ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : The Little Willies Album : The Little Willies Styles : Country Label : EMI
The Little Willies คือโปรเจ็คใหม่ของนักร้องคุณภาพที่กวาดรางวัลมากมายอย่าง Norah Jones เดิมทีเป็นการซ้อมดนตรีกันเล่นๆ จนกระทั่งลองตั้งวงกัน เริ่มต้นเล่นตามงานเล็กๆก่อน และก็มาทำเพลงจริงๆจังๆ จึงออกมาเป็น 13 เพลงในชุดนี้ การมาครั้งนี้แม้ Norah จะพยายามลดบทบาทเป็นคนนำวงลงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Lee Alexander มือเบสและโปรดิวเซอร์ของเธอขึ้นมาทำหน้าที่แทน เหมือนกับเป็นการพลิกภาพลักษณ์ที่ใครต่อใครมองว่าเป็นศิลปินในสายแจ็ส และหันเข้าสู่สไตล์ที่เธอชอบนั้นคือ “คันทรี่”
อัลบั้มชุดนี้เป็นคันทรี่แบบโบราณที่มีซาวด์หรือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจนอย่างยิ่ง Roly Poly พาย้อนไปยุคสวิงแจ็สโบราณจังหวะสนุกที่มีความเป็นยิปซีแจ็สผสมอยู่ Love Me เพลงเก่าสุดคลาสสิคของ Elvis ที่ครั้งนี้ Norah นำมาร้องและไม่อาจปฎิเสธความเพราะจากน้ำเสียงของเธอได้ I Gotta Get Drunk กลับมาที่คันทรี่สนุกๆ ทั้งยัง I Never Get Out Of This World Alive , Street of Baltimore ,Tennessee Stud , Lou Reed เป็นสไตล์สแตนดาร์ดคันทรี่ สิ่งที่พวกเขาทำอัลบั้มชุดนี้ได้แตกต่างและประณีตก็คงเป็นเรื่องของการเรียบเรียงที่เขาทำออกมาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งหน้าที่นี้ก็คงหนักไปที่ความสามารถของ Lee ล้วนๆ เพราะเขาต้องเป็นคนดูแลทั้งหมด และแม้ว่าอัลบั้มชุดนี้จะเป็นการทำงานแบบเงียบๆ ไม่มีการโปรโมตอะไรมากนักแต่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และคุณภาพที่สามารถนำมาฟังได้อย่างเรื่อยๆ
Artist : Corinne Bailey Rae Album : Corinne Bailey Rae Styles : Soul / Pop Label : EMI
ว่ากันว่าเธอคือซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของชาวอเมริกันและคำกล่าวคำนี้ก็น่าจะเป็นความจริงทุกประการ เพราะแค่เปิดตัวด้วยเพลงแรกอย่าง Like A Star เธอก็ทะยานขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของชาร์ตบิลบอร์ดอย่างง่ายดาย ด้วยสไตล์ที่ผสมผสานระหว่างโซล,บลูส์,ป็อป โดยเฉพาะภาคดนตรีที่ค่อนข้างจะเนียบ บวกกับฝีมือที่รับหน้าที่แต่งเพลงและดีไซด์การร้องให้เป็นตัวเองมากที่สุด สไตล์การร้องของเธอเหมือนเป็นการรวมกันของ Mercy Grey, Joss Stone แค่เพียง Like A Star เป็นตัวที่บ่งบอกถึงความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ด้วยคอร์ดและฮาร์โมนีที่ออกไปทางแจ็สผสมสไตล์การร้องและน้ำเสียงที่แหบแบบบลูส์,โซล ไม่อาจปฎิเสธถึงความเพราะได้แน่นอน Put Your Record On อะคูศติก เย็นๆผสมเครื่องเป่าจางๆเล่นคลออยู่ข้างหลัง ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลตัวต่อมา Trouble Sleeping โซลย้อนยุคไปยังปี 70 ฮาร์โมนีและเมโลดีผสมกันได้อย่างลงตัว Call Me When You Get This เร่งจังหวะให้กระชับขึ้นมา ให้พอนั่งโยกกัน I Like To ค่อนข้างจะออกไปทางร็อก ติดไซเคอร์เดอร์ริก สไตล์ไกลเคียงกับ Lenny Kravitz ทั้ง 11 แทร็คจากอัลบั้มชุดนี้กับงานประนีตไปด้วยฮาร์โมนีและเมโลดีในแบบโซลโบราณ อีกทั้งความเป็นโซลที่อยู่ในสายเลือดของเธอที่ผ่านออกมาจากมันสมองและการร้องนั้น ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนครับ
Artist : Tom Scott Album : The Very Best Of Tom Scott Styles : Fusion Jazz Label : Universal Music
มือแซ็กโซโฟนชั้นแนวหน้าแห่งวงการฟิวชั่น ไม่ว่าใครที่ได้ยินชื่อของเขาและคณะแบ็กอัพอย่าง L.A Express นั้นก็เป็นอันต้องตาวาวและอย่างฟังอยู่เสมอ นั้นก็เพราะคุณได้ความคุ้มค่ากลับมาเสมอ Tom Scott และ L.A Express นั้นเป็นวงรวมดาวเลยก็ว่าได้ นักดนตรีมือดีๆหลายๆต่อหลายคนต่างก็เคยมาร่วมงานมานับไม่ถ้วน และสำหรับอัลบัมชุดนี้ก็เป็นการรวมเพลงที่เอามือดีแห่งวงการบลูส์,แจ็สไว้หลายต่อหลายคนเช่น Robben Ford , Eric Gale , Paul Jackson JR. , Joe Sample , John Patitruci ,Grover Washington JR. ,Steve Gadd แต่ทุกคนก็ไม่ถึงขนาดกับงัดไม้เด็ดออกมามากมาย เพียงแค่เดินตามทางที่ถูกกำหนดไว้ ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากเพลงที่รวมในยุคนี้เป็นยุคที่ Tom ย้ายมาอยู่ภายใต้สังกัด GRP ที่เพลงส่วนใหญ่จะเป็นสมูธแจ็ส ดังนั้นเพลงในชุดนี้ทั้ง เพลงร้องและบรรเลง 11 เพลงเป็นเพลงที่เน้นเมโลดีไหลลื่นที่วางกรอบไว้มากกว่าการอิมโพรไวส์ ถ้าอยากฟัง Tom ได้แบบมันส์ๆผมแนะนำให้หายุคงานแรกๆของเขารับรองว่าเผ็ดร้อนแน่
แม้ว่างานชุดนี้เป็นเพลงสมูธแจ็สอย่างที่มีอยู่ทั้วๆไปแต่ก็ออกมาต่างจากศิลปินอื่นๆแน่นอน ด้วยความเก๋าทางประสบการณ์ที่หล่อหลอมออกมานั้นกลมกล่อนได้ที่ทีเดียว แม้ว่าจะถูกวางกรอบไว้สำหรับเพลงบรรเลงแต่เหล่าบรรดาแบ็กอัพสุดเก๋าต่างก็ใส่รายละเอียดของความยากซ้อนไว้อย่างแนบเนียน The Best Of ชุดนี้เหมาะกับคอเพลงสมูธแจ็สที่สามารถฟังได้เพลินๆ ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป
Artist : Ramsey Lewis Album : The Very Best Of Ramsey Lewis Styles : Fusion Jazz Label : Universal Music
Artist : Erin Boheme Album : What Love IS Styles : Jazz Label : Universal Music
นักร้องสาววัยเพียง 18 ปีด้วยความสามารถที่มากมายทำให้เธอได้เซ็นต์สัญญากับสังกัดแจ็สที่ล้นคุณภาพอย่าง Concord Jazz และด้วยความที่ทางบ้านสนับสนุนความสามารถของเธออย่างเต็มที่โอกาสมากมายจึงเข้ามาในชีวิตจนออกมาเป็นอัลบั้มชุดแรก “What Love Is” เธอก็ยังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และแต่งเพลงเองด้วย งานเพลงชุดนี้เป็นส่วนผสมของแจ็สที่เจือป็อปลงไปเล็กน้อยและบรรยากาศอะคูสติกเย็นๆ เสียงร้องหวานๆที่ชวนให้นึกถึง Stacey Kent
งานชุดนี้มีทั้งที่เป็นเพลงแต่งขึ้นใหม่และเพลงเก่าที่นำมาเรียบเรียงใหม่เช่น Give Me One Reason (Tracy Chapman) นำมาเป็นฟิวชั่นหม่นๆ แต่ยังคงความเป็นบลูส์อย่างต้นฉบับไว้ Let’s Do It (Cole Porter) แสตนดาร์ดนุ่มๆ I Love Being Here With You (Peggy Lee) ย้อนกลับไปยุคมิเดียมสวิง ส่วนเพลงเอกในชุดนี้น่าจะตกไปอยู่ที่ Someone To Love เป็นเพลงออกป็อปที่สุดในอัลบั้มที่เต็มไปด้วยแจ็ส เมโลดีหวานๆ และวิธีร้องที่กึ่งกระซิบอาจเคลิ้มได้ง่ายๆ น่าจะเป็นเพลงที่ตัดเป็นซิ้งเกิ้ลด้วย อัลบั้มชุดนี้เธอยังได้ Brian Bromberg มาเล่นเบส และ Tom Scott มาช่วยเป่าแซ็กในแบบแสตนดาร์ดถึงสองเพลงอีกด้วย
Artist : Massive Attack Album : Massive Attack Collected Styles : Electronica / Trip Hop Label : EMI
Artist : Fugu Album : As Found Styles : Pop Label : Platinum
ศิลปินเดี่ยวอีกหนึ่งคนที่มากับงานเพลงป็อปอังกฤษยุค 60 แม้ว่าเขาจะใช้ชื่อวงว่า Fugu แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดก็คือ Mehdi Zannad ผู้ที่ทำหน้าที่ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว การทำงานที่ผ่านมาของเขานั้นอาจจะไม่เป็นการเปิดเผยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Stereolab และ Saint Etienne เป็นต้น อัลบั้มชุดนี้เขายังได้สหายอย่าง Xavier และ Pedro แห่ง Tahiti 80 มาช่วยบันทึกเสียงอีกด้วย
ชายหนุ่มจากฝรั่งเศษคนนี้กับไอเดียการทำเพลงแบบป็อปสบายๆเหมือนกับอยู่ในช่วงหน้าร้อนแล้วได้รับไอแดดและสายลมจากชายทะเลแถบแคริฟอเนียร์ หลายๆเพลงในชุดไม่ว่าจะเป็น Here Today , You Pick Me Up ป็อปที่ติดฟั้งก์นิดๆ , Black Wall , I Give Up , People โมเดิร์นร็อกสนุกๆ และอีกหลายเพลง ซึ่งจะชวนให้นึกถึงป็อปน่ารักอย่าง The Beatles ในยุคแรกที่เติมความทันสมัยของเทคโนโลยีการบันทึกเสียงเข้าไป นอกจากนี้ยังมีโบนัสแท็กอีกหนึ่งเพลงที่ทำเพื่อขายในประเทศญี่ปุ่นแถมมาด้วย ถ้าความชอบของคุณคือ Saint Etienne งานชุดนี้ก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน
Artist : Paizan Album : Tears Of Time Styles : Fusion / New Age Label : Platinum
ทั้งสไตล์ที่ค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Saturday Morning ออกเป็นร็อกแบบฟิวชั่นนิดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนตื่นมาเช้าวันเสาร์พร้อมที่จะเจออะไรใหม่ๆ ท่อนที่หลากหลายคลายกับเป็นการสื่อถึงการเดินทางในแต่ละที่ที่จะต้องพบ Tears Of Time สโลว์ชัตเฟิล ฟิลแบบบัลลาดเศร้าๆ Last Night ฟิวชั่นจังหวะปานกลางชวนให้นึกถึง Earl Klugh ในขณะที่ Hua – Hin มาแบบบอสซาโนว่าเย็นๆ เหมือนอยู่ชายทะเล ยิ่งได้เสียงจาก rain strict มาช่วยเสริมเป็นระยะ Two Old Man เป็นเพลงสั้นๆ ที่ก่ำกึ่งระหว่างสวิงและป็อป กลับมาที่ฟิวชั่นติดฟังกี้นิดๆอย่าง On The Road อาจเป็น T – Square ในภาคไทย White Dairy เพลงบรรเลงจากกีต้าร์ไนลอนตัวเดียว เหมือนเป็นบทส่งท้ายของอัลบั้ม แม้ว่างานชุดนี้จะไม่ใช่งานที่มีโปรดักส์ชั่นมากมายที่ต้องมีเพลงฮิต แต่ก็เป็นงานบรรเลงในสายฟิวชั่นที่อาจมีคนชอบและไม่ชอบขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละบุคคล และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเล็กๆที่กล้าเสนอไอเดียทางดนตรีที่ไม่ต้องมีภาษาแต่อย่างใด