตรีและมือกีต้าร์ทั้งหลาย Tommy Angelo ไม่ใช่ใครอื่นแต่ชาวต่างชาติต่างรู้จักันในชื่อนี้ แต่สำหรับมือกีต้าร์ชาวไทยแล้ว ชื่อ Tommy Angelo ก็คือ พี่ตุ้ม วีระ โชติวิเชียร สุดยอดมือกีต้าร์ทั้งทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลังของวงการดนตรีเมืองไทยมามากมาย อัลบั้มชุดนี้พี่ตุ้มได้นำเพลงที่รักของศิลปินระดับตำนานไม่ว่าจะเป็น Jimi Hendrix , Stevie Ray Vaughan , Van Halen , Steve Vai , Eric Johnson มาเล่น โดยที่รายละเอียดของเพลงยังคงไว้เหมือนกับต้นฉบับทุกประการ นั้นคือสิ่งที่พี่ตุ้มได้สดุดีต่อศิลปินเหล่านั้น
อัลบั้มชุดนี้ได้บันทึกเสียงสด โดยไลด์กีต้าร์ทุกไลด์ทุกเสียงและสำเนียงนั้น มาจากฝีมือและการผึกฝนอย่างหนักของพี่ตุ้ม ไม่มีการตัดแปะอย่างเพลงสมัยนี้แน่นอน มีหลายต่อหลายคนที่ได้ฟังอัลบั้มชุดนี้แล้วไม่เชื่อว่านี่คือศิลปินคนไทยเป็นคนเล่น เช่นเพลง For The Love Of God ผมว่าเพลงนี้มือกีต้าร์หลายคนรู้กันดีถึงความหินและยาก หรือ Tender Surrender แต่พี่ตุ้มกลับเล่นออกมา นึกว่า Steve Vai นอกจากนี้ก็มีเพลง Cliff Of Dover , Eruption , Pride & Joy, Scuttle Buttin , Purple Haze , Blue Powder มาเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งหนึ่งที่ผมไม่มั้นใจนักว่านักดนตรีที่เหลือนั้นเป็นคนไทยด้วยหรือเปล่า เพราะเครดิตที่ที่ลงไว้เป็นชื่อฝรั่ง แต่ที่ผมได้เคยมีโอกาสได้ดูพี่ตุ้มเล่นนั้นนักดนตรีที่เล่นเป็นคนไทย ล้วนๆ ถ้าใช่อย่างที่ผมคิด นี่แหละครับคือความภาคภูมิใจของคนไทยอย่างยิ่ง
Artist : Keane Album : Under The Iron Sea Style : Rock Label : Universal Music
ทิ้งห่างจากอัลบั้มชุดแรกไม่นานนัก under the iron sea ก็ออกตามมาให้ได้ฟังกัน กลับมาครั้งนี้ Keane ค่อนข้างจะปรับเปลี่ยน อะไรหลายๆอย่าง จากที่เคยได้เห็นมาในชุดแรก ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของซาวด์ดนตรีและทุกส่วนที่เป็นเรื่องของดนตรีที่มีความกร้าวขึ้นมากกว่าเก่า แน่นอนว่าอัลบั้มชุดนี้ไม่มีเพลงที่ป็อปร็อกหรือโมเดิร์นร็อกแบบที่พวกเขาเคยได้ทำมาในอัลบั้มชุดที่แล้วอย่างแน่นอน เมโลดีที่มีความซับซ้อน และลึกมากขึ้นอีกทั้งซาวด์ที่ค่อนข้างให้ความรู้สึกแบบโพรเกสซีพ รวมถึงเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยการสะท้อนถึงปัญหาและชีวิตในด้านมืดของมนุษย์ ซึ่งแตกต่างจากอัลบั้มชุดแรกที่เนื้อหาเต็มไปด้วยความรัก จนมีหลายคนต่างให้ข้อสังเกตว่า Keane กำลังจะเจริญรอยตามรุ่นพี่อย่าง Cold Play และ Radio Head รวมถึง U2
Is It Any Wonder เพลงที่ตัดเป็นซิงเกิ้ล ค่อนข้างเหมือน U2 เมโลดีที่ไหลลื่นตามคอร์ด เดาทางได้ง่าย Atlantic เพลงที่ให้ความรู้สึกกดดันและเต็มไปด้วยโลกมืดในท่อนแรก ทุกอย่างเหมือนกับลอยเคว้งอยู่กลางอากาศในท่อนฮุค ค่อนข้างเป็นความรู้สึกเดียวกับแจ็ส ที่เป็นการเล่น tension และ ค่อย release ต่อมา A Bad Dream ผมมีความรู้สึกว่านี่คือภาคของ John Lennon ในยุคปัจจุบัน หากฟังงานของ John ในยุคที่แตกไลด์จาก The Beatles แล้วจะให้ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับกำลังเมาอะไรซักอย่างและกำลังค้นหาทางออกให้กับตัวเอง โดยผ่านความเป็นกวีของบทเพลง Broken Toy ค่อยกลับมาเหมือนกับสิ่งที่ Keane เคยทำไว้ แต่ท่อนกลางเพลงก็ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงที่หลอนคนฟังด้วยซาวด์
Artist :Fini Hostrup Album : So Gentle Style : Jazz Label : Hit Man
มือเปียโนฝีมือดีทั้งในการประพันธ์และการเล่น และเจ้าของผลงานอย่าง Fini นั้นก็มีผลงานพ่วงท้ายอย่างมากมายโดยเฉพาะฐานะคนทำเพลงประกอบละครเพลง ภาพยนตร์ และเพลงตามรายการโทรทัศน์ Fini รับรางวัลอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลในสาขา Best Film Music ในปี 1991
การกลับมาในอัลบั้มชุดนี้ Fini ได้นำนักดนตรีที่เล่นในแบบควอเต็ดนั้นประกอบด้วย เปียโน,กีต้าร์,ดับเบิ้ลเบสและกลอง และสไตล์เพลงในแบบยุโรปที่เป็นการผสมผสานระหว่างแจ็สและคลาสสิก จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยถึงท่วงทำนองแบบคลาสสิกเล่นอยู่บนจังหวะแจ็ส 10 เพลงในอัลบั้มชุดนี้เต็มไปด้วยความงดงามอบอุ่นและละเมียดละไมของตัวโน็ต โครงสร้างเพลงที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนแต่ให้ความสำคัญกับเรื่องของเมโลดีอย่างมหาศาลแม้กระทั่งตอนอิมโพรไวส์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น จะเห็นได้ชัดจากเพลง Like A Rose , Snow Bossa , Green Winter (เพลงจังหวะวอลล์ที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของยุโรป) , Monkey Waltz , So Gentleเป็นต้น
อัลบั้มชุดนี้หากมองย้อนกลับไปนั้นมุมมองที่เห็นได้ชัดคือ Fini ทำเพลงที่ไพเราะออกมาตอบสนองความต้องการโดยพื้นฐานของคนฟังได้อย่างชัดเจน เรียบง่านและเน้นเมโลดี ไม่วุ่นวาย นี่อาจเป็นเรื่องยากที่ท้าท้ายสำหรับนักดนตรีและนักแต่งเพลง ที่จะทำงานเพลงซักหนึ่งชุดเพื่อที่สามารทฟังเพลง ทั้งอัลบั้มซ้ำไปซ้ำมาได้อย่างไม่มีเบื่อ และ So Gentle ของ Fini ก็กำลังเป็นเช่นอย่างที่ไม่มีใครกล้าปฎิเสธได้ อัลบั้มชุดนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งซีดีที่คุณนำติดตัวไปทุกที่อย่างแน่นอน
Artist : Noon Album : Smilin Style : Pop Jazz / Easy Listening Label : Platinum
สาวเสียงใสจากแดนอาทิตย์อุทัยกับอัลบั้มชุดใหม่กับสไตล์เพลงนุ่มๆ ครั้งนี้เธอนำบทเพลงเก่าๆซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีนำมาเรียบเรียงใหม่ในแบบแจ็ส ไม่ว่าจะเป็นเพลง Smile , Don’t Let Me Be Lonely Tonight Superstar , You’ve Got A Friend, Black Oprheus เป็นต้น เพลงเกือบทั้งอัลบั้มนั้นเป็นเพลงช้าที่สามารถฟังได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแทร็คฟังแต่อย่างใด เสียงและวิธีการร้องหายห่วง สำเนียงการร้องเพลงภาษาอังกฤษของเธอนั้นสอบผ่านได้อย่างดี ในส่วนของดนตรีนั้นส่วนใหญ่เป็นเครื่งดนตรีที่ใช้กับงานเพลงแจ็สโดยเฉพาะ และก็เครื่องดนตรีอะคูสติก ยิ่งเปียโนกับอัลบั้มชุดนี้ที่ใช้งานเป็นหลัก เพลงเด่นในอัลบั้มคงหนีไม่พ้น Don’t Let Me Be Lonely Tonight ซึ่งไม่ว่าจะมีใครนำไปร้องซักกี่ครั้งก็ยังคงเสน่ห์ของเพลงไว้ได้อย่างงดงาม หากคุณกำลังมองหาอัลบั้มที่สบายๆหูซักหนึ่งชุด กับชั่วโมงที่อยากพักผ่อนอัลบั้มชุดนี้เป็นคำตอบที่ดีเยี่ยม
Artist : Various Artist Album : Hua Hin European Jazz Style : Jazz Label : Hit Man
หลังจากงานหัวหินแจ็สที่ผ่านน้นค่อนข้างจะทำให้คอเพลงได้เห็นศิลปินในแวดวงแจ็สเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะการดำเนินงานของทาง Hit Man ที่ทำให้เราได้ดูแจ็สจากยุโรปอย่างมากมาย และอัลบั้มชุดนี้เองก็เป็นการรวมเพลงของศิลปินจากทางยุโรปเหล่านั้นที่ได้มาเล่นโชว์ในงานหัวหินแจ็สครั้งที่ผ่านมาและศิลปินที่เคยมาเล่นเมืองไทยและรวมถึงงานตัวใหม่ๆของทางค่ายรวมแล้ว 14 วง 14 เพลง อีกทั้งมีหลากหลายสไตล์ให้เลือก อย่างบอสซ่านุ่มๆก็ Eldissa , คอนเท็มโพรารี่แจ็สเย็นๆ The Piano ,Fini Hostrup แจ็สผสมคลาสิกบรรเลง หรือจะเป็นแจ็สแบบแทมโบ้มันส์ๆ Hans Ulrik เป็นต้น นอกจกานี้ยังมีอีกหลายศิลปินให้เลือกฟังแตกต่างกันไปแต่รับรองได้ว่าอัลบั้มชุดนี้เหมือนเป็นการเปิดแนวทางในการฟังแจ็สใหม่ๆได้อย่างดี
Artist : Pat Martino Album : Remember A Tribute To Wes Montgomery Style : Jazz Label : EMI
หลังจากหายหน้าไปจากอัลบั้มชุดที่แล้ว ครั้งนี้มือกีต้าร์บู๊ดุเดือดอย่าง Pat Martino กลับมาพร้อมการคาราวะงามๆต่อบิดาแห่งวงการกีต้าร์อย่าง Wes Montgomery ด้วยการนำบทเพลงชั้นครูของ Wes มาเล่นในแบบฉบับของเขา กับวงดนตรี quintet ด้วยไลด์กีต้าร์ไหลลื่นแบบฮาร์ดบ็อบกับคอร์ดที่เปลี่ยนไปมาบนความเร็วที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าการที่นำเพลงชั้นครูอย่าง 4 on 6 , Twisted Blues , West Coast Blues , Road Song หรือ Unit 7 มาเล่นและตีความใหม่ในแบบของ Pat แต่เขาก็ยังคงไว้ซึ่งคาแรกเตอร์ที่ขาดไม่ได้นั้นคือการเล่นแบบ Octave ( การเล่นคู่แปด ) ซึ่งจะมีปรากฎอยู่แทบทุกเพลง อัลบั้มชุดนี้เป็นงานที่คาราวะ Wes ได้อย่างไร้ที่ติ รวมถึงทีมที่มาเล่นไม่ว่าจะเป็น John Patitucci (เบส ) ,David Kikoski (เปียโน) , Scott Allan Robinson Daniel Sadownick ( Percussion ) และไม่ว่าคุณจะเป็นคนแจ็สที่เป็นนักฟัง นักเล่น และยิ่งคุณเล่นกีต้าร์แล้วหล่ะก็อัลบั้มชุดนี้จะเป็นงานดีที่ต้อนรับการเข้าสู่ครึ่งปี 2006 ได้อย่างไม่มีที่ติ
Artist : Sadao Watanabe Album : Bird Of Paradise Style : Jazz Label : Platinum
หนึ่งในอัลบั้มที่ได้นำมารีมาสเตอร์ขายใหม่ของ Sadao มือแซ็กสไตล์แจ็สจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ไปได้ดิบได้ดีในวงการแจ็สใน New York โดยทั่วไปแล้วคนฟังส่วนใหญ่มักจะรู้จักเขาในฐานะมือแซ็กสไตล์สมูธแจ็ส แต่มาครั้งนี้กับชุดนี้ ซึ่งเป็นยุคแรกๆที่เขาออกอัลบั้ม งานชุดนี้เป็นการนำเพลงแสตนดาร์ดแจ็สมาเล่น โดยส่วนใหญ่นั้นเป็นเพลงของ Charlie Parker ไม่ว่าจะเป็นเพลง Bird Of Paradise , Donna Lee (เป็นเวอร์ชั่นที่น่าจะไม่มีเวอร์ชั่นไหนที่เร็วกว่านี้อีกแล้ว ), Dexterity , Yardbird Suit และ K.C. Blues แต่ละเพลงนั้นรับลองได้ว่า Sadao ใส่ไม่ยั้งโครมาติกที่เราไม่ค่อยได้ยินจากเขาในงานชุดหลังๆ รับรองได้ว่าชุดนี้เพียบพร้อมอย่างเต็มอิ่มในสำเนียงบีบ็อบ ยิ่งได้ทีมแบ็กอัพสุดเก๋าอย่าง Hanks Jones (เปียโน) , Ron Carter (เบส) , Tony Williams (กลอง ) มาช่วยกันกระหน่ำความมันส์ ใครที่กำลังมองหาแจ็สเพียวๆที่หาฟังค่อนข้างยากในยุคนี้ ซึ่งว่ากันด้วยเรื่องอิมโพรไวส์ล้วนๆและผลลัพธ์จากการฝึกฝนอย่างหนักก็ไม่น่าพลาดชุดนี้แต่อย่างใด
Artist : Fat Boy Slim Album : The Greatest Hits Style : Electronica Label : Sony BMG
ถึงคราวฤกษ์งามยามดีกับเขาซักที่กับดีเจอ้วนบางอย่าง Norman Cook เขาผู้ดีเป็นผู้ที่ปลุกกระแสดนตรีเต้นรำผ่านจินตนาการทางดนตรี Norman อีกทั้งยังเป็นนักทดลองตัวยงไม่ว่าจะเป็นการนำเทรนด์ของดนตรีต่างๆเช่น house, acid, funk, hip-hop, electro, techno มายำรวมกันอย่างที่เห็น หลายๆครั้งเรามักจะได้ยินเพลงเต้นรำของเขาอย่างมากมาย ผ่านทางรายการทีวีในบ้านเรา อัลบั้มชุดนี้ได้รวมเอาเพลงเด่นๆที่เปิดที่ไรแข้งขาต้องมีอันขยับไม่ว่าจะเป็นเพลง Right Hear Right Now , The Rockaleller Skank , Slash Dot Dash , Don’t Let The Man Get You Down , Weapon Of Choice และอีกหลายเพลงที่มากถึง 18เพลง ซึ่งพร้อมสำหรับงานปาร์ตี้มันส์ๆ อย่างแน่นอน
Artist : Various Artist Album : WWE Wreckless Intent Style : Rock Label : Sony BMG
ครั้งหนึ่งได้มีการออกอัลบั้มรวมเพลงที่ใช้เพื่อเป็นการเปิดตัวนักมวยปล้ำใน WWE จนโด่งดังมาแล้ว จนมาครั้งนี้ทุกอย่างเหมือนเดิมคอนเซ็ปต์เดิม เป็นการเปิดตัวนักมวยปล้ำอีกหนึ่งเซ็ตใหญ่ แต่สำหรับอัลบั้มนี้แล้วค่อนข้างจะได้ศิลปินที่ทำเพลงหนักๆมาเสริมทัพให้ทั้งคอมวยปล้ำและคอเพลงหนักๆได้เต็มอิ่ม ศิลปินที่ค่อนข้างเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับอัลบั้มชุดนี้ก็มี Saliva , Mercy Drive , Shadow Fall , Brand New Sin ,Killswith Engage , P.O.D และ Mortor Head เป็นต้น ดั้งนั้นความหนักแน่นในชุดนี้หายห่วง ที่เหลือก็ต้องพิสูจน์กันแล้วครับ