Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

12324


 Interview :     Greg Tribett (Guitarist of Mudvayne) จาก Guitar Player     11/8/2005    เดียว

Interview : Greg Tribett (Guitarist of Mudvayne) จาก Guitar Player by Straight Ahead

Q : อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการแสดงให้เห็นในอัลบัม ”Lost and Found” ?

A : พวกเราเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในโลกของทั้งสองแบบทั้งการสูญหายและการค้นพบ แน่นอนนั้นอาจหมายถึง ความดิบกร้าวและความนุ่มละไมราวกับผ้าไหมที่ต่างมาผสมกันอย่างลงตัว และนี่ก็ยังเป็นเหตุผลที่เราเลือกเอา Dave Fortman มาทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับพวกเราในอัลบัมชุดนี้ เขาสามารถดึงเอาจิตวิญญาณของความดิบกร้าวของซาวด์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ยังสามารถสร้างความอ่อนนุ่มและราบเรียบอย่างที่ทำในอัลบัม Fallen ของ Evanesscence อีกด้วย

Q : คุณได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสไตล์หรือวิธีการเล่นของคุณในอัลบัมชุดนี้บ้างหรือเปล่าในอัลบัมชุดนี้ ?

A : ผมไม่รู้หรอกถ้าหากว่าสไตล์ของผมจะเปลี่ยนไปจริงจากอัลบัมสองชุดก่อนหน้านี้ (L.D. 50 ในปี 2000 และ The End of All Things to Come ในปี 2002 ) แต่ผมเพียงแค่รู้สึกใส่ใจกับเรื่องของทางคอร์ดที่ต้องวางไว้เพื่อรองรับให้กับ Chad ( นักร้องนำของวง ) ในเรื่องของการร้องมากกว่าที่จะสนใจว่าจะต้องเขียน Riff ใหม่ๆออกมา

Q : ดูเหมือนว่าอัลบัมชุดนี้จะบออกเป็นนัยๆว่าคุณได้รับอิทธิผลจาก Pantera ผ่านออกมาในเพลงใหม่ๆของคุณ

A : แน่นอน Dimebag คือคนที่สร้างแรงบัลดาลใจที่ยิ่งใหญ่ต่อผม ผมมักจะนักลงพร้อมกับกีต้าร์ที่อยู่ในมือและเรียนรู้เพลงทั้งหมดของ Pantera ไม่ว่าจะเป็นอัลบัม Vulgar Display of Power และ Cowboy from Hell นอกจากนี้ก็ยังฟัง Led Zeppelin หรือ Ozzy ในยุคที่มี Randy Rhoads เล่นให้ และพวกอัลบัม Kill' Em All และ Master of Puppet ของ Metallica อีกด้วย

Q : วง Mudvayne นั้นมีมือเบส Ryan Martinie และมือกลอง Matt McDonough ซึ่งทั้งคู่ต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่ริทึ่มที่ยอดเยี่ยมในยุคนี้ คุณมีวิธีการคิดงานร่วมกันกับพวกเขาอย่างไร

A : มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ผมมักจะเริ่มต้นด้วยริฟขึ้นมาก่อน และหลังจากนั้น Matt และผมจะเป็นคนช่วยกันทำหน้าที่เรียบเรียงเพลงด้วยกัน เขาก็จะเริ่มต้นคิดจากวิธีเล่นของกระเดื่องและสแนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และผมก็จะเริ่มเล่นริฟนั้นตามมาทันที และ Ryan ก็จะเริ่มไปทำงานคู่กับ Matt อีกที่ในเรื่องของพัฒนากรู๊ฟของเพลง และ Ryan ก็จะเข้ามาคิดการเล่นให้เข้ากับเมโลดีที่ผมคิดขึ้น ในส่วนของร้องนั้นจะเข้ามาเป็นส่วนสุดท้าย และนั้นก็คือทั้งหมดที่จะเป็นเพลงของพวกเรา

Q : บ่อยครั้งที่เพลงของ Muudvanye มักจะมีเรื่องของ Odd Times เข้ามาใช้ นั่นเป็นความตั้งใจที่จะต้องมีใช่หรือเปล่า ?

A : เยี่ยมไปเลยกับคำถามนี้ แต่ผมอยากจะบอกว่าทั้งหมดนั่นมันเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเขียนเพลงครับ ทุกครั้งที่ผมเริ่มต้นจะเขียน riff ขึ้นมา ผมไม่เคยที่จะมานั่งคิดถึงเรื่อง time signature ซักเท่าไหร่ ผมมักจะเน้นไปที่เรื่องของการเขียนเมโลดีมากกว่า และไอ้เรื่องเหล่านี้มันก็มักจะมาเอง มันเป็นแนวคิดของผม และเมื่อผมนำสิ่งเหล่านี้ไปเล่นกับ Matt เขามักจะทักเสมอว่า เฮ้ย ! นี่มันเล่น Riff ออกมาเป็นส่วน 7/8 นี่ ผมเป็นคนที่เรียนรู้ด้วยด้วยตนเอง และประสบการณ์ในเรื่องการทำเพลงใน 7/8 นั้น มันก็มากับการทำงานร่วมกับ Matt นั่นเอง ผมรักที่จะเล่น odd times และผมก็จะดัดแปลงมันกับการเล่นของผมด้วย

Q : คุณมีวิธีจูนสายกีต้าร์ซักกี่วิธีในสไตล์ของคุณอย่างไร ?

A : บอกได้ว่า เยอะมากที่ผมเปลี่ยน และผมจะเล่นส่วนใหญ่คือ การจูนแบบ drop – C ผมเปลี่ยนจากเสียงต่ำไปสูง C,G,C,F,A,D ผมรักวิธีการจูนแบบนี้มาก เพราะมันสามารถเล่นคอร์ดด้วยเพียงนิ้วเดียวทาบลงไปได้ และเยอะมากตราบที่คุณจะมีความสามารถทำมัน

Q : ช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการเซ็ตอัพอุปกรณ์ของคุณด้วยครับ ?

A : กีต้าร์ที่ใช้หลักๆในการเล่นสดก็คือ Ibanez Artist Series ที่มีปิ๊กอัพตรงบริดเป็น EMG 81 และ EMG 85 ตรงช่วงคอ สายกีต้าร์ที่ใช้คือ DR, เบอร์ .011 , .015 , .018 , .036 , .046 และ .056 ผมใช้ปิ๊กของ Pick Boy รุ่น heavy เพราะผมไม่ชอบปิ๊กที่มีความยืดหยุ่นง่ายๆ ผมต้องการปิ๊กที่ให้เสียงของการกระแทกได้อย่างสุดยอด ในการแสดงสด ผมใช้ VHT Pitbull Head สองตัว ผ่าน VHT Cabinet สำหรับรองรับเสียงแตก และใช้ Roland Jazz Chorus สำหรับเสียงคลีน ที่ไม่ผ่านเอฟเฟค ส่วนในห้องอัดเสียง ผมมักจะเล่น Fender Telecaster ผ่านตู้ Roland Jazz Chorus และ Fender Twin เพื่อให้ได้เสียงคลีน ซาวด์จาก Telecaster เป็นซาวด์ที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะผ่านแอมป์ตัวไหนก็ตาม ส่วนเอฟเฟคที่ใช้ก็มี ดีเลย์ของ Line 6 รุ่น DL4 , คอรัสของ DOD และวาห์ ของ Morley รุ่น Bad Horsie ของ Steve Vai นั่นเอง

Q : อะไรคือสิ่งที่ทำให้วงยกเลิกการแต่งหน้าแบบน่ากลัวอย่างที่เคยทำ ?

A : เราต้องการที่จะทิ้งสิ่งเหล่านั้นและเปิดเผยอะไรก็ตามที่เราทำอยู่ทุกๆคืน บางที่เราอาจจะกลับไปแต่หน้าแบบนั้นก็ได้ ถ้าเรามีอารมณ์ที่อยาก มันก็เพียงแค่ทุกคนอยากให้เราเปิดเผยตัวออกมา เราก็แค่ทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจ ทั้งหมดมันก็เป็นแค่ความสนุกส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง

any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket