Main Menu
  Home
  login / Join member
  Edit your profile
  Artists Biography
  Webboard
  Review & Test
  Hot Shots & Lessons
  Interview
  Classifieds (OLD)
  Classifieds (New)
  Cools Links
  About Thinking
  About Us
  Finger Shot
  Download
  New Releases
  Music News

 Interview:     พี่ พิเชษฐ์ เครือวัลย์                                                                โดย เปิ้ล
สวัสดีครับชาวกีตาร์ไทยและผู้ที่สนใจทางด้านดนตรีทุกท่านพบกันเป็นประจำนะครับในคอลัมภ์ INTERVIEW ในทุก ๆ เดือนนะครับสำหรับเดือนนี้ พวกเราจะได้ฟังแนวคิดของกีตาร์ที่ HOT มากที่สุดในเมืองไทยคนนึงทีเดียว เป็นผู้ที่มีงานอัดเสียงชุกมากที่สุดคนนึง และในปัจจุบันเป็นมือกีตาร์ของวงดนตรีร๊อคอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย นั่นคือ Y NOT 7 นั่นเอง บุคคลท่านนี้ก็คือ พี่พิเชษฐ์ เครือวัลย์ นั่นเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาฟังแนวคิดของพี่เค้ากันเลยดีกว่าครับ
GT : สวัสดีครับพี่
พี่พิเชษฐ์ : สวัสดีครับ

GT : อยากให้พี่ช่วยเล่าประวัติของพี่หน่อยครับ
พิเชษฐ์ : พี่เป็นคนจังหวัดระยองอยู่อำเภอแกลง สุนทรภู่ เป็นคนที่โน่น จบโรงเรียนที่โน่นเลยระหว่างเรียนอยู่ที่โน่นก็เริ่มหัดกีตาร์โปร่งแล้วก็ค่อยพัฒนาขึ้นมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ก็ทำวงกับคนแถวบ้านก็เล่นตามงานวัด งานบวช งานแต่งงาน ซึ่งขนเครื่องเองด้วย ก็เริ่มคิดจริงจัง ก็เลยเข้ามาเรียนในกรุงเทพดีกว่า ก็เรียนที่ศศิลิยะไปเรียนกับพี่หมู ตาวัน แต่ก่อนที่จะเรียนกับพี่หมูได้ เรียนกับพี่ตุ่ย พงษ์ศักดิ์ ภูรวีรานนท์ วงกอหญ้า จากนั้นก็เรียมาเรื่อย ๆ หยุดบ้างเรียนบ้างน่ะ จากศศิลิยะก็ย้ายไปเรียนที่ศุภการ มารู้จักสเกลต่าง ๆ ครั้งแรกก็ตอนที่อยู่ที่ศศิลิยะนี่แหละ เพราะก่อนนั้น ก็เล่นอยู่ที่บ้านฝึกเอง ใช้วิธีเปิดหนังสือ IS SONG HITS แล้วฝึกเอาเอง มันก็จะมีแบบฝึกที่เป็น LICKS ต่าง ๆ ไว้ให้ฝึกน่ะ รุ่นพี่แนะนำบ้าง ตอนนั้นก็ไม่รู้โน๊ตเลยแต่มีเวลามาก วันละ 7-8 ช.ม. ได้มั้ง แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคือเล่นแบบที่อยากเล่นน่ะ คนแถวบ้านก็จะเห็นตลอดเพราะผ่านมา ก็จะเห็นเด็กคนนี้มันเล่นอยู่ทุกวัน ๆ บางคนก็ฟังแล้วรำคาญเพราะมันไม่ค่อยเป็นเพลง (หัวเราะ) หลังจากที่เรียนจบปั๊บ ก็จะมีช่วงอยู่ช่วงนึงตอนนั้น พี่เขียว คาราบาว เค้าทำเทปกับวงตาวัน พี่หมูเค้าเลยโทรมาตาม เค้าขาดมือกีตาร์พอดี เราก็ว่างอยู่พอดี แต่ช่วงนั้นพี่มาเรียนที่จันทร์เกษมแล้ว ประมาณปี 33 ได้นะ ก็เลยมาเล่น พอหลังจากที่ได้มาเล่นก็เลยได้เริ่มมาคลุกคลีกับเค้า อัดเสียงบ้าง ก็ได้มาช่วย พี่ปุ้มวงตาวัน ทำงาน ห้องอัดเสียง บ้างอัดเสียงบ้าง แต่มีอย่างนึงที่เราไม่เคยมีประสบการณ์เลยก็คือเล่นประจำตอนกลางคืนเลย เคยจะทำวงแต่ไม่ประสบความสำเร็จน่ะ แต่ตอนที่มาทำกับพี่เขียวนี่เรามาตอนที่ชุดแรกเค้าอัดเสร็จหมดแล้ว เรามานี่เพื่อเล่นอัดอย่างเดียว มาอัดเสียง ตอนเป็นชุดสองน่ะ หลังจากนั้นก็ได้ทำงานกับพี่ ๆ วงตาวัน ที่ ORANGE MUSIC ทำเพลงโฆษณาบ้าง อัดกีตาร์บ้าง เราก็อยู่กับเค้าเลย มันก็มีช่วงที่ว่าง ๆ ก็ได้คุยกับพี่หมู พี่ต้น ว่าเรามาทำเพลงมาขายใต้ดินกันดีกว่าสักชุดนึง ซึ่งเมื่อก่อนถือว่าเราเป็นวงใต้ดินของยุค 90 เราก็เลยเริ่มทำกันเลย โดยช่วงนั้นเนี่ย พวก Y NOT 7 ก็เริ่มเข้ามาฝึกงาน มาทำงานอยู่ในบริษัท ORANGE MUSIC คือที่บริษัทเนี่ยเค้าก็จะเปิดให้ใครที่สนใจเรื่อง SOUND ก็มาศึกษาได้ โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ถ้าบริษัทมีงานเนี่ยก็ต้องมาช่วยกัน เค้ามากันทั้งวง โดยที่เค้าเพิ่งรวมตัวกันพอดี เค้าก็เลยหาที่เล่นประจำในกรุงเทพแล้วก็ทำงานที่ ORANGE ไปด้วย ก็เลยมาลุยงาน Heavy Mod ด้วยกัน โดยที่ยังไม่มีวงเลยนะมีแต่เพลง พออัดกันเรียบร้อย ก็ออกขาย ทีนี้มันก็มีการสัมภาษณ์ตามมา ว่าวง Heavy Mod เป็นอย่างไรเราก็เลยรีบรวมตัววิ่งหาสมาชิกคือ ไม่ได้ฟอร์มวงมาก่อนนะทำไปเรื่อย ๆ แต่กระแสตอบรับมันดีมากเลยนะเพราะมันเป็นเรื่องของความแปลกด้วย เทปชุด EP. ตอนนี้ไม่มีแล้วนะ ไปโผล่ที่จตุจักร มัวนนึงเป็น 4-500ได้มั้งเหมือนกับชุด 28 กุมภาพันธ์ของพี่โอ้น่ะ ตอนนั้นใช้ AMP ของ FENDER อัดน่ะ สถานที่บันทึกเสียงก็เป็นโกดัง ก็ใช้ไมค์จ่อหน้าตู้เอา เอาตู้ไว้อีกห้อง นึง ตอนนั้นยังไม่มีห้องบันทึกเสียงที่สมบูรณ์ ตัวเราก็อยู่ในห้อง CONTROL DISTORTION อะไรก็ใช้หน้าตู้ส่วน EFFECT พวก DELAY อะไรก็มาใส่ทีหลัง ตอนนั้นใช้ GIBSON อัดด้วย FENDER ด้วย แล้วก็ ESP ลายเสือรุ่น GREOREE LYNCH อัลบั้ม EP นั่นก็มี 4 เพลงแต่เราก็ทำเตรียมไว้แล้วครบทั้งชุด พอหลังจาก พี่ปุ้ม พงษ์พรหม แยกตัวออกมาอยู่ที่ GRAMMY จากนั้นพี่ก็ได้อัดเสียงมาตลอด ตอนนั้นทางพวก Y NOT 7 เค้าก็ออกเทปกันไป 2 ชุด พอชุด 3 พี่แป๊ะ ซึ่งเป็นมือกีตาร์ของ Y NOT 7 เค้าจะไปอยู่ญี่ปุ่นคือพี่แป๊ะเค้าไปเจอญาติเค้าที่ญี่ปุ่นทางญาติเค้าก็เลยชวนไปทำธุรกิจที่ญี่ปุ่นเค้าก็เลยไปอยู่โน่นเลย โต๊ดมือคีย์บอร์ดเค้าก็ออกไปอยู่เชียงใหม่ ตอนนี้โต๊ดมาอยู่ที่ RPG กับพี่โอม แต่ก่อนที่พี่จะเข้าไปอยู่ Y NOT 7 เนี่ยก็ยังตัดสินใจอยู่ว่าแป๊ะเค้าจะออกแน่หรือเปล่าคือ แป๊ะเนี้ยเป็นเพื่อนกับพี่ที่สนิทกันมาก ทางผู้ใหญ่เค้าก็บอกว่า เอ้อ! ดี ลงมาเล่นได้แล้ว ก้อยเค้าก็บอก เอ้อ !มาเล่นเหอะ เราก็เลยตัดสินใจไปเลย ลุยเลย ออกชุด YEAH YEAH ก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรทีเดียว ซึ่งในขณะที่ตอนนั้นเทปผีเยอะด้วยตอนนั้นเกือบ 60% แน่ะที่เค้าว่ากันนะ

GT : เมื่อก่อนที่พี่เป็นมือกีตาร์ในห้องอัดนะส่วนใหญ่ ซึ่งมันแตกต่างจากการมายืนอยู่ข้างหน้าเวทีกับ Y NOT 7 แรกรู้สึกอย่างไรบ้างครับ
พิเชษฐ์ : ก็ตื่นเต้นนะ ที่ต้องยืนต่อหน้าคนดูเยอะๆ แล้วต้องเล่นบ่อยด้วยนะ แต่สนุกที่ได้เล่นกับคนที่เราคุ้นเคยมาก่อน แต่ตีกันทุกงาน (หัวเราะ) จนช่วงนึ่งเนี่ย! ทาง 7 สีเค้าไม่มีวงร๊อคมาเล่นเลยต้องเบรคสักพักนึง ขนาดที่เล่นงานคอนเสริตลงเอย สุดยอดแล้วนี่ยังตื่นเต้นอยู่เลยบางทีเค้าก็ถามว่าพี่ก็เล่นมาหลายงานแล้วพี่ยังตื่นเต้นอยู่อีเหรอ! มันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะ พอขึ้นเวทีมันก็ต้องมีอาการเนี๊ย! แต่พอขึ้นไปแล้วมันก็ OK ก่อนขึ้นเราจะมีการ WARM UPนิ้วก่อน เพื่อความมั่นใจให้นิ้วมันหนืด ๆ หน่อย บางครั้งต้องนั่งอยู่คนเดียวทำสมาธิสักพักหนึ่งโดยเฉพาะงานใหญ่ ๆ ที่มันต้อง ON AIR แล้วก็ทำอย่างที่ผู้ใหญ่เค้าทำกันมากคือไหว้เจ้าที่เจ้าทางบ้าง เพื่อความสบายใจน่ะ

GT : ที่ผ่านมามีคอนเสริต์ใหญ่ ทั้งงาน TRIBUTE พี่เต๋อ งานพลังแผ่นดิน และงานคอนเสริต์ลงเอยที่อินดอร์ ฯ พี่ไปร่วมงานได้อย่างไร
พิเชษฐ์ : อย่างของพี่เต๋อที่ศูนย์ประชุมสิริกิต์ พี่โอมเป็นคนดูแลดนตรี พี่เค้าเป็นตามมาเล่นก็เซ็ทตัวกันมาคือคนที่จะมาเล่นเนี่ยต้องว่าง พอดีพี่ว่าง ก็ซ้อมกันประมาณ 2-3 เดือนน่ะ ก็เหมือนกันอย่างงานพลังแผ่นดิน พี่ป้อม เค้าเป็นโปรดิวซ์ เกี่ยวกับงานในโซนของร๊อคแบนด์ เค้าก็ตามมาพี่ก็ไปเล่นคู่กับเอก BLACK HEAD เอกเนี่ยเล่นด้วยกัน 2 งานแต่พอดีงานลงเอยเนี่ย เอกเค้าต้องเล่นกับ BLACK HEAD :ซึ่งจริงๆคนที่เล่นกับพี่ป้อมต้องเป็นพี่ตุ้ม (วีระ โชติวิเชียร) แต่พี่ตุ้มเกิดไม่ว่าง ก็เลยเบนมาทางพี่ พี่ก็ว่างอยู่พอดี ตอนไปเล่นกับพี่ป้อมเนี่ยก็ต้องปรึกษาพี่ ๆ ที่ห้องอัดเค้าด้วยเพราะต้องทำเพลงด้วย แล้วก็ต้องแบ่งเวลาไปซ้อมไง พี่เค้า OK ก็เลยไปเล่นได้เพราะอย่างที่ตอนที่ไปเล่น Y NOT 7 แต่ก็ต้องรับผิดชอบงานทางนี้ด้วย ถ้าเกิดพี่ไปทัวร์เนี่ย ก้ต้องบินกลับมาอัดเสียงด่วนน่ะ (หัวเราะ) งานที่เล่นคอน เสริต์ลงเอยเนี่ยนะ พี่ดีใจมากที่ได้รับโอกาสจากพี่ป้อม ที่ได้เล่นกับแก

GT : ภาคกีตาร์ในงานเพลงของ Y NOT 7 มีการแบ่งกันทำงานอย่างไรบ้างครับ
พิเชษฐ์ : ก็ง่าย ๆ เลย ใครถนัดตรงไหนก็เล่นตรงนั้น ใครมีไอเดียอะไรก็นำเสนออกมาแม้กระทั่งเหน่งเนี่ยเค้าก็มานั่งฟัง เค้าอยากได้อย่างไหน เราก็เล่นอย่างนั้น บางทีดีซะอีกเอ้อไอเดียดีเราก็เล่นไปแต่งานหนักจะอยู่ที่ กอล์ฟ Produce เนี่ยเค้าจะดูแลหมด หลายอย่าง แล้วก็จะมานั่งฟังกัน ว่าไลน์นี้มันเหมาะสมมั้ย เห็นด้วยสัก 2-3 เสียง ก็ OK นะ คนที่เหลือก็จะ OK ตาม ไม่มีปัญหา

GT : Y NOT 7 ในชุดต่อไป แนวทางดนตรีจะเป็นอย่างไรตอนนี้เริ่มทำงานไปบ้างรึยังครับ
พิเชษฐ์ : ตอนนี้ทางวงเพิ่งได้เซ็นสัญญากับทาง RPG ส่วนตัวพี่ยังไม่ได้เริ่มทำ แต่เมนหลัก คือกอล์ฟเนี่ย เค้าจะเริ่มไปแล้ว แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้คุยกันน่ะ แต่ก็คิดไว้ว่าแนวทางก็คงกลับไปเหมือนชุดแรก ซึ่งดนตรีจะเบาลงไม่หนักหมด ไม่เหมือนชุดรถพยาบาลที่หนักในแง่เนื้อหาอีกอย่างนึงที่สำคัญคือเราเซ็นสัญญากับ RPG ด้วย ซึ่งพี่โอมเป็นคนดูแลและกำหนดสิ่งต่างๆ คือ หาทางให้มันลงตัวกับตลาด และทุกฝ่ายพอใจก็ OK.

GT : พี่เคยคิดที่จะออกงานเดี่ยวแบบประเภทมือกีตาร์ฮีโร่บ้างมั้ยครับ
พิเชษฐ์ : ไม่เคย แต่ถ้าพูดว่าเคยฝันเนี่ย เคยนะ คือถ้าเราจะฝันอย่างนั้นเนี่ยเราต้องไปมองเห็นวีดีโอ มองเห็นคอนเสริตที่ฝรั่งเค้าเล่นมองเห็นตัวเราไปยืนอยู่ตรงนั้น เห็นสตีฟ วาย เล่นอยู่เนี่ย คนเฮ เราก็เคยคิดว่าทำไมถึงจะเล่นได้เก่งแบบนั้นบ้างน่ะ เคยคิด แต่คิดได้แวบ ๆ เพราะเรารู้ว่าเรายังไม่พร้อมที่จะทำแบบนั้น

GT : Y NOT 7 ชุด YEAH YEAH ก็ยังมีงานบรรเลงกีตาร์อยู่นี่ครับ
พิเชษฐ์ : อ๋อ! อันนั้นทำแบบ Relax น่ะ จะบอกว่าไงดี ถือเป็นการจัดหน้าเทปให้มัน Balance ด้วย(หัวเราะ) นี่พูดจริง ๆ นะ ก็นั่งคิดกันก็เอ้อ สั้น ๆ เอาไปเป็นเพลงก่อนเล่นคอนเสริต์สั้น ๆ เพื่อเตรียมก่อนขึ้นคอนเสริต์ แต่ในส่วนของกีตาร์ฮีโร่เนี่ยไม่คิดจะทำ เพราะอยากทำเป็น BAND มากกว่า เล่นในสิ่งที่อยากเล่นมากว่า ซึ่งไม่มีผลในแง่ของตลาดมาเกี่ยวข้อง

GT : ตอนนี้พี่มีตารางการฝึกฝนกีตาร์อย่างไรบ้างครับ ?
พิเชษฐ์ : พี่จะตื่นในช่วงเวลา 10 โมง ถึงบ่ายสองประมาณนี้ เป็นคนนอนไม่เป็นเวลากินไม่เป็นเวลามานานแล้ว แต่ตารางฝึกเนี่ย ช่วง 3-4 ปี ก่อนเนี่ยจะเปรี๊ยะมากแต่ระยะหลังเนี่ย พอมาทำงานตรงนี้แล้วเนี่ย ตารางฝึกมันก็จะคลาดเคลื่อน แต่อย่างน้อยเนี่ยเราต้องมีการ EXERCISE ทุกวันคือวันนึง ถ้าไม่ได้เล่นอะไรนะ ก็ต้องมีการ EXERCISE ประเภท โครมาติค 1234 อันนี้ต้องมีแน่นอน ถ้ายังมีเวลาอีกก็จะเป็นพวก SCALE พวก ARPEGIO ทุก POSITION ขึ้นอยู่กับเวลาถ้ามีเวลามากกว่านั้นเหมือนเมื่อก่อน ก็จะแกะเพลงแล้วพี่จะมีเครื่อง SEQUENCE ก็จะสร้าง RHYTHM เพื่อซ้อมหรือไม่ก็ใช้ KORG PANDORA ก็ได้ ใช้ได้ก็นั่งเล่นไปเรื่อย ๆ นั่งคิดว่า CHORD นี้ใช้ SCALE อะไรได้บ้าง อย่างวิธี WARM เนี่ยมันมีหลายแบบมากที่เราจำมาจาก VDO บ้างของมือกีตาร์หลายคนซึ่งมันเยอะมาก เราต้องเลือกว่าสิ่งไหนที่มันเหมาะสมกับนิ้วเรา สัก 4-5 แบบ ก็คิดว่าอยู่แล้วฝึกปิ๊ดสัก 4-5 แบบ ก็คิดว่าอยู่แล้ว แล้วก็รวมกันเป็นเวลาให้จบ ใน 1 ช.ม. ถ้า 2 ช.ม. ถือว่านานเกินไป แต่ระยะแรกเนี่ยมันจะนานเพราะเรายังเล่นไม่ได้ แต่พอได้แล้วก็ซ้อมกับ METRONOME ซึ่งเมื่อก่อนฝึกก็จะเริ่มจากช้าก่อน ซึ่งตอนนี้ TEMPO จะประมาณ 130-138 คือฝึกพวกโครมาติคนะประมาณ 140 แต่ถ้าฝึก โครมาติคแบบต่อเนื่องก็ประมาณ 160 อย่างพวกแบบฝึกของ JOHN PETUCCI มือกีตาร์ DREM THEATER เนี่ยเราก็เอาแบบฝึกของเค้ามา ทั้งฝึกปิ๊ด และ โครมาติค หลังจากนั้นจะมาฝึกพวก SCALE ที่เป็น SEQUENCE ทุก ๆ PROGRESSION แล้วก็ไปลุย ARPEGIO ตัว พวก MAJ 7 , MIN 7, DOM 7 เสร็จจากนั้นจะมาฝึก Pentatonic ฝึกพวก BLUES แล้วก็จะหา SCALE อะไรที่เราหามาได้ ก็จะมานั่งฝึกเล่นดู จากนั้นก็จะไปแกะเพลง โดยหาลูกที่มันเตะหู เอ๊ะ! ลูกนี่มันดีเว้ย ก็จะลองแกะดูเห็นลูกสั้นๆไม่ยาว บางทีเป็นเพลงบรรเลงด้วยซ้ำ พวกโจ หรือ สตีฟ วาย ร๊อบเบ็นฟอร์ดเราก็จะฟังแต่ช่วงไอ้ที่เค้า RUN ช่วงสั้นๆ แต่ใช้กับ CHORD นั้นฟังดูแล้วมันเท่ เราก็จะแกะแต่พอไม่ได้เล่นมันลืม แต่พอฟังอีกครั้งนึงก็จะเล่นได้เลย ลูกที่ไม่ยากเกินไปก็จะนึกได้ก็เลย พี่เคยเอาโน๊ตที่เป็นพวกไวโอลินพวกเครื่องเป่าเนี่ยมาฝึกอยู่เหมือนกัน แต่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ้างนะ(หัวเราะ)ไม่ใช่ว่านั่งยาวเลย อ้าว ! จริงๆ อาจารย์อานนท์เค้ายังเคยเขียนไว้เลยวิธีการฝึกนะแต่ไม่ใช่ฝึก ARPEGIO ทั้งวันเลยให้ฝึกอย่างสม่ำเสมอหลายๆอย่างทุกวันจริงๆตีตารางการฝึกแต่ละคนที่จะไม่เหมือนกันบางคนเค้าอาจจะเริ่มต้นจากการฟังเพลงก่อนเลยซึ่งเดี๋ยวนี้เนี่ยพี่ก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาก็ฟังเพลงก่อนเลยเราก็จะฟังเพลงที่เราชอบทำให้เกิดอารมณ์ที่อยากเล่นซึ่งมันมีผลมากเลยนะ จริงๆแต่วิธีการฝึกกีตาร์ของพี่เนี่ยระหว่างที่ฝึกเนี่ยก็จะดูวีดีโอไปด้วยหมายถึงพวกหนังนะไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีเลย อันนี้เป็นส่วนตัวนะแล้วควรจะมีการ RELAX ด้วยเช่นซักครึ่งชั่วโมงก็ลุกไปเข้าห้องน้ำบ้างกินน้ำบ้าง เพื่อ RELAX สัก 5 นาที 10 นาที แล้วก็มาเล่นต่อในตำราฝรั่งเค้าพูดอย่างนี้อย่างคนเล่น2 ชั่วโมง ไม่พักเลยเนี่ยกับคนเล่นครึ่งชั่วโมงพักทีนึงเนียมันจะได้ผลมากกว่าพัฒนามากกว่าบางคนเนี่ยฝึกทั้งวันไปเล่นอีกทีนิ้วไม่ไหลแล้ว บางทีลืมมันเบลอไง ดันทุรังเล่นมากไปมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง บรรยากาศ ร่างกาย กีตาร์ ที่นั่ง หลายอย่าง ร่างกายเนี่ยสำคัญเครียดมากมันจะไม่จำอย่าอยู่ในห้องอับๆ มันจะทำให้เรานั่งไม่ทนที่ผมเล่นเนี่ยก็ไม่มีพวก SWEEP PICKING พี่เล่น UP-DOWN อย่างเดียว

GT. การเรียนดนตรีเนี่ยพี่คิดว่ามีผลต่อการเล่นหรือเปล่าครับ ?
พิเชษฐ์ : ที่ถูกต้องนะมีผลแน่นอนมีคนแนะที่ถูกต้องเนี่ยดีกว่าอยู๋แล้วเพราะถ้าเราฝึกเองเนี่ยบางทีเราเดินหลงทางไปไหนก็ไม่รู้นะเราไปคิดว่าเราเดินถูกต้องแล้วเนี่ยบางไม่รู้ก็มีเยอะ ถ้าคนที่เค้ามีประสบการณ์สอน เค้าเรียนมาอย่างถูกต้องเนี่ยทุกอย่างจะพร้อมนำไปอย่างดี

GT : ในฐานะของคนที่เป็นมือปืนที่มีงานชุกมากที่สุดคนนึง พี่มีวิธีจัดงานให้ตรงกับใจของ PRODUCER หรือศิลปินคนคนนั้นๆอย่างไรบ้าง
พิเชษฐ์ : คิดงานเนี่ย ! มันมีทั้งที่คิดด้วยและไม่ได้คิดด้วยคือว่าเค้ามี GUIDE ให้เสร็จเล่นให้ตรง GUIDE อย่างเดียวคือ MELODY ที่ COMPOSER เค้าแต่งมาเนี่ยดีแล้วเค้าต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นด้วยขอให้เราเล่นให้กีต้าร์ได้สำเนียงเท่านั้นเองอีกอย่างนึงคือเค้าต้องการให้เราช่ว ยคิดด้วยเพลงอย่างเนี่ย หนักเบา มาอย่างเนี่ยคนนี้ร้องเนี่ยนะ และสำหรับท่อนนี้นะท่อน SOLO ควรจะเล่นยังไง ก็จะเล่นให้เค้าดู โดยฟิลไปก่อนหรือถ้าเราได้ DEMO มาเป็นการบ้านและคิดไปเลยก็มีก็เล่นจน PRODUCER พอใจนะ คืออัดเสียงเนี่ยต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ LINE เรารู้อยู่แล้วเราเป็นคนเล่นกีตาร์เรารู้อยู่แล้วว่ามันเพี้ยนเราไม่ต้องไปถามพี่เค้า ก็ขอเล่นใหม่เลย การรับผิดชอบ LINE เนี่ยสำคัญมากอย่างบางเพลงที่เล่นเนี่ยมี POWER CHORD มี STRING อะไรรองพื้นเราเล่นไปเนี่ย ฟิลดีมากแต่พอดีดันมาเสียงกวนเนี่ยเรารู้ PRODUCER ก็รู้อย่าเพิ่งตกใจ เราก็ลอง BALANCE ฟังทั้ง BAND ถ้าฟังแล้ว OK ก็จบเพราะเพลงที่ออกไปมันต้องผสมมันไปอยู่แล้วไม่ใช่ฟังกีตาร์ เรา LINE เดียว แต่ที่ได้คือได้ฟิลคือถ้าเล่นใหม่เนี่ยอาจจะไม่ได้ผลอย่างนี้บางทีก็มีนะเราก็ซ้อมไปเรื่อยๆ ENGINEER เค้าแอบอัดไว้ได้ในเทปนั้นเลยก็มีเหมือนกัน แบบฟลุ๊คนะไปตรงกับที่เค้าชอบพอดี (หัวเราะ) แต่บางทีครึ่งวันยังไม่ได้นี่ ก็มีนะ คือบางทีเนี่ย PRODUCER แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันการสื่อสารการทำงานไม่เหมือนกันคือบางทีเค้าต้องการอย่างนี้แต่ถ้าสื่อสารเราผิดเรา ก็เขวไปอีกแบบนึง บางทีเราไปเล่นเราคิดว่าได้แล้วแต่เค้าไม่เอาก็มีบางทีก็ต้องเอาตัวอย่างมานั่งฟังว่าเค้าต้องการ อย่างนี้ๆนะ เริ่มตั้งแต่หา SOUND ก่อนเลยให้เข้าฟังเพลงซึ่งมันจะช้าต้องใช้เวลา ซึ่งเวลามันเดินตลอด มันเป็นเงินเป็นทองนะ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้ซักทีเนี่ยเราจะรู้สึกเกร็งแล้วเราก็เบรกก่อนไม่มีใครว่าเค้าต้องการให้งาน มันออกมาสมบูรณ์ที่สุดถ้าเรายังดันไป มันจะแย่มากต้องพัก หรือไม่ก็ BREAK ไปเลยอีกวันมาใหม่ก็ได้แต่เราต้อง เป็นคนที่รับผิดชอบหน้าที่นะ เราจะอัดเสียงเราต้องเตรียมพร้อมต้องเต็มที่แต่ก็มีบางคนก็จะไม่ชอบที่จะมีคนเยอะแยะ มาอยู่ในห้องอัดเสียงซึ่งบางทีมันจะเป็นเพื่อนของเพื่อน อยากไปดูมันจะสร้างความกดดันให้คนอัดเสียงน่าจะอยู่เฉพาะ ENGINEER PRODUCER หรือ COMPOSER แค่นั้นไม่ใช่ว่าอัดเสียงอยู่ก็ดูบอลไปด้วย เฮๆ กันไม่ไหว


GT : เวลาที่พี่จะแต่งเพลงขึ้นมาซักเพลงพี่จะเริ่มจากอะไรก่อน
พิเชษฐ์ : ต้องดูความต้องการก่อนว่าต้องการสไตล์ไหนกับศิลปินคนไหน เราต้องคิดแล้วแล้วก็มาเล่นกีตาร์ก็หาไปเรื่อยๆ บางทีก็คิดจาก RIFF ก่อนเป็นท่อนพอได้แล้วก็จะหาทางว่าจะต่อไปยังไง พอเราได้ท่อนนี้ปั๊บเราก็อาจจะไปเรื่องกลอง ซึ่งกลองอาจจะเป็นคร่าวๆ ก่อนจะค่อยๆขยายไปเรื่อย ๆ บางทีก็กู่ไม่กลับ เพลงยาวเกินเหตุ (หัวเราะ) น่าจะอยุ่สัก 3-4 นาที 

GT : ปัจจุบันเนี่ยพี่มีกีตาร์ทังหมดกี่ตัวครับ
พิเชษฐ์ : มีไม่เยอะ มี FENDER BIG APPLE , AMERICAN STANDARD ,US FAT TELE, GIBSON 335 พี่หมูตาวันให้มา มีกีตาร์ SAN CHET ที่คาราบาวมีที่เราเคยเห็น่นะเสียงดีมากตอนนี้อยู่ที่พี่ปุ้มตาวัน แล้วมี GIBSON CUSTOM ปี 79 สีดำ แต่แปลกนะหลังคอมันจะสีขาวแต่ฟิงเกอร์บอร์ดสีดำ เสียงดี 

GT : ใน ภาค EFFECT ล่ะครับ
พิเชษฐ์ : พี่ใช้ POD LINE 6 แต่ในห้องอัดจะใช้ PROTOOL POD นี่จะใช้เล่นคอนเสริตแล้วก็อัดเสียงบ้างชุด YEAH YEAH ใช้ POD ตลอดพี่เลือก AMP MODE ไปที่ RECTIFIER พอไปใช้กับตู้ MESA/BOOGIE ใหญ่ๆนะ เสียงมันจะดีมากไม่บวมแล้วก็ไม่บาง เสียงมันจะแน่นมากแต่บางคนเค้าก็ไม่ชอบนะ เค้าบอกว่าเสียงมันไม่ค่อยพุ่ง แต่เราเล่นแล้วรู้สึกว่าอยู่ก็ OK แล้ว ซึ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตู้ด้วยนะ หัวแอมป์ ลำโพง บางทีพี่ไปเล่นต่างจังหวัด ลำโพงเป็น MARSHALL แต่เราจะหิ้วหัวซึ่งเป็น MESA ไปด้วยตลอด ของทีมงานเค้าจัดไปให้น่ะ ซึ่งบางทีมันก็ ขึ้นอยู่กับหูเราด้วยว่าหูเราชินแบบไหน ถ้าเล่นแล้วมันแล้วเนี่ย ได้พวกค่าต่างๆ บนหน้าปัทม์ แอมป์ก็ไม่ต้องไปสนใจมันมาก เล่นแล้วรู้สึกอุ่นมืออยู่มือก็ OK ต่อไปเราก็จะหิ้วทั้งหัวแอมป์ ทั้งตู้ไปด้วยก็ OK เล่นที่ไหนก็จะได้ SOUND เหมือนที่ SET ไว้ที่บ้านเลย ส่วนที่บ้านพี่เวลาฝึกไม่ค่อยได้ใช้ AMP เพราะมันดังบางทีเราก็ใช้ KORG PANDORA ใส่หูฟัง แล้วก็ฝึก

GT : พี่มีกีตาร์ในฝันที่อยากได้บ้างไหมครับ
พิเชษฐ์ : FENDER รุ่น ROBBEN FORD ชอบมาก ต้องสั่งเข้ามาแล้วมันก็แพงด้วย (หัวเราะ)

GT : มือกีตาร์ที่พี่ชอบทั้งไทยและเทศล่ะครับ
พิเชษฐ์ : ถ้าของบ้านเราก็ถ้าสมัยก่อนก็จะเป็นพี่ตุ้ม (วีระ โชติวิเชียร) พี่หมู คาไล พี่โอม ที่เราชอบเค้าเล่นกีตาร์ ถ้าต่างประเทศก็ ROBBEN FORD ชอบมาก SRV ก็ชอบ STEVE VAI ,JOE SATRIANI, STEVE MORSE ชอบหลายคนคือไม่ได้เป็นแบบอยากเป็นคนนี้ไม่มีหรอก คนไหนเล่นดีในสไตล์นี้ซึ่งเราฟังเราก็ชอบ

GT : ในตอนนี้พี่มีสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างไหม ทางด้านดนตรีครับ ?
พิเชษฐ์ : สมัยก่อนเนี่ยอยากเล่นคอนเสริต์ออก TV. พอมาวันนึงได้มาเล่นกับพี่เขียวออก 7 สีคอนเสริต โอโฮ้ ดีใจมาก หลังจากนั้นก็คิดว่าทำยังไงถึงจะมีโอกาสอัดเสียงบ้าง ซึ่งต่อมามันก็มีโอกาสได้ทำ แต่ทุกวันเนี่ย ที่คิดน่ะคืออยากจะทำไอ้สิ่งที่เราทำให้มันดีไปกว่านี้ คิดแค่นี้เอง เล่นกีตาร์ก็อยากเล่นกีตาร์ให้ได้ดี ทำเพลงก็อยากทำให้ได้ดี ตรงตามที่เค้าต้องการ แค่นี้แหละ

GT : พี่จะมีอะไรฝากถึงมือกีตาร์รุ่นใหม่ ๆ บ้างไหมครับ
พิเชษฐ์ : อยากให้มือกีตาร์ทุกคนเนี่ยอย่ามีม่านกั้นต่อกัน มีอะไรแนะนำกัน มีอะไรที่เปิดกว้างกันได้ก็เปิดใจกันเลย อย่างพี่เนี่ยถ้าถามเรื่องกีตาร์เนี่ยเราก็จะบอกเท่าที่เรารู้จริง ๆ ไม่เคยปิดเลย ทีนี้มันก็อยู่เค้าแหละ ขอให้ทุกคนฝึกอย่าละทิ้งการฝึก และต้องเผื่อแผ่คนอื่นด้วย คือสิ่งที่เค้าไม่รู้แล้วเรารู้เนี่ยเราก็ต้องบอกเค้า เพื่อมือกีตาร์บ้านเราจะได้พัฒนานี่คือที่คิดมาตลอด

จบไปแล้วนะครับสำหรับบทสัมภาษณ์ที่พิเชษฐ์ เครือวัลย์ มือกีตาร์ที่มากไปด้วยความสามารถ พวกเรารู้สึกประทับใจในความน่ารักของพี่พิเชษฐ์ตลอดเวลา 2 ชม. ในการสัมภาษณ์ ทำให้เวลา 2 ชม. ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้แง่คิดไปไม่มากก็น้อยนะครับ ทางกีตาร์ไทยต้องขอขอบคุณพี่พิเชษฐ์ ที่สละเวลาอันมีค่ามานั่งพูดคุยอย่างสนุกสนาน มากนะครับและต้องขอขอบคุณ พี่ชนชิต จรรย์สืบศรี แห่งห้องอัดดิจิตอล เฮ้าส์เรคคอร์ด ทีมงานต้นเสียง จาก GRAMMY GRAND ที่เอื้อเฟื้อสถานที่มากนะครับ

any comments, please e-mail   webmaster@guitarthai.com (นายดู๋ดี๋)
All Rights Reserved (C) Copyright 2000

guitarlogo.gif (2893 bytes)