เรื่อง Clean Buffer ของ Efx. pedal โดยคุณ fender

เรื่อง Clean Buffer ของ Efx. pedal โดยคุณ fender_11 ครับ

หลายคนสงสัย true bypass ดีจริงไหม buffered effect แย่จริงไหม
วันนี้ผมมีประสบการณ์จะมาแชร์ครับ

effect ที่ใช้ระบบ buffer คงต้องแยกก่อนครับ เพราะมีทั้งดีและไม่ดี
ข้อดีของ buffer คือ มันเปลี่ยนสัญาณ ให้เป็น low impedance ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้สายสัญญาณ ยาว 20 ft เสียงก้อไม่ drop
ข้อเสีย buffer ทุกชนิดทำให้สัญาณเสียงเปลี่ยนไปไม่มากก้อน้อย อาจรวมถึงไดนามิกด้วยครับ
effect ที่เป็น buffer ในท้องตลาดเกินกว่าครึ่งที่เป็น buffer ที่ไม่ดีนัก
คนเลยเหมาเอาว่า buffered effect ไม่ดีเสียง drop บ้าง ทำให้เสียงเปลี่ยนบ้าง
คนเหล่านั้นเลยมาใช้ true bypass ซึ่งก้อมีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน
ข้อดีคือโทนเสียงไม่เปลี่ยนมากเมื่อเทียบกับ buffered effect ทั่วไป
ข้อเสีย จะเริ่มเป็นผลเมื่อต่อพ่วง true bypass ซัก สามสี่ก้อนขึ้นไป หรือใช้สายสัญญาณที่ยาวมากๆ คือจะเกิด high capacitance สัญญาณ จะ drop และโทนเสียงแหลม และไดนามิกหายไปอย่างน่าตกใจ

ดังนั้นหลักการที่ดีควรจะให้ใน board มีทั้ง true bypass และ good buffered effect ครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะเลิก clean buffer มาใช้งาน คือจะเปลี่ยนโทนเสียงน้อยที่สุด

บางคนอาจจะไว้ตัสสุดท้ายของระบบ หรือบางคนอาจมีไว้ที่ตัวแรก และสุดท้าย
หรือ อื่นๆ แล้วแต่ความเหมาะสม

แต่พวก wah โดยมากจะเป็น buffer ที่แย่ครับ

clean buffer ในระบบที่แนะนำก้อมี

1 axess bs2
2 the gigrig humdinger
3 barber launch pad
4 mi boost 'n'buff
5 push pure gain
6 wampler clean buffer

ส่วนตัวผมเลือกใช้ thegigrig ครับ เพราะเอาไว้ใช้ drive 2 amps ครับ
ลองดูนะครับแล้วคุณจะตกใจกับเสียงที่ดีขึ้นอย่างมากมายเมื่อใช้ buffer ดีๆในระบบ

ข้อมูลพวกนี้ศึกษามาจาก thegearpage.net ครับ และได้ทดลองเองแล้วครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรลองด้วยตัวเองจะดีที่สุดครับ

ปล. อย่าเอา buffer ไว้ก่อน fuzz นะครับ fuzz มันไม่ชอบ buffer เอามากๆ

fender11 27 ก.พ. 52 เวลา 3:14:00 พิมพ์ แจ้งลบ IP = 124.120.163.41

PacPacPac

27 ก.พ. 52 เวลา 11:22:00

พิมพ์

แจ้งลบ IP = 222.123.20.40

คำตอบที่ 1

คำตอบที่ 1

ผมคิดเหมือนๆกะท่านมานานแล้วครับ.........ผมควรซื้อthe gigrig humdinger
ได้ตั้งนานแระ.......แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อซักที.....ไม่รู้ว่าเสี่ยเอกับเสี่ยยอด(Pedal Park)จะยังมีของอยู่มั้ยหน้อ...

...แล้วอีกอย่างก้คือ.....save รู output-input effect ตัวสุดท้ายและตัวแรกไม่ให้เสียเร็วจากการเสียบ่ Jack เข้า-ออกอีกด้วย.......ตั้งกระทู้ได้มีประโยชน์มากๆๆครับ

ขอบคุณครับ.............^^

แล้วท่านซื้อที่ไหน...ราคาเท่าไหร่...และจะขายต่อผมมั้ยครับ..............อิอิ

sixth 27 ก.พ. 52 เวลา 3:35:00 IP = 114.128.24.14

PacPacPac

27 ก.พ. 52 เวลา 11:22:00 IP = 222.123.20.40

คำตอบที่ 2

พอมีเรื่อง buffer ในระบบ เลยนึกขึ้นได้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ impedance ที่ควรจะ match กันครับ โดยเฉพาะ foot volume ที่มีแบบ low และ high

รูปแบบการใช้ foot volume ในระบบแบบต่างๆครับ

1 guitar (passive pickup) ---->High Impedance foot volume---> any fx-->amp

2 guitar (active pickup) --> Low Impedance foot volume -----> any fx-->amp

3 guitar (passive pickup)----> fx (all TB) ->High Impedance footvolume --->amp

4 guitar (passive pickup)----> fx (buffered) ---> Low Impedance footvolume --->amp

5 guitar (active pickup) ------> fx (all TB) --> Low Impedance footvolume------>amp

6 guitar (active pickup) ------> fx (buffered) ---> Low Impedance footvolume --->amp

ถ้า impedance ไม่ match กันจะมีผลต่อคุณภาพเสียง เช่น volume drop ย่านเสียงเปลี่ยนไป เช่นย่าน high หาย และความไม่ smooth ของเสียง
บางครั้งเราต่อกันไม่ถูกแล้วเหมารวมว่า foot volume ตัวนั้นๆเสียง drop บ้างไม่ smooth บ้าง

ทางทฤษฎี ควรจะ match impedance ของ output --> input ของอุปกรณ์ให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด
โดย output ควรจะมีค่าความต้านทานต่ำกว่าหรือเท่ากับ input

จากข้างบนถ้าต่อ
แบบที่ 1 ตรง any fx ควรจะมี clean buffer ไม่งั้นถ้าพ่วง TB หลายก้อนก้อจะ high end หาย

แบบที่ 2 แม้ตรง any fx จะเป็น all TB ก้อยังไม่แย่มากเพราะสัญญาณเป็น buffered จาก active pickup แต่ถ้าหลายก้อนมากๆก้อควรมี buffer ไว้ที่ตัวสุดท้ายด้วยครับ เพราะสายเคเบิลยาวๆก้อมีผลอีก

แบบที่3 เป็นแบบที่หลายๆคนทำกัน ซึ่งถูกในแง่ match impedance แต่เสียง drop, lost high end เกิดจาก true bypass หลายๆตัวนะครับ อย่าไปโทษ foot volume

แบบที่4 ตรง buffered fx อาจจะหมายรใมถึง ผสมกับพวก TB ในไลน์ด้วยนะครับ (ผมเลือกใช้รูปแบบนี้)

แบบที่5 คล้ายๆข้อสองที่ว่าถ้าต่อเยอะๆยังไงก้อควรมี buffer ซักตัว

แบบที่6 ก้อคล้ายกับข้อ 4 ครับ

fender11 27 ก.พ. 52 เวลา 3:44:00 IP = 124.120.163.41

PacPacPac

27 ก.พ. 52 เวลา 11:23:00 IP = 222.123.20.40

คำตอบที่ 3

คำตอบที่ 5
รูปแบบการเข้าใจผิดที่เห็นกันอยู่บ่อยๆแล้วไปโทษ foot volume นะครับ

guitar (passive pickup) ---> all true bypass effects---> low impedance foot volume

ผลคือ volume drop กระจาย high end หายวับ

เนื่องมาจากความเข้าใจผิด ที่บอกกันแค่ว่า low impedance foot volume ต้องต่อตัวสุดท้ายหลัง fx

คือถูกแต่ไม่ทั้งหมดครับ ต้องตัวสุดท้ายหลัง effect ที่เป็น buffer นั่นคือเปลี่ยนสัญญาณเป็น low ก่อนเข้า foot volume แบบ low

fender11 27 ก.พ. 52 เวลา 3:53:00 IP = 124.120.163.41

PacPacPac

27 ก.พ. 52 เวลา 11:23:00 IP = 222.123.20.40

คำตอบที่ 4

แต่ถ้า match ทุกอย่างถูกต้องแล้ว จะมี drop บ้าง หรือไม่ smooth ที่สุดอันนั้นขึ้นอยู่กับ คุณภาพของ foot volume แต่ละรุ่นและยี่ห้อแล้วครับ

ฝรั่งตอนนี้เค้าชมของยี่ห้อ goodrich กันอยู่ครับ ผมเองก้อไม่เคยลองครับ

fender11 27 ก.พ. 52 เวลา 3:55:00 IP = 124.120.163.41

รูปแบบการต่อระบบในบอร์ดผมเป็นแบบนี้ครับ

guitar ( passive pickup)-------> overdrive(TB) ----->distortion(TB)------->
modulation(TB)----------> Buffer---------> foot volume ( Low Impedance)--------->
Delay---------> Amp

Buffer ของผมใช้ the gigrig humdinger ทำให้มี output สองช่อง ช่องแรกผมส่งไปที่ foot volume อีกช่องผมส่งไปที่ amp อีกตัว

เมื่อทำเช่นนี้ทำให้ volume ผมควบคุม wet and dry effect ได้ครับ

fender11 27 ก.พ. 52 เวลา 4:05:00 IP = 124.120.163.41

PacPacPac

27 ก.พ. 52 เวลา 11:24:00 IP = 222.123.20.40