Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 31 พ.ค. 06   31 พ.ค. 49    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง



Artist : Krisiun
Album : Assassination
Style : Death Metal
Label : Platinum

วงดนตรีเดธเมตัลทรีโอสัญชาติแซมบ้ากับอัลบั้มชุดที่ 7 พวกเขาทั้งสามยังคงความสดและหนักแน่นเหมือนเดิม สำเนียงที่บ่งบอกถึงความเป็นเดธรุ่นเก๋า ด้วยดนตรีเพียงสามชิ้นแต่สามารถอุดทุกอย่างให้แน่นได้อย่างสุดยอด Natural Genocide ,Vicious Wrath , Father’s Perversion , Decimated , Summon (เพลงบรรเลงด้วยเพอคัสชั่นแบบแซมบ้า ) คือเพลงเด็ดที่น่าฟังในชุดนี้ และอีกเพลงหนึ่งที่เยี่ยมไม่แพ้กันคือ Sweet Revenge เดิมทีเป็นเพลงเก่าของ Motor Head ถูกนำมาเล่นในแบบของพวกเขา นอกจาก 12 เพลงในอัลบั้มแล้ว ยังมีไฟล์ที่เป็นไลฟ์คอนเสิร์ตมาให้อีกสามเพลงได้ดูกัน นั้นคือ Vicious Wrath , Hatred Inherit และ Murderer พวกเขาเป็นอีกหนึ่งวงที่คอเพลงเดธเมตัลหนักๆไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง





Artist : Witchery
Album : Don’t Fear The Reaper
Style : Black Metal
Label : Platinum

อีกหนึ่งผลงานหนักๆจากสวีเดนกับวงดนตรี 5 ชีวิตที่ยังคงความสุดๆในแนวทางของตน ริฟกีต้าร์ที่พยายามกดโสตประสาตด้วยเสียงที่จูนให้ต่ำพร้อมเสียงร้องที่ร้องในลำคอราวกับท่องบทสวดให้ซาตาน Plague Rider และ Dame In Hell คือ Metallica สไตล์ ริฟที่หนักแน่นพร้อมกลองที่หวดสองกระเดื่องยกเว้นร้องที่ยังคงไว้ในแบบของวง The Wait Of The Pyramids เพลงบรรเลงในจังหวะกลาง กีต้าร์โชว์โซโล่เต็มที่ ต่อเข้าเพลงImmortal Death เป็นเดธเมตัลที่อัดไม่ยั้ง Cannon Fodder สปีดเมตัลปิดท้ายอัลบั้ม สับกันกระจาย กีต้าร์ในเพลงนี้โชว์ของเต็มตัว ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างจะชัดเจนในความเจ๋งของวงคือซาวด์และสไตล์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเดธเมตัลหรือแทรชรวมไปถึงสปีดเมตัล งานไม่ต้องคิดให้ซับซ้อนแต่ฟังแล้วใช่ Witchery เป็นวงที่น่าจะทำให้คนที่อยากฟังสไตล์เหล่านี้หลงใหลได้อย่างไม่ยากเย็น





Artist : Bal Sagoth
Album : The Chthonic Chronicles
Style : Black Metal
Label : Platinum

วงแบล็คเมตัลจากเมืองผู้ดีประเทศอังกฤษอันเป็นอีกหนึ่งถิ่นกำเนิดแห่งดนตรีสไตล์นี้ แม้ Bal Sagoth จะเป็นวงสไตล์ แบล็คเมตัลแต่เขาก็ทำให้ตัวเองแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยการนำสไตล์เมโลดิกเข้ามาเสริมเพื่อความสวยงามมากขึ้นแต่ยังมีความกร้าวในตัว ความเปืนคลาสสิกช่วยให้เพลงไหลลื่นอย่างสวนงามขณะเดียวกันความหนักแน่นในแบบแบล็คเมตัลก็กระชากความมันส์

แม้ว่าสมาชิกวงจะมีการสลับสับเปลี่ยนอยู่เป็นเสมอ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะบั่นทอนสไตล์เพลงและคุณภาพให้ลดลงเลแม้แต่น้อย กลับยิ่งทำให้พวกเขาต้องทำงานให้ดียิ่งขึ้น การที่ย้ายมาอยู่กับสังกัดอย่าง Nuclear Blast เป็นเครื่องการันตีถึงผลงานได้เป็นอย่างดี งานเพลงชุดนี้จะเป็นการย้อนพาคนฟังกลับไปสู่โลกแห่งอารยธรรมโบราณและเรื่องลึกลับต่างๆในอดีต โดยผ่านท่วงทำนองคลาสสิกในแบบฉบับของยุโรป ทั้ง 12 เพลงเปรียบเสมือนเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันมาเป็นอย่างดี และเพื่อเข้าใจตัวเพลงให้มากขึ้นพวกเขามีแผ่นที่ของ โลกโบราณ (The Ancient World) มาให้ดูกัน และแม้ว่า The Candle Of Filth จะเป็นวงที่สร้างหน้าตาให้กับแบล็คเมตัลจากอังกฤษแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า Bal Sagoth จะน้อยหน้าและด้อยกว่าแต่ประการใด ยังเหมือนเป็นการเปิดฐานแฟนเพลงแนวเมโลดิกแบล็คเมตัลให้กับวงการอีกด้วย





Artist : George Benson
Album : The Essential
Style : Jazz
Label : Sony BMG

มือกีต้าร์อีกหนึ่งท่านที่มักจะโดนลืมในเรื่องของฝีไม้ลายมือและทักษะในการอิมโพรไวส์ในแบบแจ็สโอลสคูล ด้วยสาเหตุเพียงแค่ว่าต้องทำงานตามใจต้นสังกัด ทำให้งานยุคหลังๆที่ออกมาจึงกลายเป็นงานแบบป็อปแจ็สหรือเป็นพวกคอนเท็มโพรารี่แจ็สซะเยอะ ทั้งที่แนวทางและการเล่นในความเป็นจริงของเขาเป็นพวกสเตรดอเฮดแจ็สอย่างสุดๆ แต่เพื่อปากท้องต้องยอมทำตามสังกัด งานในอัลบั้มชุดนี้ค่อนข้างจะเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งนั้นก็เพราะอย่างแรกเป็นงานรวมฮิตที่มีเพลงถึง 21 เพลงในซีดีสองแผ่น อย่างที่สองเป็นงานรวมเพลงที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่เขาเล่นเพลงแสตนด์ดาร์ดกับเหล่าตำนานคนแจ็สทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับ Miles Davis , Jack McDuff ,Wayne Shorter ,Ron Carter เป็นต้น

ตัวงานถูกแบ่งภาคไว้อย่างชัดเจนในซีดีแผ่นหนึ่งจะเป็นงานเพลงของ George ในยุคแสตนด์ดาร์ดที่มีเพลง Willow Weep For Me , A Foggy Day , Sugar , So What เป็นต้น ส่วนในแผ่นสองจะเริ่มเป็นงานยุคคอนเท็มโพรารี่แจ็สร่วมไปถึงเพลงสไตล์บร็อดเวย์หรืองานที่ติดความเป็นฟิวชั่น เช่น Summertime , Breezin , On Broadway , This Masquerade , Take Five เป็นต้น เพียงแค่เพลงในซีดีแผ่นแรกก็เรียกว่าเกินคุ้มสำหรับคอแจ็สแล้วครับ หากอยากลองฟังสำเนียงแบบบ็อบมันส์ๆของ George น่าจะลองฟังชุดนี้ครับแล้วจะรู้ว่าเขาไม่ใช่มือกีต้าร์ในสายป็อปแจ็สอย่างที่หลายๆคนเข้าใจอย่างแน่นอน





Artist : Toots Thielemans
Album : One More For The Road
Style : Jazz
Label : Universal Music

ผู้อวุโสอีกหนึ่งทานแห่งวงการแจ็สกับงานชุดใหม่ที่ได้ศิลปินทั้งเพื่อนและรุ่นลูกรุ่นหลานมาร่วมแจม Toots กลับมาครั้งนี้พร้อมกับเพลงส่วนใหญ่ในสไตล์มิเดียมสวิงหรือไม่ก็บัลลาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ Toots จะไม่ได้โชว์โซโล่กับเพลงที่เร็วจี๋อย่างบ็อบ แต่มนเสน่ห์ที่สามารถตรึงคนฟังได้อย่างง่ายดายก็คงหนีไม่พ้นฝีมือในการเล่นเครื่องดนตรีชิ้นเอกอย่าง “ฮาร์โมนิก้า” ชิ้นน้อยแต่ความสามารถที่ผ่านออกมาของ Toots กลับทำให้มันกลายเป็นแซ็กโซโฟนชั้นเยี่ยมได้ วิธีการเรียงร้อยตัวโน็ตโดยใช้โครมาติกกับฮาร์โมนิก้าเพื่อสื่อถึงสำเนียงความเป็นแจ็สนั้นค่อนข้างยาก และหาฟังวิธีคิดและเล่นของ Toots ดีๆ น่าทึ่งมากครับ

งานชุดนี้มีมิตรสหายมาร่วมแจมอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Madeleine Peyroux , Jamie Cullum , Laura Fygi , Silje Nergaard และอีกหลายคน โดยใช้เพลงแสตนดาร์ดเก่าๆเป็นตัวนำเสนอเช่นเพลง Come Rain Or Come Shine , One For My Baby (and one more for the road) ,Stormy Weather , รวมไปถึงโบนัสแทร็คอย่าง Over The Rainbow อีกด้วย





Artist : Medeski Martin & Wood
Album : Best Of Blue Note Years 1998 – 2005
Style : Experiment Music / Jazz
Label : EMI

อีกหนึ่งกลุ่มศิลปินหัวก้าวหน้าผู้ที่สร้างสรรไอเดียใหม่ๆในโลกดนตรีอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ด้วยความที่มีรากฐานของความเป็นแจ็สอย่างเหนี่ยวแน่นทำให้ง่ายต่อการปรับแต่งสไตล์ให้เกิดขึ้นใหม่ พวกเขาเลือกที่จะเดินใสายของวงดนตรีที่ทดลองงานมากกว่าที่จะเล่นแจ็สแบบโอล์สคูล เขาเลือกที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ด้วยจังหวะต่างๆอย่าง ฟั้งกี้ ,ฮิพฮอพ ,พั้งก์และอีกหลายสไตล์ที่เป็นกรู๊ฟเติมด้วยเสียงของแฮมมอนด์ออร์แกน ,ดับเบิ้ลเบสและกลองเข้าไปจนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน มีอัลบั้มหนึ่งที่เป็นไซด์โปรเจคของ John Medeski มือออร์แกน ที่ไปเล่นกับ John Scofield จนทำให้ Scofield ติดอกติดใจในสไตล์เพลงแบบกรู๊ฟเป็นหนักหนา ถ้าเป็นไปได้ลองหาชุด A Go Go ฟังดูกันครับ และอัลบั้มชุดนี้เป็นการรวมงานจาก 5 ชุดของเขา คัดมา15 เพลงด้วยกัน งานชุดนี้เป็นบทสรุปที่ดีมากหากใครที่อยากจะก้าวเข้าสู่โลกดนตรีแห่งการทดลอง ด้วยจังหวะใหม่ๆพร้อมด้วยการอิมโพรไวส์ในทางของแจ็ส หากเพียงความชอบที่อยากฟังอะไรใหม่ๆ งานชุดนี้สามารถเติมเต็มความรู้สึกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ





Artist : Pink
Album : I’m Not Dead
Style : Pop Rock
Label : Sony BMG

สาวเปรี่ยวผู้เป็นแบบอย่างให้กับสาวๆวัยทีนทั้งหลายแหล่ กับอัลบั้มชุดใหม่ที่เธอกลับสู่ความเรียบง่ายในแบบป็อปร็อก,โมเดิร์นร็อกจนถึงอัลเทอเนทีพและพั้งก์ Long Way To Happy และ Who Knew โมเดิร์นร็อกจังหวะปานกลาง หนักแน่นและชวนโยกได้ดี ทั้งสองเพลงสามารถตัดเป็นซิงเกิ้ลได้ Pink ค่อนข้างเค้นอารมณ์ความเป็นร็อกได้อย่างดี Nobody Know เพลงช้าแบบอาร์แอนบีผสมโซล โชว์เสียงร้องได้อย่างดีเยี่ยม Dear Mr.President และ The One That Got Away อะคูสติกโฟล์คเบาๆ U + Ur Hand ออกเป็นฮาร์ดร็อกมันส์ๆ Leave Me Alone (I’m Lonely) ป็อปร็อกมันส์ๆ เมโลดีและดนตรีติดหู คอ่นข้างจะเป็นป็อปร็อกที่ร่วมสมัย สไตล์เพลงเช่นนี้เรามักจะพบในเพลงร็อกของญี่ปุ่น นอกจานี้ยังมีเพลงแถมมาให้อีกสองเพลง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Pink แตกต่างกับศิลปินอื่นๆนั้นก็คือการร้องเพลงที่แข็งแรงและเป็นเอกลักษณ์ หาก Pink มุ่งเข้าหาความเป็นร็อกมากกว่านี้ก็น่าจะประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน




any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket