GT : อยากให้พี่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของอัลบั้ม Into The Light ครับ ?
พี่โอม : จริงๆแล้ว อัลบั้มชุดนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานมากเลย พี่ทำงานให้กับศิลปินมาหลายต่อหลายคน พอถึงวันนึง เราก็อยากที่จะมีอัลบั้มของเราเอง และยิ่งย้อนกลับไปเมื่อซัก 4-5 ปีที่แล้ว พี่เองก็ค่อนข้างทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกกีต้าร์ค่อนข้างเยอะทีเดียว และก็มีเวลาที่ค่อยๆคิดอะไรหลายอย่าง ก็เริ่มต้นทำมาเรื่อยๆ ครั้งแรกที่คิดงานชุดนี้ พี่ตั้งใจใช้ชื่อชุดเป็น Invitation แล้วตั้งใจว่า จะเชิญ เพื่อนๆมือกีต้าร์ หลายๆคนมาร่วมแจมกัน แต่คิดไปคิดมาแล้ว มันก็ยังไม่ใช้งานที่เป็นตัวเราเต็มที่ แล้วมันเป็นคำที่จำกัดความมากเลย ก็คิดไปคิดมา ก็ได้ชื่อ Into The Light ออกมา พอมันออกมาอย่างนี้มันเหมือนกับ คอนเซ็ปต์ทั้งหมด เห็นภาพออกมาชัดเจนเลยนะ โทนเพลงในอัลบั้มก็ออกมาเป็น bright เลย มันเหมือนเป็นแสงสว่างออกมาเลย และคิดงานต่อจากคอนเซ็ปต์ได้ง่ายขึ้นมาก เรารู้เลยว่า เราจะมองไปทิศทางไหน
GT : ในส่วนของเนื้อร้องพี่วางยังไงครับ ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของอัลบั้ม และเพลงแต่ละเพลงว่าจะมีเนื้อร้องออกมาอย่างไร ?
พี่โอม : เรื่องตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราทำกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว การแต่งเพลงหรือแต่เนื้อ พี่ก็มีเพื่อนๆที่เขาทำงานด้านเขียนเนื้อร้องอยู่แล้ว ก็มานั่งคุยกันถึงคอนเซ็ปต์ แต่ภาพรวมทั้งหมดออกมาจากตัวของพี่เอง อย่างเพลง “ลูกผู้ชายไม่หวั่นไหว” พี่คิดก่อนเลยว่าเพลงนี้มันต้องทำออกมาเพื่อผู้ชายฟังเลย มันคล้ายๆกับว่า เป็นผู้ชายต้องต่อสู้กับคำเย้ยหยั่นของคนอื่นๆ แล้วเราต้องข้ามมันไปให้ได้ หรือ เพลง “เขาไม่เปลี่ยน” เพลงนี้มันมาจากประสพการณ์พี่โดยตรงเลยนะ มันก็จะเหมือนกับ พี่ได้พบเจอกับคนในวงการเพลงหลายคน และจะมีอยู่ 2 กลุ่มคือ พวกแรกจะเป็นพวกที่ไหลตามน้ำ พวกที่สองจะเป็นพวกที่มีอุดมการณ์ของตัวเองและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หรืออีกเพลงคือ “เรื่องเล่าจากสายน้ำ ” เพลงนี้เป็นเหมือนการทดลองเลยนะ คือมีคอนเซ็ปต์จากคำมาก่อนเลย เพลงนี้มันเกิดจาก ที่พี่เอากีต้าร์ไปนั่งเล่นอยู่ริมน้ำ ซึ่งส่วนตัวพี่เองแล้ว พี่เป็นคนชอบน้ำมากเลย นะ และต้องเป็นพวกแม่น้ำทีน้ำไหลเอื่อยๆด้วยนะ (หัวเราะ) พี่ก็ตั้งคอนเซ็ปต์ของเนื้อเพลงนี้เลยว่า ต้องมีคำว่า แม่น้ำ หรือสายน้ำ หลังจากนั้นพี่ก็ไปคุยต่อ จนได้เนื้ออย่างที่ต้องการ
GT : เพลงในชุดนี้ ส่วนใหญ่พี่เริ่มแต่งยังไงครับ ?
พี่โอม : เพลงในชุดนี้ พี่ก็จะเริ่มแต่งจาก การเล่นกีต้าร์แล้วก็ฮัมเมโลดี บ้าง หรือเล่นจากเครื่องดนตรีอื่นๆ อัดเก็บๆไว้ แล้วค่อยมานั่งดูว่า เราจะทำต่อจากที่เราคิดอย่างไร อย่างเพลง ลูกผู้ชายไม่หวั่นไหว มันก็จะเริ่มต้นมา เป็นแบบคาวบอย หน่อยๆ ก็จะมาค่อยๆนั่งคิดต่อไปว่ามันควรจะไปทิศทางไหน หรืออย่างเพลง Into The Light เพลงนี้พี่ก็ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันยว่าจะเอามาใส่ในอัลบั้มดีหรือเปล่า มันมันมีการวิ่งของคอร์ดอยู่ตลอด มันเหมือนเป็นการโชว์เรื่องของของไอเดียการเรียบเรียง มันวิ่งแบบทางคอร์ดของแจ็ส เพราะฉะนั้นมันอาจจะดูฟังยากสำหรับการนำมาเป็นให้คนฟังเพลง แต่ในแง่ของคนเล่นดนตรีจะชอบกัน แต่เพลงนี้พี่เล่นให้ใครฟัง ทุกคนที่อยู่รอบๆข้าง ชอบกันหมดเลยนะ ก็มีวันนึง คนจาก True มาหาพี่ที่บ้าน พี่ก็เล่นให้เขาฟัง เขาก็บอกเลยว่า เอาเพลงนี้ใส่ในอัลบั้มเลยพี่ เพราะดีๆ พี่ก็ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกัน (หัวเราะ) และสุดท้ายก็เอาเพลง Into The Light เป็นเพลง แรกเลยนะที่เอาเข้าไปเสนอให้ทาง True ฟัง

GT : ชุดนี้พี่มีเพลงร้องและเพลงบรรเลงอย่างไรบ้างครับ?
พี่โอม : ก็จะมีเพลงทั้งหมด 11 เพลง เป็นเพลงร้อง 8 เพลง เพลงบรรเลง 3 เพลง คือ Song for RW ,
Brave & Crazy และ Friends ซึ่งเพลง Friends เนี่ยะ เป็นเพลงที่พี่ทำกิจกรรมร่วมกับทาง สิงห์ ก็เพิ่งจะสิ้นสุดไปแล้ว ที่นี้พี่ก็เลยเอามาใส่อัลบั้มชุดนี้ เป็นเพลง โบนัสแทร็ค คือถ้าไม่มีเพลงบรรเลง มันก็ขาดความเป็นตัวเราเองอยู่พอสมควรเลย
GT : เพลงไหนที่พี่คิดว่าเป็นเพลงที่มี ไลน์กีต้าร์ที่ค่อนข้างจัดจ้านครับ ?
พี่โอม : อืม..ก็คงจะเป็นเพลง Brave & Crazy เพลงนี้จริงๆแล้วเป็นเพลงบรรเลง นะ พี่คิดอยู่นานมากๆเลยว่าจะใส่มันลงไปในอัลบั้มหรือเปล่า เพราะมันลำบากตั้งแต่ตอนคิดแล้วว่า คือพี่เริ่มต้นเพลงนี้จากการเล่น Tapping ซึ่งเป็นอะไรที่พี่ ฝึกมาตลอด จับกีต้าร์ทีไรก็ต้องฝึก Tapping แล้วเราฝึกและเล่นมันมาเป็นสิบปี และหากเราไม่นำมาใช้เลยมันก็ดูยังไงๆอยู่ พอคิดมาเป็น Tapping แล้ว ปัญหาคือมันจะนำเข้ามาอยู่ในเพลงค่อนข้างลำบาก ให้หลายๆคนฟัง เขาก็บอกว่ามันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากมากๆ แต่สุดท้ายก็จับมันมาลงจนได้ เพลงนี้มันจะเล่นอยู่ใน คอร์ด A กับ G แล้วจะเล่นสลับกันไปเรื่อยๆ เป็นการ Modulation มันก็เหมือนกับเล่นอยู่ใน Mode ของ Phygian แต่พอเพลงเสร็จแล้ว มันก็เหมือนกับคอนเซ็ปต์ของเพลงเลยนะ คือมีความกล้าที่จะทำอย่างนี้ เหมือนกับที่พี่เอา Tapping เข้าไปอยู่ในเพลง (หัวเราะ) และก็มีอีกอันนึงที่อยากให้ฟังมากเลยคือ เพลงอย่าทำใจหาย คือพี่จะเป็นคนที่ชอบฟังพวก พิณอีสาน คือคนที่เล่นพวกนี้เก่งมากเลยนะ เล่นเร็วด้วย มีวันนึงพี่ก็ไปซื้อ แผ่นพวกที่เขาเล่นพิณอีสานมานั่งฟังเยอะมากเลยนะ มันก็เลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่า อยากเอาโซโล่แบบหมอลำมาใส่ในเพลง ทำเป็นสลับกับโซโล่ปรกติ ที่นี้ไอเดียนึงก็เกิดขึ้นมาในหัวเลยก็คือ ถ้าไลน์แรกมันคือการเล่นแบบพิณอีสาน และอีกไลน์มันกลายเป็น Al Di Meola หละ แล้วเอามาดวลกัน (หัวเราะ) พี่ก็เลยจับใส่ในเพลงเลย พี่คิดไปถึงตอนเล่นคอนเสิร์ตเลยนะ คิดถึงตอนให้พี่โอ้ โอฬาร ขึ้นมาเล่นไลน์พิณ แล้วก็มีมือกีต้าร์คนโน้น คนนี้ ขึ้นมาเล่นด้วย เอาแบบแจมกัน แจมแบบนานเลย เอากันแบบเป็น สิบนาทีเลย มันคงสนุกมาก (หัวเราะ)
GT : แล้วกับการปรับเสียงในเพลงกับกีต้าร์ 2 ไลน์ ที่อยู่ในเพลงที่เป็นพิณอีสานที่พี่บอกหละครับ ?
พี่โอม : คือ..พอพี่นึกถึง Al Di Meola ปุ๊ป ภาพของ Gibson มันขึ้นมาเลย ก็ใช้ Gibson เนี่ยะแหละเล่น เล่นแบบปั่นๆตามสไตล์ของ Al Di Meola เลย ส่วนไลน์ของที่เป็นพิณพี่ก็ใช้เสียงคลีน แล้วปรับแต่งนิดหน่อย
GT : เพลงในชุดนี้ไลน์กีต้าร์ที่วางไว้ พี่คิดถึงตอนเล่นไลฟ์เลยหรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : ใช่ครับ คือจริงๆแล้วที่คิดเอาไว้ จะไม่มีการเอา MD หรือ sampling มาใช้เลย ทุกอย่างมาจากคนเล่นโดยตรง และก็คิดว่า เท่าที่ซ้อมกับวงแล้ว ไลน์ทุกไลน์น่าจะเก็บได้ครบ แต่จะมีปัญหาอย่างนึงก็คือตอนที่พี่ต้องเล่นด้วยร้องด้วย พอได้ลองซ้อมแล้ว มันเหยียบเอฟเฟ็กเปลี่ยนเสียงไม่ทัน (หัวเราะ) แต่คิดว่าตรงนี้ไม่นาน ต้องซ้อมอีกนิด เพราะอย่างตอนอยู่ในห้องอัดมันสบายเลย ทุกอย่างไหลเลย (หัวเราะ)
GT : งานชุดนี้พี่อัดสดหมดเลยหรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : ใช่ครับ ไลน์ที่เป็นไลน์หลักๆนี่อัดสดหมดเลย คือ..จริงแล้วงานชุดนี้ค่อนข้างจะสะดวก คือการอัดเราไม่ได้อัดแบบเร่งรีบ เพราะพี่ใช้ห้องอัดที่บ้านเลย ดังนั้น เรื่องของเวลาจะไม่มีการเข้ามากำหนด ว่าต้องเสร็จเมื่อไหร่ กีต้าร์ เบส คีย์บอร์ด ใช้อัดสด ส่วนกลองนี่พี่จะใช้เขียนโปรแกรม พี่ก็เริ่มต้นจากพาร์ท ริทึ่มมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพ ก็มีอัด คีย์บอร์ดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ลูกเล่นอะไรมากมาย มีเบสบ้าง ส่วนกีต้าร์นี้ ไม่ค่อยมีอะไรเป็นห่วง เพราะเราวางทุกอย่างไว้หมดแล้ว กีต้าร์อัดง่ายสุดครับ (หัวเราะ)

GT : หลังจากอัดๆไปแล้ว มีการกลับมาแก้ไขหรือเปล่าครับ?
พี่โอม : อืม ไม่มีครับ ส่วนใหญ่ก็อัดผ่านเลย แต่จะมีบางครั้งที่เพลงที่เราอัดไว้ตอนเป็น เดโม ก็นำมาเป็นมาสเตอร์ได้เลย (หัวเราะ)
GT : กับการอัดพี่อัดกับ เครื่อง Mac และ Protool หรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : ไม่ครับ ใช้อัดกับ PC เลย โปรแกรมที่ใช้ก็คือ Nuendo ซึ่งก็ใช้ทำงานตลอดเลยนะ แรกๆที่ใช้ก็มีงงๆเหมือนกัน เพราะเดิมทีเราใช้อีกอย่าง แล้วมาเจอ Nuendo มันก็เลยใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัว แต่พอเข้าใจมันแล้ว ง่ายเลยครับ
GT : ส่วนตัวพี่แล้ว พี่มีแนวคิดยังไงครับกับการทำงานเพลงทั้งบน Mac และ PC?
พี่โอม : จริงๆแล้วเนี่ยะ การทำงานบน PC ในสมัยก่อนนั้น ปัญหาค่อนข้างเยอะมาก หากต้องใช้ทำงานกันเป็นวัน นี่เครื่องแฮ้งค์เอาง่ายๆ ซึ่งมันต่างกับการทำงานบน Mac ที่ค่อนข้างเสถียร มากๆ แต่ปัจจุบัน PC มีการ อัพเกรดเรื่องของ ระบบและการรองรับการทำงานที่ค่อนข้างดี ดังนั้นพี่ว่ามันก็ไม่ต่างกันมาก ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าคนใช้ถนัดอย่างไหนแล้วครับ
GT : แล้วกับอุปกรณ์ที่พี่ใช้หละครับ ?
พี่โอม : อืม..ก็จะมี Flextone ของ Line 6 จะเป็นรุ่น Flextone lll ส่วนกีต้าร์ที่ใช้นั้นหลักๆเลยก็คือ Gibson Lespaul รุ่นของ Peter Flampton แล้วก็ Fender รุ่น 50 ปี Anniversary ส่วนของ กีต้าร์โปร่งก็จะใช้ Martin กับ Ovation เป็นหลัก
GT : กับพวก Stomp Box พี่สนใจหรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : สนครับ แต่ตามไม่ไหว (หัวเราะ) เพราะมันออกมาเยอะมาก ก็ตั้งแต่เข้ามามีโอกาสได้แจม กับอ.ปราชญ์ พี่เองก็ได้ความรู้จากตรงนี้เยอะเหมือนกัน เพราะ ปราชญ์เขาจะเป็นคนที่ชอบลอง พวกนี้อยู่แล้ว พี่ก็ได้ลองตามเขานั้นแหละ มีอยู่ตัวนึงที่ดีเลยทีเดียว เป็นของ Carl Martin พี่ก็เอามาใช้ด้วย เสียงดีมากๆ
GT : เพลงในชุดนี้ จะมีโอกาสเห็น พวกโซโล่อย่างที่พี่เคยทำไว้ในเพลง “เห็นใจกันหน่อยหรือเปล่าครับ” ?
พี่โอม : บอกได้เลยครับ ว่าไม่มีครับ เพราะพี่มีแนวความคิดนึงก็คือ พี่ไม่อยากย้อนกลับไปทำงานอย่างที่เคยทำมาก่อนแล้ว พี่กำลังมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่อยากทำต่อไป
GT : อันนี้เป็นคำถามขำๆนะครับ อย่างในกรณีที่พี่ เองก็เป็นมือกีต้าร์บันทึกเสียงด้วย พี่เคยคิดว่า พี่อัดไลน์กีต้าร์ยากๆ ไป แล้วคนที่แกะเพลงพี่จะคิดกันอย่างไรหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างเพลง เห็นใจกันหน่อย อย่างเนี่ยะครับ ?
พี่โอม : (หัวเราะ) อย่างเพลง เห็นใจกันหน่อยเนี่ยะ พี่ก็นั่งอัดไปเรื่อยๆเลยนะ ไม่ได้คิดอะไร ก็เปิดเพลงแล้วอัดไลน์กีต้าร์ไว้หลายไลน์มาก แล้วก็ค่อยมานั่งดูต่อกันว่าจะเอาอันไหนบ้าง ก็ค่อยๆแต่งไปเรื่อยๆ เพราะสมัยนั้นเพลงที่ออกมาต้องเป็นเพลงที่โชว์พวกกีต้าร์เยอะๆหน่อย โซโล่ก็ต้องเล่นกันยาวๆ ตามสมัยนิยม (หัวเราะ) พี่ก็ใช้ กีต้าร์ Gibson อัด เพราะซาวด์มันต้องออกมาดุๆ แต่เวลาเล่นจริงๆ พี่ใช้ Fender นะ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แต่อย่างนึงคือ ถ้านำเพลงนี้กลับมาเล่นใหม่ในปัจจุบัน พี่คิดว่า คงจะไม่ไปเล่นลูกโซโล่อย่างนั้น น่าจะหาวิธีเล่นใหม่ไปเลย คงไม่ไปเล่นไลน์ที่ตัวเองอัดไว้
GT : จะมีโอกาสที่เห็น อินโนเซ้นต์ กลับมาร่วมเล่นกันอีกครั้งหรือเปล่าครับ?
พี่โอม : จริงๆแล้ว หลังๆนี่มีการพูดคุยกันบ่อยมากเลยนะ แต่ก็ติดปัญหาหลายอย่าง ด้วยวัยของสมาชิก (หัวเราะ) คือหลายๆคน ทิ้งห่างจากเครื่องดนตรีมานานพอสมควร ก็ต้องมาซ้อมกัน แต่โอกาสที่จะได้ดูคอนเสิร์ตสำหรับอินโนเซ้นต์นั้น มีสูงครับ
GT : พี่มีโปรเจ็คอะไรต่อไปบ้างครับ?
พี่โอม : ก็ตั้งแต่ พี่ได้เข้ามาร่วมแจมกับทาง Prart Group ก็มีโอกาสนั่งคุยกับอ.ปราชญ์ บ่อยมากถึงเรื่องของโปรเจ็คต่างๆ ซึ่งมีเยอะมากๆ แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสที่จะลงมือทำซักที แต่ที่ตั้งใจวางไว้เลยก็คือ ภายในปีนี้จะออกอัลบั้มของตัวเองอีกซักชุดครับ
GT : ในปีนี้พี่มีโปรเจ็คที่ทำเพลงให้กับศิลปินคนไหนหรือเปล่าครับ?
พี่โอม : คิดว่าไม่นะ คงลุยงานของตัวเองอย่างเต็มที ส่วนโปรเจ็คใหญ่ๆอย่างที่ทำมา คือเป็น Music Director ให้กับ Academe Fantasia อะไรอย่างนั้น ก็คงต้องมานั่งดูและคุยกันว่า เป็นรูปแบบไหนบ้าง

GT : จะมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ต กับเพลงชุดนี้หรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : คิดไว้ว่ามีแน่นอน และก็จะเชิญมือกีต้าร์หลายๆคนอย่าง พี่โอ้ โอฬาร ,ป็อป ,จั๊ก,อ.ปราชญ์ และอีกหลายคน มาร่วมๆแจมกัน
GT : ทุกวันนี้พี่ยังซ้อมกีต้าร์เยอะอยู่หรือเปล่าครับ ?
พี่โอม : ตอนนี้ เวลาที่มีก็คือการทุ่มให้กับอัลบั้มชุดนี้และการซ้อม ก็มีการซ้อมเยอะขึ้น เพราะเราไม่ต้องไปพะวงกับเรื่องอื่น ก็ซ้อมในสิ่งที่เรายังไม่คล่อง มีครั้งนึง ก็มีการทำ Work Shop ร่วมกันกับ ปราชญ์แล้วก็ป็อป มันเป็นคำถามนึงจากปราชญ์ที่ถามป็อป แล้วป็อปก็พูดแนวคิดนึงขึ้นมา ว่า “ผมจะนำสิ่งที่ผมเล่นแล้วคิดว่า คุมมันได้แล้วมาเล่นเท่านั้น” พี่ก็ อืม..มันก็จริงนะ ไม่คิดอะไรให้ไปไกลมาก หลังมาพี่ก็เล่นและซ้อมในสิ่งที่พี่เล่นจนอยู่ตัว แล้วถึงค่อยเอามาใช้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงเลยนะ
GT : สุดท้ายแล้ว พี่มีอะไรอยากฝากถึงน้องๆที่เล่นกีต้าร์กันบ้างครับ ?
พี่โอม : เว็ปนี้เป็นเว็ปที่ดีมากนะ คือทุกคนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และต้องบอกเลยเป็นเว็ปที่มีการดูแลความเรียบร้อยที่ดีทีเดียว ทุกๆคนมีการให้ความรู้ มีการแลกเปลี่ยนกัน ตัวพี่เองก็เข้ามาเล่นเว็ปนี้บ่อยทีเดียว ก็เข้ามาอัพเดทข้อมูลข่าวสารจากที่นี้เลย ไม่งั้นเดี๋ยวตกข่าว เและก็รู้สึกดีใจที่น้องๆที่ชอบเล่นดนตรีหลายต่อหลายคนต่างก็หาความรู้กัน ก็อยากให้เป็นกันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆครับ