วันนี้ผมได้มีโอกาสนัด Mats Olausson อดีตมือคีย์บอร์ดของ Yngwie ยุคเฟื่องฟูมาคุยกันเรื่องงาน Marcel Coenen Guitar Clinic and LIVE!!! ที่ Sak Music '54 - Central World Plaza เลยถือโอกาสนัดเพื่อนๆ พี่ๆ จากหนังสือ The Guitar Mag, Metal Mag, Music Express และก็คุณ XDA2-MiNi มานั่งคุยกันด้วย ตอนแรกเราคิดกันไว้ว่าเราจะสัมภาษณ์แบบเดี่ยวๆ ต่างคนต่างยิงคำถามของตัวเอง แต่พอเรามานั่งดูคำถามแต่ละคำถามที่พวกเราเตรียมมากันนั้น 80% มันจะเป็นคำถามที่คล้ายๆกัน เราเลยตัดสินใจที่จะนั่งรวมกันแล้วรุมกันยิงคำถามใส่ Mats ดีกว่า (เล่นเอา Mats มึนไปไม่ใช่น้อย)
จากความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ถึงแม้ว่าตัว Mats นับได้ว่าเป็นมือคีย์บอร์ดพระกาฬและเคยร่วมงานกับ Yngwie ซึ่งถือว่าเป็นมือกีตาร์อันดับ 1 มาแล้ว (มีมือกีตาร์คนไหนดังกว่า Yngwie อีกไหม) เขายังเป็นคนที่ดูติดดินมากๆ Mats เป็นนักดนตรีที่มีประสบการณ์สูง เขาตะลุยมาทั่วโลกกับ Yngwie แล้วก็ยังเคยใช้ชีวิตและเล่นดนตรีอยู่ในหลายๆประเทศ ตอนนี้ Mats ตั้งรกรากถิ่นฐานที่ประเทศไทย ใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาที่ จังหวัด ระยอง Mats เองผ่านชีวิตมามาก เขาเคยใช้ชีวิตฟู่ฟ่า ตอนที่เขาอยู่กับวงของ Yngwie แล้วก็มีบางช่วงของชีวิตที่ตกต่ำ ก็อย่างว่าแหละ ชีวิต มันมีขึ้นมีลง แต่เขาก็ยังคงซื่อสัตย์กับอาชีพนักดนตรีของเขาอยู่ นอกจากเราจะได้เป็นเพื่อนกันแล้ว(เพื่อนต่างวัย) ผมยังถือโอกาสเรียนรู้เรื่องราวอื่นๆอีกมากมายจาก Mats เรามาเริ่มบทสัมภาษณ์ของเรากันเลยดีกว่า
แมตส์ ผมดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้งนะ
ผมก็ดีใจเหมือนกัน
เริ่มกันเลยแล้วกัน คุณช่วยบอกแบล๊คกราวของคุณให้แฟนๆได้รับรู้กันหน่อย
โอเค ผม Mats Olausson (อ่านว่า โอ เลาท์สัน) เป็นอดีตมือคีย์บอร์ดให้กับวง Yngwie J. Malmsteen จริงๆผมทำงานร่วมกับวงดนตรีอื่นๆหลายวง แต่ที่ผมได้ร่วมงานกับ Yngwie น่าจะเป็นอะไรที่โดเด่นที่สุดในชีวิตนักดนตรีของผม ทุกๆคนที่รู้จักผมก็เพราะว่าผมเป็นมือ คีย์บอร์ดอยู่ในวงของ Yngwie
ตัวผมเองเริ่มเล่นคลาสสิคคอลเปียนโนมาตั้งแต่อายุ 14 ผมเป็นโปรเฟสชั่นนอลเทรนด์เพลเยอร์ ผมเรียนรู้เรื่องทฤษฏีดนตรี ผมเรียนรู้ที่จะเขียนน็ตลงบนสกอร์บอร์ด เรียนรู้ที่จะแสดงดนตรี และอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้ใช้มันแล้วหละ ที่ผมใช้ตอนนี้คือ หู ของผมเสียส่วนใหญ่ พอผมฟังดนตรี ผมก็จะเริ่มเล่นเลย
คุณว่านักดนตรีที่เรียนมาอย่างจริงๆจังๆ แบบมีดีกรี กับ นักดนตรีที่ฝึกมาด้วยตัวเอง มีข้อแตกต่างกันมากไหม
ผมว่ามันไม่แตกต่างกันมากเพียงแต่นักดนตรีที่ได้ร่ำเรียนมาแบบจริงๆจังๆอาจจะดูได้เปรียบกว่านิดหน่อย จริงๆแล้วผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในสถานะไหนมากกว่า ถ้าคุณเป็น Rock Star คุณแสดงได้ถูกใจคนดูอย่าง Yngwie ที่เล่นอะไรคนดูก็ เฮ ไปหมด คุณแทบจะไม่ต้องใช้พวกสกอร์บอร์ดเลยหละ ในทางกลับกันถ้าคุณเป็น นักดนตรีรับจ้าง ทำงานในสตูดิโอ หรือว่าอยู่ในวง ออเครสตร้า อันนั้นแหละคุณต้องใช้สอกร์บอร์ดหละ คุณต้องอ่านโน๊ตแล้วเล่นตามออกมาให้ได้อย่างคล่องแคล่วคุณถึงจะได้งานหละ เพราะว่าจะมีคนส่งสกอร์มาให้คุณแล้วบอกคุณว่า “ เฮ้ !!! นายต้องเล่นเพลงนี้ให้ได้ใน 2 วันนะ เราจะเริ่มแสดงหรือว่าเข้าอัดกันใน 2 วันนี้แล้ว ” จริงๆแล้วการเรียนรู้ที่จะอ่านแล้วเล่นโดยใชข้สกอร์บอร์ด มันก็ดีตรงที่คุณสามารถเล่นได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพลงนานๆ คุณเห็นโน้ตบนสกอร์ คุณเล่นตามสกอร์
ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่หร๋อ มีโปรเจคอะไรใหม่ๆไหม
ก็มีครับ ตอนนี้ผมกำลังทำเพลงประกอบภาพยนต์ เพลง Rock นะ แล้วก็พยายามที่จะขายดนตรีของผมเอง ผมเองยังว่างพอที่จะรับงานในการอัดคีย์บอร์ดในห้องอัดนะ ผมเองก็เพิ่งที่จะตกลงในเซนต์สัญญาไปเล่นในคลับที่ชื่อว่า Co-Co ที่ หาดชเวง เกาะสมุย ผมจะปักหลักอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่งละ ถ้าทุกคนมีโอกาสแวะไปทักทายผมได้นะ ส่วนวันที่ 10-11-12 มีนาคม รู้สึกว่าจะเป็นวัน ศุกร์ – เสาร์-อาทิตย์ ผมจะกลับมาที่ กทม. เพื่อที่จะไปเล่นคีย์บอร์ด กับ Marcel Coenen ในงานคลีนิคของเขาที่ ม.จันทรเกษม ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่คุยกันว่าเราจะ แจม กันยังไงดี เราจะเล่นแจมกันกับแบคกิ้งแทรค หรือว่าเราจะเซตวงขึ้นมาเพื่อที่จะเล่น เรายังไม่ได้ตัดสินใจเลย แต่ที่แน่ๆจะมีการแจมกันแบบถาม-ตอบ เหมือนกับว่าเราสองคนกำลังคุยกันแต่ผมจะคุยผ่านคีย์บอร์ดของผม แล้ว Marcel เองก็คุยผ่านกีตาร์ ภาษาที่เราใช้ก็คือภาษาดนตรี ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าจะสนุกและผมก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆเสียจริงๆ ผมแทบจะทนไม่ได้แล้ว
ฟังดูน่าสนใจ คุณได้เช็ค Marcel Coenen แล้วหรือยัง
ผมได้ดูแผ่นวีซีดีที่คุณให้ผมไว้แล้ว ผมดูยังไม่จบหรอก แต่จากอะไรที่ผมเห็นและได้ยิน ผมว่าหมอนี่ร้ายกาจมากเลย ผมฟังเสียงการดันสายของเขาผมก็รู้เลยว่าเขาไม่ธรรมดา ผมผ่านเอียร์แทริ่งมานะ Marcel เขาดันสายได้ไม่เพี้ยนเลย มือกีตาร์ที่ผมได้ฟังส่วนใหญ่บางคนดันสูงไป บางคนดันสายต่ำไป แต่หมอนี่แจ๋ว แล้วเขาก็เล่นได้หวือหวามากๆ (ทำมือให้ดูแบบรูดกีตาร์ขึ้นๆลงๆ) มันคงที่จะสนุกถ้าเราได้มีโอกาสเล่นด้วยกัน แล้วผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง (มองมาที่ผม)
แมตส์ ผมขอโทษทีนะเพราะว่าผมต้องยอมรับว่าผมรู้เรื่องของคุณน้อยมากเลย แต่ผมรู้ว่าคุณเป็นมือคีย์บอร์ดให้กับ Yngwie (แมตส์ แทรกมาว่า เยส เยส เยส) คุณเข้าไปร่วมงานกับ Yngwie ได้ยังไง
โอ้ ตอนนั้นผมเล่นดนตรีอยู่ในคลับ ผมเป็นเพื่อนกับ Gorun Edman นักร้องของวง Yngwie ซึ่งตอนนั้น Yngwie เพิ่งจะมองหามือคีย์บอร์ดใหม่มาแทน Jean Johansson ตา Edman นี่แหละก็เดินมาถามผมที่คลับที่ผมเล่นว่า “ เฮ้ แมตส์ นายสนใจที่จะไปเล่นคีย์บอร์ดให้กับวงของ Yngwie ไหม ” ผมตอบตกลง แล้วผมก็ไปออดิชชั่นในวันรุ่งขึ้น ผมเจอ Yngwie วันนั้นแหละเขาเองก็มาดูผมเล่น ผมเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าเล่นอะไรไป แต่ผมเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว พอจบการออดิชชั่นผมก็กลับบ้านแล้วอีก 2 วันให้หลังผมก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการวงของ Yngwie บอกว่า เฮ้ย พวก นายได้งานแล้ววะ เตรียมตัวมาตะลุย เวิลด์ทัวร์ กับวงได้เลย ตัวผมก็ โอ้ เยสสสสส
คุณเองก็รู้นี่ว่า Jeane Johansson เขาแน่แค่ไหน คุณรู้สึกยังไงที่จะต้องไปแทนที่เขา
มันเป็นคำถามที่ผมได้พบบ่อยมากๆเลย ใครๆก็ถามผมแบบนี้ คนฟังมักจะเอาผมไปเปรียบเทียบกับ Jeane เสมอๆ จนบางทีทำให้ผมรู้สึกอึดอัด Jeane เป็นมือคีย์บอร์ดที่มหัศจรรย์มากๆครับ ผมยอมรับในความสามารถของเขาทุกๆด้าน ตัวผมเองไม่เคยคิดที่จะไปเปรียบเทียบกะใครเขาเลย ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำให้ดีเท่าที่ผมจะทำได้ ผมไม่สนใจว่าผมจะสามารถที่จะเทียบกับ Jean ได้ แต่ Jean ก็คือ Jean และ Mats ก็คือ Mats ผมเองก็ทำหน้าที่มือคียร์บอร์ดให้กับวงได้อย่างดี ไม่มีปัญหานี่
แม็ตท์ คุณต้องเคยไปพักอยู่ที่บ้านของอิงวี่ที่สวีเดนแน่ แน่ ดังนั้นช่วยบอกเราหน่อยว่า บ้านของอิงวี่จริงๆ แล้วมีกีตาร์กี่ตัวกันแน่?
โอ้..เป็นคำตอบที่ตอบยากมากๆ มันเหลือเชื่อจริงๆ นะที่บ้านของเขา ไม่ว่าคุณจะเดินไปตรงไหน คุณก็จะเจอกีตาร์วางอยู่แทบทุกที่นั่นแหละ ถ้าคุณจะไปหาเสื้อผ้าใส่ซักตัว เปิดตู้มาก็จะเห็นกีตาร์วางอยู่ หรือแม้แต่จะเข้าห้องน้ำก็ยังมีกีตาร์วางอยู่ในห้องน้ำเลย
คุณตะลุยมาเกือบทั่วโลกกับ Yngwie คุณน่าจะมีประสบการณ์อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับการเล่นดนตรี และคงมีเรื่องเล่าอะไรมากมายเกี่ยวกับตัว Yngwie คุณก็น่าจะรู้ว่าพวกเราชื่นชม Yngwie กันขนาดไหน คุณน่าจะมีเรื่องอะไรเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับ Yngwie บ้าง
ได้เลย คุณอยากฟังเรื่องแบบไหนหละ...
Yngwie เขาเป็นสุดยอดมือกีตาร์ทุกคนก็รู้แหละ แต่ถึ้งแม้ว่าเขาจะเป็น Yngwie เขามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างสูงในหน้าที่การงานของเขาแต่ชีวิตอีกด้านของเขาก็ไม่ค่อยจะดีนัก Yngwie เขาก็ประสบความล้มเหลวในด้านครอบครับของเขา เขาแต่งงานหนนี้เป็นหนที่ 3 ละ (นี่เขาล้มเหลว หรือว่าประสบความสำเร็จกันแน่ ผมคิดอยู่ในใจ) แต่หนนี้ท่าทางเขาคงจะไม่หย่าอีกละ (หัวเราะ) เขารักภรรยาของเขาคนนี้มากแล้วมีลูกชายอยู่อีกคน Yngwie ในสมัยก่อนเขาค่อนข้างจะกร่างๆนะแล้วเป็นคนที่จะทำงานด้วยค่อนข้างยาก เขาดื่นหนัก แถมยังสูบบุหรี่จัดอีกด้วย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีนิสัยแบบนั้นแล้ว เขาหยุดดื่ม และเลิกสูบบุหรี่แบบเด็ดขาด
เล่าเรื่องที่เขาเจอกับ Joe Sat ครั้งแรกแล้วกัน ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว วันนั้น Yngwie กับ Joe เล่นโชว์ในที่ใกล้ๆกัน แล้วก็ได้พักในโรงแรมเดียวกัน หลังจากการแสดงจบลง Yngwie ก็ออกไปดื่นตามปกติที่เขาทำนั่นแหละ คือว่าเขามักจะออกไปซดเหล้าแล้วเมาแอ้กลับมาเป็นประจำจนพวกเราชินแล้วหละ แต่พอดีวันนั้นมันไม่ธรรมดาหน่อยที่เขากลับมาจากการดื่มอย่างหนักแล้วก็เดินมึนๆเขามาที่โรงแรม พวกเราก็นั่งกันอยู่ที่ ล๊อบบี้ มีทั้งผมเอง แล้วก็ผู้จัดการของ Yngwie แล้วก็ ผู้จัดการ Joe พร้อมกับลูกทีมเกือบทั้งหมด พอดีมันเป็นจังหวะเดียวกันที่ J oe กลับเข้ามาแล้วจะเข้ามาคุยกับผู้จัดการของเขาด้วยแล้วเขาไป เจอกับ Y ngwie มันแปลกตรงที่ Y ngwie ไม่รู้จัก J oe จริงๆ Yngwie รู้ว่า Joe เป็นใครและเคยฟังเพลงของ Joe ด้วยแต่ Yngwie ไม่เคยเห็นหน้า Joe มาก่อนเลย Joe เขาเดินเข้าไปหา Yngwie ทำการทักทายแบบเป็นกันเองพร้อมทั้งยื่นมือเขาไปเช็คแฮนด์ คุณก็รู้ว่า Yngwie เขาตัวใหญ่ สูงเกือบ 2 เมตร แต่ Joe สูงแค่ 170 เซนติเมตร พอ Yngwie เขาเห็น Joe เดินเขาไปหา เขาเลยเอามือมาจับที่หัวของ Joe พร้อมกับผลัก Joe ออกไปอย่างแรง Joe เองก็ปลิวออกไปตามแรงผลักแบบหน้าหงายไปเลย Joe ถึงกับเหวอ ไปเลยหละเขาคงไม่คิดว่าเขาจะเจออะไรแบบนี้มั้ง (หัวเราะ) แล้ว Yngwie ก็เดินขึ้นไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเราถึงกับตกตลึงตาค้างกับเป็นแถว แต่ดูแล้ว Joe ก็ไม่ได้โกรธอะไร Yngwie แต่ก็คงจะหัวเสียอยู่บ้างหละแล้วเขาก็ไปคุยกับผู้จัดการเรื่องงานของเขาต่อ แต่ทางผู้จัดการและลูกทีมของ Yngwie นี่อะดิยังตกใจกันไม่หาย Joe หันมาบอกว่า “I'm OK” พอรุ่งเช้า Yngwie สร่างเมาแล้วเดินลงมาจากห้องนอน แล้วก็มาเจอกับผู้จัดการของเขาที่ปรี่เข้าไปหาตั้งแต่แรกเลย ผู้จัดการของ Yngwie ถามเขาว่า นาย จำเรื่องเมื่อคืนได้ไหม เขาตอบกลับมาว่า มีอะไรหร๋อ เขาจำอะไรไม่ได้ ผู้จัดการเลยถามเขาต่อว่าแล้วนายจำเรื่องที่ผลักหัวเด็กผู้ชายคนนึงกระเด็นไปเลยได้หรือป่าว เขาพยักหน้าแบบว่าจำได้ แล้วผู้จัดการก็เฉลยให้ Yngwie รู้ว่า ไอ้เด็กคนที่นายผลักกระเด็นไปอะ นั่นคือ Joe Satriani พอ Y ngwie รู้เท่านั้นแหละ เขาอุทานออกมาว่า Oh, n o!!! พร้อมกับยกมือขึ้นมากลุ่มหัวตัวเอง เขาเลยต้องรอจนกว่า Joe จะเดินลงมาแล้ว Yng wie เดินเขาไปของโทษ Joe แล้วบอกว่าเขาเมา ซึ่งดู J oe เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไรนัก ... นั่นเป็นเรื่องเก่าๆซึ่งตอนนี้ Yngwie เขาไม่ได้เป็นอย่างงั้นอีกแล้ว เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ เหล้ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆนะ
เพราะงั้นก็เลิกดื่มเหล้าซะ
ช่าย ถ้าคุณทำได้นะ คุณควรจะเลิก ซะเถอะ คุณรู้ไหมว่าทำไม Yngwie ถึงเลิกที่จะดื่มเหล้า และเลิกสูบบุหรี่ (ไหง Mats กลับมาเป็นคนถามผม ซะงั้น)
ผมไม่รู้หรอก อาจจะเป็นเพราะว่าภรรยาเขาห้ามมั้ง (หัวเราะ)
นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง (หัวเราะบ้าง) แต่จริงๆแล้ว Yngwie เขาน๊อคหลังจาก show ที่สิงค์โปร ครั้งที่แล้วนะ อยู่ๆหัวใจแทบจะหยุดเต้น พวกผู้จัดงานต้องเรียกรถโรงพยาบาลและหน่วยกู้ชีพเขามาที่โรงแรงที่เขาอยู่อย่างเร่งด่วน วุ่นวายโกลาหลไปหมดเลยแหละ หน่วยกู้ชีพต้องปั๊มหัวใจให้ Yngwie เขาถึงฝื้นขึ้นมาได้ ถ้าหน่วยกู้ภัยมาช้ากว่านี้อีกแค่ 3 นาที Yngwie คงลาโลกไปเรียบร้อยแล้วหละ เนื่องจากเขาดื่มหนักและสูบบุหรี่จัดมากๆติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ความดันของเลือดของเขาต่ำมาก หมอจากสิงค์โปร์ได้เข้ามาตรวจเขา แหวกตาเขาดูพร้อมกับบอกเขาว่า เขามีทางเลือกอยู่ไม่มาก คือ 1. เลิกสูบบุหรี่ และ ดื่มเหล้า เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ หรือ 2. ไม่เลิกสูบบุหรี่และดื่มเหล้า แต่จะต้องตาย หรือพูดง่ายๆว่า จะอยู่ หรือจะตาย Yngwie เลือกที่จะอยู่ เขาจึงหยุดเหล้า กับ บุหรี่ แล้วก็หันมาออกกำลังกาย
ผมว่าเราพูดเรื่อง Yngwie มามากแล้วหละ เรามาต่อเรื่องของคุณบ้างดีกว่า คุณได้ทำงานร่วมกับมือกีตาร์อย่าง Yngwie มาแล้ว ยังมีมือกีตาร์คนไหนที่คุณอยากจะร่วมงานด้วยอีกไหมในอนาคต
มีสิ Kee Marcello ไง จริงๆผมกับ Kee เป็นเพื่อนกันมานานมาก Kee เป็นมือกีตาร์ที่น่าทึ่งมากๆ เขามักจะเล่นลูกลิกส์ต่างๆที่ผมไม่สามารถเล่นได้เลย เราเคยนั่งแจมกันเล่นที่บ้านของเขา Kee เล่นกีตาร์อย่างเร็ว (ทำมือเหมือนเล่นกีตาร์ รูดขึ้นๆลงๆ) แล้วหันมาถามผมว่า นายเล่นได้ไหม ผมบอกให้เขาเล่นช้าๆให้ผมดู แล้วค่อยเร็ว ผมดูอยู่ 2-3 ที ผมก็ยังไม่สามารถเล่นได้ ผมตามเขาไม่ทัน แต่กับ Yngwie ผมเล่นได้นะ Kee เป็นมือกีตาร์ที่ทุ่มเทกับการฝึกมากๆ เป็นมือกีตาร์ที่หาตัวจับได้ยากจริงๆ
คุณใช้ชีวิตในการเล่นดนตรีมานานมากแล้ว และคุณก็ได้ไปเล่นในที่ต่างๆมากมายในโลก คุณคิดว่านักดนตรีที่เมืองไทยมีความสามารถทัดเทียมกับนักดนตรีต่างประเทศหรือไม่
ผมเล่นดนตรีมากกว่าครึ่งชีวิตของผม ผมตะเวนมาหลายที่ ผมได้เห็นสิ่งต่างๆมามากมาย เมื่อตอน 15 ปีที่แล้วที่ผมมาเมืองไทยใหม่ๆ นักดนตรีของไทยค่อนข้างที่จะต่ำกว่ามาตรฐานเยอะมากๆ แต่ในระยะเวลา10 ปีที่ผ่านมาอะไรๆก็เปลี่ยนแปลง นักดนตรีไทยพัฒนาขึ้นไปมาก ผมสามารถบอกได้ว่าทุกวันนี้นักดนตรีของไทยเทียบเท่ากันนักดนตรีต่างชาติได้อย่างสบายๆเลย พูดถึงมือกีตาร์ เพราะว่าท่าทางพวกคุณจะบ้ากีตาร์กันเป็นส่วนใหญ่ เมืองไทยมี Pop The Sun มี พี่หมู คาไล และคนอื่นๆที่มีความสามารถเทียบเท่ามือโปรจากต่างประเทศ ในระยะเวลาแค่ 10 ปีซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมากๆ นักดนตรีของไทยสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ขนาดนี้มันทำให้ผมทึ่ง ผมดีใจมากๆเลยที่ผมได้มาอยู่ที่นี่
Pop ( The Sun ) เป็นมือกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมมากๆเลย ผมไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวหรอกนะ แต่ผมเคยได้ยินเขาเล่นอยู่บ่อยๆ ตอนแรกๆที่ผมได้ยินเขาเล่นที่คลับแห่งนึง ผมไม่เห็นตัวเขานะ ผมได้ยินแต่เสียง ผมนึกว่า Yngwie มาไทยซะอีก (หัวเราะ) ผมรู้เลยว่าเขาต้องได้รับอิทธิพลมาจาก Yngwie ไม่น้อยเลย พอผมหันไปเห็นเขาก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด เขาดูเหมือน Yngwie มากๆ เหมือนกะ Yngwie ย่อส่วนมาเลย ทรงผมก็เหมือน การแต่งตัวก็คล้าย อาจจะไม่เหมือนเลยสักทีเดียว แต่มันก็เหมือนพอที่จะทำให้คุณนึกถึง Yngwie หละ
ขอย้อนกลับมาที่งานโปรเจกต์ของคุณหน่อย คุณได้เขียนเพลงไว้เยอะแยะเลยเนี่ย มีอะไรแนะนำคนที่สนใจจะทำเพลงเองบ้างไหม?
คำแนะนำของผมก็คือคุณต้องลุกขึ้นมาทำเลย ถ้าคุณมีเรื่องราวอะไรจะเล่า คุณก็เขียนไปได้เลย ดนตรีไม่มีกฏตายตัวอะไรอยู่แล้ว อย่างแรกคุณไม่ได้เขียนเพลงประเภทคลาสสิก ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องมีกฏอะไรมาตีกรอบ บางครั้งกรอบของทฤษฏีก็สามารถริดรอนความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้นะ ถ้าคุณอยากแต่งเพลง อย่างแรกที่คุณต้องทำก็คือพยายามเปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ของคุณให้ได้ แล้ววุตถุดิบต่างๆ มันก็จะหลั่งไหลออกมาเองแหละ
-
1. Michael Rickfors (member of The Hollies)
-
2. Ulf Lundell
-
3. Public... Don't Wanna Talk About Her , 1980
-
4. Public... You're My Dream Girl, 1981
-
5. Anne - Lie Rydé Swedish Tour 1983
-
6. Anne - Lie Rydé... Anne - Lie Rydé, 1983
-
7. Basse Wickman
-
8. Roxette.....TV Appearances
-
9. King Pin
-
10. Motvind...Kamikaze, 1983
-
11. Silver Mountain...Hibiya Live In Japan '85, 1986
-
12. Dalton... The Race Is On, 1987
-
13. Jean Beauvoir... Jacknifed, 1987
-
14. King Pin...Welcome To Bop City, 1988
-
15. Bam Bam Boys... Bam Bam Boys, 1989
-
16. Höglund Band... Faces, 1989
-
17. Jakob Hellman... Och Det Stora Havet, 1989
-
18. Glory... Danger In The Game, 1989
-
19. Baltimoore...There's No Danger On The Roof, 1989
-
20. Talisman...Talisman, 1990
-
21. Baltimoore... Freak, 1990
-
22. Yngwie Malmsteen... Eclipse, 1990
-
23. Anne-Lie Rydé... Anne-Lie Rydé / Segla På Ett Moln, 1990
-
24. Various Artists... Guitars That Rules The World, 1992
-
25. Yngwie Malmsteen... The Yngwie Malmsteen Collection, 1992
-
26. Yngwie Malmsteen... Fire And Ice, 199 2
-
27. Yngwie Malmsteen... The Seventh Sign, 1993
-
28. Yngwie Malmsteen... I Can't Wait, 1994
-
29. Yngwie Malmsteen... Power And Glory, 1994
-
30. Glory... Crises Vs Crises, 1994
-
31. Yngwie Malmsteen... Magnum Opus, 1995
-
32. Talisman... Besterious, 1996
-
33. Talisman... Best Of Talisman, 1996
-
34. Yngwie Malmsteen... Inspiration, 1996
-
35. Yngwie Malmsteen... Facing The Animal, 1997
-
36. Yngwie Johann Malmsteen... Concerto Suite For Electric Guitar And Orchestra In E Flat Minor Op.1 - Millennium, 1997
-
37. Glory... Wintergreen, 1998
-
38. Silver Mountain... Best, 1998
-
39. Yngwie Malmsteen... Live!!, 1998
-
40. Yngwie J. Malmsteen's Rising Force... Alchemy, 1999
-
41. MVP Animation, 1999
-
42. Yngwie Malmsteen... Anthology 1994 - 1999, 2000
-
43. Yngwie Malmsteen... The Best Of 1990 - 1999, 2000
-
44. John Norum... Slipped Into Tomorrow, 2000
-
45. Various Artists... Power From The North : Sweden Rocks, 2000
-
46. Kharma... Wonderland, 2000
-
47. The Reign Of Terror... Sacred Ground, 2000
-
48. Yngwie J. Malmsteen's Rising Force... War To End All Wars, 2000
-
49. Yngwie Malmsteen... Archives, 2001
-
50. Eclipse... The Truth And A Little More, 2001
-
51. A.R.K. ... Burn The Sun, 2001
-
52. Lion's Share... Entrance, 2001
-
53. Sayit... Again, 2001
-
54. Radioactive... Ceremony Of Innocence, 2001
-
55. Various Artists... Rock The Nations, 2001
-
56. Various Artists... Rock The Nations 2, 2002
-
57. Destiny... Future Of The Past, 2002
-
58. Anne-Lie Rydé... Det Bästa 1983 - 2002, 2002
-
59. Reign of Terror - Conquer & Divide, 2002
-
60. Jason Becker Tribute Vol 2, December 2002
-
61. MVP... The Alter December 18th (Japan), May 2003 (Europe)
-
62. Kamelot 2003 Tour
-
63. Evil Masquerade... Welcome To The Show (2004)
-
64. Sumosha... Signs of Solace (2004)