ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ผมได้คุยกับดู๋ดี๋ว่ามีมือกีตาร์รุ่นใหม่คนไหนที่น่าตื่นตาตื่นใจบ้าง ด้วยความที่ดี๋เป็นมือกีตาร์ แนว NEO CLASSIC ดี๋จึงพูดถึงชื่อของ แป๋ง ให้ผมฟัง แถมยังบอกสรรพคุณและชมเชยมือกีตาร์คนนี้เป็นอย่างมาก ผมจึงนัดดี๋ให้ช่วยพาผมไปดูหน่อย เราสองคนจึงมุ่งหน้าไป METAL ZONE เมื่อผมได้ก้าวเข้าไป นั่งสักพักผมได้พบกับหนุ่มน้อยผมยาว ชุดหนัง เดินถือกีตาร์ washburn ตัวเก่งเข้ามา นั่งอีกพักนึง แป๋งก็ขึ้นเล่นแล้วก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ ทั้งเทคนิค ความรวดเร็ว ชัดเจน สำเนียงดีมาก ผมเลยตัดสินใจสัมภาษณ์หนุ่น้อยคนนี้ทันที เพราะต้องการอยากให้หลายคนรับรู้ความมหัศจรรย์ของหนุ่มน้อยคนนี้ ( อ่านบทสัมภาษณ์เก่าได้ใน คอลัมภ์ interview)
ในวันนี้ผมได้เจอแป๋งอีกครั้งรู้สึกดีใจที่แป๋งมีอัลบั้มออกมาแล้วถึง 2 ชุด เป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปแป๋งเจอผมในครั้งนี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ชุดหนัง ผมยาว กีตาร์ตัวเดิม แม้กระแสดนตรีประเภท guitar hero และ heavy metal จะลดความนิยมลงไปตามกาลเวลาแต่ เค้ายังยืนยันที่จะเป็นในสิ่งที่เค้ารักต่อไป คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันอีกแล้วครับ

GT: ตอนนี้ทำอะไรบ้างครับ
แป๋ง: ส่วนใหญ่จะจัดการเกี่ยวกับอัลบั้มของผมเอง เช่น คอยเช็คยอดขายในร้านค้าแต่ละร้าน ติดต่อการโปรโมท ให้สำภาษณ์นิตยาสารดนตรี ติดตามข่าวของผมในนิตยาสาร ออกทัวร์แสดงโชว์และจัดงาน workshop ตามต่างจังหวัด หรือถ้าวันไหนว่าง ผมก็จะซ้อมกีต้าร์ทั้งวันเลยครับ

GT: ตอนนี้อายุเท่าไหร่ครับ
แป๋ง: เกิด 2521 ครับ ปัจจุบันก็ 26

GT: วางแผนชีวิตไว้ยังไงบ้างครับ
แป๋ง: ที่คิดไว้ก็คงจะเล่นกีต้าร์ไปเรื่อยๆ แต่ต้องเป็นในทางที่ตัวเองชอบและอยากทำ อาจจะทำเป็นเพลงร้องบ้าง มีหลายคนถามว่าทำไมไม่ไปอยู่ค่ายใหญ่ๆ ทั้งๆที่โอกาสก็มี ผมจะตอบว่า ถ้าผมเข้าไปผมต้องทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ไม่ใช้สิ่งที่ค่ายอยากจะทำ ถ้าให้ผมเล่นในสิ่งที่ผมไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ ผมคิดว่าผมเล่นกีต้าร์มาเพื่ออยู่ตรงจุดๆ นี้มากกว่า และที่คิดไว้ตอนนี้ ผมจะเล่นแนวนี้ไปเรื่อยๆ

GT: ยังฝึกหนักเหมือนเดิมรึเปล่าครับ
แป่ง: ครับ ตอนนี้มันเหมือนเป็นหน้าที่แล้วครับ

GT: ฝึกเรื่องอะไรบ้างครับ
แป๋ง: ก็ฝึกเรื่องของความชัดเจน แม่นยำ แล้วก็จะซ้อมเพลงของตัวเองซะมากกว่าครับ

GT: มีการหาความรู้เพิ่มเติมทางดนตรีอย่างไรครับ
แป๋ง: จากการพูดคุย จากเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเฮฟวี่ในญี่ปุ่น คือว่า เค้าจะค่อนข้างเน้นในเรื่องของเอกลักษณ์มาก จะมีความเป็นตัวของตัวเองมาก เพลงบรรเลงกีต้าร์แนว GUITAR HERO ที่นั่นก็มีมากกว่าที่บ้านเรา ผมก็อยากสนับสนุนคนที่ทำเพลงบรรเลงก็ต้าร์ครับอย่างคุณ เอก มุติ นี่ก็เป็น เพลงบรรเลงก็ต้าร์เหมือนกัน ซึ่งถ้านับจริงๆ ก็มีไม่กี่อัลบัมในบ้านเรา ที่เป็น GUITAR HERO

GT: ทำไมยังคงชอบแนวทาง neo classic ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แป๋ง: ผมชอบในความสวยงามของตัวโน๊ตในทาง classic แต่ไม่ใช่แนวอื่นไม่ดีนะ เพียงแต่เป็นความชอบส่วนตัวแค่นั้นเอง ผมชอบ neo classic กับ heavy metal

GT: เคยคิดจะเปลี่ยนไปเล่นแนวอื่นบ้างมั๊ย
แป๋ง: ผมก็เคยเล่นแนวอื่นเหมือนกันนะ BLUES ก็เคยเล่น FUNK ก็เคยเล่น แต่พอเล่นไปเล่นมาแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวผม

GT: ฟังเพลงในแนวอื่นบ้างรึเปล่า
แป๋ง: เมื่อก่อนก็มีบ้าง แต่ตอนนี้แทบจะไม่ได้ฟังเพลงเลย ผมคิดว่าจินตนาการของผมไม่จำเป็นว่าต้องได้จากการฟังเพลงของคนอื่น

GT: งานชุดที่แล้วผลตอบรับเป็นอย่างไร
แป๋ง: ค่อนข้างดีในระดับใต้ดินครับ แต่ผมไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้ครับ ผมทำเพราะอยากทำมากกว่า

GT: งานชุดที่ 2 แตกต่างจากชุดแรกอย่างไร
แป๋ง: ถ้าพูดถึงเรื่องของตัวเพลง ในอัลบัมชุดที่ 2 ผมแต่งและเรียบเรียงเองทั้งหมด รวมทั้ง produced เองด้วย แต่ยังคงความเป็น classic เอาไว้อยู่ ในอัลบัม Metal Dream Symphony จะบ่งบอกความเป็นตัวผมมากกว่า

GT: แต่ละเพลงมีที่มาอย่างไร
แป๋ง: พูดถึง concept ก่อนละกัน ก่อนทำอัลบัมผมวาง concept ไว้ว่า เพลงทั้งหมดในอัลบัมนี้จะเป็นเพลงบรรเลงกีต้าร์แนว Neo Classic จะเป็น Classic แบบ Major เพลงจะออกไปทางสนุกๆ ในอัลบัมนี้ผมได้รับอิทธิพลจาก Mozart แล้วก็ค่อยๆ แต่งทีละเพลง อย่างเพลง The Hunter ผมแต่งตอนที่ดูการตูน ทอมแอนด์เจอร์รี่ ผมนึกถึงตอนที่หนูวิ่งไล่จับแมว ชื่อเพลงก็แปลว่านักล่าซะเลย เพลง Franken Dances ก็มาจากจินตนาการถึงวง Symphony ที่มีคนเล่นเครื่องดนตรีหลายๆชิ้น เพลงนี้ก็เลยมีกีต้าร์หลาย line เพลงนี้ใช้เวลาคิดมากที่สุด ประมาณ 3-4 เดือน เพลง Silent Tears ผมคิดก่อนว่าต้องการเพลงที่ช้ามาก เพลงนี้ผมใช้หลักการ Harmony ( การเรียบเรียงเสียงประสาน)มาใช้ในการคิดเพลง แต่ละ line จะเดินสวนกัน เพลง Dizzy Rocket ผมนึกถึงจรวดที่เกิดการขัดข้อง ไม่สามารถควบคุมได้ แล้วสักพักก็กลับมาสู่สภาพปรกติ เพลง Head To Head เพลงนี้ผมแต่งเป็น line Piano ก่อน ผมได้ idea จาก Mozart ที่เป็นเพลง Classic ในยุค Classic มีกีต้าร์ 2 line line ล่างจะเล่นเป็นลักษณะ Apegio

GT: แป๋งใช้เครื่องมืออะไรในการบันทึกเสียง
แป๋ง: ผมใช้กีต้าร์ WASHBURN แอมป์ผมใช้ Marshall JCM800 ใช้เสียงแตกจากหัวแอมป์ ใช้ไมค์ SHURE รุ่น SM 57 ไม่ใช้ Mixer

GT: ระยะเวลาในการบันทึกเสียง
แป๋ง: ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ตอนผมอัดกีต้าร์ผมใช้เวลาขลุกอยู่กับห้องบันทึกเสียงทั้งวันทั้งคืน จะเป็นเรื่องของการทดลองครับ ยิ่งลองหลายวิธียิ่งได้ความรู้มาก บางทีต้องการจะอัดให้เสร็จภายในวันนี้ 2 เพลง แต่พอจะเริ่มอัดปรากฏว่าเสียงกีต้าร์ไม่เข้ากับเพลงก็ต้องลองในเรื่องของการตั้งไมค์การปรับตู้แอมป์ สรุปไม่ได้เลยซักเพลงก็มี

GT: บันทึกเสียงที่ไหน
แป๋ง: อัลบัมนี้ผมบันทึกเสียงที่บ้านครับ กลองกับเบสใช้ program ก็มีกีต้าร์ที่อัดสด ผมพึ่งจะมีห้องบันทึกเสียงก็ตอนก่อนออกอัลบัมนี้เอง คือตอนที่ผมเริ่มอัดเสียง ผมไปเช่าห้องอัดอยู่แต่สรุปว่ามันไม่ได้เสียงกีต้าร์ที่ต้องการ อาจเป็นเพราะเรื่องของเวลา ผมว่ามันต้องใช้เวลาทดลองกับห้องๆนั้นให้มากๆห้องอัดที่แพงๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้เสียงที่เราต้องการ ถ้าเราไปนั่งทดลองทั้งวันมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะในเรื่องของค่าใช้จ่าย เพราะเหตุนี้ผมถึงเริ่มทำห้องของตัวเอง ผมใช้เวลาทำความเข้าใจกับมันประมาณ 4-5 เดือน ก่อนเริ่มอัดเสียงกีต้าร์

GT: seree record นี่เป็นของแป๋ง 100% เลยรึเปล่า
แป๋ง: ใช่ครับ แต่จะมี พ่อเป็นที่ปรึกษาและน้องสาวคอยช่วยจัดการด้วย ผมทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองมากกว่าที่จะทำเป็นธุรกิจ ถ้าเป็นค่ายเพลงจริงๆต้องวางแผนว่า ปีนี้ต้องมีออกมากี่อัลบั้ม หรือเดือนนี้กี่อัลบั้ม แต่ผมไม่ได้คิดถึงตรงจุดนั้น

GT: ชุดนี้แป๋งมี่วิธีทำการตลาดยังไง
แป๋ง: ผมเป็น PR ให้กับตัวเองครับ ใช้สื่อในการโปรโมททางนิตยาสารครับ มีลงบทสัมภาษณ์นิตยสาร METAL MAG, THE GUITAR MAG, MUSICTIME แล้วก็ GUITARTHAI.COM แล้วก็วางจำหน่ายเอง เพราะผมต้องการให้ถึงมือคนที่อยากฟังจริงๆอย่างชุดแรกนี่มีหลายคนที่ต่างจังหวัดก็บอกว่าอยากได้แต่หาซื้อยากมาก ชุดนี้ผมเลยไปวางตลาดที่ต่างจังหวัดเองเลย พร้อมกับหาผับเป็นที่แสดงโชว์แล้วก็ติดต่อจัดงาน WORKSHOP ตามจังหวัดต่างๆ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนี่งที่ตัดสินใจทำอัลบัมนี้เอง ถ้าให้ค่ายอื่นทำ ก็คงจะลำบากในเรื่องของการติดต่อประสานงาน

GT: ออกงานมา 2 ชุดแล้วได้ประสบการณ์อะไรเพิ่มมาบ้าง
แป๋ง: ได้มาเยอะมากครับ โดยเฉพาะงานชุดนี้ เพราะว่างานชุดนี้ผมทำเองจัดการเองทุกอย่างพูดง่ายๆ ก็คือรู้ขั้นตอนทุกขั้นตอนที่อัลบัมจะออกมาได้แต่ละชุด ไม่ว่าจะเรื่อง ทำ ark work ปก การ mix เสียง การทำมาสเตอร์ การปั๊มแผ่นซีดี การบันทึกเสียง การวางจำหน่าย การโปรโมท การติดต่อประสานงานโชว์และ workshop การทำห้องเก็บเสียงและอีกมากมาย ซึ่งทุกอย่างที่พูดมา ผมไม่เคยรู้มาก่อน ก็เพิ่งมารู้ตอนทำอัลบัมชุดนี้แหละครับ

GT: ปัจุบันใช้อุปกรณ์อะไร
แป๋ง: กีต้าร์ WASHBURN ใช้ Super Overdrive SD-1 เป็นตัว Boot เวลาไปเล่นข้างนอกก็จะใช้เสียงแตกที่ตู้แอมป์ มีตู้อะไรผมก็ใช้อันนั้น

GT: home studio ใช้อะไรบ้าง
แป๋ง: pre amp ไมค์ behringer ลำโพง monitor behringer ไมค์ shure sm 57 ซาวด์การ์ด RME

GT: มีอะไรจะพูดถึงงานชุดนี้กับคุณผู้อ่านบ้าง
แป๋ง: ผมคิดว่าอัลบัมนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของผม ขอขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนรวมทั้ง washburn และ Music Collection ด้วยติดต่อผมได้ทาง email: sereelee@hotmail.com