Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 25 เม.ย 06   25 เม.ย. 49    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง



Artist : The Little Willies
Album : The Little Willies
Styles : Country
Label : EMI

The Little Willies คือโปรเจ็คใหม่ของนักร้องคุณภาพที่กวาดรางวัลมากมายอย่าง Norah Jones เดิมทีเป็นการซ้อมดนตรีกันเล่นๆ จนกระทั่งลองตั้งวงกัน เริ่มต้นเล่นตามงานเล็กๆก่อน และก็มาทำเพลงจริงๆจังๆ จึงออกมาเป็น 13 เพลงในชุดนี้ การมาครั้งนี้แม้ Norah จะพยายามลดบทบาทเป็นคนนำวงลงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Lee Alexander มือเบสและโปรดิวเซอร์ของเธอขึ้นมาทำหน้าที่แทน เหมือนกับเป็นการพลิกภาพลักษณ์ที่ใครต่อใครมองว่าเป็นศิลปินในสายแจ็ส และหันเข้าสู่สไตล์ที่เธอชอบนั้นคือ “คันทรี่”

อัลบั้มชุดนี้เป็นคันทรี่แบบโบราณที่มีซาวด์หรือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจนอย่างยิ่ง Roly Poly พาย้อนไปยุคสวิงแจ็สโบราณจังหวะสนุกที่มีความเป็นยิปซีแจ็สผสมอยู่ Love Me เพลงเก่าสุดคลาสสิคของ Elvis ที่ครั้งนี้ Norah นำมาร้องและไม่อาจปฎิเสธความเพราะจากน้ำเสียงของเธอได้ I Gotta Get Drunk กลับมาที่คันทรี่สนุกๆ ทั้งยัง I Never Get Out Of This World Alive , Street of Baltimore ,Tennessee Stud , Lou Reed เป็นสไตล์สแตนดาร์ดคันทรี่ สิ่งที่พวกเขาทำอัลบั้มชุดนี้ได้แตกต่างและประณีตก็คงเป็นเรื่องของการเรียบเรียงที่เขาทำออกมาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งหน้าที่นี้ก็คงหนักไปที่ความสามารถของ Lee ล้วนๆ เพราะเขาต้องเป็นคนดูแลทั้งหมด และแม้ว่าอัลบั้มชุดนี้จะเป็นการทำงานแบบเงียบๆ ไม่มีการโปรโมตอะไรมากนักแต่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และคุณภาพที่สามารถนำมาฟังได้อย่างเรื่อยๆ





Artist : Corinne Bailey Rae
Album : Corinne Bailey Rae
Styles : Soul / Pop
Label : EMI

ว่ากันว่าเธอคือซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของชาวอเมริกันและคำกล่าวคำนี้ก็น่าจะเป็นความจริงทุกประการ เพราะแค่เปิดตัวด้วยเพลงแรกอย่าง Like A Star เธอก็ทะยานขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของชาร์ตบิลบอร์ดอย่างง่ายดาย ด้วยสไตล์ที่ผสมผสานระหว่างโซล,บลูส์,ป็อป โดยเฉพาะภาคดนตรีที่ค่อนข้างจะเนียบ บวกกับฝีมือที่รับหน้าที่แต่งเพลงและดีไซด์การร้องให้เป็นตัวเองมากที่สุด สไตล์การร้องของเธอเหมือนเป็นการรวมกันของ Mercy Grey, Joss Stone แค่เพียง Like A Star เป็นตัวที่บ่งบอกถึงความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ด้วยคอร์ดและฮาร์โมนีที่ออกไปทางแจ็สผสมสไตล์การร้องและน้ำเสียงที่แหบแบบบลูส์,โซล ไม่อาจปฎิเสธถึงความเพราะได้แน่นอน Put Your Record On อะคูศติก เย็นๆผสมเครื่องเป่าจางๆเล่นคลออยู่ข้างหลัง ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลตัวต่อมา Trouble Sleeping โซลย้อนยุคไปยังปี 70 ฮาร์โมนีและเมโลดีผสมกันได้อย่างลงตัว Call Me When You Get This เร่งจังหวะให้กระชับขึ้นมา ให้พอนั่งโยกกัน I Like To ค่อนข้างจะออกไปทางร็อก ติดไซเคอร์เดอร์ริก สไตล์ไกลเคียงกับ Lenny Kravitz ทั้ง 11 แทร็คจากอัลบั้มชุดนี้กับงานประนีตไปด้วยฮาร์โมนีและเมโลดีในแบบโซลโบราณ อีกทั้งความเป็นโซลที่อยู่ในสายเลือดของเธอที่ผ่านออกมาจากมันสมองและการร้องนั้น ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนครับ





Artist : Tom Scott
Album : The Very Best Of Tom Scott
Styles : Fusion Jazz
Label : Universal Music

มือแซ็กโซโฟนชั้นแนวหน้าแห่งวงการฟิวชั่น ไม่ว่าใครที่ได้ยินชื่อของเขาและคณะแบ็กอัพอย่าง L.A Express นั้นก็เป็นอันต้องตาวาวและอย่างฟังอยู่เสมอ นั้นก็เพราะคุณได้ความคุ้มค่ากลับมาเสมอ Tom Scott และ L.A Express นั้นเป็นวงรวมดาวเลยก็ว่าได้ นักดนตรีมือดีๆหลายๆต่อหลายคนต่างก็เคยมาร่วมงานมานับไม่ถ้วน และสำหรับอัลบัมชุดนี้ก็เป็นการรวมเพลงที่เอามือดีแห่งวงการบลูส์,แจ็สไว้หลายต่อหลายคนเช่น Robben Ford , Eric Gale , Paul Jackson JR. , Joe Sample , John Patitruci ,Grover Washington JR. ,Steve Gadd แต่ทุกคนก็ไม่ถึงขนาดกับงัดไม้เด็ดออกมามากมาย เพียงแค่เดินตามทางที่ถูกกำหนดไว้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากเพลงที่รวมในยุคนี้เป็นยุคที่ Tom ย้ายมาอยู่ภายใต้สังกัด GRP ที่เพลงส่วนใหญ่จะเป็นสมูธแจ็ส ดังนั้นเพลงในชุดนี้ทั้ง เพลงร้องและบรรเลง 11 เพลงเป็นเพลงที่เน้นเมโลดีไหลลื่นที่วางกรอบไว้มากกว่าการอิมโพรไวส์ ถ้าอยากฟัง Tom ได้แบบมันส์ๆผมแนะนำให้หายุคงานแรกๆของเขารับรองว่าเผ็ดร้อนแน่

แม้ว่างานชุดนี้เป็นเพลงสมูธแจ็สอย่างที่มีอยู่ทั้วๆไปแต่ก็ออกมาต่างจากศิลปินอื่นๆแน่นอน ด้วยความเก๋าทางประสบการณ์ที่หล่อหลอมออกมานั้นกลมกล่อนได้ที่ทีเดียว แม้ว่าจะถูกวางกรอบไว้สำหรับเพลงบรรเลงแต่เหล่าบรรดาแบ็กอัพสุดเก๋าต่างก็ใส่รายละเอียดของความยากซ้อนไว้อย่างแนบเนียน The Best Of ชุดนี้เหมาะกับคอเพลงสมูธแจ็สที่สามารถฟังได้เพลินๆ ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป





Artist : Ramsey Lewis
Album : The Very Best Of Ramsey Lewis
Styles : Fusion Jazz
Label : Universal Music

อีกหนึ่งงานรวมเพลงจากค่าย GRP กับมือเปียโนฝีมือดี ภายใต้สไตล์ฟิวชั่นที่หนักไปทางสมูธแจ็สนุ่มๆ
อัลบั้มรวมเพลงชุดนี้เป็นงานที่รวมเพลงในช่วงปี 1992 – 1998 เพลงที่รวมมาค่อนข้างจะครอบคลุมเพลงดังๆจากทั้งหลายๆอัลบั้ม แต่ในขณะเดียวกันงานเพลงในยุคนี้ค่อนข้างจะเอนเอียงไปหาตลาดกลุ่มป็อปซะเป็นส่วนใหญ่ ดูได้จากการเรียบเรียงเพลงที่ถูกวางโครงสร้างไว้เพื่อความเป็นโซล,ฟั้งก์และป็อปอ่อนๆ จะแตกต่างจากงานยุคที่อยู่กับโคลัมเบียที่จัดจ้านกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเล่นออกมาไม่เต็มที่ Ramsey ยังคงความเป็นตัวเองได้ดี เหมือนเป็นการทำซาวด์ให้ออกมานุ่มนวลเพื่อเรียกแฟนเพลงสมูธแจ็ส แต่วิธีการเล่นเขายังอัดด้วยเนื้อหาและสาระ ดังนั้น11 เพลงที่รวมอยู่ในชุดนี้ถ้าคุณเป็นแฟนเพลงของค่าย GRP ก็ไม่น่าพลาดแต่อย่างใด





Artist : Erin Boheme
Album : What Love IS
Styles : Jazz
Label : Universal Music

นักร้องสาววัยเพียง 18 ปีด้วยความสามารถที่มากมายทำให้เธอได้เซ็นต์สัญญากับสังกัดแจ็สที่ล้นคุณภาพอย่าง Concord Jazz และด้วยความที่ทางบ้านสนับสนุนความสามารถของเธออย่างเต็มที่โอกาสมากมายจึงเข้ามาในชีวิตจนออกมาเป็นอัลบั้มชุดแรก “What Love Is” เธอก็ยังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และแต่งเพลงเองด้วย งานเพลงชุดนี้เป็นส่วนผสมของแจ็สที่เจือป็อปลงไปเล็กน้อยและบรรยากาศอะคูสติกเย็นๆ เสียงร้องหวานๆที่ชวนให้นึกถึง Stacey Kent

งานชุดนี้มีทั้งที่เป็นเพลงแต่งขึ้นใหม่และเพลงเก่าที่นำมาเรียบเรียงใหม่เช่น Give Me One Reason (Tracy Chapman) นำมาเป็นฟิวชั่นหม่นๆ แต่ยังคงความเป็นบลูส์อย่างต้นฉบับไว้ Let’s Do It (Cole Porter) แสตนดาร์ดนุ่มๆ I Love Being Here With You (Peggy Lee) ย้อนกลับไปยุคมิเดียมสวิง ส่วนเพลงเอกในชุดนี้น่าจะตกไปอยู่ที่ Someone To Love เป็นเพลงออกป็อปที่สุดในอัลบั้มที่เต็มไปด้วยแจ็ส เมโลดีหวานๆ และวิธีร้องที่กึ่งกระซิบอาจเคลิ้มได้ง่ายๆ น่าจะเป็นเพลงที่ตัดเป็นซิ้งเกิ้ลด้วย อัลบั้มชุดนี้เธอยังได้ Brian Bromberg มาเล่นเบส และ Tom Scott มาช่วยเป่าแซ็กในแบบแสตนดาร์ดถึงสองเพลงอีกด้วย





Artist : Massive Attack
Album : Massive Attack Collected
Styles : Electronica / Trip Hop
Label : EMI

สุดยอดวงดนตรีอิเล็กทรอนิก้าที่อยู่ในวงการกว่า 10 ปี พวกเขาเป็นวงชั้นนำที่ผ่านงานมาอย่างโชกโชนทั้งงานวงและงานซาวด์แทร็ก Massive Attack เป็นวงที่ผสมดนตรีอันหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ จังหวะของฮิพฮอพ ,พังก์ ,โซล ,เร็กเก้ ,ดั้บและการใช้เเซมเพล้อต่างๆ จะสังเกตุได้ว่างานของพวกเขาค่อนข้างจะละเอียดมากในเรื่องของซาวด์และการเรียบเรียง ดังนั้น Massive Attack จึงไม่ใช้วงที่มีอัลบั้มเยอะ และเวลาที่ผ่ามาสิบกว่าปีพวกเขาจึงตัดสินใจรวมเอางานที่ดีทีสุดมารวมไว้ถึง 14 เพลงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Safe From Harm , Angel , Protection เป็นต้น ซึ่งมาจากช่วงอัลบั้ม Blue Lines, Protection, Mezzanine และ 100th Window น่าเสียดายที่ไม่มีงานซาวด์แทร็คมารวมด้วย ความที่เขาใช้บีทฮิตฮอพหรือพวกเวิลล์มิวสิคยันเร็กเก้มาใช้ในเพลง นั้นหมายความว่าพวกเขาสามารถทดลองนำอะไรมาเล่นกับบีทพวกนี้ได้อย่างมหาศาล ดังนั้นสิ่งที่คนฟังจะได้รับก็คือการทำงานที่สร้างสรรค์แล้วปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์ สำหรับคนที่ชอบงานอิเล็กทรอนิก้าลอยๆแต่เต็มไปด้วยบีตเจ๋งๆและแปลกๆอัลบั้มที่น่าได้ 5 ดาวชุดนี้น่าลองฟังครับ





Artist : Fugu
Album : As Found
Styles : Pop
Label : Platinum

ศิลปินเดี่ยวอีกหนึ่งคนที่มากับงานเพลงป็อปอังกฤษยุค 60 แม้ว่าเขาจะใช้ชื่อวงว่า Fugu แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดก็คือ Mehdi Zannad ผู้ที่ทำหน้าที่ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว การทำงานที่ผ่านมาของเขานั้นอาจจะไม่เป็นการเปิดเผยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Stereolab และ Saint Etienne เป็นต้น อัลบั้มชุดนี้เขายังได้สหายอย่าง Xavier และ Pedro แห่ง Tahiti 80 มาช่วยบันทึกเสียงอีกด้วย

ชายหนุ่มจากฝรั่งเศษคนนี้กับไอเดียการทำเพลงแบบป็อปสบายๆเหมือนกับอยู่ในช่วงหน้าร้อนแล้วได้รับไอแดดและสายลมจากชายทะเลแถบแคริฟอเนียร์ หลายๆเพลงในชุดไม่ว่าจะเป็น Here Today , You Pick Me Up ป็อปที่ติดฟั้งก์นิดๆ , Black Wall , I Give Up , People โมเดิร์นร็อกสนุกๆ และอีกหลายเพลง ซึ่งจะชวนให้นึกถึงป็อปน่ารักอย่าง The Beatles ในยุคแรกที่เติมความทันสมัยของเทคโนโลยีการบันทึกเสียงเข้าไป นอกจากนี้ยังมีโบนัสแท็กอีกหนึ่งเพลงที่ทำเพื่อขายในประเทศญี่ปุ่นแถมมาด้วย ถ้าความชอบของคุณคือ Saint Etienne งานชุดนี้ก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน





Artist : Paizan
Album : Tears Of Time
Styles : Fusion / New Age
Label : Platinum

ศิลปินไทยอีกหนึ่งท่านที่ทำงานเพลงสวนกระแสที่มีอยู่ตามตลาด ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยออกอัลบั้มกับค่ายใหญ่มาแล้วก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นซาวด์เอนจิเนียร์อย่างเต็มตัว แต่ใจก็ยังคงรักในการทำเพลง และอัลบั้มชุดนี้เป็นงานที่ทำโดยเขาเพียงคนเดียวเริ่มตั้งแต่คิดยันบันทึกเสียง งานเพลงเป็นสไตล์ที่ผสมความหลากหลายเป็นการรวมเอาสิ่งที่น่าจะได้รับอิทธิพลมาเรียงร้อยเป็นบทเพลง ผ่านโน็ตที่บรรเลงออกมา อัลบั้มชุดนี้ทั้ง 10 เพลง เป็นเพลงบรรเลงทั้งหมด โดยเน้นการสื่อสารของเมโลดีผ่านกีต้าร์สายไนลอนเป็นหลัก

ทั้งสไตล์ที่ค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Saturday Morning ออกเป็นร็อกแบบฟิวชั่นนิดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตื่นมาเช้าวันเสาร์พร้อมที่จะเจออะไรใหม่ๆ ท่อนที่หลากหลายคลายกับเป็นการสื่อถึงการเดินทางในแต่ละที่ที่จะต้องพบ Tears Of Time สโลว์ชัตเฟิล ฟิลแบบบัลลาดเศร้าๆ Last Night ฟิวชั่นจังหวะปานกลางชวนให้นึกถึง Earl Klugh ในขณะที่ Hua – Hin มาแบบบอสซาโนว่าเย็นๆ เหมือนอยู่ชายทะเล ยิ่งได้เสียงจาก rain strict มาช่วยเสริมเป็นระยะ Two Old Man เป็นเพลงสั้นๆ ที่ก่ำกึ่งระหว่างสวิงและป็อป กลับมาที่ฟิวชั่นติดฟังกี้นิดๆอย่าง On The Road อาจเป็น T – Square ในภาคไทย White Dairy เพลงบรรเลงจากกีต้าร์ไนลอนตัวเดียว เหมือนเป็นบทส่งท้ายของอัลบั้ม แม้ว่างานชุดนี้จะไม่ใช่งานที่มีโปรดักส์ชั่นมากมายที่ต้องมีเพลงฮิต แต่ก็เป็นงานบรรเลงในสายฟิวชั่นที่อาจมีคนชอบและไม่ชอบขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละบุคคล และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเล็กๆที่กล้าเสนอไอเดียทางดนตรีที่ไม่ต้องมีภาษาแต่อย่างใด




any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket