Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 1 ธ.ค. 05   1 ธ.ค. 48    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง


Artist : Nirvana
Album : Sliver The Best Of The Box
Style : Alternative
Label : Universal Music

วงดนตรีวงนี้เป็นอีกหนึ่งวงที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนฟังทั่วโลกอย่างแรงกล้า ด้วยเพลงที่ทั้งดิบและเถื่อนไม่เหมือนใครและไม่มีใครกล้าแหกกฎได้เยี่ยมเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว แม้ว่าปัจจุบันเขาผู้นี้จะจากโลกนี้ไปแล้ว

และเมื่อไม่นานมานี้หากใครได้ไปเดินตามร้านขายซีดีชั้นนำทั้งหลายก็น่าจะได้เห็น Box Set สีเงินหนึ่งกล่องใหญ่ที่น่าเก็บเป็นอย่างยิ่ง ไอ้เจ้ากล่องนั้นมันเป็นเพลงของ Nirvana ที่มีทั้งเพลงร่วมและเพลงในเวอร์ชั่นแปลกๆที่คุณไม่เคยได้ฟังมันมาก่อนแน่นอน หลายๆคนอยากเป็นเจ้าของไอ้เจ้ากล่องนี้แต่ก็ยังติดปัญหาตรงที่เรื่องราคานี่ซิครับ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับเพราะมีทางเลือกใหม่ที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมซะด้วยซิครับ นั้นก็เพราะเมื่อมีการรวมฮิตในกล่องนั้น ก็ต้องมีการคัดเพลงที่ดีและแปลกๆออกมาจากล่องนั้นอีกทีจนออกมาเป็นชุดนี้แหละครับได้เพลงมาทั้งหมดถึง 22 เพลงด้วยกัน เพลงส่วนใหญ่จะเป็นเวอร์ชั่นที่เป็นเดโมครับ ซึ่งเป็นของที่ล้ำค่ามากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวกของของพวกเขา

หลายๆคนฟังแล้วอาจจะบอกว่านี่มันเพลงอะไรเล่นหลุดมั่งขาดมั่งเกินมั่ง ร้องก็เพียนๆ อยากจะบอกเลยครับว่านี่แหละคือสุดๆของความล้ำค่า มันคือไอเดียแรกเริ่มในการทำงานเพลงจนออกมาเป็นเพลงที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ครองใจคนฟังทั่วโลกมาแล้วในยุคหนึ่ง จนเกิดเป็นกระแสและสร้างแรงบัลดาลใจให้วงอีกหลายวงอยากที่จะทำตาม รวมทั้งอีกหลายวงในเมืองไทยที่หน้าด้านลอกเพลงของเขาผู้นี้มาด้วยครับ หลายเพลงมีเนื้อร้องและดนตรีที่ไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นต้นฉบับ เช่น Smell Like Teen Spirit เป็นต้น ที่เนื้อร้องไม่ตรงกับเวอร์ชั่นปัจจุบัน แต่ก็ออกมาสมบูรณ์แบบแล้วครับ บางเพลงก็มาเป็นวงบางเพลงก็เป็นเพียงเสียงร้องและเสียงกีต้าร์โปร่งที่จูนสายแปร่งๆ แต่ก็คือเสน่ห์ของเขาคนนี้แหละครับ และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ในชุดนี้ก็คือเสียงกดหยุดอัดเทป ส่วนตัวผมแล้วผมว่ามันมีเสน่ห์มากๆกับความรู้สึกเช่นนี้ เพราะมันเหมือนกับเนาได้นั่งฟังเขาเล่นในห้องนอนหรือห้องซ้อมครับ

ผมเชื่อว่าหากใครที่เป็นสาวกของเขาและยังไม่ลืมเขาไปจากใจแล้วหล่ะก็ไม่น่าพลาดอัลบัมชุดนี้ด้วยประการทั้งปวง อย่างน้อยๆก็เป็นการแก้อาการคิดถึงเขาได้เป็นอย่างดี นี่แหละครับแม้ว่าตัวตายจากไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งอะไรดีๆไว้ให้อีกมากมาย

Track Lists
1. Spank Thru (1985 Fecal Matter Demo)
2. Heartbreaker (Live)
3. Mrs. Buttersworth (Rehearsal Demo)
4. Floyd The Barber (Live)
5. Clean Up Before She Comes (Home Demo)
6. About A Girl (Home Demo)
7. Blandest (Studio Demo)
8. Ain't It A Shame (Studio Demo)
9. Sappy (1990 Studio Demo)
10. Opinion (Solo Acoustic Radio Appearance)
11. Lithium (Solo Acoustic Radio Appearance)
12. Sliver (Home Demo)
13. Smells Like Teen Spirit (Boom Box Version)
14. Come As You Are (Boom Box Version)
15. Old Age (Nevermind Outtake)
16. Oh The Guilt
17. Rape Me (Home Demo)
18. Rape Me (Band Demo)
19. Heart Shaped Box (Band Demo)
20. Do Re Mi (Home Demo)
21. You Know You're Right (Home Demo)
22. All Apologies (Home Demo)




Artist : Rammstein
Album : Rosenrot
Style : Metal
Label : Universal Music

วงดนตรีเมตัลสายเลือดเยอรมัน ยังคงทำงานออกมาให้ฟังอย่างต่อเนื่อง ผมจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี่พวกเขาพึ่งจะออกสตูดิโออัลบัมออกมาให้ฟังกัน วันเวลาผ่านไปไม่ทันไรงานชุดใหม่ออกมาอีกแล้ว ขยันจริงๆ

ในชุดนี้เขายังคงใช้เนื้อเพลงเป็นภาษาเยอรมันครับ ดังนั้นหมดสิทธิ์แน่นอนที่จะรู้เรื่องราว แต่แค่ดนตรีมันส์ก็คงเพียงพอแล้วครับ Benzin ริฟขึ้นมาเป็นสองคอร์ดเล่นเรื่อนขึ้นลงสลับไปมา สร้างความกดดันได้อย่างไม่น้อยหนักแน่น ต่อด้วย Mann Gegen Mann ท่อนกลางเพลงนั้นออกมาเหมือนฮาร์ดคอร์เลยครับ Rosenrot มาเหมือนพวกอินดัสเทรียลครับ Stirb Nicht Vor Mir Don’t Die Before I Do เพลงช้าที่ได้นักร้องสาวมาช่วยร้อง ได้อารมณ์แบบเพลงเซลติกครับ Zerstoren มาเป็นแทรชเมตัลหนักๆ ซาวด์แน่นมากครับ ยิ่งถ้าต่อด้วยเพลง Te Quieo Puta ที่ฟิลใกล้เคียงกันมากๆ

อัลบั้มชุดนี้หากนำไปเทียบกับชุดที่แล้ว ส่วนตัวแล้วผมว่าชุดนี้มันส์กว่ามากๆมีความเป็นแทรชมากขึ้น และซาวด์ดีมากๆต้องชมเอนจิเนียร์ครับ เสียงแตกที่ผ่านออกมาจากกีต้าร์นั้นละเอียดและหนักมากเวลาเล่นริทึ่ม ทุกอย่างลงตัวมากและดีกว่าชุดที่แล้วแน่นอนครับ

Track Lists
1. Benzin
2. Mann Gegen Mann
3. Rosenrot
4. Spring
5. Wo Bist Du
6. Stirb Nicht Vor Mir/Don't Die Before I Do (Ft Sharleen Spiteri)
7. Zerstoren
8. Hilf Mir
9. Te Quiero Puta
10. Feuer Und Wasser
11. Ein Lied




Artist : Slipknot
Album : 9.0 Live
Style : Nu Metal
Label : Sony BMG

อัลบั้มชุดนี้ต่างมีคนมากมายที่เฝ้ารอคืนแล้วคืนเล่าว่าเมื่อไหร่จะออกเสียที งานเพลงที่หนักแน่นรุนแรงและไม่เคยยอมที่จะทำเพลงเบาๆตามตลาดออกมานั้นย่อมเป็นที่เทิดทูนของสาวกกะโหลกเหล็กทั้งหลายอย่างแน่นอน

อัลบั้มชุดนี้คัดมาจากเพลงเด่นๆจากหลายๆสถานที่เมื่อตอนออกคอนเสิร์ตเวิลล์ทัวร์ปี 2004 – 2005 โดยได้คัดมาทั้งหมด 24 เพลง และบรรจุอยู่ในสองแผ่นคู่ เริ่มต้นจากการทำเซอร์ไพร์คนดูโดยที่พิธีกรออกมาประกาศว่าคืนนี้ Slipknot ยกเลิกการแสดง จึงทำให้คนดูต่างพอกันตะโกนด่า พอไม่ทันไรเสียงกลองก็เริ่มหวดขึ้น นั้นคือแก๊กที่หยอกคนดูได้แจ๋วมาก พวกเขาอัดเพลงกันอย่างไม่หยุดหย่อน แทร็คพิเศษอีกอย่างน่าจะอยู่ที่ตรงมีการใส่โซโล่กลอง Joey ก็ใส่ไม่ยั้งเช่นกัน ฟังแล้วไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมีแรงเหลือเฟือที่จะเล่นเพลงหนักๆเร็วตั้ง 24 เพลง ในเรื่องของซาวด์นั้นยอมรับเลยว่าบันทึกเสียงออกมาได้สดมาก เหมือนคนฟังได้อยู่ร่วมในคอนเสิร์ตนั้นด้วย และเร็วๆนี้น่าจะได้พบกับดีวีดีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครับ

Track Lists
Disc 1
1. The Blister Exists
2. (Sic)
3. Disasterpiece
4. Before I Forget
5. Left Behind
6. Liberate
7. Vermilion
8. Pulse Of The Maggots
9. Purity
10. Eyeless
11. Drum Solo
12. Eeyore

Disc 2
1. Three Nil
2. The Nameless
3. Skin Ticket
4. Everything Ends
5. The Heretic Anthem
6. Iowa
7. Duality
8. Spit It Out
9. People = S#!t
10. Get This
11. Wait And Bleed
12. Surfacing




Artist : Limp Bizkit
Album : Greatest Hitz
Style : Hard Core / Nu Metal
Label : Universal Music

นี่คือตัวอย่างที่ดีตามแบบฉบับสุภาษิตไทยที่ว่าไว้ว่า “คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” การมีเพื่อนฝูงที่ดีอย่างวง Korn นั้นจึงทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นวงร็อกรุ่นใหม่ในชั้นแนวหน้าด้วยความสำเร็จและการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะออกอัลบั้มมากี่ชุดต่อกี่ชุดนั้นขายดิบขายดี และอัลบั้มที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาอย่างแท้จริงนั้นก็คงหนีไม่พ้นอัลบั้ม Chocolate Starfish And Hot Dog Flavored Water โดยเฉพาะไอ้การที่ได้ทำเพลงประกอบหนังดังอย่าง Mission Impossible กับเพลง Take A Look Around ยิ่งทำให้พวกเขาดังเป็นพลุแตกจนเกือบต้องวงแตก เมื่อ Mark Boland ลาออกจากวง เมื่อต้องเสียกำลังสำคัญไปก็เหมือนกับการที่เสียขาในการทรงตัว ทำให้เพลงของวงนั้นอ่อนยวบอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

และเมื่อเวลาผ่านพ้นไปก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ก็เลยส่ง E.P ออกมาชิมลางให้แฟนๆเพลงหายคิดถึงกับชุด The Unquestionable Truth (Part 1) และก่อนที่จะพบกับอัลบั้มเต็ม พวกเขาจึงได้รวมเพลงจากอัลบัมต่างๆออกมาให้ฟังกันอย่างเต็มที่กับ 18 เพลง โดยที่ 14 เพลงนั้นเป็นเพลงเก่าและเพิ่มโบนัสพิเศษเข้าไปอีก 4 เพลง และเพลงที่เรียงมานั้นเรียกว่าเอาให้มันส์กันไปข้างหนึ่งเลย เพราะพี่แกเล่นต่อเพลงด้วยเพลงมันส์ๆทั้งนั้น และอัลบั้มชุดนี้ก็เลยเป็นอัลบั้มมี่น่าเก็บและน่าฟังอย่างยิ่ง และเร็วๆนี้ก็น่าจะได้พบกับอัลบั้มชุดใหม่จากพวกเขาอย่างแน่นอน

Track Lists
1. Counterfeit
2. Faith
3. Nookie
4. Break Stuff
5. Re-Arranged
6. N 2 Gether Now
7. Take a Look Around
8. My Generation
9. Rollin' (Air Raid Vehicle)
10. My Way
11. Boiler
12. Eat You Alive
13. Behind Blue Eyes
14. Build a Bridge
15. Why
16. Lean on Me
17. Home Sweet Home/Bittersweet Symphony




Artist : Seven Dust
Album : Next
Style : Metal
Label : Sony BMG

พวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมือกีต้าร์คนใหม่ ครั้งนี้พวกเขาได้ Sonny Mayo อดีตมือกีต้าร์วง Snot มารับหน้าที่นี้แทน Hero เพลงเปิดอัลบัม ริฟขึ้นมาแบบต่อเนื่องพร้อมกับเสียงคำรามจาก Lajon ที่เปล่งผ่านฟันขาวๆได้สุดๆจริงความรู้สึกเหมือนกับได้ฟังพี่ Max Cavalera แห่ง Soul Fly ครับ Pieces ริฟกีต้าร์และเบสเล่นได้อย่างเข้าขากันมาก หนักแน่น เล่นออกมาเป็นแทรชครับ สะใจแน่นอน Silence เพลงนี้หากใครที่ชอบแทรชหนักๆแบบ Pentera น่าจะชอบครับ See And Believe และ Desertion เพลงที่ทำออกมาเบาหน่อย เรียบเรียงออกมาเป็นเพลงฮิตอย่างแน่นอน Shadow In Red เพลงช้าสไตล์อะคูสติกแบบกีต้าร์ตีคอร์ดกับเสียงร้อง เล่นปิดท้ายดับอารมณ์ร้อนได้เป็นอย่างดี

อัลบั้มชุดนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ Road Runner กล้ารับประกันอย่างแน่นอน เพราะด้วยผลงานของพวกเขาตั้งแต่ชุดแรกก็เป็นที่ยอมรับต่อนักฟังเพลงหนักๆเป็นอย่างดี เมื่อออกชุดนี้ก็ไม่มีอะไรให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

Track Lists
1. Hero
2. Ugly
3. Pieces
4. Silence
5. This Life
6. Failure
7. See And Believe
8. The Last Song
9. Desertion
10. Never
11. Shadows In Red




Artist : Dire Straits & Mark Knopfler
Album : The Best Of Dire Straits & Mark Knopfler
Style : Rock
Label : Universal Music

Dire Straits และ Mark Knopfler นั้นนับว่าเป็นศิลปินที่น่าจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ดนตรีว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อนักดนตรีรุ่นต่อๆมา ด้วยความที่บทเพลงที่ออกมานั้นมีมากเหลือเกินและน่าจะถึงเวลาอีกครั้งที่จะต้องออกอัลบั้มรวมเพลงออกมาให้ฟังกัน จึงออกมาเป็นอัลบั้มชุดนี้แหละครับ

14 เพลงที่รวมมานั้นดูช่างน้อยเหลือเกินกับวงระดับตำนานเช่นนี้ แต่เมื่อดูชื่อเพลงแล้วก็เอาเถอะครับเพลงดังอย่าง Sultan Swing , Walk Of Life และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง Going Home (Theme From The Local Hero) ยังมีอยู่ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วแหละครับ ทุกๆเพลงนั้นยังคงไว้ซึ่งความเพราะในแบบฉบับของการผสมผสานของแนวโฟล์ก,บลูส์และร็อกแอนด์โรลได้อย่างลงตัว บทเพลงของพวกเขาแม้ว่าเวลาผ่านพ้นไปแค่ไหนก็ยังคงฟังได้อย่างไม่มีเบื่อครับ ยกเว้นแต่คุณจะไม่ยอมรับมัน

Track Lists
1. Sultans Of Swing
2. Love Over Gold
3. Romeo & Juliet
4. Tunnel Of Love
5. Private Investigations
6. Money For Nothing
7. Brothers In Arms
8. Walk Of Life
9. On Every Street
10. Going Home ( Theme From The Local Hero)
11. Why Aye Man
12. Boom, Like That
13. What It Is
14. All The Roadrunning - Duet with Emmylou Harris




Artist : Blink 182
Album : Greatest Hits
Style : Punk /Alternative
Label : Universal Music

วงดนตรีในแนวพั้งก์รุ่นใหม่ที่ดังๆแล้วนอกจาก Green Day ก็คงจะเป็น Blink 182 อย่างแน่แท้ แม้ว่าจะมีอัลบั้มออกมาไม่กี่ชุดก็ตามก็สามารถครองใจแฟนเพลงได้อย่างมหาศาล และตามสุภาษิตที่ว่าไว้ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” พวกเขาจึงออกอัลบั้มรวมฮิตมาให้แฟนๆเสียตังค์กันอย่างถ้วนหน้า เพื่อเก็บไว้เป็นคอเล็กชั่นสะสม

อัลบั้มชุดนี้ไม่ได้มีเพลงพิเศษแต่อย่างใดก็คือการรวมแบบพื้นๆที่เอาเพลงฮิตมารวมกันนอกจากเพลง Aliens Exist ที่เป็นโบนัสแทร็คเพลงเดียว เพลงที่จะฮิตเป็นพิเศษก็คงจะเป็น All The Small Thing ที่มิวสิคนั้นยอมรับเลยว่าสุดๆจริงๆ กัดชาวบ้านได้อย่างไม่เลือกหน้า ใครที่ชื่นชอบพวกพวกเขาก็เตรียมเสียตังค์กันได้เลยครับเพื่อแลกเปลี่ยนกับความสุขจากเสียงดนตรี

Track Lists
1. Carousel
2. M&Ms
3. Dammit
4. Josie
5. What's My Age Again
6. All the Small Things
7. Adam's Song
8. Man Overboard
9. Rock Show
10. First Date
11. Stay Together for the Kids
12. Feelin' This
13. Miss You
14. Down
15. Always
16. Not Now
17. Another Girl Another Planet
18. Aliens Exist




Artist : Nailpin
Album : 12 To Go
Style : Alternative / Punk
Label : Hit Man

วงดนตรีสี่ชีวิตที่มาจาก เบลเยี่ยม ด้วยการนำเข้ามาให้ฟังจากสังกัด Hit Man พวกเขาเป็นวงดนตรีที่มีแนวทางเป็นพั้งก์และอัลเทอร์เนทีพสนุกๆ อารมณ์และความรู้สึกที่ได้ฟังจากพวกเขานั้นแทบไม่ต่างอะไรกับการที่ได้ฟัง Blink 182 ซักเท่าไหร่นัก เพราะเพลงของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสนุกและกวนเหมือนๆกัน แต่ Blink 182 นั้นดูท่าจะหนักกว่า

Faults & Failures เพลงพั้งก์จังหวะกลางๆ แต่ริทึ่มหนักแน่น Together เริ่มต้นมาช้าๆ ก่อนที่กลองจะอัดเต็มที่ด้วยจังหวะแบบเมโลดิกพั้งก์ Movin’ On กลับมาสนุกอีกครั้ง มีการนำเครื่องเป่าเข้ามาใช้ด้วย เลยได้ฟิลไปอีกแบบ I’m Sorry เพลงน่ารักๆแบบวงสไตล์คอเล็กซาวด์ชอบทำ My Last Goodbye อะคูสติกเบาๆ ขั้นอารมณ์หนักๆ Memory Treasure หนักแน่นแบบกรั้น ฟังแล้วนึกถึง Foo Fighter อยู่เหมือนกัน 12 เพลงที่มีในอัลบั้มชุดนี้นั้นน่าจะเป็นอะไรที่ถูกใจขาโจ๋ที่ไม่ชอบอะไรซับซ้อนนอกจากจังหวะมันส์และเสียงกีต้าร์ที่ผ่านเสียงแตกแค่นี้ก็สุดยอด




Artist : Bob Marley & The Wailers
Album : Africa Unite The Single Collection
Style : Reggae
Label : Universal Music

เจ้าพ่อเร็กเก้และนักปฎิวัติที่โลกนี้ไม่มีทางลืมได้ บทเพลงของเขานั้นคือการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและความเท่าเทียมกันทางสังคมได้เป็นอย่างนี้ แม้ว่าหลายๆครั้งแล้วที่มีอัลบั้มประเภทรวมฮิตออกมาอย่างมากมาย ที่ออกจะเป็นอัลบั้มรวมเพลงที่ขายดีเป็นพิเศษก็คงเป็นชุด Legend นั่นเอง และอัลบั้มชุดนี้ก็เป็นอัลบั้มรวมเพลงเช่นกันแต่ว่าต่างกันที่คอนเซปต์อัลบั้ม ก็คือว่าชุดนี้เป็นการรวมอาเพลงของเขาที่ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ล และแต่ละเพลงนั้นจัดว่าเป็นเพลงฮิตทั้งนั้น แบบที่คอเพลงเร็กเก้รู้จักเป็นอย่างดีครับ นอกจากชุด Legend ที่เป็นเพลงรวมที่ต้องมีและชุดนี้เหมาะกับการเก็บสะสมเป็นคอเล็กชั่นสำหรับคนเร็กเก้ครับ

Track Lists
1. Soul Rebels
2. Soul Shakedown
3. Lively Up Yourself
4. Trench Town Rock
5. Concrete Jungle
6. I Shot The Sheriff
7. Get Up, Stand Up
8. No Woman, No Cry
9. Roots, Rock, Reggae
10. Exodus
11. Waiting In Vain
12. Jammin'
13. Is This Love
14. Sun Is Shining
15. Could You Be Loved
16. Three Little Birds
17. Buffalo Soldier
18. One Love / People Get Ready
19. Africa Unite
20. Slogans




Artist : The Marsalis Family
Album : A Jazz Celebration
Style : Jazz
Label : Universal Music

ตระกูล Marsalis นั้นนับว่าเป็นครอบครัวนักดนตรีจริงๆ และทุกคนนั้นเมื่อเติบโตขึ้นมาก็เริ่มเดินทางบนสายดนตรีอย่างแน่วแน่และประสบความสำเร็จทุกคน นับตั้งแต่รุ่นพ่ออย่าง Ellis ต่อมา Brandford , Jason , Delfeayo หรือ Wynton ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นนักดนตรีแจ็สมืออาชีพ

และครั้งนี้ก็นับว่าเป็นอัลบั้มที่สุดจะพิเศษอย่างยิ่ง เพราะธรรมดาแล้วตระกูลนี้จะไม่ได้มีโอกาสมาร่วมเล่นพร้อมกันซักเท่าไหร่นัก แต่งานนี้พวกเขามารวมตัวกันเพื่อเล่นแจ็สโดยเฉพาะ และคอนเสิร์ตนี้ได้บันทึกเสียงเมื่อปี 2001 ที่ Kiefer UNO Lakefront Arena ในเมือง New Orlean

เพลงส่วนใหญ่ที่นำมาเล่นนั้นออกเป็นสวิง บางเพลงก็อาจจะให้ความรู้สึกเหมือนกับเพลงยุคบิ๊กแบนด์ ซึ่งแต่ละคนต่างก็โชว์ความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ ใส่กันไม่ยั้ง งานนี้มีแขกรับเชิญเป็นมือเปียโนอย่าง Harry Connick JR. มาร่วมแจมด้วย ดังนั้นเพียงแค่ได้ยินว่าตละกูล Marsalis มาเล่นร่วมกันก็น่าดูแล้ว และเมื่อออกมาเป็นซีดีก็ยิ่งน่าเก็บอย่างยิ่งครับ

Track Lists
1. Swinging At The Heaven
2. Surrey With The Fringe On Top
3. Wynton Speaks
4. Cain And Abel
5. Nostalgic Impressions
6. After
7. Sultry Serenade
8. Twelve It
9. Harry Speaks
10. Saint James Infirmary
11. Struttin' With Some Barbeque




Artist : Malene Mortensen
Album : Date With A Dream
Style : Pop Jazz
Label : Hit Man

อีกหนึ่งศิลปินที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่ชาตินี้หากไม่ได้ Hit Man นำเข้ามาก็คงไม่มีโอกาสได้ฟังงานดีๆเช่นนี้แน่นอน ครั้งแรกที่ได้รู้จักเธอเมื่อตอนที่เธอได้มาเป็นแขกรับเชิญให้กับ วงทรีโอ The Piano ก็หลงรักน้ำเสียงของเธอเข้าอย่างจังซะแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลง AllI Want และ Eye Of The Storm และเมื่อได้มาเจออัลบั้มเต็มๆชุดนี้จะพลาดได้อย่างไรครับ

จากเดิมที่มีความชื่นชอบเป็นทุนเดิมยู่แล้ว เมื่อได้มาดูรายชื่อนักดนตรีที่เข้ามาร่วมในงานชุดนี้แล้วยิ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างแรงเมื่อได้เห็นชื่อ Avishai Cohen มือเบสชาวยิวที่ฝีมือจัดจ้านอย่างยิ่ง เมื่อเห็นดังนี้แล้วงานต้องออกมาเยี่ยมแน่ๆ ไม่อย่างนั้นมือเบสคนนี้คงจะไม่มาร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน งานเพลงของเธอนั้นเป็นแจ็สที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของป็อป เพลงของเธอส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเพลงสบายๆ ฟังแล้วต้องเคลิ้มกับมนต์สะกดจากน้ำเสียงของเธออย่างแน่นอน

I’ve Got A Date with a Dream เพลงบัลลาดเหงาๆเศร้าๆที่เปิดเป็นเพลงแรก คอร์ดที่วางไว้นั้นทำให้เมโลดีน่าสนใจมาก เพราะปูทางมาให้ดีอยู่แล้ว AllI Want เพลงเก่าที่สุดจะคลาสสิกของ Joni Mitchell เปลี่ยนจังหวะขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเนิบๆลอยๆ เสียงสแนที่ถูกตีด้วยไม้แส้ นั้นสร้างเสน่ห์ให้เพลงอย่างดีเยี่ยม คอร์ดของกีต้าร์ที่อยู่ข้างหลังเมื่อมาผสมกับเสียงเปียโนแล้วเหมือนกับ Bill Frisell เล่นเลยครับ มีการว้อยคอร์ดแปลกๆแต่เพราะมาก ทุกอย่างลงตัวมากๆ และยิ่งช่วงที่เพลงต้องพีคตามเสียงร้องทุกอย่างก็ตามได้อย่างเฉียบขาด ถือว่าเป็นเพลงเอกของอัลบั้มชุดนี้เลยครับ Egyptian Moonlight มาเป็นเร็กเก้เบาๆครับ เหล่านักดนตรีที่เล่นในเพลงนี้นั้นต่างคอยรับส่งกันอยู่ตลอดเวลาครับ เรียกว่าเปิดช่องให้กันไม่ได้เลยครับ เพราะยังไงก็มีเปียโนอุ้มคอร์ดไว้ให้อยู่แล้ว ช่วงท้ายเพลงเปียโนอิมโพรไวส์ได้เจ๋งครับ มีไลด์เอาด์ออกมาด้วยครับ Take Five เพลงแสตนดาร์ดแจ็สที่นิยมเล่นกันมาก ครั้งนี้ถูกนำมาเล่นออกเป็นบัลลาด และยังมาเป็นเวอร์ชั่นร้องอีกด้วยครับ มือเปียโนโซโล่กระจายครับ กลองและเบสเล่นสนับสนุนให้ออกมามันส์ ทำหน้าที่ได้ดีมากครับ Mystery Man ออกมาเป็นละตินนิดๆ พอให้โยกกันได้แต่ยังอยู่ในจังหวะกลางๆ Off The Beat ติดอารมณ์ฟั้งก์ๆมาหน่อย เหมือนพวกเพลงคอนเทมโพรารี่แจ็ส เปียโนเล่นคอร์ดได้เยี่ยมมากครับทำให้ฟิลเพลงไม่ออกมาเป็นฟั้งก์อย่างเต็มตัว มีการเล่นแบบ Syncopation ล้อกับเมโลดีอยู่ตลอด Crashed กลองตีออกมาเป็นอีเล็กทรอนิก้าร์บางๆรองรับอยู่ข้างหลัง เปียโนก็เล่นคอร์ดแบบติดเท็นชั่นเข้ามาเรื่อยๆ ช่วงไฮไลต์น่าจะอยู่ตรงช่วงกลางที่เบสโซโล่ครับ ทุกอย่างประสานงานกันดีมาก

อัลบั้มชุดนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าเมื่อคนเก่งกับเก่งมาทำงานร่วมกันนั้นผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร แม้จะเป็นป็อปแจ็สแต่ตัวเพลงก็มีอไรซ่อนอยู่อย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็นงานป็อปแจ็สที่ค่อนข้างจะซีเรียสอยู่ซักหน่อยครับ เป็นอีกหนึ่งชุดที่ไม่น่าพลาดอย่างแน่นอน

Track Lists
1. I've Got a Date With a Dream
2. All I Want
3. Egyptian Moonlight
4. Blur
5. At Last
6. Take Five
7. Mystery Man
8. Giving You the Best That I've Got
9. Off the Beat
10. Gone Before We Know
11. Crashed




Artist : Harry Connick,Jr
Album : Other Hours – Connick On Piano I
Style : Jazz / Hard Bop
Label : Universal Music

มือเปียโนผิวขาวที่หาตัวจับยากเหลือเกิน นานมาแล้วเคยมีอัลบั้มของเขาเป็นเทปออกมาวางขายกันให้แฟนเพลงชาวแจ็สได้ชื่นอกชื่นใจกัน แต่แล้วก็ไม่มีออกมาอีกเลย จนกระทั่งมีชุดนี้แหละครับ อัลบัมชุดนี้เขานำทีมมาเล่นในแบบฉบับของวงควอเต็ด 4 ชิ้นประกอบด้วย เปียโน ,เทเนอร์แซ็ก เบสและกลอง

What A Waste ขึ้นมาด้วยเปียโนที่เล่นคอร์ดแบบฟรีแจ็ส ก่อนจะเข้ามาเป็นฮาร์ดบ็อบ Sovereign มาเป็นฮาร์ดบ็อบความเร็วเต็มสตีมครับ อิมโพรไวส์กันไม่ยั้ง My Little World และ Can’t We Tell บัลลาดนุ่มๆ เสียงเทเนอร์และเสียงไม้กลองแบบบรัชเพราะมากครับ Dumb Luck เมโลดีน่ารักมากครับ เหมือนพวกเพลงสมัยบรอดเวย์ครับ แต่อิมโพรไวส์ไม่ธรรมดาเลยครับ Your Own Private Love เพลงบรรเลงด้วยเปียโนกับเสียงไม้บรัช ช่างขับกล่อมให้หลับได้เป็นอย่างดี

โครงสร้างเพลงของเขานั้นค่อนข้างจะซับซ้อนพอสมควร หลังจากฟังงานชุดนี้แล้วน่าดีใจอย่างยิ่งที่ยังคงมีกลุ่มคนที่ยังรักในบทเพลงแสตนดาร์ดและรักการอิมโพรไวส์แบบบ็อบอยู่ ที่สำคัญได้ฟังงานราคาดีและราคาถูกด้วยครับ

Track Lists
1. What A Waste
2. Such Love
3. Take Advantage
4. How About Tonight
5. Sovereign Lover
6. My Little World
7. Oh, My Dear (Something's Gone Wrong)
8. Can't We Tell
9. Dumb Luck
10. Oh! Ain't That Sweet
11. The Other Hours
12. Your Own Private Love




Artist : Harry Connick,Jr
Album : Occasion – Connick On Piano II
Style : Jazz
Label : Universal Music

เมื่อมีอัลบั้ม Connick On Piano I ออกมาแล้วแน่นอนว่าจะต้องมีชุดต่อมาแน่นอน และชุดนี้ก็ออกมาต่อเนื่องให้ได้ฟังกันครับ ในชุดนี้เขาทิ้งสมาชิกที่เหลือจากชุดแรกหมด และหันเข้าสู่ความเรียบง่ายด้วยการชวนมือแซ็กยอดฝีมืออย่าง Brandford Marsalis มาแจมแบบสบายแบบดูโอ (แต่เพลงออกมาค่อนข้างจะฟังยากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฟังแสตนดาร์ดแจ็ส)

เมื่อต้องทำงานกันเพียงสองคน ดังนั้นความอิสระทางการอิมโพรไวส์จึงเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งคู่คอยรับส่งกันอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ากำลังนำเอาเปียโนและแซ็กโซโฟนมานั่งคุยกัน ไม่ว่า Brandford จะเล่นอะไรมา Connick จะคอยล้อกับสิ่งที่ Brandford อิมโพรไวส์อยู่ตลอดครับ ไม่ว่าจะเป็นการส่งด้วยคอร์ดหรือโซโล่เสริมเป็นระยะ และเป็นเช่นนี้ทุกเพลง ในชุดนี้หลายๆเพลงเราจะได้ยินการเล่นคอร์ดของ Connick ที่เต็มไปด้วยเท็นชั่นและการว้อยคอร์ดฟอร์มเล็กๆอยู่ข้างหลังไลด์แซ็ก จนบางเพลงอาจจะให้ความรู้สึกเป็นฟรีแจ็สเลยก็ได้ แต่เล่นแบบหววานๆสบายๆหูก็มีครับ เอาแบบที่ว่ากล่อมคุณหลับได้อย่างสบายๆเลยครับ เมื่อฟังจากชุดนี้แล้วต้องยอมรับในฝีมือของ Connick เลยว่าทักษะในการเล่นและอิมโพรไวส์ของเขานั้นชั้นยอดเลยทีเดียว

การเล่นของทั้งคู่นั้นต่างลื่นไหลเป็นอย่างดี นี้คือตัวอย่างที่ดีของการซ้อมเยอะ และทำการบ้านมาดี เป็นแจ็สดีๆอีกชุดที่ต้องฟังครับ อาจจะฟังยากไปนิดสำหรับมือใหม่เพราะมันจะไม่สามารถจับอะไรได้เลย ผมเชื่อว่าอย่างนั้นนะ แต่ว่าก็ค่อยๆฟังแล้วกันครับรับรองว่าได้ประโยชน์แน่

Track Lists
1. Brown World
2. Valentine's Day
3. Occasion
4. Spot
5. I Like Love More
6. All Things
7. Win
8. Virgoid
9. Remember the Tarpon
10. Lose
11. Steve Lacy
12. Chanson Du Vieux Carre
13. Good to Be Home




Artist : Veronica Mortensen
Album : Pieces In Puzzle
Style : Electro – Acoustic Jazz
Label : Hit Man

นักร้องสาวที่ทำงานคุณภาพอีกคนซึ่งรับรองได้ว่างานเพลงของสาวคนนี้คุณต้องไม่เคยได้ฟังมาก่อนอย่างแน่นอน สไตล์เพลงของเธอนั้นถูกเรียกว่า Electro – Acoustic Jazz นั้นคือการที่นำแนวอีเล็กทรอนิก้ามาผสมกับซาวด์ของเครื่องดนตรีอะคูสติกของแจ็ส ซาวด์ที่ออกมานั้นสดมากๆครับ เยี่ยมมาก

เสียงหลักๆที่ออกมาจากดนตรีของเธอนั้นก็คือเสียงของกลองแบบอิเล็กทรอนิก้า เสียงดับเบิ้ลเบสและการอิมโพรไวส์แบบแจ็ส Garden Of My Past ดนตรีออกมาโจ๊ะไลด์ดับเบิ้ลเบสเป็นตัวเดินอยู่ตลอดเวลา กลองเป็นกลองโปรแกรม ไลด์เปียโนคอยโซโล่แบบเอาด์ไลด์ตอดเข้ามาอยู่ตลอดเวลา Flavour Of The Reason มาเป็นจังหวะอิเล็กทรอนิก้าเท่ห์ๆครับ บรรยากาศลอยๆ I Am Here For You อิเล็กทรอนิก้าอีกเพลงที่ลดจังหวะลงมา คอร์ดและวิธีการร้องนั้นหลอนมากครับ If มาเป็นแสตนดาร์แจ็สมากขึ้น Mondays มาสไตล์อิเล็กทรอนิก้าร์จังหวะกลางๆ เป็นเพลงฮิตได้อย่างไม่ยาก วางคอร์ดได้สวยมากครับเลยทำให้เมโลดีติดหู Running Out Of Time เป็นจังหวะละตินนุ่มๆ

ผมเชื่อว่าหากใครได้ฟังอัลบั้มชุดนี้ก็คงจะถูกอกถูกใจกับอะไรใหม่ๆอย่างแน่นอน และสิ้นปีนี้กับคอนเสิร์ต Jazz Festival นั้นเตรียมพบกับโชว์ของเธอได้อย่างแน่นอน

Track Lists
1. Garden Of My Past
2. Julie
3. Flavour Of the Season
4. I Am Here For You
5. If
6. It Doesn't Matter Who's To Blame
7. Mondays
8. You're On Your Own
9. Miles And Miles Apart
10. Running Out Of Time
11. I Am Here For You




Artist : Eldissa
Album : What A Difference
Style : Bossanova
Label : Hit Man

ก่อนอื่นเลยต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีปรีดามากๆกับนักฟังเพลงทั้งหลายโดยเฉพาะคอเพลงแจ็ส อันเนื่องจากสาเหตุที่มาจากสังกัดน้องใหม่อย่าง Hit Man นั้นกำลังนำเพลงแจ็สจากฝั่งยุโรปนำเข้ามาเปิดโลกให้เราหาฟังกัน นี่คือคนกล้าแห่งเมืองสยาม ถ้าไม่อย่างนั้นประเทศไทยก็จะถูกปกครองด้วยเพลงป็อปไทยดาษๆที่มาจากสองค่ายใหญ่อย่างแน่นอน

อัลบั้มชุดนี้เป็นงานจากวงดนตรีที่มีบุคลากรหลากหลายชาติด้วยกัน สังเกตได้จากชื่อคนครับ งานเพลงของพวกเขานั้นในชุดนี้เป็นเพลงดังเก่าๆในยุคที่เพลงแนวดิสโก้รุ่งเรืองมาทำใหม่ในจังหวะบอสซาโนว่า หลายเพลงนั้นเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาไปแทบจำไม่ได้เลยครับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพลงร้องครับ และเมื่อเป็นเพลงเก่าแล้วอย่างแรกที่ได้ผลประประโยชน์อย่างแรงเลยก็คือเพลงเหล่านี้เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่เพลงจะติดหูคนฟัง

ทั้ง 15 เพลงนั้นเป็นเพลงในจังหวะบอสซ่าโนว่าและแซมบ้าทั้งหมดครับ จะมีเพลงใหม่จาฝีมือของ Eldissa เข้ามาถึง 3 เพลงนั้นคือ Cherish You , Dream และ Sunshine แต่อย่างไรเพลงใหม่เหล่านี้กลับถูกกลบด้วยรัศมีอันแรงกล้าของเพลงดังที่นำมาคัฟเวอร์ใหม่อย่างเห็นได้ชัด Stayin’ Alive เพลงเก่าจาก Bee Gees ถูกปรับโฉมใหม่อย่างแตกต่างครับ เดิมเป็นดิสโก้หนึบๆ ถูกเปลี่ยนเป็นบอสซ่าสบายๆหูครับ That Night เพลงดังที่มีเมโลดีและทางคอร์ดสุดแสนจะไพเราะ เป็นอีกหนึ่งเพลงเพราะที่แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก เพลงนี้ถ้าฟังตอนกลางคืนพร้อมไฟสลัวๆหน่อย รับรองได้ว่าสุดยอดครับ Can’t Take My Eyes Of You อีกหนึ่งเพลงที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเพลงฮ็อตตลอดกาลของขาเต้นทั้งหลาย และก็ยังเป็นเพลงที่ถูกนำไปคัฟเวอร์มากที่สุดอีกหนึ่งเพลง แต่รับรองได้ครับว่าหากคุณได้ฟังเวอร์ชั่นบอสซ่าเช่นนี้คุณแทบอยากจะลืมเวอร์ชั่นเดิมๆซะเลยครับ เร่งจังหวะขึ้นมาอีกนิดกับ Rock With You เพลงจาก Michael Jackson ที่มันส์สุดเหวี่ยง การเป็นบอสซ่าน่ารักๆ อย่างทันทีทันใด Fantasy เพลงมันส์ที่คอดิสโก้ไม่พลาดแน่ เป็นเพลงของ Earth ,Wind & Fire ถูกปรับโฉมใหม่อย่างลื่นหู จังหวะแบบ Syncopation แบบฟั้งกี้หายเกลี้ยงไม่มีเค้าของเดิมครับ What A Difference A Day Made เดิมทีก็เป็นเพลงเพราะอยู่แล้ว ถูกเปลี่ยนเป็นแซมบ้าเบาๆ เพราะทีเดียวครับ

งานเพลงแบบนี้ถือว่าหาฟังยากพอสมควรในบ้านเรา แต่เมื่อมีโอกาสแล้วก็น่าหามาฟังกัน งานสบายแบบเสน่ห์ของบอสซ่าโนว่าที่เต็มไปด้วยเสียงของเครื่องดนตรีอะคูสติกเบาๆ พร้อมกับเสียงร้องนุ่มๆจากสาวๆทั้งสาม อัลบั้มชุดนี้น่าจะมีเก็บไว้ฟังยามที่ต้องการบรรยากาศสบายๆแบบที่ได้ยินเสียงคลื่นลมทะเลและแดดอ่อนๆ ผ่อนคลายอารมณ์ได้เป็นอย่างดีครับ และในงาน Jazz Festival ก็เตรียมพบกับพวกเขาได้อย่างแน่นอนครับ

Track Lists
1. Stayin' Alive
2. Fame
3. Gimme! Gimme! Gimme!
4. Ring My Bell
5. Funkytown
6. That Night
7. Can't Take My Eyes Off You
8. Cherish You
9. Rock With You
10. Could It Be Magic
11. Dream
12. Fantasy
13. Go West
14. What a Difference a Day Made
15. Sunshine




Artist : Branford Marsalis Quartet
Album : Footsteps Of Our Fathers
Style : Jazz
Label : Universal Music
อัลบั้มชุดนี้เป็นการเล่นคารวะต่อเหล่าบิดาของคนแจ็สทั้งหลาย โดยที่นักแซ็กโซโฟนหนุ่มไฟแรงอย่าง Branford Marsalis ได้นำบทเพลงที่สุดแสนจะคลาสสิกของเหล่าบรรดาเกจิวงการแจ็สมาตีความและเล่นใหม่ โดยเพลงที่นำมาเล่นนั้นก็เป็นเพลงของ John Coltrane,Sonny Rollin,Ornette Coleman และ John Lewis มาเล่น ครั้งนี้เขาได้นำนักดนตรีมาเล่นในรูปแบบวงควอเต็ด ประกอบไปด้วย แซ็กโซโฟน,เปียโน เบสและกลอง

Giggin เพลงของ Ornette Coleman บิดาแห่งฟรีแจ็ส เพลงนี้ทั้งทีมอิมโพรไวส์ได้มันส์มาก โดยเฉพาะมือเปียโนเล่นได้สุดเก๋า โมทีพดีมากๆครับไม่รู้อธิบายอย่างไรแต่รู้ว่าสุดยอดครับ A Love Supreme เสียงแซ็กที่เล่นออกมานั้นสำเนียงเหมือนกับ Coltrane เลยครับ อิมโพรไวส์กระจาย บิวต์อารมณ์ได้สุดยอดมากครับ อัลบั้มชุดนี้ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเป็นอัลบั้มที่คอแจ็สตัวจริงจะต้องมีไว้แน่นอนครับ

Track Lists
1. Giggin' - Ornette Coleman
2. The Freedom Suite - Sonny Rollins: Movement I
3. Movement II
4. Movement III
5. Movement IV
6. A Love Supreme - John Coltrane: I - Acknowledgement
7. II - Resolution
8. III - Pursuance
9. IV - Psalm
10. Concorde - John Lewis




Artist : The Piano
Album : Eye Of Storm
Style : Pop Jazz
Label : Hit Man

ก่อนหน้านี้ไม่นานนักวงดนตรีทรีโอจากเดนมาร์ควงนี้ได้มาเปิดคอนเสริตในบ้านเราไปแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ภาพบรรยากาศในวันงานและการเล่นเป็นอย่างไรก็เข้าไปดูได้ใน Event ครับ และนี้ก็คืออัลบั้มของเขานั้นเองครับ

วงดนตรีทรีโอวงนี้ประกอบไปด้วย Morten Kaersa เล่น เปียโน,ร้อง ,คีย์บอร์ด และเพอคัสชั่น Klaus Menzer กลองและเพอคัสชั่น Rasmus Kaersa เบส และในชุดนี้ยังมีนักร้องเสียงเพราะๆอย่าง Nellie Ettison มาเป็นแขกรับเชิญอีกด้วย วงดนตรีทรีโอวงนี้งานเพลงของพวกเขานั้นเป็นแจ็สที่มีการผสมผสานของป็อปและบอสซาโนว่า ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าดนตรีแจ็สจากยุโรปนั้นแตกต่างจากแจ็สในอเมริกาอย่างสิ้นเชิงแม้จะเป็นงานเพลงป็อปแจ็สแต่ก็มีความเข้มข้นในเรื่องของดนตรีมากกว่ามากและเห็นได้ชัดเจน

Before We Say Goodbye เพลงบรรเลงนุ่มๆเป็นการเปิดตัว ทำได้น่าสนใจอย่างมาก ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของจังหวะบอสซาโนว่า มีเปียโนเป็นตัวชูโรงอีกทั้งรองพื้นด้วยคีย์บอร์ด เมโลดีมากแต่เน้นติดหูสัดส่วนของความหนักเบาตามอารมณ์เพลงดีมากครับ ต้องยกผลประโยชน์ให้มือกลองคนเดียวเลยครับ Yellow Moon เพลงป็อปแจ็สช้าๆสุดๆของความโรแมนติก ทุกอย่างในเพลงให้ความรู้สึกแบบลอยๆลองฟังแบบหลับตาแล้วปล่อยใจไปตามเพลงซิครับ Morten Kaersa ลงทุนเข้ามาร้องเองครับ ถ้าใครได้ดูคอนเสริตวันนั้นความรู้สึกที่ได้ฟังเหมือนกันเลยครับ เรื่องซาวด์เนียนมากๆ และเขาก็ร้องได้เพราะมากๆซะด้วยครับ Now She Can Do It เพลงแซมบ้ามันส์ๆ ตามความคิดผมแล้วถ้า Morten Kaersa อิมโพรไวส์ให้แบบจัดๆและสุดๆกว่านี้ เพลงนี้จะมันส์และเยี่ยมขึ้นหลายเท่าตัว Eye Of The Storm เพลงนี้ดูท่าจะเป็นเพลงโปรดของใครหลายๆคนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ได้ไปดูคอนเสริตในวันนั้น เป็นเพลงช้าที่เริ่มต้นมาแบบลอยๆด้วยเสียงคีย์บอร์ด Nellie Ettison นักร้องรับเชิญ ร้องเพลงนี้ได้อย่างเพราะมาก แม้ว่าในคอนเสริตสดจะเป็นนักร้องสาวนามว่า Malene Mortensen จะเป็นผู้ร้องเพลงนี้ แต่ความรู้สึกในการฟังเพลงนี้ในเวอร์ชั่นอัลบั้มก็ไม่ได้แตกต่างแต่อย่างใดครับ เพลงที่ดีก็ยังเป็นเพลงที่ดีอยู่วันยังค่ำครับ You’ve Got Mail เพลงร้องจังหวะสบายๆ ทำให้ผมนึกถึงฟิลเพลงของ Michael Frank อย่างทันที Forbidden Fruit ป็อปแจ็สในจังหวะสโลว์ ช้าๆเหงาๆ Nellie Ettison ร้องครับ The Ocean เปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังเป็นเพลงช้าใสๆสบายๆ Morten Kaersa เป็นผู้ร้อง น่าเป็นเพลงฮิตอีกเพลง Once You Were Mine กลับมาที่เพลงบรรเลงจังหวะบอสซาโนว่าอีกครั้ง ความรู้สึกยังไม่ต่างกับ Before We Say Goodbye ที่เป็นเพลงแรกแต่อย่างใดครับ I’ll Be There แจ็สช้าๆในจังหวะวอล์ล 3/4 ครับ น่ารักทีเดียวครับ Nellie Ettison เป็นผู้ร้องอีกแล้วครับ Paint The Sky เพลงแบบแจ็สสแตนดาร์ด ที่มาเพียงเสียงเปียโนและเสียงร้องของ Morten Kaersa มาเป็นเพลงปิดท้ายส่งคุณเข้านอนอย่างสมบูรณ์แบบ

อัลบั้มชุดนี้เพลงทั้ง 15 เพลงนั้นดูเหมือนว่าจะเน้นไปที่เพลงในจังหวะช้าและปานกลางซะเป็นส่วนใหญ่และตัดทอนในส่วนของการอิมโพรไวส์ลง จนเป็นเพลงป็อปแจ็ส แต่ก็ยังเหนือกว่าเพลงป็อปแจ็สหรือคอนเท็มโพรารี่แจ็สทั่วๆไป แบบว่ายังมีกึ๋นที่จะทำมันให้ออกมาแตกต่าง นับว่าเป็นทางเลือกในการฟังเพลงแจ็สทางใหม่ที่มาจากยุโรปได้เป็นอย่างดี และน่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนฟังได้เป็นอย่างดีเยี่ยมครับ




Artist : Branford Marsalis Quartet
Album : Romare Bearden Revealed
Style : Jazz
Label : Universal Music

อัลบั้มนี้เป็นงานเพลงที่เข้าค่ายงานคอนเซปต์ของ Branford Marsalis เพราะว่าเขานั้นอยากทำงานที่สดุดีต่อนักเขียนรูปชื่อดังอย่าง Romare Bearden ผู้ซึ่งมีผลงานเขียนรูปออกมาอย่างมากมายและยังเกี่ยวข้องกับวงการแจ็สอีกซะด้วย โดยการแต่งเพลงอีกด้วยรวมถึงวาดภาพในปกอัลบั้มของนักดนตรีแจ็สอีกมากมาย

อัลบั้มชุดก็เหมือนกับการที่ Branford ได้ดูภาพของ Romare Bearden และเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อภาพนั้นออกมาเป็นอารมณ์ในการเล่นและอิมโพรไวส์ โดยครั้งนี้เขาได้นำทีมมาเล่นเป็นรูปแบบของ วงควอเต็ด 4 ชิ้นนั้นคือ แซ็ก,เปียโน,กลอง และเบส และเพลงในชุดนี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพลงของศิลปินท่านต่างๆ ซึ่งภาพโดยรวมแล้วดูเหมือนกับการนังฟังแจ็สเย็นๆสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรนัก เพลงที่คัดมาก็มีเช่นเพลงของ Duke Ellington , Jelly Roll Morton , Wynton Marsalis และอีกหลายต่อหลายคน ว่าแล้วอัลบั้มชุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชุดที่น่าเก็บไว้อย่างยิ่ง

Track Lists
1. I'm Slappin' Seventh Avenue
2. Jungle Blues
3. Seabreeze
4. J Mood
5. B's Paris Blues
6. Autumn Lamp
7. Steppin' On The Blues
8. Laughin' & Talkin' (with Higg)
9. Carolina Shout




Artist : Neil Hp
Album : Promises Of Rain
Style : Soul / R&B
Label : Hit Man

นอกจากในปัจจุบันแล้วที่เราจะได้รู้จักเพลงสไตล์ Soul และ R&B แค่เพียงแถบอเมริกาเป็นหลักแล้วก็หาฟังจากชาติได้ยากเช่นกัน (ยกเว้นเมืองไทยที่อะไรๆก็เรียกเป็นอาร์แอนบีไปซะหมด) ครั้งนี้เราจะพาคุณไปฟังเพลงอาร์แอนด์บีจากยุโรปบ้าง เพื่อเป็นการค้นหาทางใหม่ๆในการฟัง

Neil Hp กับอัลบั้ม Promises Of Rain นั้นเป็นอาร์แอนบีที่ร้องโดยคนขาวแถบยุโรปแต่กลับร้องเพลงสไตล์นี้ได้ดีไม่แพ้คนผิวดำเลย และสิ่งหนึ่งที่สร้างให้เห็นความแตกต่างได้เป็นอย่างดีระหว่างเขาและศิลปินอาร์แอนด์บีในอเมริกา นั้นคือเรื่องของดนตรีที่ส่วนใหญ่มักจะใช้เทคโนโลยีพวกโปรแกรมและเสียงลูปกลองต่างๆเข้ามาใช้ แต่เพลงของ Neil Hp นั้นทุกอย่างเป็นเครื่องดนตรีจริงครับ และเน้นไปที่เสียงอะคูสติกเป็นซะส่วนใหญ่อาจจะมีคีย์บอร์ดเข้ามาร่วมก็เป็นบางเพลงเท่านั้น เพราะฉะนั้นเสียงที่ออกมานั้นย่อมเพราะและนวลกว่าเสียงของโปรแกรมดนตรีอย่างแน่นอน และมีมิติที่ลึกกว่าล้านเปอร์เซ็นครับ รับรองได้

สไตล์การร้องของ Neil นั้นออกมาเหมือน Stevie Wonder อยู่เหมือนกัน นั้นก็เพราะส่วนหนึ่งนั้นเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Stevie Wonder เต็มๆ เพลงทั้งหมดในชุดนี้ออกมาแบบสบายๆ สามารถฟังได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องเปลี่ยนเพลงแต่อย่างใด If You Fall เป็น อาร์แนด์บีที่ติดจังหวะของฮิพฮอพเข้ามาผสม อินโทรเริ่มต้นด้วยเสียงกีต้าร์อะคูสติก ซาวด์เพลงนี้เหมือนกับได้นั่งฟังแผ่นเสียงเลยครับ Do You Walk On By ภาคดนตรีทำได้เท่ห์มากๆ จังหวะแบบโดดๆนิดๆ กระตุกๆ He Sits Alone โทนดนตรีนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับแบบยุโรปนิดๆ มีการร้องแร็พเข้ามาด้วย Flirty Mermaid อาร์แอนด์บีติดฟั้งก์นิดๆ โยกมันส์แน่นอน Floating เพลงเหงาๆที่มีเพียงเสียงของคีย์บอร์ดที่ใส่เอ็ฟเฟค Rotary (หาฟังได้จาก Jamiroquai) และเสียงร้องกล่อมให้หลับง่ายๆครับ และหลายๆเพลงเขาก็ได้นักร้องสาวคุณภาพเยี่ยมอย่าง Veronica Mortensen มาร่วมงานด้วย

งานของ Neil นั้นในเรื่องของลีลาการร้องของเขาหายห่วงแน่ๆ ครับ แต่ตรงที่น่าสนใจก็คือส่วนของดนตรีที่เป็นดนตรีสดโดยไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาร่วม นั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก หากฟังผิวเผินจะนึกว่าต้องใช้เครื่องทำอย่างแน่นอน แต่จริงแล้วเป็นของสดครับ และปลายปีนี้เขาก็จะมาร่วมเล่นคอนเสิร์ต Jazz Festival อย่างแน่นอนครับ




Artist : Melanie C.
Album : Beautiful Intentions
Style : Pop Rock / Modern Rock
Label : Hit Man

อีกหนึ่งสาวที่แตกหน่อออกมาจาก Spice Girls และดูท่าว่าอนาคตทางดนตรีของเธอน่าจะดีกว่าเพื่อน เพลงของเธอนั้นออกมาดูดีและโดดเด่นจากเพื่อนๆอย่างเห็นได้ชัด งานเพลงของเธอนั้นเริ่มเข้าที่เข้าทางกว่าแต่ก่อนเยอะมาก งานเพลงของเธอนั้นเลือกที่จะเป็นงานเพลงร็อกที่ถือว่าเท่ห์อย่างยิ่ง นั้นคือแนวทางที่เธอเลือกที่จะเดินและสานมันอย่างเห็นเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจากอัลบัมชุดแรก เมโลดีและดนตรีของเพลงนั้นทำออกมาได้สะดุดหูได้ดี ฟังได้จาก Next Best Super Star ซึ่งทำออกมาได้เยี่ยมและลงตัวมาก Better Alone เพลงช้าที่เริ่มต้นด้วยเปียโนและเสียงร้อง ออกเป็นโทนเศร้าๆ Good Girl เพลงลอยๆ ด้วยเสียงซินท์และเสียงของเครื่องสายที่วางอยู่ข้างหลัง ชวนให้นึกถึง Bjork อยู่ไม่น้อย เพียงแต่ร้องเป็นผู้เป็นคนกว่า Don’t Need This โมเดิร์นร้อกมันส์ๆ ที่ช่วนกระโดดได้เป็นอย่างดี Little Place Of Me เท่ห์มากเพลงนี้ เป็นร็อกมันส์ๆอีกเพลง ถ้ามีการใส่ซาวด์สังเคราะห์หรือเสียงเอ็ฟเฟคมากกว่านี้จะเท่ห์มากขึ้นครับ You’ll Get Yours เพลงช้าเพราะนุ่มๆลอยๆ ก่อนที่จะค่อยๆบิวต์อารมณ์ให้แรงขึ้นเป็นลำดับๆ ทางคอร์ดวางเอาไว้สวยทีเดียว จริงๆแล้วเพลงนี้น่าจะนำไปใช้เป็นเพลงประกอบหนังได้อย่างสบายๆ และน่าจะเป็นเพลงฮิตอย่างแน่นอน

สำหรับสาวคนนี้เมื่อหลุดออกมาจากวง Spice Girls แล้วดูท่าจะมีอนาคตทางวงการเพลงรุ่งที่สุด เพราะความสามารถที่เธอมีบวกกับประสบการณ์และความชอบส่วนตัวในเรื่องของสไตล์เพลงจึงได้ทำอัลบั้มออกมาได้น่าสนใจทีเดียว Beautiful Intentions เป็นชุดที่เห็นได้ชัดว่าพัฒนาการทางดนตรีของเธอนั้นกำลังก้าวไปได้สวยครับ

Track Lists
1. Beautiful Intentions
2. Next Best Superstar
3. Better Alone
4. Last Night on Earth
5. You Will See
6. Never Say Never
7. Good Girl
8. Don't Need This
9. Little Piece of Me
10. Here and Now
11. Take Your Pleasure
12. You'll Get Yours




Artist : Hanson
Album : The Best Of Live And Electric
Style : Pop Rock / Modern Rock
Label : Sony BMG

สามพี่น้องนักดนตรีรุ่นใหม่ที่แสดงฝีไม้ลายมือจนกลายเป็นที่ยอมรับต่อนักฟังเพลงอย่างมากมาย มิใช่เพียงแต่นักฟังเพลงผู้หญิงเท่านั้น เดิมที่ถ้ามองกันอย่างผิวเผินนั้นภาพลักษณ์ของพวกเขาออกจะดูเหมือนวงดนตรีบอยแบนด์หนึ่งวงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วหากลองได้ฟังเพลงอย่างจริงจัง จะพบว่าไอเดียในการทำเพลงของพวกเขานั้นเจ๋งทีเดียวครับ เพียงแค่ออกชุดแรกก็ดังเปรี่ยงปร้างซะแล้ว และเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปพวกเขาก็ยิ่งแสดงความสามารถในการทำงานเพลงออกมาได้ดีกว่าเดิมอย่างเป็นลำดับ

อัลบั้มชุดนี้ไม่ใช้อัลบั้มใหม่หรือว่าเป็นการรวมเพลงฮิตแต่อย่างใดแต่เป็นการรวมเพลงที่พวกเขาคิดว่าเยี่ยมในช่วงที่เขาออกทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้มชุด Underneath เมื่อปี 2004 นั่นเอง หากได้ฟังในชุดนี้แล้วจะสังเกตุได้ว่าพวกเขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางของแนวเพลงโมเดิร์นร็อกมากขึ้น และเล่นออกมาได้หนักแน่นด้วยครับ Optimistic เพลงแรกเปิดตัวมา ซาวด์และสไตล์ออกมาเป็นร็อกแบบ 70 ครับ Where is The Love เพลงสไตล์อัลเทอร์เนทีพแบบ Sued เลยครับ ช่วงท้ายมีโชว์โซโล่ออกมาเป็นฟั้งก์ เพื่อต่อเข้าเพลง Look At You ทำได้อย่างเฉียบมากครับ Hand In Hand เล่นได้มันส์มากครับ In A Little While เพลงเท่ห์จาก U2 ที่พวกเขานำมาเล่นเรียงคะแนนจากคนฟังได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ลีลาการร้องเลียนแบบ Bono ได้เหมือนครับ MMM Bop เพลงเก่งที่ไม่พลาดทุกงาน นอกจาก 14 เพลงในอัลบั้มแล้วยังมี VCD ที่บรรจุ มิวสิกวีดีโอและ ภาพจากคอนเสิร์ต และภาพเบื้องหลังการทำงานรวมไปถึงรูปภาพต่างๆ จริงๆแล้ว Hanson จัดว่าเป็นวงดนตรีที่เต็มไปด้วยคุณภาพ เพียงแต่บางครั้งการที่สื่อชอบนำเสนอมุมมองของพวกเขาในแบบวงดนตรีบอยแบนด์หนึ่งวงก็เลยอาจจะมีการมองข้ามไปของคนทีฟังดนตรีจริงๆ ยังไงลองฟัง Live And Electric ดูซะก่อนครับแล้วจะเปลี่ยนใจมาชอบพวกเขาเช่นผมเป็นต้น

Track Lists
1. Optimistic
2. Every Word I Say
3. Where's The Love
4. Look At You
5. Strong Enough To Break
6. I Will Come To You
7. Underneath
8. Hand In Hand
9. In A Little While
10. Penny And Me
11. MmmBop
12. This Time Around
13. Rock N Roll Razorblade
14. If Only

Bonus Vcd
Music Videos :
- Penny & Me
- Lost Without Each Other
- Underneath & Underneath Dir. Cut

New Live Videos :
- Crazy Beautiful & Being Me




Artist : Fabrizo Faniello
Album : When We Dance
Style : Pop / Techno / Electronica
Label : Hit Man

ศิลปินหนุ่มที่กำลังฮอตอย่างยิ่งในแถบยุโรป กับสไตล์เพลงเต้นรำของเขานั้นแทบทำเอาสาวๆหลายๆคนแทบละลายไปแล้ว ทัวร์คอนเสิร์ตของเขานั้นมีอยู่ตลอดเวลา และแต่ละที่นั้นแฟนๆรอรับกันอย่างอบอุ่นเลยครับ

สไตล์เพลงของเขานั้นเป็นเพลงเต้นรำขนานแท้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Techno ,Electronica และอื่นๆซึ่งเป็นที่นิยมอยู่แล้วสำหรับคอเพลงแถบยุโรป แต่ก็ยังยืนอยู่บนแนวป็อปเป็นหลัก I’m In Love เพลงในสไตล์เทคโนมันส์ๆ Heavenly เพลงช้าที่มัดใจสาวๆได้อย่างดีเยี่ยม สไตล์เพลงไม่ต่างอะไรนักกับวงป็อปในอเมริกาที่ต้องมีเพลงขาย Wherever You Are มาเป็นอันเดอร์กราวด์ผสมดิสโก้ครับ Somebody Send Me An Angel อีเล็กทรอนิก้าจังหวะกลางๆ ฟังสบายๆครับ ติดหูดีครับ Let Me Be Your Lover ละตินผสมกับเทคโน ได้ฟิลเต้นรำที่แตกต่างออกไปอีกแบบ Dancing In The Summer Rain เพลงขายอีกเพลงที่น่าจะได้ผลอย่างยิ่ง ท่อนฮุคติดหูดีที่เดียว Calling Love น่าสนใจมากครับเพลงนี้ มาเป็นบรรยากาศโซลเย็นๆ ดนตรีทำได้เยี่ยมครับ Sins Of Love อิเล็กทรอนิก้าเก๋ๆ น่าจะถูกใจชาวเกย์ครับ ปิดท้ายด้วย Sempice Cosi เพลงช้าที่เพราะไม่แพ้กัน

ในส่วนของเพลงเร็วนั้นเป็นเพลงเต้นรำตามสไตล์ยุโรปอยู่แล้ว ซึ่งกินขาดเพลงเต้นรำจากชาติอื่นๆอยู่แล้ว แต่ในส่วนของเพลงช้านั้นไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักจากวงป็อปจากอเมริกา ฟิลเพลงในอัลบัมชุดนี้กับเพลงช้าและเพลงจังหวะกลางๆนั้น ผมนึกถึง วงอย่าง N’Sync ครับ ซึ่งน่าจะถูกใจคอเพลงป็อปแด้นส์ได้เป็นอย่างดี

Track Lists
1. I'm In Love
2. When We Danced
3. Heavenly
4. If Only
5. Wherever You Are
6. somebody Sent Me An Angel
7. Let Me De Your Lover
8. Dancing In The Summer Rain
9. For A Reason
10. Jeans On
11. Only You
12. Can't Stop the Rain
13. Calling Love
14. Just 4 Christmas
15. Sins Of Love
16. Semplice Cosi




Artist : Madonna
Album : Confession On A Dance Floor
Style : Disco
Label : Warner Music

ราชินีเพลงป็อปที่ผ่านการทำงานเพลงมาแล้วมากมายและหลากหลายสไตล์ อีกทั้งยังได้รับรางวัลมาอย่างมากมายนับไม่ถ้วน ครั้งนี้เธอกลับมาพร้อมกับงานเพลงที่ย้อนกลับไปสู่รากและตัวตนในสมัยที่เริ่มเข้าวงการเพลงใหม่ๆ ดังนั้นสไตล์เพลงที่ออกมานั้นจึงหลีกนไม้พ้นเพลงแด้นส์แบบ ดิสโก้ , เทคโนและคลับ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพลงในสไตล์เต้นรำด้วยกันทั้งนั้น
ซาวด์และสไตล์เพลงที่ออกมานั้นดูเหมือนว่าจะเป็นการย้อนกลับไปสู่เพลงในช่วงยุค 80 ซึ่งเป็นยุคที่ดิสโก้ครองเมือง ทุกๆส่วนของภาคดนตรีนั้นเต็มไปด้วยเสียงของ ซินท์ดิไซเซอร์,ซีเควนและกลองโปรแกรม นับตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย และอัลบั้มชุดนี้ยังเป็นการเรียงเพลงที่เล่นกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้สึกของคนฟังเหมือนกับการที่ได้ขึ้นมาเต้นอยู่บนฟลอด์แบบ Non – Stop มันส์กันอย่างไม่มีหยุด ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าเพลงเร็วที่โถมเข้ามา เหมือนที่ยุคหนึ่งตามไนท์คลับหรือเทคชอบทำกัน ดังนั้นอัลบั้มชุดนี้น่าจะถูกใจคนที่ชอบเพลงดิสโก้ยุค 80 หรืเพลงเต้นรำจังหวะต่างๆครับ แต่ยังไงก็ตามอัลบัม Ray Of Light น่าจะเป็นอัลบั้มที่ครองใจแฟนเพลงของเธอได้เป็นอย่างดีครับ

Track Lists
1. Hung Up
2. Get Together
3. Sorry
4. Future Lovers
5. I Love New York
6. Let It Will Be
7. Forbidden Love
8. Jump
9. How High
10. Isaac
11. Push
12. Like It Or Not




Artist : Juelz Santana
Album : What The Game’s Been Missing
Style : Hip Hop
Label : Universal Music

อีกหนึ่งหนุ่มผิวหมึกที่เดินบนเส้นทางของฮิพฮอพ สไตล์การร้องของเขานั้นเยี่ยมมากครับ ร้องได้สะใจมากๆ สำเนียงแบบพวกฮิพฮอพข้างถนนหรือเหล่าบรรดาแก็งเสตอร์ทั้งหลาย ประโยคแต่ละประโยกที่ร่ายออกมานั้น เต็มไปด้วยจังหวะและลีลา ดนตรีก็ทำออกมาหม่นๆ หากใครที่เคยดูหนังเรื่อง 8 Miles ที่ Eminem เล่นนั้นคงจะต้องนึกภาพออกแน่นอน ในช่วงตอนที่เขาร้องแร็พแข่งกัน จังหวะและลีลาสำเนียงของ Juelz Santana ได้เลยทีเดียว และอัลบั้มชุดนี้เขายังได้เพื่อนฝูงในวงการฮิพฮอพมาร่วมแจมอย่างมากมายด้วยครับ

Track Lists
1. intro
2. rumble young man rumble
3. oh yes
4. shottas feat. Cam'ron & sizzla
5. clockwork
6. kill 'em feat. Cam'ron
7. this is me
8. make it work for you feat. Lil' wayne & young jeezy
9. whatever u wanna call it feat. Hell rell
10. gangsta sh*t
11. lil' boy fresh
12. good times
13. freaky
14. murda murda feat. Cam'ron
15. gone
16. kid is back
17. changes feat.razah
18. I am crack
19. there it go (the whistle song)
20. violence feat. Bezel
21. daddy
22. mic check




Artist : Various Artist
Album : No.1 Hitz
Style : //////
Label : EMI

จั่วหัวขึ้นมาใช้ชื่อเป็น No.1 Hitz นั้นแน่นอครับว่าเพลงข้างในต้องน่าจะมีดีอะไรอยู่บ้าง และคำเฉลยก็คืออัลบั้มชุดนี้เป็นการรวมเอาเพลงฮิตๆที่มาจากความฮิตของเหล่าบรรดาคนฟังทั้งหลายซึ่งรวมมาไว้ถึง 20 เพลงด้วยกัน โดยมีการแบ่งแยกออกเป็นเพลงฮิตในแนวต่างๆอย่างชัดเจน ที่มีก็คือ แนวร็อก, ป็อป และแด้นส์ รวมไปถึง ฮิพฮอปอีกด้วย เรียกได้ว่าอัลบัมชุดนี้น่าจะเป็นการรวมเพลงที่เอาใจคนฟังเพลงที่ชอบอะไรที่อินเทรนด์ได้เป็นอย่างดีครับ

Track Lists
1.Speed Of Sound – Cold Play
2.The Reason – Hoobastank
3.Elements – Blue
4.Lonely – Akon
5.Feel Goog Inc. – Golillaz
6.Other Side Of The World – KT Tunstall
7.Too Late – C21
8.Cradle 2005 – Atomic Kitchen
9. Look What You’ve Done – Jet
10. Those Sweet Words
11.Don’t Cha Wanna Ride – Joss Stone
12.How Would It Be – Lene Marlin
13.Billy S. – Skye Sweetnam
14.Ride It – Geri Halliwell
15.Call U Sexy – VS
16.I Belive In You –Kylie Minogue
17.Eyes On You – Jay Sean
18.Scar – Missy Higgins
19.Fields – Maxi Priest
20.I Belive My Heart – Duncan & Keedie




Artist : Various Artist
Album : Disco Forever
Style : Disco
Label : Warner Music

ยุคสมัยหนึ่งนั้นปฎิเสธไม่ได้เลยว่าดนตรีดิสโก้เป็นดนตรีที่มีอิทธิพลต่อคนฟังมากที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง และเสน่ห์ของดนตรีสไตล์นี้เป็นแบบเฉพาะตัวอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่เดินอยู่ตลอดเวลาขนานกับเสียงกลองหรือจะเป็นเสียงกีต้าร์ที่สับคอร์ดแบบฟั้งกี้หรือบางครั้งก็ตีคอร์ดผ่านเสียงของวาห์วาห์

เมื่อวันเวลาผ่านไปดนตรีสไตล์นี้อาจจะถูกลืมไปบ้างแต่ก็ยังมีให้ฟังกันตลอดเวลาเพราะยังไงซะดนตรีประเภทเต้นรำนั้นคงไม่มีทางจากโลกนี้ไปได้อย่างง่ายๆแน่นอน ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันและบทเพลงเก่าๆ จึงได้มีการรวบรวมเพลงแนวดิสโก้สุดฮิตในยุคนั้นมาไว้ถึง 18 เพลงด้วยกัน หลายๆเพลงนั้นเราคุ้นหูเป็นอย่างดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเพลง Agadoo, One Night In Bangkok, La Bamba ,Clap Your Hands และอีกหลายเพลงที่อยู่ในช่วงระยะเวลายุค 80 ที่เป็นยุคที่สุดแสนจะคลาสสิก รับรองได้ว่าเมื่อคุณได้ฟังเพลงในชุดนี้จะต้องย้อนกลับไปนึกถึงทรงผมฟูๆกระเซิงๆและกางเกงยีนส์สีซีดๆขาดๆ และผ้าโพกหัวอย่างแน่นอนครับ อาจดูเชยแต่คลาสสิกครับ


Track Lists
1. Agadoo – Blacklace
2. Thai Nana – Kazero
3. One Night In Bangkok – Murrey Head
4. Mickey – Toni Basil
5. La Bamba – Los Lobos
6. Footloose – Kenny Loggins
7. Clap Your Hands – Finzy Kontini
8. Superstar – Lydia Murdock
9. Love In The First Degree – Bananarama
10. I Should Be So Lucky – Kylie Minogue
11. Never Gonna Give You Up – Rick Astley
12. Shake Your Love – Debbie Gibson
13. Boys (Summertime Love) – Sabrina
14. You Spin Me Round – Dead Or Alive
15. Wake Me Up Before You Go-Go – Wham
16. Owner Of A Lonely Heart – Yes
17. Self Control – Laura Branigan
18. Flashdance (What A Feeling) – Irene Cara




Artist : 50 Cent
Album : Sound Track Get Rich Or Die Tryin’s
Style : Hip Hop
Label : Universal Music

Get Rich Or Die Tryin’s หนังอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นข่าวที่อื้อฉาวมากตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่าย นั้นก็เพราะหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงการอาชญากรและกลุ่มแก็งค์ค้ายาเสพติด แต่แล้ววันหนึ่งเขาพยายามที่จะเลิกอาชีพเหล่านี้ และหันมาเป็นนักร้องเพลงแร็พและฮิพฮอพอย่างเต็มตัว หลายๆคนต่างต่อต้านหนังเรื่องนี้อย่างหัวชนฝา ด้วยการให้เหตุผลว่ามันเหมือนเป็นการสนับสนุนให้เด็กสร้างความรุนแรง ในส่วนของใบปิดของหนังเรื่องนี้นั้นได้ถูกถอดออกไปหลายต่อหลายที่แล้ว และข่าวยังแว่วมาว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างจากชีวิตของนักร้องเพลงแร็พและฮิพฮอพชื่อดังอย่าง 50 Cent อีกด้วย และเขาก็รับบทนี้เองด้วย จะจริงแท้แน่ชัดอย่างไรต้องติดตามครับ

กลับมาสู่เรื่องของเพลงประกอบแล้วกัน แน่นอนครับว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 50 Cent ก็คงต้องให้เขาเป็นคนทำเพลงเองคงจะดีกว่า เพราะจะมีใครที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ดีเท่ากับตัวเอง เพลงทั้งหมด 16 เพลงรวมโบนัสแทร็คอีก 2 เพลงก็เป็น 18 เพลงด้วยกัน เป็นฮิพฮอพล้วน ให้ซะใจคอฮิพฮอพอย่างแน่แท้ และอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าฮิพฮอพที่ร้องได้เยี่ยมและอยู่ชั้นแนวหน้านั้นก็ต้องเป็น 50 Cent อยู่แล้ว ทั้งสำเนียงแบบแก็งเสอร์ที่อยู่ข้างถนน นั้นก็สุดยอดแล้วครับ รับรองได้ว่าคอฮิพฮอพถูกใจอย่างแน่นอน แถมท้ายอีกนิดในส่วนของสกอร์เพลงที่ไม่ได้มีรวมอยู่ในชุดนี้นั้นเป็นฝีมือของ Quincy Jones ครับ

Track Lists
1. Hustlers Ambition
2. What If
3. Things Change - Spider Loc
4. You Already Know - Loyd Banks
5. When Death Becomes You - M.O.P.
6. Have A Party - Mobb Deep
7. We Both Think Alike
8. Don't Need No Help - Young Buck
9. Get Low - Loyd Banks
10. Fake Love - Tony Yayo
11. Window Shopper
12. Born Alone, Die Alone - Loyd Banks
13. You A Shooter - Mobb Deep
14. I Don't Know Officer
15. Talk About Me
16. When It Rains It Pours
17. Best Friend
18. I'll Whip Ya Head Boy




Artist : Various Artist
Album : Sound Track Harry Potter (And The Goblet Of Fire)
Style : /////
Label : Warner Music

หนังอีกเรื่องหนึ่งที่มีคนทั่วทั้งโลกติดตามอย่างไม่ให้คลาดสายตาเลยว่าเมื่อไหร่จะเข้าโรงซักที และแล้วความฝันที่จะได้ดูของหลายๆคนก็เป็นจริง และเมื่อหนังเข้าแล้วก็คงไม่ต้องรีรออะไรที่ทางาต้นสังกัดจะเข็นซาวด์แทร็คออกมาร่วมขายด้วย

แน่นอนครับเพลงที่มีทั้งหมดในอัลบั้มชุดนี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพลงบรรเลงอย่างที่เขาเรียกว่าสกอร์เพลงทั้งหมด แต่มีเพลงร้องออกมา 1 เพลง โดยการใช้บริการของวงซิมโฟนิกออเคสตร้าเพื่อความยิ่งใหญ่อลังกาล และออกมาเป็นเพลงคลาสสิก หากได้ค่อยฟังเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องทุกเพลงนั้นมันจะเหมือนการที่เราได้ดูหนังหนึ่งเรื่องครับ เพราะตัวเพลงนั้นทำอารมณ์ตามหนังได้ดีมาก มีทั้งการปูเนื้อเรื่องและการพจญภัย และยิ่งหากใครที่ได้ดูหนังแล้ว มาฟังเพลงประกอบน่าจะนึกภาพได้ดีกว่าแน่ๆ ส่วนเพลงที่ร้องนั้นทำออกมาเป็นร็อกเลยครับ ประมาณว่าร็อกแอนด์โรลครับ และถ้าจะว่าไปแล้วอัลบั้มชุดนี้คงต้องมีไว้เพื่อคนที่ชื่นชอบ Harry Potter สถานเดียวเลยครับ เพราะมันจะเป็นของสะสมชั้นเยี่ยมทีเดียว

Track Lists
1. Story Continues
2. Frank Dies
3. Quidditch World Cup
4. Dark Mark
5. Foreign Visitors Arrive
6. Goblet of Fire
7. Rita Skeeter
8. Sirius Fire
9. Harry Sees Dragons
10. Golden Egg
11. Neville's Waltz
12. Harry in Winter




Artist : Yokee Playboy
Album : The Greatest Grandfather Hits 1&2
Style : Rock / Disco
Label : Bakery Music

คงปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนว่าชื่อของ Yokee Playboy นั้นคือวงดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยโป้ และวงดนตรีวงนี้กลับสร้างอะไรมากมายให้กับวงการดนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอัลบัมชุด Yokee Playboy ที่มาในสไตล์ร็อกช่วงปี 70 ไม่ว่าจะเป็นเพลง พระจันทร์วันนี้ ,รามซิงค์เรดิโอ , อยู่มานาน และอีกหลายๆเพลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบัมที่ปฎิวัติเพลงไทยที่สุดแสนจะน่าเบื่ออีกหนึ่งชุด หลังจากนั้นก็มีงานออกมาให้ฟังเรื่อยๆ ทั้งงานนอกงานใน ไซด์โปรเจ็คต่างๆ ก็ถึงวันเวลาที่ต้องมีการรวมอัลบั้มซักที เลยมาเป็นคอเล็คชั่นที่ออกมาต่อเนื่องกันของ Bakery ในซี่รี่ย์ที่ชื่อว่า The Conclusive Collection ซึ่งออกมาเรื่อยอยู่แล้วจนถึงคิวของ Yokee Playboy ซึ่งเป็นชุดที่ 4 แล้ว ส่วนตัวของ โป้นั้นได้ใช้ชื่อชุดว่า The Greatest Grandfather Hits 1&2 นั้นหมายความว่าจะต้องออกมาเป็นซีดี 2 แผ่นในแพ็กเก็จเดียวกัน มีเพลงให้ฟังทั้งหมด 31 เพลงด้วยกัน และถ้าผมจำไม่ผิดในซีดีแผ่นหนึ่งนั้นเคยออกมาเป็นอัลบั้มรวมฮิตมาก่อนแล้ว ส่วนในซีดีแผ่นสองนั้นจะเป็นเพลงที่ส่วนใหญ่จะมาจากการที่เขาได้ไปร่วมงานกับศิลปินท่านอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นเพลงพิเศษ ส่วนตัวผมแล้วผมว่ามันน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ขาดเพลงอย่าง อยู่มานาน , คำตอบ หรือเพลง ทางแยก เพราะเพลงเหล่านี้ก็เยี่ยมไม่แพ้เพลงอื่นเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงจะออกมาสมบูรณ์แบบกว่านี้แน่นอนครับ




Artist : Asian Embassy
Album : Blasian
Style : Hip Hop
Label : Black Sheep

ศิลปินหน้าใหม่ที่มาในจังหวะฮิพฮอพ ครั้งแรกที่ได้เห็นและพิจารณาจากปกแล้วดูท่าจะเหมือนศิลปินจากต่างประเทศแถวบ้านเราอย่างยิ่ง (และยิ่งใช้ชื่อเพลงเป็นภาษอังกฤษก็ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่)แต่ความจริงเป็นศิลปินไทยครับ และเมื่อได้ลองนั่งฟังเพลงของพวกเขาแล้ว อืม... น่าสนใจทีเดียวทั้งซาวด์ทั้งสำเนียงการร้องนั้นเหมือนกับฝรั่งเลยทีเดียว ถือว่าเป็นศิลปินที่มีมาตรฐานในการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ซาวด์ของดนตรีนั้นบันถึกเสียงได้เยี่ยมมาก สำเนียงการร้องนั้นเหมือนพวกฮิพฮอพเมืองนอกมากๆ นอกจาก Joey Boy หรือ Titanium แล้วก็คงจะเป็น Asian Embassy แล้วหล่ะครับที่น่าจะเป็นที่ภูมิอกภูมิใจของชาวไทยได้ว่าคนไทยก็มีฝีมือ นับว่าเป็นศิลปินไทยในแนวฮิพฮอพที่น่าสนับสนุนอีกหนึ่งวงครับ

Track Lists
1. Intro,Welcome To Asian Embassy
2. Amazing
3. Bounce "Get You Head Rock On" Feat Wyane
4. Ride With A.E. Feat Cyt & Mr. F.L.P.
5. Just Want To Let You Know Feat O
6. It'z On-
7. I Like It When Ya
8. That's What Itz Like Feat Wyane
9. Seduction Feat. O
10. Make You My Feat Boo Kal
11. V.I.P. Feat Wyane
12. Sweet Memories (For My Lady) Feat Nikko
13. คนหลายใจ
14. To Be Continue (Out Tro)




any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket