|
|
Interview: พี่
Pop the Sun
โดย
เปิ้ล |
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน INTERVIEW ในครั้งนี้ผมคิดว่าคงถูกใจใครหลายๆคน ในที่นี้นะครับเพราะ มือกีตาร์ท่านนี้ได้รับการกล่าวถึงเสมอๆใน WEBBOARD ของพวกเราทุกคนอย่างสม่ำเสมอ เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่ ป๊อบ THE SUN นั่นเองครับไปลุยอ่านกันได้เลยครับ
GT: ทุกวันนี้พี่มีการแบ่งเวลาการซ้อมส่วนตัวอย่างไรบ้างครับ
พี่ป๊อบ: ผมจะใช้วิธี ถ้าว่างเมื่อไหร่ ก็จะเล่นกีต้าร์แต่ช่วงก่อนเวลาออกทัวร์เยอะๆ มันก็ไม่ค่อยมีเวลาซ้อมก็เลยกลายเป็นว่า WARM-UP แล้วก็ไปเล่นเลย แต่ตอนในช่วงทำเพลง เนี่ย สำคัญมากที่จะซ้อมทุกวัน เพื่อที่จะหาไอเดียใหม่ๆ ทุกวันเวลาซ้อมผมก็จะคิดลูกใหม่ๆตลอดๆ ทั้ง LICK หรือไอเดียพวก HARMONY บ้าง มันมีช่วงนึงที่พี่ต้องฟังเพลงเพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องของ PRODUCTION เพราะเราไม่สามารถจะเป็นมือกีต้าร์ได้อย่างเดียวแล้ว หมายถึงว่าเราต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับพวก TECHNICAL หรือ ENGINEER เพราะผมจะทำ SOUND ด้วยตนเอง ซึ่งบางทีก็งงๆ เหมือนกันว่าเอ๊ะ ! นี่เราทำอะไร (หัวเราะ) แทนที่จะเล่นกีต้าร์ แต่มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่เรา ต้องช่วยตัวเอง เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องตรงนี้เพื่อใช้ทำงานใน STUDIO ได้ด้วย เพราะฉะนั้นเวลาของผมก็จะแบ่งเป็นหลายอย่าง ทั้งทำเพลง ทั้งซ้อมกีต้าร์ เวลาผมซ้อมกีต้าร์ผมก็จะไม่คิดถึงเรื่องอื่น พยายามดึงตัวเองสมัยก่อนกลับมาเหมือนกันที่ไม่ต้องคิดเรื่อง PRODUCTION อะไรอย่างเนี้ย เพราะฉะนั้นเวลาเล่นกีต้าร์ของผมก็จะไม่ FIX มันจะรู้เองว่าควรจะเล่นกีต้าร์ดีกว่า อย่าเล่นคอมพิวเตอร์เลย (หัวเราะ) เพราะจุดกำเนิดของเพลงมันจะมาจากกีต้าร์ สำหรับผมนะ ซึ่งถ้าผมไม่เล่นกีต้าร์มันก็ไม่เกิดงาน ผมจะเล่นให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะเล่นได้ สำคัญเลยคือ เราฝึกน้อยก็จริงแต่เราต้องเน้น คือไม่ใช่ว่าเรื่อยเปื่อย เปิดทีวีแล้วเล่นไป มันจะไม่ค่อยได้อะไรเท่าที่ผมเคยรู้สึก สำหรับผมแล้วสมาธิสำคัญสำหรับ การทำอะไรซักอย่างให้บรรลุจุดประสงค์ แต่เคยนะที่ทำอะไรเรื่อยเปื่อยเหมือนกันแล้วพบว่ามันเล่นได้ แต่ไอเดียมันไม่อยู่กับเรา แต่ถ้าเราตั้งมั่นกับมันไอเดียที่เข้ามามันก็จะไม่ลืม แล้วก็จะสามารถนำไอเดียไปใช้งานได้
GT: พี่ต้องมีการฝึกสมาธิด้วยรึเปล่า
พี่ป๊อบ : อาจจะไม่ต้องถึงขนาดนั้น เป็นแค่การบอกตัวเองว่าเราเริ่มเรื่อยเปื่อยแล้วไม่มี POINT คือไม่รู้ฝึกอะไร คือผมเชื่อว่าทั้งส่วนใจและทางด้านร่างกาย มันต้องไปพร้อมๆกันนั่นคือสมาธิที่ผมบอก
GT : แล้วเวลาจับกีต้าร์ครั้งแรกพี่ทำอะไรก่อน
พี่ป๊อบ : แต่ก่อนผมเป็นประเภทแบบไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นคืออยากเล่นอะไรลุยเลย แต่หลังๆมาเนี่ย ถ้าเกิดเราไม่ได้ซ้อมอย่างนั้นตลอดเวลาทุกวัน แล้วเราอยากจะเล่นได้ในสิ่งที่เราเคยเล่นได้ หรืออยากจะเล่นได้ในสิ่งที่เรากำลังฝึกอยู่เนี่ยนะ ต้อง WARM-UP ก่อน อีกอย่างนึงหลังจากที่ผมได้มาเขียน คอลัมม์ใน OVERDRIVE ทำให้ผมได้รู้ว่าการ WARM-UP มันก็อาจจำเป็นสำหรับบางคน ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ใช้แต่เดี๋ยวนี้ต้องใช้ เพราะเวลาเล่น CONCERT เนี่ย ตอนที่อยู่หลังเวที มันไม่ได้ WARM แล้วเราจะขึ้นไปเล่นในSPEED ที่เร็วๆบางทีนิ้วมันไม่ไป เหมือนกับนักกีฬาน่ะ
GT : พี่มีการฟิตตัวเองให้พร้อมอยู่เสมออย่างไร ในการเล่นกีต้าร์เช่นเราเคยเล่นเทคนิคนี้ได้แต่พอไม่ได้เล่น เทคนิคนี้นานๆ ก็จะมีอาการฝืด
พี่ป๊อบ: พูดไปถึงการ WARM-UP เมื่อกี้ซึ่งผมกำลังคิดว่าถ้าเรารู้ หลักเบื้องต้นของการ WARM-UP เราจะสามารถหาแบบฝึกของเราได้เอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่ผมกำลังฝึก WARM-UP ทุกวันนี้ผมจะไม่เอาแบบฝึก WARM-UP มานั่งเล่น ผมจะใช้หลักการที่ว่าเรากำลังจะWARM พวกลูกนิ้วต่างๆ ทีนี้นิ้วเรามี 4 นิ้วสำหรับเล่น ก็คือทำยังไงให้นิ้วทั้ง 4 นิ้วเคลื่อนไหว เหมือนกับเราไม่สามารถ WARM LICK ลูกนึง โดยใช้นิ้วแค่ 2 นิ้ว เราต้องใช้นิ้วทั้ง 4 นิ้ว ในขณะเดียวกันก็ต้อง WARM มือขวา ด้วยสำหรับการดีด PICKING หรือบางคนอาจจะใช้ FINGERING ก็ต้องหาลูกที่แบบต้องใช้ นิ้วทั้งหมดนี้ ยังไง เพราะฉะนั้นถ้าเรา DESLGNลูกที่เราคิดว่าลูกนี้เหมาะสำหรับเรา คือทำยังไงให้มีลูกเล่นอันนั้น สามารถทำให้เกิดการเคลื่อนไหวหมดทุกนิ้ว แล้วก็จำเป็นของตัวเองเอาไว้จะสังเกตุได้ว่าคนส่วนมากจะใช้ WARM-UP เป็น โครมาติค ซะส่วนใหญ่ แต่ผมเคยไปเจอหนังสือ EXERCISE อันนึง มีสารพัด โครมาติคเลย มีทั้ง1234,3421 เลยสารพัด คือ เค้าจะทำให้เราบ้าไปกับโครมาติคนี่เลย ผมก็คิดว่ามันดีนะแต่พอมาคิดตอนหลัง ตอนที่เราเล่นมานานแล้วเนี่ยมีความรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น ยกเว้นว่าแบบฝึกหัดที่คุณฝึกเนี่ยมันมีความเป็น MUSICAL ด้วย ไม่ใช่มีความเป็นโครมาติคอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเวลาไปกับ PATTERN พวกนี้ไปอย่างมาก แทนที่เราจะเล่นอะไรที่เป็น MUSICAL ไปเลยนี่เป็นเหตุผลที่ผมจะเลือกเล่น 4 NOTE PER STRING โดยผมใช้สเกลธรรมดา ทั้ง MAJOR และ MINOR มือขวาก็เป็น UP DOWN ปกติ คือถ้าเราจะหา WARM-UP ด้วย LEGATO เราก็หา LICK LEGATO LICK นึงซึ่งควรจะเป็นในสเกล เพราะจะทำให้เราได้ความเป็น MUSICAL ไปในตัวผมถึงพยายามบอกให้คนอื่นๆ ที่จะเล่น WARM-UP ให้พยายามหาตรงนี้เอง เพราะแต่ละคนมี MUSICAL ที่แตกต่างกัน ก็ให้พยายามหา LICK WARM-UP ที่คุณสามารถใช้เทคนิคที่คุณจะ WARM-UP ได้โดยมีความเป็นดนตรีด้วย และจะได้เป็นตัวของตัวเองในการฝึก แค่ครั้งเดียวเหมือนรวบยอดให้เราได้อยู่ในเรื่องเดียวกัน เพราะเชื่อมั๊ยว่า ไอ้สิ่งที่เราทำตรงนั้น พอเราคิดเป็น MUSICAL เราสามารถเอาออกไปแสดงได้เลย ไป IMPROVISE ได้เลย ผมเคยเจอพวกการ COPY ที่เป็นโครมาติคเนี่ยเยอะ แล้วมันใช้จริงไม่ได้ ทางที่ดีผมว่าเอาเพลงคลาสสิค เอามาเล่นหาเพลงๆนึงที่คุณชอบ ท่อนนึงพอ โน๊ตของไวโอลินหรือของอะไรก็ได้แปลงมาเป็นกีต้าร์ซะมันจะได้ทั้งเทคนิคและ MUSICAL ด้วยซึ่ง คลาสสิค บางชิ้นจะมีพวกโครมาติคด้วย มันจะรวมทั้งหมดให้คุณเลย มีทั้งARPEGIO และ SCALE ที่เป็น LINEAR ด้วยแล้วก็เป็น HAMMOR ON,PULL OFFก็มี SHIFT POSITION มีหมด เพราะฉะนั้นเราควรจะค้นหาPART ที่เป็น MUSICAL มาทำ อีกอย่างผมว่าสมัยนี้มันรอไม่ได้คือเราจะไปรอหวังซื้อตามสื่อการสอน บางทีมันใช้เวลา เราลุยเข้าไปหามันเลยดีกว่า เราแค่เอาไอเดียอย่างเดียวเพื่อว่าเราฝึกตรงนี้เพื่ออะไร แล้วเอา PART นั้นน่ะมาทำเผลอๆ อาจจะใช้ได้ด้วย
GT: หลายคนที่ฝึกกีต้าร์ แล้วตัวเองรู้สึกว่าตัวเองไม่พัฒนาขึ้นเลยพี่มีอะไรจะแนะนำบ้างครับ
พี่ป๊อบ : ต้องถามตัวเองก่อนว่าหมดหรือยังที่เราไม่ได้เล่น ผมเชื่อว่าไม่น่าจะหมดและดนตรีก็ไม่น่าจะหมดถ้าเอาดนตรีที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าในสมัยใดก็ตามบางทีชั่วชีวิตเรายังเล่นไม่หมดเลย นั่นคือสิ่งที่เราเหลือให้เรียนรู้มันมีอีกเยอะ โดยส่วนตัวผมผมชอบฝึกในแนวอื่นเหมือนกัน แล้วเวลาฝึกเนี่ยผมจะไม่บังคับตัวเองว่าผมไม่อยากฝึก ROCK แล้วผมจะใช้วิธีฟัง แล้วแรงบันดาลใจที่จะไปแกะเพลงที่นอกเหนือจากROCK ก็คือในใจผมชอบมันจริงๆ เราจะไม่ใช้วิธีแบบถูกบังคับให้ไปเล่นมันจะไม่ได้อะไรมันอาจจะต้องเริ่มจากการคบเพื่อน ถ้าไม่คบเพื่อนก็ต้องค้นหา เพลงมาฟังเช่นหนังสือเล่มนี้บอกว่าคนนี้เก่ง แนว JAZZ คนนี้เก่ง หรือแนวCOUNTRY ลองไปหามาฟังซิ ฟังปุ๊บไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝึก ฟังปุ๊บถ้าชอบก็ฝึก เราก็ได้การบ้านมาเพิ่มอีกอันนึงแล้ว สำหรับคนที่ไปฟังแล้วไม่ชอบแนวอื่นเลย แนะนำว่าคุณต้อง COMPOSE แล้วละ ในเมื่อหมดแล้วที่จะฝึก (หัวเราะ) ซึ่งก็ดีแล้วไง ก็ไม่ต้องไปตามเค้าแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาคุณ COMPOSE คุณจะเจอปัญหาอีกหลายอย่าง คุณต้องรู้เรื่องกลองเรื่องเบสเรื่องHARMONY คือทุกอย่างแหละ คือคนที่ฝึกกีต้าร์ โดยไม่คิดถึงเรื่อง HARMONY มาก่อน ถ้าคุณจะคิดเรื่อง HARMONY คุณมีการบ้านอีกเยอะเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหมดอะไรฝึก แต่งเพลงเนี่ยคุณจะได้อะไรอีกเยอะ มันไม่จบแค่นั้นด้วย แต่งเพลงแล้วจัดวาง SOUND ได้หรือเปล่า คือวิธีที่ทำออกมาโดยรวมแล้วได้ความรู้สึก แค่นี้ก็แทบไม่หมดแล้ว ในชีวิตคนๆนึง
GT: การ MIX เพลงให้คนไทยฟังกับ MIX ให้ฝรั่งฟังก็แตกต่างกันอีก
พี่ป๊อบ: ใช่ เคยเจอแบบว่าเสียงร้องต้องดัง กลองต้องดังบางทีไปฟังฝรั่งบางอัน กลองแทบไม่ได้ยินก็มี มันเป็นเรื่องของรสนิยมผมว่า แต่บางทีผมไปเจอฝรั่งทำงาน ผมยังฟังว่ามันไม่ OK แต่ฝรั่งบอกGOOD(หัวเราะ) ผมก็งงว่าตกลงว่าเค้าชอบอย่างนี้กันเหรอ!ก็เลยคิดว่า รสนิยมเค้าเป็นอย่างนี้ (หัวเราะ) แต่เรื่องของ SOUNDมันพูดยากมันอยู่ที่คนเล่น เท่าที่ผมเจอมา เราเล่นดีมันก็ดี ARANGEMENT ดีมันก็ดี อะไรก็ตามผมว่าขอให้รู้ BASIC ไว้ก่อน ไอ้เรื่องรสนิยมมันเถียงกันลำบาก แต่เรื่อง BASIC เนี่ยเถียงกันได้
GT : มีหลายคนอยากทราบวิธีฝึก SPEED นิ้วของพี่ครับ
พี่ป๊อบ : ตอนเริ่มต้นผมฝึกไล่สเกลโดยที่ยังไม่รู้มาก่อน ว่าสเกลคืออะไร แต่รู้อย่างเดียวว่ามันมีการเล่นสเกลเร็วๆ แบบนี้ในเพลงของ YNGWIEเพราะก่อนที่ผมจะเล่นสเกลเนี่ยผมก็เล่น PENTATONICอย่างเดียว เพลงสมัยก่อนจะไม่มีสเกลอะไรเร็วๆ ARPEGIO เยอะๆจะไม่ค่อยมี ที่นี้มาฟังสเกลเร็วๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงเพราะไม่เคยไล่มาก่อน ผมเป็นคนที่ฝึกกีต้าร์เอง คืองงน่ะ พูดง่ายๆ ไม่รู้ว่าเค้าเล่นอะไร พอดีว่าตอนนั้น ผมรับหนังสือดนตรีญี่ปุ่นพวกYONNG GUITAR ก็เห็นอยู่แบบฝึกหัดนึง ที่เป็นของYNGWIE ก็เลยฝึก LICKนั้น LICK เดียวเลย เพราะมันไม่มีข้อมูลอื่น (หัวเราะ) เป็นแบบฝึก ARPEGIO ซึ่งผมว่ามันเริ่มมาจากจุดตรงนั้น
GT : แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าทิศทาง ปิคเป็นอย่างไร
พี่ป๊อบ : บางอันก็ไม่มีบอก แต่โดยปกติมันจะเป็นธรรมชาติของคนเราอยู่แล้วจากการที่เราเล่น PENTATONIC เราคงจะรู้ในเรื่องของ ทิศทางปิคUP-DOWN แล้วตอนหลังใช้วิธีดูวิดีโอประกอบ ไม่ใช่วิดีโอสอนนะเป็นคอนเสริต์ คือเอากันอย่างนั้นเลย ก็พบว่ามันมีการเล่นหลายแบบ บางทีพวกสเกลก็มีในหนังสือฝรั่งเหมือนกันซึ่งบางคนก็บอกให้ UP-DOWN แต่อย่าง FRANK GAMBALE ก็บอกให้ DOWN UP DOWN DOWN ซึ่งอิงเว่ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันเพียงแต่ใช้เวลาไล่จากสายบนมายังสายล่าง ผมก็ฝึกอย่างนั้น บางทีผมฝึกโดยใช้วิธีหมุนหัวแม่มือบางทีนั่งเรียนอยู่ก็ใช้เหรียญบาทแทนปิค แล้วหมุนหัวแม่มืออย่างนั้น คือ ผมมาจากไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่าเห็นเล่นอย่างนี้แล้วก็โน๊ตอย่างนี้ เหลืออย่างเดียวคือจะเล่นยังไง (หัวเราะ) ทุกอย่างเห็นหมดแล้วก็พยายามฝึก ก็พอดีในสมัยนั้นผมมีวงที่เป็น HEAVY METAL อยู่เหมือนกัน เล่นเพลงพวก OZZY มันก็มีบางคนใช้การไล่สเกลแบบซีเควน แล้ว ผมก็ฝึกอันนั้นไปด้วยแล้วก็ฝึกลูกฝึกอะไรต่างๆที่อยู่ในหนังสือ พอมันมารวมกันแล้ว มันเลยกลายเป็น SPEED PICKINGโดยธรรมชาติโดยที่ผมไม่รู้ตัว
GT : ตอนนั้นพี่ฝึกกับ METRONOME ด้วยรึเปล่าครับ
พี่ป๊อบ : ไม่เลยครับ ผมก็เล่นเลย ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ผมรู้เข้าใจเรื่องโน๊ตแต่ไม่ถึงกับเซียน ผมจะดูจุดวิธีเล่นตรงไหน ช่องไหน แล้วก็ PICKING โดยผมจะเล่นช้าๆก่อน เพราะผมรู้ว่าถ้าเล่นเร็วแล้วมันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ โดยไม่ซีเรียส เพราะผมไม่ได้เป็นอาชีพตอนนั้น ได้เมื่อไหร่ก็ได้ก็เมื่อนั้น (หัวเราะ) เดี๋ยวมันก็มาถ้าเราค่อยๆไป ผมไม่ใช้ METRONOME แต่ผมใช้การเคาะเท้าเอา แต่ส่วนใหญ่ผมจะ พยายามเล่นกับเทปให้ตรง นั่นก็เป็นการฝึกโดยธรรมชาติ เหมือนกับการฟังกลองไปด้วย ซึ่งเหมือนคนส่วนใหญ่ก็เป็นปกติ ผมมาก็เป็นปกติ
GT: แล้วตอนไหนที่พี่รู้สึกว่าต้องเล่นกับการ METRONOME แล้ว
พี่ป๊อบ: ตอนที่รูสึกว่ามันมั่ว ผมจะเบรกมันออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ต้องเริ่มใช้ แต่ผมไม่ได้ใช้เป็นเครื่อง METRONOME หรอกนะ ผมก็ใช้เท้านี่แหละ เคาะเอาเพราะผมเชื่อว่า เวลาเราเล่นสดเราก็คงต้องใช้ความรู้สึกตรงนี้ใน ตัวเราก็คือ TIMING ที่อยู่ในตัวเรา METRONOME มันเหมือนเป็นเครื่องช่วยเรามากกว่า แต่จริงๆแล้วเราควรจะมี TIMING ที่อยู่ในตัวเรา METRONME มันเหมือนเป็นเครื่องช่วยเรามากกว่า แต่จริงๆแล้วเราควรจะมี TIMINGในตัวเอง
GT : สังเกตว่าพี่จะเป็นคนที่สอนตัวเอง อยู่ตลอดเวลามีอะไรแนะนำตรงจุดนี้บ้างครับ
พี่ป๊อบ : ใช่ครับ สำหรับน้องๆบางคนที่ยังขาดความพร้อมในการไปเรียนกีต้าร์ ถ้าเราไม่มีสตางค์ เราก็ต้องคิดว่าเราสอนตัวเองยังไง ผมก็ไม่ใช่จะมีสตางค์อะไรตอนที่เริ่มฝึกกีต้าร์ผมก็ใช้วิธีเก็บเงินค่าขนม ซื้อหนังสือเดือนละเล่ม แล้วเราก็มาหนักที่ตัวเราดีกว่า หนักที่สิ่งที่ไม่ต้องใช้สตางค์ คือใช้ความคิด ตอบปัญหาตัวเองว่าทำไมมันไม่ได้ก็ตอบกันไปเป็นข้อๆ แต่ผมเชื่อว่าอ่านหนังสือเยอะๆ จะได้ประโยชน์มากรวมถึงอ่านพวก บทสัมภาษณ์ด้วยนะเพราะบางทีเคล็ดลับอยู่ที่ บทสัมภาษณ์ก็มี เค้าจะถามให้ไงบางทีบางคนอาจจะมีเคล็ดลับว่าดีดหนักบางคนก็ดีดเบานะ หรืออื่นๆ
GT: ตอนนี้พี่เล่นสดใช้ STANDARD TUNNING รึเปล่าครับ?
พี่ป๊อบ : ผมจูนเป็นEb ตลอด แต่แต่ก่อนเป็น E คือรู้สึกว่าจะ SAVE เสียงนักร้อง แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้ โทนที่ใหญ่ขึ้น แต่สายใหญ่มันก็เล่นลำบากเพราะนิ้วผมมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น มันแข็งขึ้น เพราะต้องเปลี่ยนเป็น .10 ฟิลลิ่งเปลี่ยนเพราะเราเล่า A440 มาตลอดชีวิตจนฮัมได้แล้ว แล้วทีนี้มันต้องมาฮัม Eb ซึ่งจริงๆมันก็ทำได้นะ แต่ความรู้สึกมันยากขึ้น คือ เล่น E มาจนเรียกได้ว่าตั้งสายตัว FLOYROSE ได้ตรงเลยจริงๆ PICTH เสียงไม่สำคัญเท่ากับ INTERVAL ผมว่านะ คือเราเล่น KEY อะไรก็ได้แต่เราต้องรู้ว่าระยะห่างเนี่ยสำคัญ คือ สมมติว่าผมเล่นเพลงๆนึงคือการใช้ INTERVAL มา สมมุติว่าผมเล่นเพลงๆนี้ใน KEY E ผมก็สามารถเล่นเพลงๆนี้ใน KEY อะไรก็ได้โดยใช้วิธี TRANSPOSE เอา แต่ยังเป็นเพลงๆนั้นอยู่ เพราะฉะนั้น นั่นหมายความว่ามันไม่จำเป็น แต่จำเป็นสำหรับ ระยะห่างของโน๊ตมากกว่า ซึ่งระยะห่างเนี่ยสามารถ บอกได้ว่าเป็น MAJOR หรือ MINOR อันนี้คือสิ่งที่สำคัญ แต่ก็เป็นความคิดของผมเท่านั้นนะ ไม่ได้เป็นกฏเกณฑ์อะไร
GT : แผนงานสำหรับอัลบั้มใหม่ล่ะครับ
พี่ป๊อบ: ตอนนี้ก็ทำอยู่ แต่ใช้เวลาค่อนค้างเยอะ ผมอยากให้อัลบั้มออกมาค่อนข้างใหม่ ซึ่งจะเป็นไอเดียใหม่สำหรับตัวผมเองไม่ใช่ไม่สนใจเรื่องยุค แต่เป็นไปไม่ได้ที่วงผมซึ่งเคยทำอัลบั้มมาหลายชุดแล้ว จะไปเปลี่ยนเพื่อยุคสมัย หมายความว่าตอนนี้ต้องHARD CORE หรืออะไร ผมจะไม่คิดอย่างนั้น ผมจะคิดว่าผมจะHARD CORE ในแบบของ THE SUN ยังไง JAZZ ในแบบTHE SUNยังไง ผมจะใช้วิธีนี้ตลอด ผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่มันมีการผสมผสาน มันจะเกิดสิ่งใหม่ๆขึ้น โดยไม่ต้องสนใจยุคสมัยแต่สามารถนำเอา ยุคสมัยมากับเราก็ได้
GT: ตอนนี้เสร็จไปกี่% แล้วครับ
พี่ป๊อบ : มันมีเพลงเก่าๆอยู่ซึ่งเราก็ต้องมานั่งเลือกว่าจะเอาเพลงไหนดี แต่ว่าตอนนี้ผมทำPROJECT พิเศษอยู่ส่วนTHE SUN คงพักไว้ก่อนไว้คงเป็นปีหน้าคงจะนานกว่าอัลบั้มที่ผ่านมา
GT: PROJECT พิเศษ เป็นอย่างไรครับ?
พี่ป๊อบ : คงจะเป็นการรวมกันระหว่างพี่โอ้ OLARN PROJECT กับ THE SUN แต่คงใช้ชื่อเป็น OLARN PROJECT FIGURING ป๊อบ THE SUN คือทั้งพี่พิทักษ์ และพี่โป่งเค้าเป็นโอฬาร มาก่อน ผมยังเคยคิดเล่นๆเลยว่า แต่ก่อนผมฟังเทป THE OLARNแล้วกลายเป็นว่าพอผมโตขึ้นมากลายเป็นว่าผมต้องมาเล่นแทนพี่โอ้ไปแล้ว (หัวเราะ)
GT: สังกัดค่ายไหนครับ
พี่ป๊อบ : ก็ทำกันเองน่ะ อาจจะเป็น MILE STONE
GT : ที่ผ่านมาพี่ได้ไป PRODUCE งานให้คนอื่นบ้างรึเปล่าครับ
พี่ป๊อบ: ไม่เลยครับ คือผมมีความรู้สึกว่าผมเข้ามาในอาชีพนี้ โดยที่ผมไม่รู้ตัวผมเข้ามา ด้วยความรัก เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่คือมันใช้เวลา ผมไม่ใช่คนที่แบบว่า เอ้า!ว่างอยู่ไปเอาเงินซะหน่อย ผมคิดว่าถ้าไปทำต้องทำให้เต็มที่ คำว่าเต็มที่คือใช้เวลา พอใช้เวลาปุ๊บเนี่ยงานที่ผมทำอยู่ก็จะเลื่อนออกไป ซึ่งใจจริงผมชอบที่จะทำ THE SUN แล้วมีโอกาสได้ไปแสดงCONCERT ยังไม่ชอบตัวเองที่จะต้องไปอยู่ในห้องอัด ผมชอบเป็นนักเล่น ต้องขอเวลาสักพักว่า เอานะ จะทำเบื้องหลัง ก็ทำไปอย่างเดียวเลย
GT : ทฤษฎีมีความจำเป็นต่อการเล่นของพี่ขนาดไหนครับ?
พี่ป๊อบ : ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะเล่นก่อนแล้วไปรู้ทฤษฎีที่หลัง (หัวเราะ) แล้วพอช่วงหลังที่ผมได้รู้เรื่องทฤษฎี จะเฉพาะเวลาผมแกะเพลงผมจะอ่าน คำอธิบาย การเล่นมาด้วยว่าเพลงนี้เค้าใช้ MODE อะไร เมื่อเค้าพูดถึงอะไรที่เราไม่รู้เราก็ต้องไปค้นคว้า โดยอาจจะถามกับเพื่อนที่เค้าไปเรียนดนตรีมาบ้าง หรือเปิดหนังสือบ้างจนทำให้ผมเริ่มเข้าใจสเกลเข้าใจอะไรๆแล้วพอเราเข้าใจ เราสามารถนำเอาทฤษฎีมาปฏิบัติ ในแง่มุมที่คิดเองเราไม่รู้มาก่อน พอเราเริ่มคิด เราจะได้ในเรื่องของ HARMONY ว่าทำไมเราถึงใช้ โน๊ตตัวนี้ใน CHORD นี้ มันทำให้เวลาเราแต่งเพลงก็จะง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ช่วยผมได้เยอะ ทฤษฎีเนี่ย บางครั้ง CHORD ยากๆเนี่ยเราไม่ต้องรู้หรอกว่า มันจับFORMยังไง เราใช้วิธีว่า CHORDนี้มีโน๊ตอะไร แล้วเราก็เลือกFORM เอาเองบางทีคิด FORMเอาเองยังได้เลย เพราะบาง CHORD ที่มีโน๊ตประมาณ 6ตัว เนี่ย นิ้วเรามีแค่4นิ้ว แล้วถ้าเกิดนิ้วเราไม่สามารถทาบได้ เพราะฉะนั้นเราต้องตัดโน๊ตบางตัวทิ้งได้ไง เราอาจจะเกิด FORM ใหม่ๆ มีสายเปล่ามาด้วยก็ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ทฤษฎีผมว่าก็มีโอกาสที่จะเป็นนักดนตรีที่ดีได้เช่นกัน คือใช้ความรู้สึกอย่างเดียวแล้วเชื่อมั้ยว่าบางทีอาจจะเป็นได้ดีกว่าคนที่รู้ทฤษฎีด้วยเพราะว่าดนตรีเนี่ยเวลาที่เราดูสักคนเล่นเราก็ไม่ได้ถามเค้าหรอกว่าเค้าใช้โน๊ตอะไร เราจะฟังจากเสียงที่เค้าเล่นอย่างเดียวแล้วเสียงมันไม่ต้องอธิบายคือบางทีเราชอบคนนี้เล่น แต่พอไปถามเค้าว่ารู้โน๊ตไม๊ เค้าบอกว่าไม่รู้ เราก็อ้าว(หัวเราะ) อะไรอย่างนี้แสดงว่ามันไม่ได้เป็นบทสรุปว่าเราเก่งทฤษฎีเราถึงจะเป็นนักดนตรีที่ดี ต้องมีการรวมกันที่เหมาะสม คือบางคนเอาทฤษฎีมาเป็นเกณฑ์แล้วเล่นออกมาแล้วมันฟังไม่ได้เลย เพราะเป็นการทดลองมากเกินไป ผมได้อ่านคอลัมภ์นึงเจอเค้าบอกว่า ถ้าเราคิดว่าเล่น สเกลพวกEXOTIC SCALE คือพวก ยิบซีสเกล ฮังกาเรียน ฯลฯ แจ๋วกว่า MINOR ธรรมดาเราอาจจะคิดผิด มันมีวิธีเล่นให้ได้ความรู้สึกและยากพอๆกัน เพราะฉะนั้นพยายามมองทุกอย่างให้เท่ากัน PENTATONIC ก็ยากถ้าคุณจะเล่นในแบบของคุณดนตรีสำคัญคือเสียงบางคนเนี่ยดูเค้าเล่นแล้วนิ้วเค้าพันไปพันมาแต่พอหลับตาแล้วฟังมันเจ๋งน่ะ (หัวเราะ) คือทฤษฎีเนี่ยมันจะทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราเล่นแค่นั้น
GT: พี่บอกว่าพี่แต่งเพลงโดยใช้ GUITAR เป็นMAIN เคยทดลองใช้เครื่องดนตรีชิ้นอื่นบ้างไม๊ครับ
พี่ป๊อบ : เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคิดถึงเสียงเปียโนผมจะใช้กีต้าร์เล่น คือ ไม่ได้หมายความว่าผมจะใช้กีต้าร์ เพื่อการแต่งเพลงอย่างเดียว ผมเล่นเพื่อเอาทฤษฎีทางฮาร์โมนีก็ได้ คือเหมือนเล่น MELODY ร้องโดยใช้กีต้าร์เพื่อใช้กีต้าร์เป็นตัวได้แทนเสียงเท่านั้นโดยที่ผมรู้อยู่แล้วว่าไลน์นี้จะเป็นร้องหรือ STRING อย่างสมมติว่าเป็นเปีนโน อย่างเพลง เพื่อเธอของหินเหล็กไฟ นั่นคือความชอบเปียโนของผมจากการที่ผมเล่นกีต้าร์เป็นคือไม่สามารถเล่นเปียโนแบบนั้นได้ (หัวเราะ)ผมก็เอาไอเดียที่ผมคิดมาเป็นกีต้าร์โดยเล่นให้มีสายเปล่าเยอะๆ มันก็จะทำให้เสียงมันไม่ MUTE ออกไปเพราะเปียโน เสียงมันจะคราง
GT: พูดถึงเพลงเพื่อเธอท่อน INTRO ที่มีFORM CHORD ต่างๆตอนนั้นพี่คิดออกมาได้อย่างไรครับ
พี่ป๊อบ: ผมแต่งนานแล้วเพลงนั้นแต่งก่อนที่จะมาเป็น หินเหล็กไฟ คือมันจับคอร์ดไปเองแล้วมันก็มาเอง โดยที่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่อง VOICING เลยนะคือ ได้ยินเสียงแล้วผมก็เล่น คือลองจับคอร์ดนี้แล้วไปคอร์ดนี้ ลองเปลี่ยนดูเอ้อใช่ มันก็จะต่อไปเรื่อยโดยที่ผมไม่ได้คิดอะไร จนเป็นเพลง
GT: แล้วมานั่งวิเคาระห์ตัวเองตอนไหนครับ
พี่ป๊อบ: มีฮะ คือจริงๆมันมี VERSIONนึงซึ่งไม่ได้เล่นขนาดนี้มันเป็นโน๊ตที่ออกมาไม่เป็นเปียโนเท่าไหร่ คือโน๊ตมันจะไม่ค้างยาว (RING) เท่าไหร่ผมก็เลยเอาโน๊ตตรงนี้มาคิดว่าจะทำยังไง ให้โน๊ตมัน RING ทั้งหมด ก็เลยได้FORMนิ้วของการเล่นมา ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครทำอย่างนี้ออกมา ผมใช้เอฟเฟคพวก DELAY กับCHORUS เพื่อให้ออกมาใกล้เคียงเสียงเปียโนโดยเจตนาเลย เพลงยอมก็เป็นอย่างนี้ คือเรารู้ว่าเราเล่น เพลงช้าเราไม่อยากไปนั่งเกากีต้าร์อะไรอย่างนั้น เราต้องการไอเดียใหม่ว่าทำไงให้เหมือนเปียโนโดยใช้กีต้าร์เล่น
GT: คือตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องVOICINGอะไรเลยรึเปล่าครับ
พี่ป๊อบ : ก็รู้เพราะในคอร์ดเพลงนี้จะมีพวก CHORD B/A อะไรด้วย มันต้องมีความรู้มากกว่า TRIAD ถึงจะทำตรงนี้ได้แต่ที่ผมบอกไม่รู้เนี่ย คือเวลาแต่งเราไม่ได้เอาไอเดียมากองไว้ไง ไม่ได้เอาทฤษฎีหรือโน๊ตมาวางไว้แล้วแต่งตามนี้ผมใช้วิธีคิดเองไงผมว่าตรงนี้เป็นเหมือนกันทุกคน เราไม่จำเป็นต้องไปอ้างอิงอะไร แต่เราสามารถใช้ทฤษฎีมาตัดแต่งตอนหลังได้ แต่ตอนแรกมันเป็นความรู้สึกเพียวๆที่ทำให้เกิดรูปCHORD นี้ออกมา ตอนนี้ผมบอกได้ว่า CHORD นั้นมัน CHORD อะไรแต่ตอนแต่งผมจะไม่สนใจไม่ใช้แบบว่าเดี๋ยวจะใช้ B/A แต่บางคนเค้าจะ PLAN ไว้ว่าเดี๋ยวจะใช้ C#m7b5
GT: ถ้าอย่างนั้นมันจะเหมือนหุ่นยนต์รึเปล่าครับ?
พี่ป๊อบ : มันก็ไม่แน่นะมันอยู่ที่คนทำด้วย คือตรงนี้เค้าอาจจะมาพูดทีหลังไงครับ แต่ในขณะเดียวกันเราอาจจะชื่นชมเพลงเค้าไปแล้ว
GT: มีมั๊ยฮะงานของพี่ที่ PLAN เอาไว้
พี่ป๊อบ : มีนิดหน่อย อย่างเพลง แด่เธอผู้เป็นทุกอย่าง ผมก็ใช้คอร์ดแบบบานตะไท เลย แต่ว่ามันไม่จำเป็นตรงนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะโชว์ว่าเรารู้ HARMONY รู้ VOICING ผมคิดเรื่องของเสียงอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวต้องเจอ #11(หัวเราะ) แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ เพราะผมเคยอ่านหนังสือฝรั่ง บางคนใช้ เพราะเค้ารู้มาก่อนว่าเค้าไปเจอโน๊ตตัวนี้โดยบังเอิญ เจอ #11 ซึ่งเค้าอยากจะใช้ก็มี แต่เค้ามีวิธีที่ทำให้มันกลมกล่อม
GT:มีเพลงๆนึงในขุด เสือ สิงห์ กระทิงแรด เพลง “ออกอาการ” เพลงนั้นฟังแล้ว POP มากแต่มันก็มีอะไรอยู่ในเพลงนี้เหมือนกันที่มีวิธีการแต่งเพลงนี้ยังไงครับ
พี่ป๊อบ: คือหลังๆ เนี่ยเวลาที่ผมทำเพลงช้าผมจะมีความรู้สึกว่าบางครั้งบางสูตรที่เค้าทำกันเยอะๆเนี่ย คือตอนกลางมันจะเป็นเสียงแตก ผมกำลังคิดว่าผมจะทำเพลงช้า ที่ฟังง่ายๆ โดยเป็นกีตาร์โปร่ง ผมก็เลยคิด CHORD แบบPROGESSION ธรรมดาแต่ก็ยังไม่วายที่ INTRO จะต้องมีอะไรอยู่นิดหน่อย คือผมไม่ต้องการทำเพลงที่มันดูเรื่อยๆไปตลอดไง เพลง POPทำยากแล้วก็ปวดหัวถึงทุกวันนี้ เพราะผมมีความรู้สึกว่ามันมาจากค่ายก็มี คือเรารู้ว่าเป็นธุรกิจ ส่วนนึงมาจากแฟนเพลง ที่เค้าไม่ต้องการอะไรที่ฟังยากมากผมก็ต้อง ขอบคุณ แฟนเพลงด้วยที่ให้ผมมีทุกวันนี้ เวลาที่ผมไปทัวร์ ต่างจังหวัด เจอแฟนเพลงเนี่ยเราจะฟังความคิดเห็นของเค้าโดยตรง ส่วนใหญ่จะชอบเพลงช้า ไม่ว่าจะแต่งตัว HEAVY ขนาดไหนบางที ทาหน้าทาตามาเลยนะ พอเพลงช้าเนี่ยยกมือกันสลอนเลย เราก็เลยต้องเล่นเพลงฮิตที่เป็นเพลงช้า เคยเหมือนกันที่คนบอกว่าเล่นเพลงอะไร ฟังไม่รู้เรื่องเลย เราก็ต้อง เข้าใจว่าเค้าก็เสียเงินมาดู เราก็ต้องให้อะไรเค้าบ้าง แต่ผมจะไม่หยุดที่ว่าทำเพลงอย่างนั้นอย่างเดียวผมยังมีความศรัทธาในเพลงร็อคอยู่แน่นอน ถ้าสังเกตุงานของTHE SUN ตัวเพลงจะมีความหลากหลาย แล้วก็จะเสนอในสิ่งที่เป็นทางนักดนตรีด้วย ROCK หนักๆ ก็ยังคงมีอยู่แน่นอน
GT: ในเรื่องของสัดส่วนของเพลงล่ะครับ
พี่ป๊อบ : แล้วแต่อารมณ์กับความต้องการคนที่เราทำงานด้วย ว่าเค้าต้องการเพลงนี้ ซักเพลง ส่วนมากจะเป็นเพลงช้าตลอด ซึ่งบางทีผมก็คิดเหมือนกันว่าบางทีเราก็ต้องทำอัลบั้มพิเศษออกมา
GT: เพื่อสิ่งที่อยู่ในตัวเรา
พี่ป๊อบ: ไม่เชิงครับ คือสิ่งที่เรารู้ว่าอยู่ในตัวเราแล้ว มันฟังยากด้วย กับอีกสิ่งที่อยู่ในตัวเราแต่ฟังง่าย คือทุกเพลงของTHE SUN ทุกคนต้อง HAPPY กับมัน อย่างน้อยต้อง50% POP ต้องมีบ้าง และต้องให้อะไรบ้างด้วยเหมือนกับเพลงออกอาการ คือถ้าฟังอาจจะไม่รู้ว่าเฮ้ย INTRO ก็มี พวก CHORD 9 อะไรก็มี แต่ผมไม่ต้องการโชว์ทฤษฎีอะไร ผมต้องการเสียง HARMONY ที่แตกต่างนิดนึงกับ PROGRESION ง่ายๆ ทำให้ฟังง่ายๆนะ ซึ่งตรงเนี้ยยากถึงปวดหัวอยู่ทุกวันนี้ (หัวเราะ)THE SUN ยังมีเพลงที่ดีๆอีกเยอะเลยที่ยังไม่ได้ลงในอัลบั้ม แต่เป็นเพลงของผมที่ฟังยาก แต่ว่ามันมีทั้ง คนชอบและคนไม่ชอบ บางทีคนที่เขาชอบเพลงช้าของเรามา ถ้าเราทำเพลงสำหรับคคนที่ชอบ ดนตรีแบบแหวกแนวหน่อยเนี่ยคนที่เขาชอบเพลงช้าเขาก็จะไม่ชอบ ซึ่งผมจะให้เกียรติทุกคนซึ่งมันเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้คนสองกลุ่มเนี่ยเขา HAPPY เพราะว่าเขาให้การสนับสนุนพวกเราอยู่
GT: พี่มีโครงการออกอัลบั้มที่เป็น SOLO เดี่ยว เป็นประเภทกีต้าร์ฮีโร่บ้างไม๊ครับ
พี่ป๊อบ: ผมกำลังคิดอยู่เหมือนกัน เตรียมๆ อยู่เหมือนกัน บางงานอันไหนที่มันไม่เหมาะกับ THE SUN ผมอาจจะเอามาทำเป็นเพลงบรรเลงหรือเป็นSOLO ALBUM แต่ไม่ใช่ MAIN หลัก ผมแน่นอน คือผมจะรอจนกว่าทุกอย่างมันจะลงตัวOK ซึ่งพี่โป่งอาจจะทำ SPECIAL PROJECT อยู่ ผมอาจจะว่างอยู่พอดี ผมอาจจะทำตรงนี้ให้เป็นเทปแต่ รับประกันเลยครับ ก่อนที่ผมจะเลิกเล่นดนตรีเนี่ยผมจะต้องมี อัลบั้มเดี่ยวก่อนหนึ่งอัลบั้ม พร้อมกับหนังสือเกี่ยวกับการเล่นดนตรีพร้อมกับวิดีโอด้วย คือผมอยากจะให้ประสบการณ์ที่ผมเล่น ดนตรีและผมทำเพลงมาเนี่ย ผมอยากจะให้ตรงนี้กับน้องๆ ก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสที่จะแสดง ผมเชื่อว่ามันสามารถ APPLY ใช้กับเมืองไทยได้เพราะผมเป็นคนไทย บางครั้งหนังสือของฝรั่งมันจะเป็นวัฒนธรรมของทางโน้น คือถ้าผมเขียนหนังสือ ก็จะเป็นวัฒนธรรมของทางนี้ คือชอบเพลงฝรั่งแต่เป็นคนไทย เพราะผมเป็นคนไทยที่ฝึกมาเหมือนกับคนทั่วไป ผมจะรู้ว่าปัญหามีอะไรบ้าง โดยที่ผมไม่คิดว่าจะทำเป็นธุรกิจ
GT: SOLO ALBUMนี่พี่มองถึงตลาดของการขายในต่างประเทศด้วยรึเปล่าครับ
พี่ป๊อบ : ผมคิดอยู่เหมือนกันนะ แต่โอกาสที่จะมีผู้ที่สนับสนุนในต่างประเทศเนี่ยมันน้อย แล้วอีกอย่างนึง SOLO ALBUM ผมไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเพลงบรรเลงอย่างเดียว อาจจะเป็นเพลงร้องด้วยซึ่งผมอาจจะร้องเองซึ่งจริงๆผมไม่ใช่เป็นคนที่ชอบ ทำเพลงบรรเลงมากๆ คือผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบที่จะโชว์ ออกไปแบบ พี่ดูผมซิ (หัวเราะ) ผมไม่ได้เป็นแบบ JOE SATRIANI ผมเป็นแบบ RITCHIE BLACKMORE มากกว่า ผมต้องการเป็นมือกีต้าร์เท่านั้นเองผมไม่ต้องการให้ทุกคนพุ่งมาที่ผม ผมอยากให้คนดูส่วนใหญ่ HAPPY กับงาน หลักการของเรา คือต้องหาสมดุลให้เจอ
GT: มาพูดถึงอุปกรณ์กีต้าร์ที่ใช้ตอนนี้มีอะไรบ้าง
พี่ป๊อบ: กีต้าร์มีประมาณ 10 ตัว เป็นFENDER STRAT ทั้งเก่าทั้งใหม่แล้วก็มี TELE มี MUSICMAN AXIS SPORT มี IBANEZ REB BEACH คอมันร้าวแล้วผมไม่ค่อยได้ใช้ เพราะเดี๋ยวมันจะพังไป มี GIBSON กีต้าร์โปร่ง มี FLYING V GIBSON มี PEAVEY WALFGANG VANHALEN สีทอง หัวแอมป์ ใช้ MARSNALL TSL 2000กับหัว CARVIN LEGACY ,CABINET ใช้ MARSHALL กับ PEAVEY เอฟเฟค ใช้ TC. ELECTRONIC G-FORCE บางครั้งใช้ DELAY ของROLAND SDE 3000ที่พวก VAN HAVENหรือSTEVE VAI ใช้อยู่ตอนนี้เพราะผมทดลอง SOUND อยู่ เป็น MONO ด้วยนะเป็น RACK DELAY เสียง ECHO ที่ดีมากมันเป็น DIGITAL แต่เสียงคล้ายพวก ANALOG มี EFFECT มี EFFECT ของพวก FULLTONE ALTIMATE OCTAVE , MICROVIBE ของ VOODOO LAB PEDAL POWER ของVOODOO LAB พวกนี้ผมชอบอย่างเดียวเลย คือเป็น TRUE BYPASS คือมันจะไม่ DROP เสียงกีต้าร์ ผมชอบแค่นี้เอง เสียงมันOK ในระดับนึงอยู่แล้ว
GT: หลายคนมีปัญหาเรื่อง DROP ของเสียงตรงนี้เหมือนกัน ในกรณีที่ EFFECT ไม่ใช้ระบบ TRUE BYPASS
พี่ป๊อบ : ใช่! แค่ต่อตัวนึงก็รู้สึก ยิ่ง2ตัวยิ่งรู้สึก แล้วลองคิดดูว่า 4 ตัวจะเป็นยังไง แต่บางคนเค้าก็ชอบอีก เค้าก็บอกว่ามันช่วยเปลี่ยน TONE กีต้าร์ไปในทางที่ดีขึ้น ผมก็มีพวก LOOP SWITCH อีก WAH ผมใช้ RMC REAL MCCOY ผมสั่งเข้ามาตลอด ความจริงมันเปลืองเงินนะ แต่ผมก็ยอมเสียเงินตรงนี้ เพื่อที่จะให้ได้เสียงที่ผมต้องการจริงๆ แต่มันก็อยู่ที่เราเล่นด้วยผมว่านะ คือพยายามหาเสียงให้ตรงกับแนวเพลงที่เราเล่นน่ะ
GT: HOME STUDIO พี่ใช้อะไรอยู่บ้างครับ
พี่ป๊อบ : มี PC PENTIUM 2ใช้ทำ DEMO ได้ก็เอาแล้วใช้ PROGRAM LOGIC SOUND MODULE ของ ROLAND ของเพื่อนยืมมาแต่ก่อนผมใช้พวก 4 TRACK ก่อน แล้วก็ขยับมาเป็น 8 TRACK ของ TASCAM แล้วก็ขยับมาเป็น COMPUTER เลยตอนแรกผมเป็นคน ANTI COMPUTER นิดหน่อย ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เกี่ยว ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดว่ามันไม่เกี่ยวอยู่นะ เพราะว่าการแต่งเพลงเราแต่งจากมนุษย์ไง เพราะฉะนั้น เราจะมีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรก็ไม่เกี่ยวเพียงแต่ขอให้เราจำได้เท่านั้นเอง ผมเคยอ่านบทความของ JOE SATRIANI HOME STUDIO เค้าไม่มีอะไรเลย เค้าใช้ 4TRACK เองบางทียังป้อนโปรแกรมกลองใช้ ALESIS อะไรเนี่ย เค้าก็ทำแค่เนี้ย แต่งานจริงเค้าอีกอย่างนะ นั้นคือที่เค้ารู้ว่าเค้าทำ DEMO ก็ไม่ต้องอะไรมากมาย ขอไอเดียเรื่องของ MUSICAL อย่างเดียว ว่า GUITAR เล่นยังไง GROOVE ยังไงแต่ก็ยอมรับว่าสิ่งที่ผมซื้อ COMPUTER คือเรื่องของ INTERNET เพราะข้อมูลมันมหาศาลเรื่องปลากัดยังมีเลย (หัวเราะ) เพราะเคยคุยกับเอก BLACK HEAD ไงเพราะเค้าใช้มานาน เค้าก็บอกดีผมก็เลยมาทดลองใช้ มันดีตรงที่สะดวกและทดลองได้ง่ายมีเรื่องของ PROGRAN MIDI สมัยก่อน ถ้าทำ 8TRACK เนี่ยเวลาจะแก้กลองทีก็ต้องลบอัดใหม่ ยกเว้นเราใส่ TIME CODE เข้าไป TRACK นึง ซึ่งบางครั้งเหลื่อม สมัยนี้คือโปรแกรมแล้วเล่นAUDIO อัดเข้าไป เปลี่ยนกลองได้ตลอด บางครั้งผมป้อนกลองง่ายๆ ไปแล้วผมก็เล่นกีต้าร์ไป แล้วผมค่อยมาแต่งกลองไปทำให้ผมทำงานได้เร็วขึ้น ก็ยอมรับว่ามีส่วนช่วยเหมือนกัน แต่ไม่อยากเน้น
GT: มือกีต้าร์ที่พี่ชื่นชอบ
พี่ป๊อบ : ผมชอบเกือบทุกคนเลยนะ ผมมองดูว่าคนนี้เค้าเก่งอะไรผมก็จะดูเรื่องนั้นของเค้า เพราะฉะนั้นเวลาผมฟังเพลงผมจะฟังแบบอาทิตย์ละคน พอเบื่อแล้วก็ไปเจอคนใหม่อะไรอย่างเนี่ย
GT: ตรงนี้ด้วยรึเปล่าที่ทำให้พี่ได้หลายสไตล์มาก
พี่ป๊อบ : ใช่ แล้วอย่างที่ผมบอกตอนแรก คือต้องชอบด้วย อย่าโดนบังคับนะ คือเราชอบเราก็ไปเล่นในสิ่งที่เราชอบ ตอบสนองเราก่อน ผมก็เลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่คนที่ผมชอบก็คือคนที่ผมรู้จักเหมือนกัน STEVE VAI JOE SATRIANI ผมก็เคยชอบ แต่คนที่มีอิทธิพลกับผมจริงๆคือ MICHAEL SHENKER ตอนเด็กๆ ผมชอบมากหลังจากนั้นก็เป็น JAKE E. LEE ก็ชอบมาก หลังจากนั้นก็เป้น YNGWIE MALMSTEEN
GT: ตอนนี้ฟังงานของใครอยู่ล่ะครับ?
พี่ป๊อบ : BRENT MASON เป็นแนว COUNTRY กับ JAZZ ผมเคยอ่านเจอแต่ไม่รู้เค้าเล่นยังไงก็พยายามหาซื้อCD มาฟังก็ต้องสั่งเข้ามา ก็รู้สึกว่าเค้าเก่งมาก เป็นอันดับต้นๆ ของ NASHViLLE ตอนนี้ เจ๋งมาก ช่วงนี้ผมก็ฟังทั่วไปๆ บางทีอัลบั้มใหม่ของ MR.BIG ออกมาผมก็ยังฟังอยู่ คือหลังๆ นี่บอกตรงๆ ว่าไม่ได้ฟังกีต้าร์แล้วแต่ฟัง PRODUCTION ว่าอัลบั้มนี้เค้ามีอะไรกันบ้างเค้าคิดยังไง แทนที่แต่ก่อนเนี่ยจะรอลูกSOLO เฮ้ย! เจ๋งดีเพลงนี้ (หัวเราะ)คือตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเค้าเล่นกันยังไงแล้วมันจำเป็นสำหรับผมที่จะเสนอไอเดียของผมมากกว่า เพราะมันเป็นงานที่ผมต้องทำอยู่แล้ว แต่ก็มีนะครับที่ไม่รู้ว่าเค้าเล่นยังไง ก็ต้องมานั่งศึกษา อย่างงานของ ERIC JOHNSON บางเพลงผมก็ต้องแกะและดูโน๊ต เผื่อเป็นการเพิ่มเติมความอยากเล่น ให้เราบางทีผมอยากดูว่าเค้ามีการ VOICING ของเค้ายังไง เทคนิค ERIC JOHNJON มีเทคนิคเยอะมากพวก โทนเสียงเอาเพลงเค้ามาเล่นบ้าง ซ้อมกับวงบ้าง โดยที่ไม่ได้แสดงโชว์ที่ไหน คือซ้อมเพื่อความตื่นตัว บางครั้งเราต้องทำตัวกลับไปบ้าง คือแกะไปเหอะเพลงน่ะ ผมไปดูERIC JOHNSON ยังเล่นเพลงของ JIMI HENDRIX อยู่เลย เราสามารถเล่นเพลง COVER ก็ได้ แต่เราก็สามารถใส่ไอเดียของเราไปด้วย เวลาฝรั่งเล่นจะเป็นอย่างนี้ ตอนที่ผมไปเล่น TRIBUTE SANTANA ผมก็มานั่งคิด ว่าผมจะทำยังไง ผมเริ่มต้นด้วย STRAT ผมก็ผิดแล้ว (หัวเราะ) คือผมคิดว่าผมไป TRIBUTE ผมไม่ได้ไปCOPY SANTANAผมคิดว่าผมจะเล่นโน๊ตของSANTANA โดยใช้ STRAT ผมคิดว่ามันน่าจะใหม่ดี แต่ผมรู้ตัวเองผมก็ IMPROVISE เข้าไปกับส่วนที่เป็นส่วนของSANTANA ผสมกัน ผมก็รู้สึกมันก็ดี มันอยู่ที่ช่วงอายุของเราด้วยแล้วก็อยู่ที่หน้าที่ขนาดนั้น ถ้าเราเป็นเด็ก ที่เริ่มฝึกใหม่ เราพยายามเล่นโน๊ตต่อโน๊ตให้เหมือนก่อนดีกว่า คือสร้าง STANDARD ของเราให้เกิดก่อนพอหลังจากนั้นเนี่ย คือเราเริ่มคิดเข้าไปแล้ว ทีนี้มันจะเป็นอีกส่วนนึงแล้วคือ เอาตัวเราเข้าไป
GT: มือกีต้าร์ในเมืองไทยล่ะครับพี่ชอบใคร?
พี่ป๊อบ: พี่โอ้ โอฬาร พี่หมู KALEI เอก BLACK HEAD ต้น SILLY FOOL แล้วก็มีหลายคนที่ถูกคนมองข้าม อย่าง ต้น DEZEMBER เนี่ยก็เก่งแล้วก็วุฒิ HERETIC เนี่ยไม่ธรรมดากันเลยนะแต่คนไม่ค่อยรู้จัก แล้วในเมืองไทยยังมีอีกหลายคนที่แบบเก่งเลยแต่ไม่ได้ออกมาสู่สาธารณะชน เวลาผมดูคนเล่นเนี่ยผมจะดูแต่ STANDARD อย่างเช่นดันสายไม่เพี้ยน แค่นั้น เรื่อง CHOICE OF NOTE ผมไม่ดูแล้วเพราะผมถือว่าเป็นส่วนตัวแล้ว เพราะอย่างนั้นผมจะชอบง่าย อย่างต้น นี่ก็มีไอเดีย เอกก็มีไอเดีย พี่โอ้นี่ก็เก่งเรื่องการทำเพลง HARMONY PERFORMANCE นี่อะไรก็ได้หมด พี่หมูก็ไม่ต้องห่วง
GT: พี่คิดว่าในเมืองไทย แนวเพลง HEAVY METAL ถึงจุดสุดๆแล้วรึยังครับ
พี่ป๊อบ: ผมว่าในเมืองไทยยังไม่มียุค HEAVY METAL แบบสุดๆเลย ผมเชื่อว่าในเมืองไทยยังเกิดดนตรีแนว HEAVY METAL ได้อีกแน่นอนเพราะแนวเพลงอย่าง LIMP BITZKIT น่าจะอยู่แค่ในกรุงเทพ อาจจะมีหัวเมืองใหญ่ๆ บ้างเล็กน้อย แต่ก็พัฒนามาจากยุคของ METAL เหมือนกัน แต่ปัญหากก็คือวงการบ้านเราไม่ค่อยมีแนวเพลงที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงPOP เพราะฉะนั้นรากฐานของเพลงแนวอื่นๆจึงยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ก็คงให้เวลาเป็นตัวบอก
GT: มีอะไรจะฝากบ้างครับ
พี่ป๊อบ: อยากให้รุ่นน้องๆ ทุกคนมีโอกาสอย่างที่ผมพูดไว้เมื่อกี้เนี่ยว่ามือกีต้าร์เก่งๆที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น อย่างคนที่ได้ตำแหน่งจาก OVERDRIVE GUITAR CONTEST อยากให้เค้าได้มีโอกาสได้ออกอัลบั้มและประสบความสำเร็จ อยากให้เค้ามีความสบายใจในการทำงานและอยู่ได้กับอาชีพนี้ ผมอยากให้เป็นแบบ PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB คือคนนี้เล่นกีต้าร์เก่งก็ให้เค้าเล่นซิ ให้เค้าออกเทปซิ เพราะมีบางคนที่ไม่ใช่แต่มาทำเหมือนมาแย่งโอกาสไปน่ะ เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการเพลงของเราดีขึ้น
ขอขอบคุณ พี่ ป๊อบมากๆ ครับ ที่ให้เกียรติ เปิดโอกาสในการพูดคุยครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆด้วยครับ
|
|
|
|