Music News :
ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2547 Marilyn Manson ,Mark Knopfler,Lazy Boy TV,Bossa Lounge,Tom Jones & Jools Holland, Utada Hikaru , Kristian, The Stills , Razorlight ฯลฯ 15 ต.ค. 47
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : Mark Knopfler Album : Shangri – La Style : Country / Rock / Folk Label : Universal Music สำหรับ Mark Knopfler ผู้ซึ่งผ่านงานเพลงมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยิ่งใหญ่จากวง Dire Stirte และกับงานชุดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำเพลงแบบนุ่มลึกอย่างที่นักดันตรีผู้โชกโชนเวทีมานาน ทั้งเมโลดีและการเรียบเรียงเพลงรวมไปถึงวิธีการเล่นกีต้าร์ที่ฟังแล้วรู้สึกสำเนียงของบูลส์ได้อย่างชัดเจน เพลงในอัลบัมนี้เขาอาจจะทำเพลงที่มีความเป็นบูลส์,คันทรี่ที่เจือความเป็นร็อกเข้าไป แต่ทั้งหมดนี้จะออกมาเป็นเพลงในจังหวะช้าและปานกลางที่สามารถฟังได้อย่างเรื่อยๆ แต่สำเนียงการดันสายของ Mark Knopfler เล่นได้เพราะจริงๆครับ สิบเพลงจากอัลบัมชุดนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละเพลงเนื้อเพลงเขียนได้ยาวมากๆ แล้วเนื้อเพลงไม่ค่อยจะซ้ำท่อนกันซะด้วย ในส่วนของภาคดนตรีหายห่วงแน่นอนครับ เพราะ Mark Knopfler คุมเองครับ แม้ว่าตัวเพลงในแต่ละเพลงอาจจะออกไปทางเพลงช้าและฟังดูโบราณซักหน่อย แต่นั้นแหละครับมันคือเสน่ห์ของเพลงในชุดนี้ สไตล์การเล่นกีต้าร์ของ Mark Knopfler ในชุดนี้เขาไม่ค่อยจะได้โชว์อะไรมาก แต่เน้นไปที่สำเนียงการเล่นและวิธีการที่เล่นออกมาน้อย คอยตอดเข้ามาในเพลงเป็นช่วงๆ จะหาฟังได้จากหลายๆเพลงในชุดนี้ อย่างเช่นเพลง Sucker Row เป็นต้น เพลงเร็วที่เท่ห์ๆแบบรุ่นใหญ่ก็ต้องเพลงนี้เลยครับ Boom ,Like That เก๋าไม่แพ้เพลงในรุ่นนี้อย่างแน่นอนแค่วิธีเล่นกีต้าร์ก็หายห่วงแล้วครับ Our Shangri – La และ Every Body Pays สองเพลงช้าที่วางไว้ต่อกัน โดยเฉพาะเพลง Every Body Pays เพราะครับเหมือนเพลงประกอบภาพยนต์เลยครับ All That Matters เพลงช้าที่มีเพียงกีต้าร์โปร่งเป็นหลักกับเสียงร้องในจังหวะ สามสี่ ซึ่งออกไปทางคันทรี่ช้าๆฟังสบายๆ ยิ่งต่อด้วยเพลง Stand Up Guy ยิงเข้ากันได้ดี แม้ว่าชุดนี้ Mark Knopfler ไม่ค่อยจะโชว์อะไรมากนักและจะเน้นไปที่ดนตรีที่ฟังเพลินๆ หลายๆคนที่เคยอาจจะได้ฟังเพลงของเขาในอดีตที่โชว์มามากกว่านี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชุดนี้จะเจ๋งสู้งานเก่าๆของเขาไม่ได้ ผมกลับมองว่ามันมีความสมบูรณ์มากทั้งเรื่องของดนตรีและเมโลดี มันคล้ายกับว่าเป็นงานที่ใช้เพื่อฟังมากกว่าที่จะโชว์ เหมือนกับคำว่ามี 10 ส่วนแต่ใช้แค่ 5 ส่วนที่เหมาะสม
Artist : Lazy Boy TV Album : Lazy Boy TV Style : House / Electronica Label : Universal Music งานชุดนี้เป็นงานที่ขายไอเดียแปลกๆในการทำเพลงโดยเฉพาะครับ พวกเขาเป็นวงจากฝั่งยุโรป ความแปลกของพวกเขาอยู่ตรงการทำดนตรีที่ใช้คอร์ดไม่กี่คอร์ดเล่นวนไปวนมาและเนื้อร้องที่เขาใช้ก็มาจากการนำเสียงของข่าวที่นักข่าวอ่านอยู่ในทีวีหรือเสียงที่บันทึกกมาจากการสัมภาษณ์ของบุคคลต่างๆแล้วจับมายำรวมกับเมโลดีร้องที่แต่งเพิ่มเติมเข้าไปให้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็ทำดนตรีขึ้นมารองรับ โดยรวมเสียงที่ร้องออกมาจะเป็นเหมือนการร่ายแร็พซะมากกว่า ส่วนของตัวเพลงนั้นมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว ฟังแล้วมันมีความเป็นทั้ง House , Hip Hop ,R&B , Funky , Dance ที่ออกจะลอยๆ ฟังแล้วสบายๆ เพลงที่น่าสนใจในชุดนี้ก็มีอย่างเช่น Fact Of Life แจ๋วมากครับเป็นที่เพราะมากหนึ่งเพลง Under Wear Goes Inside The Pants เพลงนี้มาแบบ Eminem ครับร้องได้มันส์ดคนตรีจัดจ้าน หรือเพลง We Only Read The Headline ที่ทำออกมาเป็นโชลเนิบๆ และในอัลบัมชุดนี้ก็มี DVD ที่เป็นมิวสิควิดีโอแถมมาให้ดูกันด้วยมีอยู่เพลงหนึ่งครับเนื้อเรื่องในมิวสิคเกี่ยวกับโรงเรียนหนึ่งที่มีเด็กนักเรียนมาเรียน และตัวละครในนี้ก็จะใช้คนมาใส่หน้ากากเป็น Micheal Jacson ,George Bush, Suddam เป็นต้นแต่ยังมีคนดังอื่นๆอีกและมีครูที่สองหนังสือเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษ และเรื่องราวก็จะล้อเลียนสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังไงก็ต้องดูเองครับเจ๋งมากกับไอเดีย งานในชุดนี้หากจะเรียกว่าเป็นงานทดลองก็ไม่แปลกอะไร แต่จะทำแล้วคนจะถูกใจหรือไม่นี่ซิครับเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
Artist : Utada Hikaru Album : Exodus Style : R&B Label : Universal Music การกลับมาของสาวคนนี้ในครั้งนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่เยอะเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ค่ายเพลง สไตล์เพลงและเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษ สงสัยว่าจะเอาแบบอย่างทาทามั้งเนี่ยะ ตัวงานเพลงเปลี่ยนแปลงรูปโฉมไปอยู่พอสมควร เริ่มมีการนำดนตรีแบบเทคโนหรือทำให้เป็นแดนส์ขึ้นมาอีกหน่อยซึ่งส่วนตัวผมแล้ว ฟังออกมามันไม่ค่อยเหมาะกับเธอซักเท่าไหร่ และเพลงที่ติดหูอย่างที่เคยทำในชุดแรกๆ อย่างเพลง Automatic , First Love หรือ Time Will Tell ก็ยังทำออกมาไม่ค่อยติดหูซักเท่าไหร่นักในชุดนี้ หลังจากฟังหลายๆเพลงแล้วผมมองว่าทั้งเมโลดีและดนตรีออกจะไปในสไตล์เดียวกับที่ Madonna และ Britney Spear อยู่พอสมควร แต่ยังมีบางส่วนที่ทำให้ดูแตกต่างอยู่บ้างนั้นคือเธอใส่ความเป็นเอเชียเข้าไปโดยผ่านเมโลดีและเครื่องดนตรีอย่างเพลง Hotel Lobby ที่ทำออกมาแบบแขกๆหน่อย ส่วนหนึ่งที่เพลงเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้อาจเกิดมาจากการที่ชุดนี้เธอร่วมทำงานกับชาวต่างชาติก็ได้ Opening เพลงสั้นๆเปิดอัลบัมได้อารมณ์ลอยๆ ผสมความเป็นแขกๆหน่อย Devil Inside เพลงแรกมาก็เป็นเทคโนแบบที่ยุโรปชอบฟังกันแล้วครับ Exodus 04 เพลงช้าที่ดูใกล้เคียงมาตราฐานในชุดเก่าๆของเธอ ภาคดนตรีและเมโลดีในชุดนี้ ทำออกมาได้อินเตอร์ที่เดียวครับ The Workout เพลงนี้ฟังแล้วเหมือนกับฟังวง Destiny Child เลยครับ Easy Breezy เพลงอาร์แอนด์บีจังหวะกลางๆออกโซลนิดๆ น่าจะติดหูได้ไม่ยากสำหรับเพลงนี้ Cross Over Interlude เพลงนี้มานึกถึง Bjork เลยครับในภาคของดนตรีสไตล์เดียวกันเลยแล้วร้องแบบลอยๆ Kremlin Dusk เพลงช้าลอยๆช่วงแรก แล้วค่อยไปเร็วในช่วงกลางเพลง อาจจะออกเป็นร็อคซะด้วยซ้ำ You Make Me Want To Be A Man ฟังเพลงนี้แล้วค่อยเหมือนฟังเพลงในแบบและสไตล์อย่างที่เธอเคยทำมาในชุดเก่า ผมว่าน่าจะเป็นเพลงตัดขายอีกเพลงอย่างแน่นอน แต่เพลงก็ยังใสความเป้นเทคโนเข้าไปผสมอยู่ดีครับ Wonder’ Bout เท่ห์ดีครับมาแบบฮิบฮอบของคนดำ About Me เพลงช้าที่ได้ความเป้นธรรมชาติของดนตรีอย่างจริงจังอยู่บ้างนั้นเพราะเขานำกีต้าร์โปร่งมาใช้เล่นแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีเสียงเครื่องดนตรีสังเคราะห์เข้ามาใช้อยู่บ้าง หากจะมองภาพรวมทั้งหมดแล้วก็จัดได้ว่าชุดนี้กะขายทั่วโลกแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบๆยุโรป ก็ถือว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยของญี่ปุ่นก็คือการร้องเพลงภาษาอังกฤษที่ยังไม่ค่อยจะชัดซักเท่าไหร่นัก
Artist : Kristian Album : Someday Soon Style : R&B Label : Universal Music ถือว่าจัดจ้านน่าดูกับพ่อหนุ่มคนนี้กับภาคของดนตรีและในส่วนของเนื้อร้อง การทำดนตรีของเขาออกจะเป็นอาร์แอนด์บีหม่นๆ แต่ฟังง่ายครับไม่ใช่ว่าต้องปีนกำแพงฟัง ถ้าส่วนของสไตล์การร้องก็เหมือนๆกันกับนักร้องที่ร้องในแนวนี้ทั่วๆไป ซึ่งก็ไม่ได้โชว์พลังเสียงอะไรมากนัก เริ่มต้นมาเพลงแรกก็น่าสนใจแล้วครับ Story Of My Life ดนตรีลอยแต่มีรายละเอียดอยู่เยอะมาก Shining เพลงนี้เสียงเปียโนที่ใช้ช่วงอินโทรและท่อนร้องแรกครับและท่อนต่างๆที่คอยแทรกเข้ามา เพราะครับ The Years Move On อินโทรขึ้นมาคล้ายกับเพลง Thank You ของ Dido อยู่เหมือนกัน พอเข้าท่อนร้องก็เป็นอาร์แอนบีเนิบๆหน่อย The Crying หลังจากที่ฟังเพลงช้าๆและกลางๆมาหลายเพลงแล้วก็เพิ่งมาเจอเพลงที่เร่งจังหวะขึ้นมาหน่อย เพลงนี้เหมือนเพลงของพวกบอยด์แบนทั่วไปเลยครับ Caught In The Moment เพลงช้าเพลงนี้โดนแน่นอนครับสำหรับสาวไทยวัยรุ่นทั้งหลาย ยิ่งต่อด้วยเพลง Hanging ยิ่งต่อเนื่องเลยครับ แต่เพลงนี้น่าจะฮิตกว่า Fall And I Will Catch You เพลงนี้โดนครับโดน โดนอย่างแรงสำหรับผมครับเฉพาะในส่วนของดนตรี มันจะมีความเป็นโพรเกสซีพหรือพวกชิลเอ้าด์ผสมอยู่ด้วย ยิ่งถ้าเพลงจบแล้วนะครับอย่างพึ่งกด stop นะครับเพราะมันมีแถมท้ายอยู่หน่อย ช่วงนี้แหละครับดนตรีเพราะกว่าเก่าอีกครับ หากจะบอกว่าชุดนี้เป็นเพลงร้องที่ออกจะธรรมดาก็คงไม่แปลกซักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าชุดนี้ดนตรีจัดว่าดี อันนี้ผมเห็นด้วยครับ
Artist : The Stills Album : Logic Will Break Your Heart Style : Rock Label : Warner Music วงร็อกสี่ชิ้นที่เหล่าบรรดานักวิจารณ์งานเพลงทั้งหลายได้บอกไว้ว่าพวกเขาเป็นวงที่พ็ฒนาแนวเพลงของ Post – Punk ได้อย่างยอดเยี่ยม คือสามารถคิดงานให้มันดีกว่าวงในแนวๆนี้รุ่นก่อนๆ โดยความคิดของผมแล้วผมว่าพวกเขา ฉลาดที่จะเลือกสไตล์เพลงของโมเดิร์นร็อกและอัลเทอเนทีพเข้าไปผสม อย่างน้อยก็ทำให้เพลงฟังออกมาแล้วเท่ห์ที่เดียว และอีกอย่างก็คือมันมีความเป็นป็อปเข้าไปผสมเมโลดีและสไตล์การร้องฟังง่ายครับ ความจิงแล้วเนื้องานนี่ผิดกันเลยนะครับกับภาพที่เห็นจากปก ผมไม่รู้ว่าใครจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าว่า มันช่างดูเหมือนเพลงหนักๆกะโหลกทั้งหลายแหล่ แต่อย่างว่าครับมันดูแต่เปลือกไม่ได้ เพลงทั้ง 12 แทร็คในชุดนี้มันเป็นเพลงประเภทคนที่เล่นจะดูเท่ห์ๆหน่อย และตัวเพลงสามารถฟังได้เรื่อยๆ ยิงเพลงเร็วนี่ทำออกมาได้เหมือนกันแทบทุกเพลงครับ ในงานเพลงของพวกเขาแล้วถือว่ากีต้าร์เป็นตัวที่มีบทบาทอย่างมาก เพราะกีต้าร์จะเป้นตัวคอยตอดหรือว่าเล่นแบบปิ๊กกิ้งนั้นเอง มันเป็นข้อดีของเพลงแนวนี้ที่ทำให้เพลงฟังดูไม่น่าเบื่อ แต่มันก็ขะมีข้อเสียอยู่ในตัวเช่นกันหากนำมาใช้บ่อยๆมันจะกลายเป็นความน่าเบื่อได้ เพลงส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวะกลางๆ ฟังได้เรื่อยๆเกือบทุกเพลง เพลงที่น่าจะเป็นเพลงเด่นๆก็คือ Chang Are No Good ทำออกมาได้ดีเลยครับกับ ไลด์ร้อง และเมโลดี ดนตรีถ้าลดการใช้เอฟเฟคลงนิดหนึ่งจะแจ๋วกว่านี้ Of Montreal อัลเทอเนทีฟเท่ห์ๆ ที่ช่วงหนึ่งมักจะฮิตทำกัน Let’s Roll เพลงช้าที่น่าจะโดนคนไทยอย่างแรง Yeaterday Never Tomorrow เพลงอัลเทอเนทีพเพลงนี้ถ้าขาดเสียงเปียโนที่เข้ามาเล่นเสริมในช่วงดนตรีบรรเลงมันคงจะขาดหายไปอย่างเยอะสำหรับสีสันของเพลง ส่วนตัวแล้วผมกลับชอบเพลงนี้มากที่สุดแล้วในอัลบัมชุดนี้ ต้องบอกเลยว่าหากใครที่เคยชอบเพลงพวกอัลเทอเนทีฟที่มีความเป็นดมเดิร์นร็อกเข้าไปผสมอยู่ก็คงจะชอบชุดนี้ได้ไม่ยากเลยครับ
Artist : Razorlight Album : Up All Night Style : Rock Label : Universal Music มาอีกแล้วครับกับวงพังอัลเทอร์เนทีพ จะว่าไปเพลงที่วงนี้ทำออกมามันก็มีทั้งฟังแล้วออกมาน่ารักและมีความกวนผสมเจือปนเข้าอยู่ด้วยกัน อีกอย่างหนึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครจะสังเกตเหมือนผมหรือเปล่าว่าช่วงนี้มักออกเป็นพั้งๆโดดๆหน่อย Vice เพลงท่าทางจะตัดเป็นซิงเกิ้ลออกขายได้อย่างสบายๆเลยครับ เพราะเพลงมันมีความเป็นป็อปอยู่เยอะ Up All Night อินโทรขึ้นต้นมาเท่ห์ดีครับเพลงมีความเป็นดรัมแอนด์เบสผสมอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นพั้งร็อคก็ตามแต่ก็ทำให้จะวงแนวการาจร็อกออกมอย่างต่อเนื่อง แต่จุดที่ทำให้วงพวกนี้มีความแตกต่างนั้นก็ยังไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่ หากใครที่จะชอบเพลงในแนวนี้ก็คงจะเป็นความชอบส่วนตัวแล้วแหละครับ Leave Me Alone เพลงแรกมาแบบโฉ่งฉ่างดีครับโดยเฉพาะกลอง กีต้าร์สับคอร์กะว่าเอามันส์อย่างเดียวครับ Rock N Roll Lies เพลงเท่ห์ได้ Don’t Go Back To หนักดีครับเพลงนี้ มาเหมือนพวกเจร็อกเลยครับ Dalston เพลงจังหวะกลางๆ Fall Fall Fall เพลงช้าที่มีเพียงเสียงร้องและกีต้าร์ไฟฟ้า เมโลดีเพลงนี้เหมือนพวกเพลงแบบอังกฤษ ยุค The Beatles ยังไงชุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับเพลแนวนี้ครับ
Artist : The Killers Album : Hot Fuss Style : Rock Label : Universal Music วงร็อคสี่ชิ้นหน้าใหม่ที่มีสไตล์ดนตรีแบบอัลเทอเนทีฟผสมอยู่ หรือที่หลายๆคนมักจะเรียกวงแนวๆนี้ว่า วงการาจร็อค วงที่เล่นในแนวๆนี้ก็จะมี the Strokes, the White Stripes, the Rapture, the Hives เป็นต้น และวงพวกนี้ก็อาจเป็นตัวเปลี่ยนแนวดนตรีให้หลายๆคนมาชอบ โดยเฉพาะพวกเด็กที่เรียนหนังสือกันอยู่แล้วมีวง เพราะส่วนหนึ่งที่สามารถเล่นและรวมตัวและทำเพลงกันง่ายก็คือ พวกเขาใช้คนน้อยและรายละเอียดของดนตรีก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก เพลงในชุดนี้ก็เช่นกันหากจะเรียกว่าเน้นความมันส์ของตัวผู้เล่นมาก่อนก็คงจะไม่แปลก 12 เพลงในชุดนี้จึงมีเพลงเร็วซะส่วนใหญ่ ไลด์กีต้าร์ไม่มีบทบาทในการเล่นโซโลซักเท่าไหร่จะเน้นไปเป็นตัวริทึ่มให้เน้นขึ้นจากที่มีกลองและเบสเล่นเป็นพื้น เพลงเกือบทุกเพลงออกที่จะอยู่ในระนาบเดียวกันหรือว่าเกือบเป็นเพลงเดียวกันทั้งหมด จะมีก็เพลงThe Years Move On ที่เป็นเพลงป็อปจังหวะกลางๆที่ร้องออกมามีเมโลดีชัดเจนหน่อย The Crying เพลงช้าที่ท่อนร้องแรกเหมือนสวดเลยครับ Some Say เพลงนี้ท่าทำไลด์ของเมโลดีร้องดีๆผมว่าน่าจะออกมาติดหูได้สบายๆ ส่วนเพลงที่เหลือเกือบทั้งชุดจะออกเป็นพั้งซะเยอะ แต่เป้นพวกพั้งที่มีความเป็นอัลเทอเนทีพผสมอยู่ ยังไงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเพลงในแนวการาจร็อคครับ
Artist : Rammstein Album : Reise,Reise Style : Metal / Rock Label : Universal Music
Artist : Bossa Lounge Album : The Quiet Day , The Quiet Night Style : Bossanova / Jazz Label : Universal Music
มนต์เสน่ห์แห่งบอสโนว่าหากใครได้ฟัง จะต้องหลงรักและชื่นชอบในบทเพลงเหล่านี้อย่างแน่นอน ครั้งนี้ทางต้นสังกัดออกมาทีเดียวถึงสองชุดเลยครับ และถ้าฟังดีๆแล้วเพลงในสองชุดนี้มีความแตกต่างกันอยู่มาก เลยครับ ในชุดของ The Quiet Day เพลงฟังออกมาแล้วจะรู้สึกสดชื่น ทั้งดนตรีและวิธีการเล่นจะเป็นเพลงเมโลดีใสๆสบายๆอย่างที่เป็นบอสซ่าแท้ๆ เหมาะกับวันเงียบๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเพลงใน The Quiet Night ออกจะเพราะๆหวานๆ และมีลีลาให้แข้งขาขยับซักหน่อย แบบมีปาร์ตี้เล็กน้อย หากคุณเลือกที่จะฟังเพลงจากชุดแรกผมว่ามันเหมาะกับคนที่อยากจะเริ่มฟังแนวนี้อย่างมาก เพราะมันเป็นชุดที่ได้รวบรวมเพลงในแบบบอสซาโนว่าต้นฉบับอยู่พอสมควร ยกตัวอย่างง่ายๆก็คืออย่างน้อยๆ คุณก็ยังสามารถได้เพลงที่แต่งโดย Jobim กว่า สี่เพลงอย่างแน่นอน และใน 20 เพลงจากชุดนี้คุณจะได้ฟังฝีมือการเล่นของ Bill Evans , Dave Grusin , Wes Montgomery หรือ John McLaughlin เป็นต้นส่วนของชื่อเพลงที่น่าจะรู้จักกันดีก็มี Wave , Once I Love , How Insensitive เป็นต้น ส่วนในชุด The Quiet Night อย่างที่บอกนะครับว่าจะเหมาะกับการขยับแข้งขาเล็กน้อย ดูได้จากชื่อเพลงและตัวศิลปินได้ครับอย่างเพลง Cantaloupe Island ของคุณ Herbie Hancock แต่ครั้งนี้มือกีต้าร์อย่าง Grant Green จะนำมาเล่น หรือเพลงในสไตล์ยิบซีของวง The Rosenberg Trio หรือเพลงดังอย่าง The Girl From Ipanema ที่นำมาเล่นโดยนักร้องและมือเปียโนสาวอย่าง Eliane Elias ที่พิเศษในสองชุดนี้ก็คือมีการนำเพลงของ The Beatles มาเล่นเป็นบอสซ่ากับเขาด้วยถึงสองเพลงด้วยกันนั้นคือเพลง Black Bird และเพลง Hey Jude ก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ให้กับหูครับ หากอยากจะลองหาบอสซ่าโนว่าดีๆฟังก็ลองเลือกดูก้ได้ครับจากชุดใดชุดหนึ่ง เพราะไม่ว่าชุดไหนเพลงก็ดีทั้งนั้นแหละครับ อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายอย่างแน่นอน
Artist : Tom Jones & Jools Holland Album : The Voices Style : Blues Label : Warner Music
ครั้งนี้ศิลปินรุ่นลูกรุ่นหลานคงจะต้องหลบทางให้กับรุ่นใหญ่ทั้งสองซะแล้วครับ ครั้งนี้รุ่นใหญ่อย่าง Tom Jones ขอพักเพลงมันส์ๆอย่าง Sex Bomb หันมาหาความเรียบง่ายโดยการจับมือกับมือเปียโนอย่าง Jools Holland มาเล่นเพลงบูลส์ในฟิลแบบโบราณนิดๆ แต่ละเพลงยอมรับเลยครับว่ามีอารมณ์กวนๆและมันส์อยู่ตลอด ส่วนใหญ่ในชุดนี้จะเป็นเพลงเร็วครับ สัดส่วนของดนตรีเรียบเรียงและใช้เครื่องดนตรีได้เหมาะสม โดยเฉพาะไลด์ที่เป็น Brass หรือพวกเครื่องเป่านั่นเอง ทุกเพลงเน้นไปที่คอนเซปต์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวาและโชว์อะไรกันมาก ผมคิดว่าคงจะถูกใจคนอเมริกันเขาแน่นอนกับเพลงในแบบอย่างนี้ เพลงทั้งหมดจะเป็นรูปแบบของบลูส์สิบสองห้อง แต่บางเพลงก็มีการเรียบเรียงทำเป็นบิ๊กแบนด์ก็มีอย่างเช่น เพลง It’s Will Be With , Odd Man Out , Sally Suzar หรือเพลงที่ออกเป็นพวกคันทรี่บลูส์หรือบลูส์กลาส อย่าง Who Will The Next Fool Be แต่บลูส์ช้าๆหวานๆก็มีครับอย่าง Baptism By Fire และ Glory Of Love และบลูส์ที่มีกลิ่นของแจ็สผสมอย่าง Man And Dad Waltz อัลบัมชุดนี้หากใครที่เป็นคอเพลงบลูส์ก้คงไม่น่าพลาดอย่างแน่นอนครับกับเพลงทั้ง 19 แทร็ค
Artist : Various Artist Album : R&B The Collection Style : R&B Label : Universal Music
จุดเริ่มต้นที่ก้าวไปสู่เพลงในสไตล์ฮิบฮอบนั้นก็คงจะต้องยกให้กับเพลงพวก อาร์แอนด์บีเหล่านี้แหละครับ และอัลบัมชุดนี้ก็เป็นการรวบรวมเพลงในแนวๆนี้ซึ่งบางเพลงอาจจะมีความเป็นฮิบฮอบเข้าไปผสมอยู่ด้วย เพลงที่จะมีให้ฟังกันในชุดนี้ก็มีทั้งสิ้น 20 เพลง ศิลปินที่ถูกรวมในนี้มาจากสองค่ายครับนั้นคือเด็กจากค่าย Universal Music และ BMG ครับ ซึ่งแต่ละคนเรารู้จักกันดีแน่นอนไม่ว่าจะเป็นสุดยอดฮิบฮอบที่มาเล่นในบ้านเราไปไม่นานมานี้อย่าง The Black Eyed Peas หรือที่กำลังจะมาเปิดคอนเสริตในเร็วๆนี้อย่าง Alicia Keys และอีกทั้งสองสาวที่อาจจะเป็นคู่แข่งกันมาตลอดอย่าง Britney Spears และแม่หนูอย่าง Christina Aguilera หรือจะเป็นพ่อหนุ่มสุดฮอตที่มาเปิดคอนเสริตในบ้านเราไปแล้วอย่าง Enrique เป็นต้น การเรียงเพลงให้ต่อเนื่องสำหรับอัลบัมพวกเพลงรวมฮิตผมว่าเป้นอีกเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆเลยด้วยซ้ำและการเรียงเพลงในชุดนี้ถือว่าเรียงเพลงได้อย่างต่อเนื่องและเหมาะสมอย่างมาก คุณสามารถฟังเพลงได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีความรู้สึกว่าอารมณ์เพลงจะกระโดดข้ามไปมาเลยครับ
Artist : Various Artist Album : 1 Volume 3 Style : //////// Label : Universal Music ช่วงนี้นับว่ามาแรงจริงๆครับกับอัลบัมประเภทรวมฮิตในรูปแบบต่างๆ และชุดนี้ก็เช่นกันครับ อัลบัมเพลงพวกนี้ผมมองว่ามันเหมือนเป็นการสรุปงานดีๆของศิลปินแต่ละท่านว่าต้องเด่นต้องดังจริงๆถึงจะได้นำมารวมอยู่ในชุดนี้ และอีกมุมก็คือทำออกมาเพื่อให้แฟนเพลงที่ชอบแค่เพียงศิลปินละเพลงสองเพลง เพลงของศิลปินรวมทั้งตัวของชื่อเสียงของตัวบุคคลที่รวมอยู่ในชุดนี้กว่า 90 เปอร์เซนต์เลยครับที่เอ่ยชื่อมาจะต้องรู้จักอย่างแน่นอนครับ ที่จะมีก็วง Keane กับเพลง Everybody’s Changing วงนี้ต้องยอมรับเลยครับว่ามาแรงจริงๆสำหรับ พ.ศ.นี้ Hoobastank กับเพลงช้าอย่าง The Reason หรืออีกวงที่ตอนนี้ก็คงจะนอนรอลุ้นรางวัลอยู่กับ Maroon 5 กับเพลง She Will Be Loved นอกจากวงร็อกเหล่านี้ก็จะมีพวกศิลปินแนวป็อปที่มีเพลงโดนๆวัยรุ่นอย่าง Britney Spears หรือ Usher หรือจะเป็น Alicia Key สาวน้อยคนนี้กำลังจะมาเปิดคอนเสริตในบ้านเราในเร็วๆนี้ นอกจากที่เอ่ยมาแล้วก็ยังมีเพลงดีๆมาให้ฟังกัน ก็จะมีทั้งหมด 19 เพลง ใครอยากจะลองฟังเพลงไหนก็ลองดูครับ
Artist : Various Artist Album : Sound Track Shark Tale Style : ////////////// Label : Universal Music
หนังเอนนิเมชั่นเรื่องดังจากทีมงานที่เคยทำเรื่อง Sherk และตอนนี้ครองอันดับหนึ่งอยู่บนชาร์ตไปเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของซาวด์แทร็กเองก็มีเพลงจังหวะสนุกสนานตามเนื้อเรื่องน่ารักๆและสนุก ศิลปินที่มารวมด้วยในครั้งนี้ต่างก็มาในรูปแบบของเพลงออกไปทาง ฮิบฮอบและอาร์แอนด์บี เพลงแรกเป็นหน้าที่ของ Ziggy Marley ผู้ที่นำเพลงดังของพ่อ Bob Marley ในเพลง Three little Bird มาทำใหม่รวมกับ Saen Paul โดยนำเพลงมาเร่งจังหวะแล้วเพิ่มไลด์ที่ร้องแบบฮิบฮอบเข้าไป Christina Aguilera มากับเพลง Car Wash เพลงจังหวะมันส์ๆ D 12 วงเฉพาะกิจของ Eminem มากับเพลง Lies & Rumors หรือจะเป็นเพลง Got To Be Real ที่มี Will Smith มาร่วมร้องด้วย เพลงนี้ออกจะเป็นโซลผสมฟังกี้ We Went As We Felt Like Going เพลงจังหวะละตินแดนส์มันส์อีกเพลง และอีกหลายเพลง และมีอีกเพลงที่เป็นสกอร์หนังนั้นคือ Some Of My Best Friends Are Shark ที่แต่งโดย Hans Zimmer ขึ้นต้นในเพลงนี้เมโลดีมาแบบเพราะครับ โดยเฉพาะเสียงของเครื่องสายและในช่วงกลางเพลงก็เปลี่ยนมาเป็นจังหวะเต้นรำมันส์ๆ ซึ่งก็เหมาะกับเนื้อเรื่องดีครับ ก็เป็นเพลงประกอบภาพยนต์อีกชุดหนึ่งที่ออกมาให้คนที่ใจชอบจริงๆและอยากสะสมครับ
Artist : Various Artist Album : Super Hits The Hottest Dance Hits From 1990 - 1999 Style : Dance Label : Warner Music
อัลบัมชุดนี้ถือว่าเป็นการรวมเพลงจากช่วงเวลาหนึ่งในเมืองไทยที่เคยมีแนวเพลงสไตล์นี้ที่ฮิตมากอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงเวลานั้นดนตรีที่ออกจะเป็นแร็พหรือแดนส์ที่นิยมกันมาก ดูได้จากศิลปินไทยจากค่ายใหญ่ที่ออกแนวนี้มาเยอะมาก และในช่วงสิบปีนี้ศิลปินต้นแบบแนวนี้ที่ถูกนำมารวมในชุดนี้หากเอ่ยชื่อหละก็รับรองฟรอแตกแน่ครับ เพราะแต่ละคนแดนส์กระจาย ในซีดีสองแผ่นจะแบ่งเป็น แผ่น A จะเป็นศิลปินในรุ่นใหม่ๆ ส่วนแผ่น B จะเป็นศิลปินตั้งแต่ช่วง ปี 90 ต้นๆจนไล่ขึ้นมา ศิลปินรุ่นใหม่ก็มี Ricky Martin กับเพลง Livin ‘ La Vida Loca , Britney Spears กับเพลง Oops ! I Did It Again , Spice Girls กับเพลงดังมากๆอย่าง Wanna Be เป็นต้น และในส่วนศิลปินยุคเก่านี่ซิครับน่าสนใจมากๆ เพราะเพลงแต่ละเพลงก็เริ่มหาฟังยากแล้วอย่าง เขาคนนี้ที่อาจเป็นต้นกำเนิดของแร็พและฮิบฮอบในยุคนี้เลยก็ว่าได้กับ MC Hammer ในเพลง U Can’t Touch This สุดยอดมาเพลงนี้ หรืออย่างฮิบฮอบเท่ๆหน่อยอย่าง Shaggy กับเพลง Mr. Boombastic และศิลปินคนนี้ไม่รวมอยู่ในชุดนี้คงจะไม่ได้อย่างแน่นอนกับ Vanilla Ice กับเพลงดังอย่าง Ice Baby และยังมีเพลงที่ถูกนำมาทำใหม่ในเวอร์ชั่นแดนส์เช่น เพลง What’s Up และเพลง Zombie ครับสองเพลงนี้โดนเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก หากใครคิดถึงอดีตกับเพลงแดนส์มันส์ก็ลองชุดนี้ดูครับ