Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

 Music News :     ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2547 Various Artist ,Jimmy Eat World,Sum 41,Steriogram,Maxim,Ronan Keating   26 ต.ค. 47    
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง


Artist : Jimmy Eat World
Album : Futures
Styles : Rock
Label : Universal Music

วงดนตรี 4 ชีวิตวงนี้ก็เป็นอีกวงครับที่อยู่ฝั่งอเมริกาแต่ทำเพลงออกมาประมาณว่ามีความเป็นดนตรีอังกฤษเข้ามาผสม และก็ทำได้ดีซะด้วย พวกเขามีความเป็นอัลเทอร์เนทีฟและโมเดิร์นร็อกผสมอยู่ในสไตล์ของเขา
Futures เพลงจังหวะปานกลางเมโลดีและดนตรีทำออกมา ติดหูประชาชนอย่างแน่นอน เพลงมีความเป็นร็อกจากฝั่งอังกฤษ ขึ้นมาอาจจะดูหนักซักหน่อย แต่รับรองได้พอเข้าท่อนฮุคต้องบอกว่าทำนองติดหูอย่างแน่นอน Just Tonight ร็อกเท่ห์ๆ จังหวะเร่งขึ้นมาหน่อย Work เท่ห์จริงๆกับเพลงนี้ แม้ว่าการเรียบเรียงเพลงจะออกมาเหมือนพวกเพลงช้าที่วงโมเดิร์นร็อกต่างๆชอบทำกันและเพลง Kill ก็เป็นอีกเพลงที่ทำมาใกล้เคียงกัน แต่ Kill จะเป็นเพลงช้ากว่าและน่าจะมีหลายคนชอบ The World You Love มาแบบอัลเทอร์เนทีฟครับเริ่มต้นด้วยการร้องเรียบๆและค่อยเร่งขึ้น เหมาะมากกับวง 3 ชิ้นที่อยากจะแกะเล่นกัน ท่อนฮุดเพราะดีครับ Drugs Or Me ถ้าผมไม่เคยรู้จักวงนี้และไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนผมต้องบอกว่า นี่คือเพลงใหม่ของ Coldplay อย่างแน่นอน มารูปแบบเดียวกันเลยครับและก็มีเพลง Night Drive อีกเพลงฟังแบบบรรยากาศเย็นๆสบายดีครับ Polaris มาเป็นโมเดิร์นร็อกอีกแล้วครับแต่ก็เท่ห์ดีครับ Nothing Wrong ริฟขึ้นมามันส์ๆหน่อย แบบประมาณวงร็อกรุ่นใหม่ๆ มีลูกหนึ่งในเพลงที่วงนี้ใช้ทำให้ผมนึกไปถึงเพลงของวงในบ้านเราอย่าง silly fool เลยครับ และเพลงนี้ 23 ส่วนตัวเลยครับผมรู้สึกชอบเพลงนี้ที่สุดแล้วในชุด ตั้งแต่อินโทรขึ้นมาแม้จะเป็นแค่คอร์ดเล่นวน 3 – 4 คอร์ดแต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วกับความเท่ห์ เพลงเป็นเพลงช้าครับ เพลงจะออกเหงาๆหน่อย และเพลงนี้มีความยาวถึง 7 นาที ผมว่าเป็นอีกวงที่น่าจะไปได้อีกไกลอยู่เหมือนกัน และหากใครที่ชอบวงอย่าง The Calling , Coldplay หรือว่า Travis ก็น่าจะลองฟังวงนี้ดูบ้างก็ได้ครับ






Artist : Sum 41
Album : Chuck
Style : Punk
Label : Universal Music

นับได้ว่าเป็นอีกวงหนึ่งที่มีแฟนเพลงรอคอยเป็นอย่างมาก หลายๆคนอาจจะเกิดอาการบ่นบ้างเล็กน้อยว่าชุดนี้ออกจะเบากว่าชุดที่เคยออกมา แต่ผมกลับมองว่าพวกเขาอยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาใหม่ๆบ้างและผมว่ามันก็ไม่ได้เบาไปกว่าชุดก่อนๆซักเท่าไหร่นัก และอีกอย่างสไตล์ที่เขาเล่นในชุดนี้ก็ไม่ค่อยจะต่างกับ The Offspring อาจจะมีอยู่บ้างเล็กน้อยก็ตรงที่ The Offspring จะเป็นเมโลดิกพั้งก์มากกว่า
Intro เพลงบรรเลงสั้นๆที่เศร้าจริงๆเพื่อนำอารมณ์คุณไปสู่ความแรงในเพลง No Reason เหมือนเป็นการปลดปล่อยทุกอย่าง เพลงเป็นเมโลดิกพั้งก์บวกกับพวกสไตล์อย่าง Hoobustank เพลงต่อมา We’re All To Blame ขึ้นต้นมาอย่างกับฮาร์ดคอร์ครับ แต่พอเข้าเพลงแล้วก็เป็นเมโลดิกพั้งก์ อีกทั้งยังมีช่วงช้าเข้ามาด้วย มันเหมือนเป็น 3 เพลงรวมอยู่ในเพลงเดียวเลยครับ Angels With Dirty Faces เพลงนี้กระชากอารมณ์ได้มันส์มากครับ หากเพิ่มริฟและท่อนร้องให้หนักกว่านี้จะออกเป็นเมโลดิกเมตัลได้สบายๆครับ Some Say เพลงช้าที่จังหวะเรื่อยๆ ต่อกันด้วย The Bitter End เพลงนี้นึกว่าเมทัลลิกามาแจมครับ ไสตล์เดียวกันเลยครับ Slipping Away เพลงช้าเพลงนี้เหมือนพวกเพลงร็อกจากฝั่งอังกฤษเลยครับ ประมาณพวก Travis , Coldplay ฟังเพลินๆเพราะดีครับและก็มีเพลง Pieces อีกเพลงที่ใกล้เคียงแต่เพลงนี้จะออกมาแบบโมเดิร์นร็อกหน่อย 88 และ Noots สองเพลงนี้ผมว่าเหมือนเพลงของ Green Day ยุคแรกๆที่กระโดดๆหน่อยโดยเฉพาะเพลง Noots ส่วน 88 จะออกมาหนักหน่อยมีการสับคอร์ดแบบอุดสายอย่างที่วงแทรชชอบทำกันด้วยครับ ยังไงซะวงนี้ก็เป็นวงตระกูลพั้งก์อีกวงที่มีแฟนเพลงในบ้านเราอยู่พอสมควร แต่แฟนเพลงจะถูกใจหรือไม่ก็ต้องรอดูกันครับ




Artist : Steriogram
Album : Schmack
Style : Rock / Punk / Hip Hop
Label : EMI

วงหน้าใหม่แต่มีประสบการณ์มาแล้ว และอัลบัมชุดใหม่ของพวกเขาทำออกมาได้เจ๋งจริงๆครับ วงเขามีนักร้องนำสองคนโดยคนนึงจะร้องเป็นแร็พที่เร็วมากและมันส์มาก ถ้าฟังแล้วทึ่งแน่นอนครับว่ามันทำได้อย่างไร และอีกคนจะร้องเป็นหลัก มาสไตล์เดียวกับ Linkin Park ครับแต่ไม่หนักเท่า เพลงของ Steriogram จะออกมากวนๆมันส์ ๆ
เพลงส่วนใหญ่ในชุดโทนจะอยู่ใกล้เคียงกันหมดเกือบทุกเพลงเน้นมันส์ไว้ก่อน Road Trip ในส่วนของท่อนร้องแร็พของเพลงนี้ทำให้ผมนึกไปถึงวิธีแร็พของ Jey Chow ศิลปินหนุ่มแถบเอเชียบ้านเรานี่แหละครับ สไตล์เพลงออกเป็นอัลเทอร์เนทีพแต่มีแร็พผสมครับ Walkie Talkie Man ยิ่งเพลงนี้สงสัยเลยครับว่ามันเอาอวัยวะอะไรใช้หายใจ เพลงออกมากวนๆ Schmack มาแบบฮิบฮอบที่มีความเป็นฟั้งค์นิดๆ Was The Day เพลงนี้สไตล์พั้งก์แบบ เพลงกวนๆของ The Off Spring ครับ White Trash เป็นเพลงแรกที่ทำมิวสิควีดีโอ ออกเป็นฮิบฮอบโยกๆหน่อย Fat And Proud และ Wind It Up ยิ่งเพลงแรกนี่มาแบบ Red Hot Chilli Pepper ในชุด Blood Sugar Sex Magix ครับ ยิ่งท่อนที่เป็นริฟนี่มันส์มาก คือทุกอย่างนี่ใช่เกือบทั้งเพลงมีแตกต่างก็คือท่อนแยกเท่านั้นเอง Tsunami เริ่มต้นมาแบบฮิบฮอบ ริฟเพลงนี้เรีกว่ากวนสนอย่างแรก Be Good To Me เพลงที่ช้าที่สุดแล้วในอัลบัม ฟังได้เรื่อยๆครับ หากอยากจะหาวงแปลกๆมันส์ฟังกันซักหนึ่งวงผมว่าชุดนี่แหละครับเข้าทางแน่นอน







Artist : Maxim
Album : Variations Part I & ll
Style : Classic / Contemporary
Label : EMI

นี่คือมือเปียโนอีกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในบ้านเรา หลังจากที่ทำให้คนทั่วโลกได้ตื่นเต้นกับการเล่นสปีดที่เร็วมากกับเพลง Fight Of Bumble Bee จากอัลบัมชุด Piano Player ถ้าใครเคยได้ฟังเพลงนี้จากการเล่นของเขาจะรู้เลยครับว่าเขาฝึกมาอย่างหนักมาก และชุดนี้เขากลับมาพร้อมกับคอนเซบอัลบัมที่แบ่งเป็น 2 ส่วนนั่นคือ ส่วนที่หนึ่งตั้งแต่เพลงที่ 1 - 8 จะเป็นเพลงคลาสสิกในรูปแบบของดนตรีร่วมสมัยหรือที่เรียกว่า Contemporary และส่วนที่สองคือเพลงที่ 9 - 14 โดยที่จะมีทั้งเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ในรูปแบบเพลงคลาสสิกและเพลงคัพเวอร์
เพลงอย่าง Fight Of Bumble Bee ก็ยังคงมีให้ฟังกัน แต่ส่วนตัวผมแล้วคิดว่ามันก็สู้ไม่ได้อยู่ดี เพลงแรกเปิดมาด้วย Kolibre ด้วยทั้งท่วงทำนองและดนตรีทำได้น่าติดตามอย่างยิ่ง สามารถเป็นเพลงเปิดตัวได้อย่างสบายๆ เพราะตัวจังหวะของเพลงเป้นตัวที่คอยเร่งให้ความรู้สึกของเราตึงเครียดโดยเฉพาะการที่เล่นเมโลดีย้ำๆและดนตรีที่เร่งอยู่ตลอด ถือว่าเปิดตัวได้พอตัวเลยครับ Piano Concerto No.1 In B Flat Minor 3rd Movement ชื่อเพลงยาวมากจำแทบไม่ไหว เพลงนี้นำความเป็นแดนส์แบบเทคโน แต่ทำออกมาโหดหน่อยครับ ช่วงกลางเพลงทำเป็นคลาสสิกแบบยุคยุโรปโบราณ Mery Christmas Mr. Lawrence เพลงนี้เป็นเพลงที่เขานำมาคัพเวอร์ เดิมทีเป็นเพลงของศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Ryuichj Sakamoto เป็นเพลงที่เมโลดีเพราะมากและ Maxim ก็ทำออกมาได้แบบเพราะๆฟังได้เพลินๆครับ Totentanz ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ดีครับ Olympic Dream เพลงดังอย่างมาก ใครที่ไม่รู้จักไม่เป็นไรอย่างน้อยๆก็ต้องเคยได้ยินกันบ้างแหละครับ เพราะมันเป็นเพลงที่ใช้เป็น theme สำหรับงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งเอเธนส์ที่ผ่านมานี่เอง เสียร้องในเพลงนี้ที่เข้ามาเป็นช่วงๆทำให้เพลงดูขลังและมีเสน่ห์อย่างมาก ‘Leeloos ‘ Tune ผมว่าใครที่ได้ฟังเพลงนี้ต้องชอบมันอย่างแน่นอน เพลงนี้มีคาเรกเตอร์ที่เด่นๆของมันก็คือมันมีทั้งหวานปนเศร้า เมโลดีเพราะมากๆครับ Bohemian Rhapsody ชื่อนี้คงไม่ต้องสงสัยกันมากเลยนะครับ เพราะมันจะเป็นเพลงของใครไปไม่ได้นอกจากวงอย่าง Queen เพลงนี้ Maxim นำมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ทั้งท่อนที่จะหวานก็หวานสุดๆหรือท่อนดังที่ต้นฉบับต้องประสานเสียง เขาก็เล่นได้อย่างมันสะใจแต่ไม่ก็ทิ้งความเป็นต้นฉบับทิ้งไปเลย และอีกเพลงที่ผมอยากจะพูดถึงเป็นอย่างมากก็คือเพลง Aria From Goldberg Variations ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพลงคลาสสิกที่สมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยเมโลดีที่เพราะมาก สำหรับชื่อของผู้แต่งคนนี้หากเป็นเพลงที่เขาได้แต่งขึ้นเชื่อได้เลยครับ และสำหรับผู้ที่จะศึกษาเพลงเองก็ควรฟังครับเพราะชื่อของเขาคือ Johann Sebastian Bach อัลบัมชุดนี้ก็ถือว่า Maxim ได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาการตลาดได้อย่างฉลาดโดยนำเพลงคลาสิกร่วมสมัยเป็นตัวเปิดทางเพื่อให้เห็นถึงความชอบในความเป็นเพลงคลาสสิกดั่งเดิมในส่วนที่สอง อย่างน้อยๆก็น่าจะมีคนหันมาฟังเพลงแนวนี้เยอะขึ้นกว่าเดิม



Artist : Ronan Keating
Album : 10 Yeas Of Hits
Styles : Pop
Label : Universal Music

นับได้ว่าเขาคนนี้เป็นไอดอลที่วันยรุ่นทั่วทั้งโลกต้องรู้จักและช่นชอบเป็นอย่างมาก และคิดว่าทุกคนคงจะรู้จักวงบอยด์แบนด์อย่าง Boy Zone อย่างแน่นอน เพราะเขาคนนี้ก็เป็นสมาชิกเก่าของวงนี้เช่นกัน และครั้งนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่รวบรวมเพลงเก่าๆไว้ถึง 16 เพลง เต็มเหยียด
เพลงดังๆของเขาแทบทุกเพลงได้รวมเอาไว้อยู่ในชุดนี้ ผมมองว่าในบรรดาเพลงป็อปที่ทำออกมาแล้ติดหูและมีท่อนฮุคโดนๆนั้นมีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับ และในนั้นก็ต้องมี Ronan อย่างแน่นอน แต่สำหรับชาวร็อกนั้นอาจจะมองข้ามสิ่งดีอย่างหนึ่งของเพลงพวกนี้นั้นคือการทำเพลงง่ายๆให้ออกมาฟังและเพราะ ตัวอย่างที่ดีเลยในชุดนี้ก็คือเพลง When you Say Nothing At All เพียงแค่คอร์ด 3 - 4 คอร์ดเท่านั้นไม่ต้องไปคิดอะไรเลยให้ซับซ้อน
สำหรับเพลงของเขาในชุดนี้ ผมว่าหากใครที่เคยฟังตามวิทยุคลื่นเพลงที่เป็นสากล นั้นผมว่าน่าจะเคยฟังเพลงของเขามาก่อนบ้าง เพลงดังๆเลยในชุดนี้ก็มี When you Say Nothing At All , If Tomorrow Never Comes , Words ซึ่งเป็นเพลงเก่าของ Bee Gees , Last Thing On My Minds , Life Is A RollerCoaster หรือ Father And Son เป็นต้น ถ้ายังไงซะเพลงในชุดนี้จะฟังไว้เพื่อผ่อนคลายสบายๆก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แต่มันก็เป็นเพลงป็อปที่ดีกว่าอีกหลายๆชุดในบ้านเราแหละครับ



any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket