Music News :
ประจำวันที่ 27 กันยายน 2547 Coal Chamber, The Roots, Spiderbait, Charlie Haden , Ravi Shankar, Shyne, McFly, Alan Jackson , Kanye West, Mase, 15 ต.ค. 47
ได้รับความเอื้อเฟื้อแผ่น
CD จาก Universal Music, Warner Music, EMI, Sony BMG, Platinum, United Home Entertainment,Virtuoso, Smallroom, S.stack กีตาร์ไทยขอขอบพระคุณอย่างสูง
Artist : The Roots Album : The Tipping Point Style : Hip Hop Label : Universal Music พวกเขาเป็นวงดนตรีฮิบฮอบ 4 คนที่จัดได้ว่าทำเพลงในส่วนของภาคดนตรีออกมาได้ดีอีกหนึ่งวง ถ้าเป็นความคิดของผมแล้ว สิ่งที่ผมต้องการฟังจากเพลงเหล่านี้ก็คือ groove และสิ่งต่างๆหรือสไตล์เพลงที่พวกเขาจะสอดแทรกเข้ามาในนี้หรือแม้กระทั่งจังหวะของคำที่ร้องออกมา และวง_ b9ี้ก็ถือได้ว่าเป็วงที่มีความสามารถจัดจ้านอีกวงหนึ่งด้วยครับ เพลงแรก Star / Pointro เริ่มต้นมาได้อย่างเท่ห์มากครับมีการนำไลด์ร้องของผู้หญิงมาเป็นตัวหลักที่ร้องแบบโซลแล้วก็มีอีกไลด์ร้องแร็พแล้วช่วงท้ายมีการเปลี่ยนจังหวะที่ทำออกมาแล้วเหมือนพวกเพลงเต้นรำแนวเฮาร์ I Don't Care เพลงนี้มาแบบฟังกี้มันส์ๆมาเลยครับ Don't Say Nuthin' _ a8ังหวะเหมือนเพลงฮิบฮอบทั่วๆไปครับ Guns And Drawn เพลงนี้ผมว่าเจ๋งมากๆๆๆครับ เพลงแบบโซลๆ แต่มีกลิ่นอายของความเป็นเร็กเก้หรือชิวเอาร์จางๆเข้ามาปนอยู่ด้วยช่วงท้ายเพลงเปลี่ยนมาเล่นจังหวะของกลองและเทคนิคของห้องอัด นี้แหละครับลูปที่เจ๋ง Stay Cool เพลงนี้มาแบบแก๊ง b์เสตอร์มาเลยครับ มีการนำซาวด์แบบอินเดียมาใช้และสอดมาด้วยแจ็สในบางช่วง Web เพลงนี้ผมว่าความเท่ห์ของมันอยู่ที่จังหวะล้วนๆ คือประมาณว่าแสดงให้เห็นถึงแม้ไม่มีเครื่องดนตรีเยอะแยะแต่ข้าก็ทำเพลงดีได้โดยใช้พรสวรรค์ของคนดำ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะว่ามันติดตัว 1ับคนดำแทบทุกคนก็ว่าได้ Boom เพลงนี้ผมว่าพวกขาฮิบฮอบคงจะชอบกันอย่างแน่นอน เพราะว่ามันน่าจะทำให้พวกเขาได้มันส์กัน ลองนึกถึงบรรยากาศแบบมีดีเจ ,MC หรือแร็พเปอร์และพวกขาเต้นทั้งหลายมาแจมกัน นั่นแหละครับคือคอนเซปของเพลงนี้ Somebody's Gotta Do It เพลงจังหวะเรื่อยเ 6 Duck Down เพลงกวนๆที่ใสซาวด์อะไรเยอะแยะเลยครับ(มีเสียงเป็ดมาร่วมแจมด้วยครับ) Why (What's Gooin On?) เพลงที่เรียกว่าช้าในชุดนี้ ขึ้นต้นมาด้วยอาร์แอนบี แล้วค่อยๆเปลี่ยนช่วงมาร้องแร็พและก็มีเพลงบรรเลงแบบดิสโก้ต่อในช่วงท้ายให้ฟังเล่นๆด้วยครับ ผมว่าพวกเขาเป็นวงที่ใช้ไอเดียในการทำเพลงได้ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งวง สมแล้วแหละครับที่ใช้ชื่อว่า The Roots
Artist : L'arc - en - ciel Album : Dune Style : J - Rock Label : Sony Music BEC Tero สำหรับวงนี้คงไม่ต้องแนะนำความหลังอะไรกันมากเท่าไหร่ เพราะพวกเขาก็เป็นอีกวงหนึ่งที่ทำเอาวงการเพลงไทยซบเซาไปช่วงหนึ่งที่เพลงแบบ j-rock เข้ามาบูมในบ้านเรา แม้ส่าทุกวันนี้กระแสจะเบาบางลงไปบ้างแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังมีกลุ่มแฟนเพลงที่รอคอยอยู่ L'arc - en - ciel เป็นวงที่ทำมิวสิควิดีโอทีถ่ายภาพได้สวยมาก และเป็นวงที่ขยันออกงานเพลงมากอีกวง และอัลบัมชุดนี้แม้ว่าไม่ได้เป็นอัลบัมชุดใหม่ของเขาและแม้ว่าชุดนี้จะเคยออกมานานเป็น 10 ปีมาแล้วก็ตามครั้งทางวงก็ตัดสินใจรีมาสเตอร์อัลบัมชุดแรกออกมาขายโดยมีเพลงใหม่เ พิ่มเข้าไปอีก 3 เพลงและเปลี่ยนปกใหม่ โดยรวมแล้วซาวด์อาจจะเก่าไปซักนิดแต่ก็ยังถือว่าน่าจะก้าวล้ำมากสำหรับการบันทึกเสียงในยุคนั้น ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ก็คงต้องบอกเลยครับว่าให้ลืมภาพในปัจจุบันออกไปจากหัวได้เลยครับ เพราะสมัยนั้นวงนี้ก็แต่หน้าทาปากกับเขาเหมื_ cdนกัน สิ่งที่น่าสนใจสำหรับชุดนี้ก็คงจะเป็นตรงที่เป็นงานที่มือกลองคนเก่าและเป็นคนแรกของวงได้ตีเอาไว้ และเขาก็เป็รมือกลองที่ตีได้ดีอีกคนหนึ่ง เพลงที่เล่นออกมาในชุดนี้ อาจเป็นต้นแบบทั้งในเรื่องของการเล่นดนตรีหรือการแต่งเมโลดีหรือสไตล์การร้องที่พวกเขาใช้เป็นแนวทางที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปซักเท่าไหร่ในปัจจุบัน อาจจะเปลี่ยนก็ตรงที่เมโลดีมีความเป็นพ็อพขึ้นและติดหูมากขึ้น แต่กับชุดนี้เขาจะทำดนตรีอ_ cdกลอยๆหลอนๆสำหรับเพลงช้า(ที่ไม่อาจจะรู้ชื่อเพลง เลยบอกไม่ได้ว่ามีเพลงไหนบ้างรวมทั้งเพลงเร็วด้วยครับ เพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น) ในส่วนของเพลงเร็วทำออกมาแบบร็อกแบบญี่ปุ่นอย่างชัดเจนครับ ยกเว้น วง X - japan นะครับเพราะรายนี้เพลงจะเป็นไปทางอเมริกันจ๋าเลยครับ ยังไง 1็คงเป็นเรื่องดีสำหรับแฟนเพลงที่จะได้ฟังเพลงในชุดแรกในราคาที่ไม่แพงอย่างซีดีที่ต้องสั่งซื้อจากร้านนำเข้า
Artist : Spiderbait Album : Tonight Alright Style : Rock / Punk Label : Universal Music คราวนี้แฟนเพลงสไตล์โดดแบบพังก์คงต้องถูกใจเป็นอย่างแน่กับศิลปินวงนี้ พวกเขาเป็นวง 3 ชิ้นที่มีแค่เครื่องดนตรีของ กลอง,กีต้าร์และเบส และเพลงที่เล่นออกมาก็ประมาณว่าอัดกันอย่างเดียวเพื่อความสะใจ เรียกว่าใส่กันไม่ยัง เอามันส์ไว้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน พวกเขา 'a8ะเป็นพังก์ที่เล่นกันหนักกว่า Green Day เยอะครับ เพลงในชุดนี้มี 12 เพลง แต่มีเพลงช้าให้ฟังกันอยู่ 2 เพลงเท่านั้น และเพลงเร็วนั้นถูกเรียงมาแบบเร็วอัดๆกันมาตลอด 8 เพลงแล้วค่อยเบรคอารมณ์ของหูที่ช้าไปแล้วด้วยเพลงช้า ซะหนึ่งเพลง ในส่วนของเพลงเร็วนั้นมันส์ซะใจทุกเพล 7ครับ แบบมันส์อย่างต่อเนื่องไม่มีเพลงช้ามากวนใจเลย เอาเป็นว่าเจอแค่เพลงแรก Take Me Back เข้าไปก็สุดยอดแล้วของความสะใจ ในส่วนของเพลงช้าก็ทำออกมาฟังได้เรื่อยในช่วแรกแต่ก็ยังคงใส่ความสะใจเข้าไปอยู่ อย่างเพลง Tonight เพลงพอฟังจบเพลงแล้วกลับนึกถึงเพลงของ Foo Fighter ขึ้นมา ส่วนเพลงช้าอีกเพลง Picky เพลงนี้จะออกกวนๆนิด เอาเป็นว่าคอเพลงพังก์หรือพวกอัลเทอเนทีพทั้งหลายได้มีวงใ_ cb้ชอบกันอีกวงอย่างแน่นอน
Artist : Charlie Haden Album : La Tierra Del Sol (Land Of The Sun ) Style : Jazz Label : Universal Music นับว่าหายหน้าหายตากันไปนานกับมือเบสคนนี้ ครั้งนี้เขากลับมาพร้อมเพลงในสะไตล์ละติน คิวบา แจ็ส ที่ฟังแล้วได้อารมณ์เย็นๆนุ่มๆแบบผู้ใหญ่ๆหน่อย สงสัยว่า Charlie Haden จะติดใจกับแนวเพลงนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกอัลบัมที่เล่นเพลงแแบบนี้อย่าง Nocturne มาแล้ว แถมครั้ งนี้ยังพามือมือเปียโนแจ็สชาวคิวบาอย่าง Gonzalo Rubalcaba มาเล่นเป็นแม่งานใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมือแซ็กอย่าง Joe Lavano มาเล่นอีกด้วย แต่น่าเสียดายอยู่นิดนึงก็ตรงที่วานชุดนี้ไม่มี Pat Metheny มาร่วมเล่นอย่างงานชุดที่แล้ว 10 เพลงที่คุณจะได้ฟังจากชุดนี้คือความละเมียดละไมของการแต่งและเรียบเรียงขึ้นมา ตัวโน็ตในแต่ละตัวที่เล่นออกมามันช่างลงตัว อีกทั้งการวางคอร์ดที่รองรับและไลด์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นที่เล่นออกมาแบบมีช่องว่างให้หายใจหายคอกัน ไม่ใช่ใส่กันอย่างเดียว ลองนั่งฟ_ d1งดูนะครับและฟังอย่างตั้งใจ คุณจะพบว่าการเล่นของพวกเขามันเล่นออกมาน้อยมาก อย่างไลด์ของเปียโน เขาจะค่อยๆเล่นเสริมเครื่องดนตรีที่เล่นโซโล่อยู่ให้เด่นขึ้น จริงๆแล้วความไพเราะและงดงามอย่างนี้มันต้องใช้เวลาจากการเล่นอย่างมากมาย ถึงได้มีความคิดที่จะเล่นและเรียบเรียงเพลงที่ไพเราะออกมาได้อย่างนี้ หากจะเปรียบบรรยากาศของเพลงชุดนี้ มันเหมือนกับคุณนั่งอยู่ชายทะเลที่มีงานปาร์ตี้และมีลมพัดเบาๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลา 'c2 และผมคิดว่าอัลบัมชุดนี้จะช่วยคุณอย่างมากกับความเครียดจากปัจจัยหลายๆอย่างหรือจะเอาไว้ฟังก่อนนอนก็คงจะเป็นเรื่องดีอยู่ไม่น้อย บางที่อาจช่วยให้คุณฝันดีแล้วตื่นมาลุยกับความเครียดของงานในวันต่อไปก็ได้ครับ
Artist : Ravi Shankar Album : Homage To Mahatma Gandi Style : World Music Label : Universal Music หลังจากที่ปล่อยโอกาศให้ลูกสาวอย่าง Norah John ทำคะแนนได้รับความนิยมจากคนฟังอย่างมหาศาลเรียกว่าได้ทั้งเงินและทั้งกล่องมาแล้วถึง 2 ชุด ครั้งนี้ของเป็นที่ของพ่อบ้าง การกลับมาครั้งนี้ของ Ravi Shankar กลับงานเพลงชุดนี้ซึ่งอาจจะเป็นเหมือนยาขมของเหล่าบรรดานักฟังเพลงทะ 1้งหลายก็ว่าได้ เพลงที่มีในชุดนี้มีเพียงแค่ 3 เพลงครับ แต่อย่าตกใจเลยครับมันช่างเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดากับแนวดนตรีที่อาศัยทักษะทางการเล่นอิมโพรไวส์เยอะๆ สำหรับตัวของ Ravi Shankar แล้วเราจะได้ฟังทักษะการอิโพรไวส์แบบอาจารย์ทางและการเล่นซีต้าร์ สามเพลงที่จะได้ฟังจะเป็น 2 ส_ cdงเพลงแรกที่ Ravi จะเป็นคนอิมโพรไวส์ซีต้าร์โดยที่เพลงแรกมีความยาวถึง 24 นาที เพลงที่สอง 17 นาที แล้วเพลงสุดท้ายจะเป็นเพลงที่มีแต่เครื่องเคาะของอินเดียล้วนๆ การอิมโพรไวส์ของ Ravi ในชุดนี้คุณจะได้ฟังแต่การอิมโพรไวส์ที่มีแต่เมโลดีล้วนๆไม่มีการเน้นถึงเรื่องความเร็วแต่อย่างใด เป็นเมโลดีที่ค่อยๆสร้างขึ้เรื่อยจากวลีไม่กี่วลี เพลงที่อยากให้ฟังอย่างมากก็จะเป็นเพลงที่2 ที่ชื่อว่า Raga Gara ผมอยากให้ฟังในส่วนของเ 4รื่องเคาะที่เรียกว่า Tabla เจ๋งมากครับตามที่ ตามที่ผมเคยได้อ่านมาบ้างเขาบอกว่าการตี Tabla มันเป็นการที่แสดงถึงอารมณ์ของการเล่นเครื่องดนตรี ทั้งการเล่นในเรื่องของจังหวะมันเปรียบเหมือนการพูดที่มีช้าเร็ว ถ้ามีผู้รู้ที่แท้จริงอย่างไรช่วยโพสต่อเรื่องนี 'e9ทีนะครับ ผมคิดว่าเพลงสไตล์นี้คงจะฟังยากไปซักหน่อยสำหรับคนที่จะหันมาฟังแต่ซักวันหนึ่งผมคิดว่าหากเล่นกีตาร์มาเยอะแล้วและลองหันมาฟังเพลงแบบนี้มันน่าจะให้ประโยชน์ในการเล่นเพิ่มขึ้นมาบ้างครับ
Artist : Shyne Album : Godfather Buried Alive Style : Hip Hop Label : Universal Music สำหรับศิลปินฮิบฮอบผิวดำคนนี้มาแบบไม่ธรรมดาอีกแล้วครับ จังหวะและลูกเล่นของเพลงมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะเลยครับ และเวลาที่เขาร้องจะเหมือนพวกแก๊งเสตอร์โหดๆหน่อย จะร้องแบบดุดัน ในส่วนของดนตรีจะออกมาแบบแนวเร็กเก้ , ลูปหลอนๆ ,ชิลล์เอาด์ และอีกมากมาย เพลงที่โดดเดเ 8นในชุดนี้ก็จะมี Quasi O.G เพลงจะแสดงถึงความเป็นจาไมก้าหลอนๆที่ออกจะโหดๆหน่อยกับวิธีการร้องแบบนี้ Shyn เพลงนี้จะออกมาเป็นชิลล์เอาด์แล้วมีไลด์ผู้หญิงร้องเสริมเป็นโซลหรือเพลงอย่าง Diamonds And Mac - 10 เพลงเจ๋งครับช่วงอินโทรขึ้นมาเหมือนเพลงร็อกอย่างพวก Led Zepplin แล้วอีกอย่างคือทางคอร์ดที่ใช้ในเพลงนี้รวมไปถึงซาวด์ของเครื่องเป่าที่เสริมเข้ามาทำให้เพลงดูอลังการยิ่งใหญ่หน่อย ถ้าให้นึกภาพคงจะประมาณว่าเป็นเพลงใช้ประกอบหนังในช่วงเปิดตัวแก๊งส์ 2 แก๊งส์ที่กำลังเผชิญหน้ากัน และอีกอย่างเพลงนี้ก็ใชเป็นเพลงปิดอัลบัมได้อย 'e8างสมบูรณ์แบบจริงๆ
Artist : McFly Album : Room On The 3RD Floor Style : Pop Rock Label : Universal Music หายหน้าไปจากแวดวงดนตรีกับเพลงประเถทแนวๆ Hanson หรือ Mottfat และวงที่ผมกำลังจะบอกก็คือวงนี้แหละครับ McFly วง 4ชีวิตที่เล่นเครื่องดนตรีกันเองรูปลักษณ์ภายนอกออกจะเหมือนพวกอัลเทอเนทีฟผสมกับพั้งก์นิดๆ แต่ตัวเพลงออกมาเป็นป๊อพร็อก ถ้าจะนำไปเทียบกันระหว่าง Ha nson ตอนที่ออกชุดแรกผมว่ายังห่างชั้นอยู่เยอะเลยครับ ยังดีครับที่เขายังมีส่วนร่วมในเพลงไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลงหรืออะไรอีกหลายๆอย่าง ก็ถือว่ายังมีกึนใช้ทำงานได้ เพลงของพวกเขาจะเป็นป็อบร็อกที่เอาบูลส์เขาไปผสมเป็นจังหวะยืนพื้น 5 colours in her เพลงเร็วที่มีความเป็นพั้งก์นิดๆผสมกับอัลเทอเนทีฟ obviously เพลงป็อปน่ารักๆที่เน้นไปที่ท่อนฮุค room on 3rd floor เพลงช้าที่ทำออกมาขายเต็มที่ that girl มาเป็นบลูผสมอัลเทอเนทีฟจังหวะสนุกๆครับ hypnotised ตัวเพลงออกไปทางคันทรี่นิดๆ ผมว่าเพลงนี้ทำออกมาได้ดี_ a4รับ saturday night เพลงยืนพื้นด้วยบูลร็อกมันส์ๆแบบสไตล์เดียวกับ john b.good เพลงต่อมา met this girl เพลงป็อปจังหวะปานกลาง she left me เพลงออกเป็นพวกบลูช้าๆหรือเพลงช้าแบบสไตล์ร็อกอะบิลลิตี้อย่างที่จะหาฟังได้เยอะจาก Brian Setzer Orchestra เพลงต่อมา down by the lake เพลงบลูแบบพั้งก์ๆสฐ 9ุกๆ unsaid thing มาแบบสไตล์อัลเทอเนทีฟน่ารักๆ sufer babe เพลงช้าเท่ห์ๆเพลงนี้ผมรู้สึกว่าจะเข้าท่าที่สุด และเหมาะจะเป็นมาตรฐานในการทำงานและแนวทางของชุดต่อไปได้อย่างสบายๆ เราเคยเห็นความเจ๋งจาก Hanson มาแล้วแต่สำหรับวงนี้กับอัลบัมชุดนี้ยังต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปว่าในชุดหน้าพวกเขาจะมีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใดอันนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป ไม่แน่ครั้งหน้าเขาอาจกลับมาล้มยักษ์ในสไตล์เดียวกันอย่าง Hanson ก็เปเ 7นไปได้
Artist : Alan Jackson Album : What I Do Style : Country Label : BMG จะว่าไปแล้วชายผู้นี้ก็จัดอยู่ในหมวดหมู่ของตำนานดนตรีแนวคันทรี่ของอเมริกาอีกคนเหมือนกัน ในอเมริกาแล้วเขาเป็นคนที่มีคนชอบเพลงเขาอย่างมาก เขาเป็นศิลปินที่ขยันออกอัลบัมอีกคนหนึ่งและอัลบัมชุดนี้ก็เป็นชุดใหม่ของเขา What I Do เพลงในอัลบัมชุดนี้จัดว่าเป็นเพลงที่ฟังสบายๆและฟังได้เรื่อยๆ เรียกว่าหยิบขึ้นมาฟังเมื่อไหร่ก็ฟังได้ To Much Of Good Thing เพลงแบบคันทรี่ผสมบูลส์และความเป็นดนตรีพื้นเมือง ฟังเรื่อยๆครับ Rainy Day In June เพลงช้าเหงาๆแบบผู้ชายคันทรี่อกหัก เพราะดีครับ USA Today เพลงนี้นึกฐ 6ึงเวลาที่ The Eagles เล่นเพลงในสไตล์คันทรี่อย่างพวกเขา เป็นเพลงฟังได้เรื่อยๆ IF Love Was A River เพลงนี้ได้บรรยากาศของท้องทุ่งในยามเย็นที่คนอเมริกันจะมาล้อมวงร้องเพลงกัน If French Fries Were Fat Free เพลงติดบูลล์ๆเนิบๆ You Don't Have To Paint Me A Picture และ There Ya Go คิดว่าตามร้านที่ออกคันทรี่ในเมืองไทยคงจะมีวงหลายๆวงนำเพลงนี้ไปเล่นกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเพลงแรกที่ขึ้นต้นมาอย่างสวยงามครับ เตัวเพลงมีเมโลดี้และท่อนทุกที่ดีทีเดียว The Talkin' Song Repair Blues โอ้เท่ห์มากครับ เป็นคันทรี่ยุค 2000 เลยครับ คุณเคภ 2ฟังลูกทุ่งอเมริกันร้องแร็พไหม ครับแบบสำเนียงไม่ได้แต่ขอเอามันส์ไว้ก่อน ในส่วนของดนตรีเทคนิคดีครับในสไตล์แบบนี้ Strong Enough เพลงคันทรี่จังหวะเรื่อยๆอีกเพลง Monday Morning Church เพลงช้าเหงาๆเศร้าๆ โดยเฉพาะเสียงของไวโอลีน Burnin' The Honky Tonks Down ใครที่อยากรู้จักเทคนิคการเล่นก_ d5ต้าร์ที่เล่นแบบ Honky Tonks ก็ต้องฟังเพลงนี้เลยครับ เป็นเพลงคันทรี่บูลล์ที่มันส์ๆปล่อยให้สมาชิคอิมโพรไวส์กันอย่างเต็มที่ มีการเล่นโซโล่ผลัดกัน เจ๋งมากครับมีการโซโล่แบบเอาด์แบบแจ็สให้ฟังกันด้วยครับ To Do What I Do เป็นเวอร์ชั่นคอนเสริตครับ เป็นเพลงช้าๆเหมือนเป 'e7นการอำลาเมื่อต้องจากกัน เหมาะดีครับกับการเป็นเพลงปิดฉากอัลบัม ผมว่าในบรรดาเพลงอเมริกันทั้งหลายที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แนวเพลงที่ขายได้อยู่ตลอดเวลาก็คงจะหนีไม่พ้นกับแนวนี้อย่างแน่นอน เพราะยังไงมันก็เป็นเหมือนกับเพลงประจำชาติของตนไปซะแล้ว และก็เช่นกันกับชายผู้นี้ที่เป้นของคู่กับชาวอเมริกา ไม่ว่าจะออกมากี่ชุดเพลงข_ cdงเขาก็ยังทำได้ไพเราะเหมือนเดิม
Artist : Kanye West Album : The College Dropout Style : Hip Hop Label : Universal Music ศิลปินฮิบฮอบอีกคนที่มีความขี้เล่นอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกมาจากภายนอกหรือจากความคิดที่นำมาใส่และใช้ในเพลงแต่ละเพลงของเขา ผมรู้สึกขำตั้งแต่เห็นหน้าปกแล้วครับและยิ่งเปิดสมุดข้างในยิ่งขำเลยครับ นึกว่าเป็นหนังสือรุ่นที่แจกตอนเรียนจ บแล้วมีภาพอดีตตอนช่วงเรียนแถมมาให้ดู ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ไม่มีแค่จังหวะหรือลูกเล่นที่ซ้ำไปซ้ำมา จะได้เกิดความแตกต่าง เพลงในชุดนี้มีให้ฟังกันทั้งสิ้นทั้งหมดก็ 21 เพลง ซึ่งจะแบ่งออกเป็นเพลงร้องสลับกับบทพูด จะมีใครว่าผมแปลกประหลาดไหมเนี่ยะถ้าผมจะบอกว่าผมชอบไอเดียของเขาแทบทุกแทร็คเลยที่เป็นนำขั้นของเพลง แต่ก็มีเพลงเต็มบางเพลงที่ดีๆในชุดนี้ ผมว่าไอเดียเจ๋งๆของเขามีเยอะมาก_ e0ช่นเพลง Graduation Day ที่นำเพลงแบบคราสสิคขึ้นต้นแล้วเปลี่ยนเป็นอาร์แอนด์บีแล้วก็เข้าเพลง As Fall Down ซึ่งเพลงนี้ก็เพราะครับผมชอบช่วงที่ผู้หญิงร้องเมโลดีครับ หรือเพลง I'll Fly Away น่ารักครับเพลงนี้ร้องประสานเสียงออกประมาณแจ็สนิดๆครับ Never Let' Me Down เพลงนี้ผมว่าคนไท 'c2คงจะชอบกัน เพราะจังหวะและเมโลดีมันลงตัวมาก เพลงนี้มีแขกรับเชิญอย่าง Jay Z มาแจมด้วยครับ Slow Jamz เพลงนี้มาแบบเพราะๆช้าๆอย่างอาร์แอนด์บี Breath In Breath Out จังหวะและวิธีร้องมาแบบกวนๆเลยครับ Two Words ผมมีความรู้สึกว่าเพลงนี้มันมีความมันส์ให้โยกกัน เป็นเพลงที่ฐ cมอยากจะฟังเขาร้องสดมากที่สุดในชุดเลยครับ รู้สึกแบบเขาร้องแบบใส่ๆอัดๆเข้ามา และจังหวะของกลองและเสียงประสานทำให้เพลงเพิ่มความมันส์ครับ จุดเหล่านี้แหละครับที่มันอยู่นอกเหนือจากความน่าเบื่อจากเพลงในสไตล์ฮิบฮอบที่เอาแต่แร็พกันอย่างเดียว สิ่งที่เสริมมาเหล่านี่แหละครับคือความสนุกของเพลงฮิบฮอบที่ผมค้นพบสำหรับต้วเองจากชุดนี้
Artist : Mase Album : Welcome Back Style : Hip Hop Label : Universal Music สำหรับพ่อหนุ่มฮิบฮอบรายนี้ จะว่าเขากำลังเดินตามทางความสำเร็จของ Puff Daddy หรือเปล่าก็ไม่เชิงนะครับ เพียงแต่ผมมีความรู้สึกว่าผมฟังเพลงของ Puff Daddy อยู่เวลาที่ฟังเขา ฮิบฮอบไสตล์ที่เขายึดอยู่มันเหมือนกับฮิบฮอบของแก๊งผิวขาวที่ออกไปทางน่ารักมากกว่าจะเป็นฮ_ d4บฮอบของแก๊งอิทธิพลที่มีท่าทางดุดัน Welcome Back เพลงเปิดตัวอย่างน่ารักครับ ทั้งจังหวะและวิธีการร้อง ฟังแล้วเหมือนเด็กๆร้อง ท่อนฮุคติดหูเลยครับ น่ารักดีครับ Breathe , Stretch , Shake เพลงนี้เร่งจังหวะขึ้นมามันๆส์หน่อย มี P. Diddy มาเป็นแขกรับเชิญ Keep It On ฟังเพลงนี้แล้วนึกว่านั่งอยู่ตามชายหาดแถวไมอามี่อยเ 8างที่หนังชอบใช้เป็นโลเกชั่นแล้วเปิดเพลงกวนๆอย่างนี้ ถ้าใครดูหนังที่มี Martin Lawrence เล่นอยู่จะเจอบ่อยมากเลยครับฮิบฮอบแบบนี้ My Harlem Lullaby เพลงนี้ในส่วนของดนตรีมีการนำกลิ่นของเร็กเก้มาใช้ผสมกับฮิบฮอบ เพลงจะออกไปทางเร็กเก้ที่เป็นแด้นส์ๆหน่อย I Own และ Wasting My Time ฟังจากจังหวะแล้วนึกถึงเพลงพวกเพลงแดนส์มันส์อย่าง N'sync แต่ในส่วนของร้องก็ยังคงเป็นฮิบฮอบมันส์ๆครับ Gotta Survive เพลงช้าตามสไตล์ฮิบฮอบ The Love You Need โอ้เพลงนี้มาเต็มๆเลยครับ มาขึ้นมาอย่างกับเพลง 7 Days ของ Crag David จะฟังยังไงก็เหมือน Money Comes And Gone เพลงนี้อยากจะบรรยายว่ามันช่างเหมือนฮิบฮอบจังหวะลูกทุ่ง คือด้วยจังหวะของกลองและเสียงของเครื่องเคาะและเครื่องเป่าในสไตล์แบบจาไมก้าที่ผสมเข้ามา ทำให้นึกถึงเพลงลูกทุ่งของบ้านเรา เจ๋งและน่ารักดีครับ I Wanna Go เพลงจังหวะปานกลางถ้าเพลงนี้ไม่มีเสีย งคอรัสของผู้หญิงเข้ามาร่วมร้องด้วย ผมคิดว่าเพลงนี้คงจะขาดความน่าสนใจลงไปเยอะเลยครับ Into What You Say เพลงฮิบฮอบที่ออกแดนส์ๆ Do You Remember สไตล์การร้องแบบนี้คือการรับเอาวิธีร้องที่ออกไปทางจาไมก้ามาใช้ครับ เพลงจะลอยๆและก็ร้องอยู่บนลูปของเพลง และเขาคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแนวนี้ที่ผมคิว่าเขามีความแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่พอตัวเลยครับ Artist : Mase Album : Welcome Back Style : Hip Hop Label : Universal Music สำหรับพ่อหนุ่มฮิบฮอบรายนี้ จะว่าเขากำลังเดินตามทางความสำเร็จของ Puff Daddy หรือเปล่าก็ไม่เชิงนะครับ เพียงแต่ผมมีความรู้สึกว่าผมฟังเพลงของ Puff Daddy อยู่เวลาที่ฟังเขา ฮิบฮอบไสตล์ที่เขายึดอยู่มันเหมือนกับฮิบฮอบของแก๊งผิวขาวที่ออกไปทางน่ารักมากกว่าจะเป็นฮ_ d4บฮอบของแก๊งอิทธิพลที่มีท่าทางดุดัน Welcome Back เพลงเปิดตัวอย่างน่ารักครับ ทั้งจังหวะและวิธีการร้อง ฟังแล้วเหมือนเด็กๆร้อง ท่อนฮุคติดหูเลยครับ น่ารักดีครับ Breathe , Stretch , Shake เพลงนี้เร่งจังหวะขึ้นมามันๆส์หน่อย มี P. Diddy มาเป็นแขกรับเชิญ Keep It On ฟังเพลงนี้แล้วนึกว่านั่งอยู่ตามชายหาดแถวไมอามี่อยเ 8างที่หนังชอบใช้เป็นโลเกชั่นแล้วเปิดเพลงกวนๆอย่างนี้ ถ้าใครดูหนังที่มี Martin Lawrence เล่นอยู่จะเจอบ่อยมากเลยครับฮิบฮอบแบบนี้ My Harlem Lullaby เพลงนี้ในส่วนของดนตรีมีการนำกลิ่นของเร็กเก้มาใช้ผสมกับฮิบฮอบ เพลงจะออกไปทางเร็กเก้ที่เป็นแด้นส์ๆหน่อย I Own และ Wasting My Time ฟังจากจังหวะแล้วนึกถึงเพลงพวกเพลงแดนส์มันส์อย่าง N'sync แต่ในส่วนของร้องก็ยังคงเป็นฮิบฮอบมันส์ๆครับ Gotta Survive เพลงช้าตามสไตล์ฮิบฮอบ The Love You Need โอ้เพลงนี้มาเต็มๆเลยครับ มาขึ้นมาอย่างกับเพลง 7 Days ของ Crag David จะฟังยังไงก็เหมือน Money Comes And Gone เพลงนี้อยากจะบรรยายว่ามันช่างเหมือนฮิบฮอบจังหวะลูกทุ่ง คือด้วยจังหวะของกลองและเสียงของเครื่องเคาะและเครื่องเป่าในสไตล์แบบจาไมก้าที่ผสมเข้ามา ทำให้นึกถึงเพลงลูกทุ่งของบ้านเรา เจ๋งและน่ารักดีครับ I Wanna Go เพลงจังหวะปานกลางถ้าเพลงนี้ไม่มีเสีย งคอรัสของผู้หญิงเข้ามาร่วมร้องด้วย ผมคิดว่าเพลงนี้คงจะขาดความน่าสนใจลงไปเยอะเลยครับ Into What You Say เพลงฮิบฮอบที่ออกแดนส์ๆ Do You Remember สไตล์การร้องแบบนี้คือการรับเอาวิธีร้องที่ออกไปทางจาไมก้ามาใช้ครับ เพลงจะลอยๆและก็ร้องอยู่บนลูปของเพลง และเขาคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแนวนี้ที่ผมคิว่าเขามีความแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่พอตัวเลยครับ
Artist : Richard Marx Album : My Own Best Enemy Style : Pop Rock Label : EMI สำหรับพ่อหนุ่มคนนี้เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วในบ้านเรากับเพลงดังอย่าง right here waiting การกลับมาครั้งนี้ของเขาดูเหมือนเพลงจะปรับเปลี่ยนขึ้นไปเยอะให้เหมาะสมกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ผมว่าเขาเหมาะอย่างยิ่งที่จะหันมาร้องเพลงในสไตล์โมเดิร์นร็อกที่เน้นไปท 'd5่การร้องเพลงจังหวะกลางๆที่ไม่ต้องใช้เสียงออดอ้อนมาก หลายๆเพลงในเป็นเพลงเพราะฟังได้เรื่อยๆ และเน้นไปที่ท่อนฮุคและเมโลดีเพราะๆ Nothin'Left To Say เพลงที่เปิดอัลบัมได้อย่างเหมาะสมอย่างยิ่ง เท่ห์มากครับ จะออกไปทางโมเดิร์นร็อก เมโลดีและท่อนฮุคถือว่าเยี่ยมมาก ประเภทฟังรอบแรกแล้วต้องหยุดฟังต่อ When You're Gone เพลงจังหวะปานกลางที่พอจะขยับแข้งขากันได้ ฟังแล้วนึกถึง Jon Bon Jovi อย่างทันทีทันใด เลยครับ One Thing Left เป็นเพลงช้าเท่ห์ๆโดนใจไวทำงานอย่างแน่นอนครับ ผมฟังเพลงนี้ตั้งแต่อินโทรขึ้นต้นมานึกว่างานนี้มี Brian Adams มาแจมด้วยแต่ตัวเพลงก็ยังมีเมโลดีแบบเฉพาะของ Richard Marx เป็นเอกลักษณ์ Love Goes On และ Ready To Fly เพลงช้าสไตล์ซอพร็อกเท่ห์ๆ Agian เพลงนี_ e9น่าจะเป็นเพลงช้าแบบโดนใจคนที่รู้สึกเหงาๆอย่างแรง Colder ร็อกแรงๆกีต้าร์มาแบบโมเดิร์นร็อกสุดๅ Everything Good และ Falling เพลงสโตล์โฟร์กนุ่มๆ ใครที่ชอบเพลงแบบงานเดี่ยวของ James Iha แห่งวง Smashing Pumpkin คงจะชอบอย่างแน่นอน The Other Side และ Someone Special เพลงช้าแบบโมเดิรเ cนร็อกที่ผสมกับ Bon Jovi ครับ อัลบัมชุดนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างกับตัวของเขาและก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างมากซะด้วย เพลงทั้งชุดสามารถฟังได้อย่างแทบไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นเลยครับ สำหรับใครที่ชอบเพลงหรือวงแบบ Goo Goo Doll หรือ Bon Jovi หรือเพลงโมเดิร์นร็อกเท่ห์ร_ d1บรองเลยครับว่าชุดนี้จะถูกใจคุณอย่างแรง
Artist : Houston Album : It's Already Written Style : Hip Hop / R&B Label : EMI สำหรับพ่อหนุ่มคนนี้กับสไตล์เพลงฮิบฮอบแต่มีความเป็นอาร์แอนด์บีเข้าผสมกันอยู่ ดังนั้นสไตล์การร้องก็เลยไม่ค่อยดุดันอย่างแก๊งแร็พสเตอร์วงหรือท่านอื่นๆ เพลงส่วนใหญ่ในอัลบัมชุดนี้ถือว่าฟังง่ายครับสำหรับฮิบฮอบ It's Already Written เป็นอินโทรสั้นๆที่บอกให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับการฟังเพลงของเขา I Like That เพลงจังหวะมันส์ๆที่ทำให้นึกถึง Eminem เอาง่ายๆ Twizala ช่วงอินโทรมาแบบเปียโนช้าๆเพราะๆ เสียงร้องเอื้อนๆแบบอาร์แอนด์บีแล้วบทพูดแล้วค่อยเข้าเพลงแบบอาร์แอนด์บีสไตล์ R.Kelly เพลงต่อมา Ain't Nothing Wrong เพลงช้าแบบโซลๆที่เอากลิ่นของแจ็สเข้ามาผสมไว้บางๆ My Promise เพลงที่เป็นโซลต่อจากเพลงก่อนหน้านี้ได้อย่างลงตัว Keep It On The Low ฮิบฮอบจังหวะกลางๆที่ทำดนตรีออกไปทางแขกๆ What You Say และ Love You Down เป็นโซลกลิ่นแจ็สช้าๆอีกเช่นกัน All Right ฮิบ 'ceอบบนจังหวะของละติน Bye Bye Love เพลงช้าแนวโซลผสมอาร์แอนด์บี เพลงนี้ผมว่าเป็นเพลงช้าที่เพราะที่สุดในอัลบัมเลยครับ ฟังแล้วนึกไปถึงสไตล์ร้องบ่นๆแบบ Grag David เพลงต่อมา Didn't Give A Dame พอขึ้นอินโทรมาผมนึกว่ากำลังนั่งฟังเพลงประกอบหนังดังอย่าง ER อยู่ครับแต่พอเข_ e9าเพลงกลายเป็นอาร์แอนบี She Is เพลงช้าที่ทำออกมาสไตล์ใกล้เคียงกับ Micheal Jackson เลยครับ เพลงสุดท้ายปิดฉาก outro ด้วยเพลงสั้นๆ It's Already Written Part ll ก็ถือว่าเป็นฮิบฮอบอาร์แอนด์บีที่ฟังง่ายๆเรื่อยอีกคนหนึ่ง หากเขาใส่ภาคดนตรีให้เข้มข้นกว่านี้อีกนิดผมว่าคงจะ_ b6ูกใจคนฟังเพลงแนวนี้แน่
Artist : The Offspring Album : Splinter Style : Punk Rock Label : Sony Music BEC Tero แม้ว่าอัลบัมชุดนี้จะออกมาพอสมควรแล้ว อีกทั้งคอนเสริตก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และหลายๆคนก็คงจะซะใจกันอย่างถ้วนหน้า แต่เราก็จะยังขอรีวิวอัลบัมชุดนี้อยู่ครับ อัลบัมชุดนี้เพลงของพวกเขามันก็ไม่ได่ออกเป็นพังก์ซะที่เดียวนะ มันก็ยังคงมีเพลงร็อกในสไตล์อื่นๆนำเข้าม_ d2ผสมกับเพลงของพวกเขาอยู่ด้วย อย่างเพลง The Noose , Long Way Home , Never Gonna Find Me ที่ออกจะเป็นเมโลดิกเมตัลซะมากกว่าที่จะเป็นพังก์ซะอีก เป็นแบบเดียวกับเพลงของ halloween หรือ x - japan เป็นต้น หรือเพลงอย่าง The Worst Hangover Ever ที่เป็นสกาน่ารักๆซึ่งทำออกมาได้ดีซะด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยกับเพลงกวนๆในสไตล์พวกเขาอย่างเพลง Hit That ที่หลายๆคนคงจะดูมิวสิกกันเรียบร้อยไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีเพลงช้าเท่ห์ๆอย่าง Race Against Myself ยอมรับเลยครับว่าเพลงนี้เท่ห์จริงๆ และเหล่าบรรดาเพลงที่เป็นพังก์อย่างที่ตรงแนวไปเลยก็ยังคงมีให้ได้ฟังกันอภ 2่างแน่นอนในชุดนี้ และแน่นอนถ้าเกิดการเปรียบเทียบกันแล้วระหว่างชุดนี้และชุดก่อนๆ ก็อาจจะบอกว่ามาตราฐานที่พวกเขาได้สร้างรากฐานไว้อย่างแข็งแรง กับชุดนี้พวกเขาก็ไม่ได้ทำอัลบัมชุดนี้ออกมาได้ต่ำกว่าในสิ่งที่พวกเขาเคยสร้างไว้ ยิ่งเพลงกวนๆอย่าง pretty fly for a white guy ก็กลายเป็นโลโก้ของเขาไปซะแล้วว่าถ้าฟัง The Offspring จะต้องรู้เพลงครูเพลงนี้และเขาก็จะต้องมีเพลงแบบนี้มาให้ฟังกัน แม้ว่าจะเดินตามรอยที่ความสำเร็จที่เคยได้สร้างไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหากมันจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกเขาไปซะแล้ว
Artist : Nelly Album : Sweat / Suit Style : Hip Hop / Rap Label : Universal Music ความเก่งของเพลงเร็พบางครั้งหลายๆคนอาจจะเคยสงสัยว่าเขาวัดกันจากตรงไหน ถ้าถามเหล่าบรรดาขาแณ้พฮิบฮอบทั้งหลาย พวกเขาก็คงจะบอกกันว่าเก่งตรงที่การร้องและการเลือกใช้คำที่จะร้องแบบอิมโพรไวส์หรือการร้องแบบคิดเดี๋ยวนั้นและร้องออกมาเดี๋ยวนั้น ตัวของ Nelly ก็จัดได้ว่าร้องได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน และเหล่าบรรดานักวิจารณ์เมืองนอกทั้งหลายต่างก็บอกกันว่าเขาคนนี้มีความสามารถที่เก่งมากในการเล่นคำที่จะร้องออกมา แม้กระทั่งนักร้องแร็พฮิบฮอบที่ยิ่งใหญ่อย่าง J - Zey ก็ยังเคยกล่าวเอาไว้ว่า Nelly เป็นถึง_ beระเจ้าที่เดียว และการที่ออกอัลบัมครั้งนี้เขามาที่เดียว สองชุดเลยครับ ดังนั้นจึงเกิดความแตกต่างระหว่างอัลบัมสองชุดนี้ อัลบัมทั้งสองชุดมีเพลงเหมือนตามคอนเซปตรงปกอัลบัมเลยครับที่เป็นกลางวันและกลางคืน ในอัลบัมชุด Sweat มันเหมือนเป็นอัลบัมตอนกลางวันฟังเพื่อความสนุกกับแก๊งส์ เพลงในชุดนี้จะเป็นพวกแร็พและฮิบฮอบแท้ๆมันส์ๆ ใส่กันเต็มที่และแขกรับเชิญเพียบครับชุดนี้ ที่จะมาร ่วมร้องด้วยก็เช่น Christina Aguilera , Stephen Marley และอีกหลายๆคน ในส่วนของอัลบัม Suit เป็นอัลบัมตอนกลางคืน ในภาคดนตรีของชุดจะออกเป็น โซลหรืออาร์แอนด์บี ฟังได้เรื่อยๆเย็นๆ เป็นเหมือนเพลงในงานปาร์ตี้ช่วงค่ำคืน ชุดนี้แขกรับเชิญก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ที่จะมีดังๆก็อย่างเช่น 033Snoopy Dog เป็นต้น ภาคดนตรีในชุดนี้ฟังง่ายครับ แต่ทั้งสองไม่ใช้อัลบัมที่ออกมขายที่เดียวคู่กันนะครับ เขาขายแยกไปเลยครับ ใครเป็นแฟนเพลงเขาก็ต้องควักกันเยอะหน่อยแหละครับงานนี้ แต่ถ้าจะเริ่มฟังเขาก็ต้องฟังชุด Suit ก่อนจะดีกว่า เพราะชุดนี้เพลงจังหวะปานกลางแล_ d0ฟังง่ายกว่าเยอะครับ
Artist : Secret Garden Album : The Ultimate Secret Garden Style : Classic Label : Universal Music สำหรับอัลบัมชุดนี้ฟังแล้วน่าจะเป็นเพลงประกอบละครของประเทศเกาหลีซะมากกว่า แต่ยังไงก็ตามทีเถอะต้องยอมรับเลยว่าเพราะมากๆ สำหรับเพลงทั้ง 30 เพลงในซีดี 2 แผ่นนี้ โดยเพลงจากแผ่นแรกจะเป็นอัลบัมเวอร์ชั่นส่วนแผ่นสองจะเป็นเพลงจากการแสดงสด แต่เพลงจากการแสดงสดก็เล่น ไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่นักแต่ฟังเพื่อเอาบรรยากาศซะมากกว่า เครื่องดนตรีหลักๆที่จะได้ยินจากเพลงก็จะเป็นเสียงของ piano , violin และ cello ซะเป็นหลัก และจะมีเพลงร้องบ้างประมาณ 3 - 4 เพลง ต้องบอกเลยครับว่าคนร้องถึงแม้ว่าเป็นชาวเกาหลีแต่สำเนียงการร้องเพล 'a7สไตล์คลาสสิคเยี่ยมมาก เพลงในแผ่นแรกจะมี 20 เพลง และแผ่น 2 มี 10 เพลง โทนเพลงที่เล่นออกมาเป็นเพลงช้าเมโลดีเหงาๆเศร้าๆ และที่สำคัญมันสามารถกล่อมคุณให้หลับได้อย่างง่ายดาย เพลงที่อยากให้ฟังก็จะมี เพลงแรกเลยครับที่เป็น theme ใหญ่ของเพลงนั้นคือเพลง Song From A Secret Garden เพลงนี้เป็นความรู้สึกเดี_ c2วกันกับเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Somewhere In Time ครับ แล้วก็เพลง Passacaglia เพลงนี้เศร้ามากครับ You Raise Me Up เป็นเพลงที่ผู้ชายร้อง ฟิลเหมือนกับเพลงเหงาของชาวไอลิสครับ ในส่วนของเพลงอื่นๆโทนเพลงก้ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก แต่อยากจะบอกไว้ก่อนเลยครับว่าหากคุณเริ่มต้นที_ e8จะฟังเพลงจากซีดีชุดนี้ละก็ ไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน
Artist : Various Artist Album : Dance Mix Style : Dance Label : Sony Music BEC Tero อัลบัมเพลงแด้นส์ชุดนี้เรียกได้ว่าแดนส์กระจายครับ เพลงหลายๆเพลงจากชุดนี้เคยเป็นเพลงดังที่หลายๆคนรู้จักกันอย่างดีก็ว่าได้ แต่ครั้งนี้พอมีศิลปินหลายๆท่านนำมาทำใหม่แบบรีมิกซ์ก็เลยทำกันแบบแด้นส์กันให้สุดเหวี่ยง เพลงที่นำมารีมิกซ์ใหม่ในครั้งนี้ที่เรารู้จ ักกันก็จะมีเพลง What's Up เพลงเก่าแก่ของ 4 Non Brothers ครั้งนี้หนักแน่นแบบแด้นส์หรือเพลงอย่าง Banana Boat Song เพลงนี้ดังมากครับ ในอดีตเคยมีศิลปินท่านหนึ่งเคยนำเมโลดีเพลงนี้มาแล้วเปลี่ยนเนื้อให้เป็นภาษาไทย สุดยอดของความฮิตครับ ถ้าฟังปุ๊ปรู้ปั๊ปเลยครับว่าเวอร์ชั่น_ e3นภาคภาษาไทยคือเพลงอะไร Happy Song เพลงนี้แทบทุกชาติใช้ในการเชียร์กีฬาโดยเฉพาะเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเพลงที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มือกีต้าร์เท้าไฟคนไหนที่เป็นขาแด้นส์ตาม RCA ถ้าชอบก็ลองดูก็ได้ครับ