20817
|
|
Interview :
พี่ตุ้ม วีระ โชติวิเชียร 8/19/2002 เปิ้ล
|
สวัสดีครับ
INTERVIEW ตอนนี้ จะนำพาเพื่อนๆทุกท่านไปรู้จักกับมือกีตาร์ท่านนึง
ซึ่งเคยร่วมงานกับวง มิติ ,เพื่อน รวมทั้งเล่นกีตาร์สนับสนุนให้
อัสนี-วสันต์,มาช่า ฯลฯ และล่าสุดกับพี่โป่ง ในงานชุด THE GAME
รวมทั้งงานใน STUDIO อีกมากมาย พี่ตุ้ม วีระ โชติวิเชียร
คือบุคคลที่เรากำลังจะพูดคุยด้วยครับ
GT:ช่วยเล่าประวัติการเริ่มเล่นดนตรีของพี่
ให้พวกเราได้ฟังกันหน่อยครับ
พี่ตุ้ม:ผมวีระ โชติวิเชียรครับ
การเริ่มเล่นดนตรีของผมมีแรงจูงใจมาจากพี่ชาย ของผมเอง
สมัยนั้นพี่ชายของผมชอบฟังเพลง เพลงในสมัยนั้นเป็นเพลงunderground
ทำให้มันมีผลต่อการฟังของผมมากคือฟังแล้วมันรู้สึกเร้าใจ ก็เลยชอบ
และเลือกเล่นดนตรีแนวนี้ ก็คือแนวร๊อคนั่นเอง
ตอนแรกผมก็เล่นวงกับพี่ชายซึ่งผมเล่นคอร์ดไม่เป็นเลย ตอนที่ฝึกเล่นกีต้าร์ตอนแรกๆ
ผมก็อาศัยเล่นจากทำนอง ของเพลงนั้นๆ โดยเล่นเพียงสายเดียว บนคอกีต้าร์
(หัวเราะ) เวลาไปซ้อมดนตรีกันผมก็จะเล่นท่อนโซโล
โดยพี่ชายก็จะเล่นคอร์ด จนกระทั่งมาถึงวันนึงที่จะต้องมาทำความเข้าใจเรื่องคอร์ด
ก็ตอนที่มาเล่นกับเพื่อนตอนชั้นมัธยม แต่ผมก็จะต้องโซโลมากกว่า
แล้วผมก็ชอบในการที่จะปรับเสียงกีต้าร์ แอมป์
ให้เหมือนกับแผ่นเสียง ซึ่งบางทีปรับมากกว่าฝึก ซึ่งเอฟเฟ็คในสมัยนั้นอย่างหรูก็stomp
box ซักก้อนนึงซึ่งตอนนั้นผมก็ใช้พวกเสียงแตก fuzz กับ delay
ตอนนั้นfuzz ตัวแรกของผมเป็นยี่ห้อ colorsound และ wah ก็เป็นของ
colorsound ด้วย
GT: ตอนนั้นเป็นยุคเดียวกับวง vip รึเปล่าครับ
พี่ตุ้ม : ตอนนั้นวง vip
เค้าอยู่กันต่างประเทศแล้วครับไปสร้างชื่อเสียงอยู่ตอนนั้นบ้านเราที่ผมเห็นภาพอยู่ในทีวีก็เช่นวง
the fox
ซึ่งในตอนนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมก็คือเรียนหนังสือ
กลับมาก็มุที่จะฝึกกีต้าร์เสมอก็ฝึกจนกระทั่งหลับไปตื่นมากีต้าร์ยังคาอยู่ที่ตัวก็มี
(หัวเราะ) ตอนเริ่มฝึกก็อายุประมาณ 11-12 ปี
GT: ตอนนั้นถือว่าเริ่มเร็วกว่าเด็กไทยทั่วๆไป
พี่ตุ้ม :ต้องขอขอบคุณพี่ชายมากคือ คุณชาตรี โชติวิเชียร
แล้วก็ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
เต็มที่เลยบางทีคุณพ่อก็ช่วยยกแอมป์ไปซ้อมไปเล่นคอนเสริท์
คือให้เราทำให้เต็มที่ เพราะดนตรีไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย
ถือว่าผมโชคดีมากครับ
GT: มีมือกีต้าร์คนไหนที่เป็นแรงบันดาลใจในการฝึกในตอนแรกแลยครับ
พี่ตุ้ม: Michael Shenker ครับในยุคที่ผมฟังแรงๆที่สุดก็คงจะไม่พ้น
rock bottomซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ผมมีความคิดที่ว่าถ้าเล่นเพลงนี้ได้เนี่ย
ยืดแน่ ผมถือว่าการฟังเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของผมในตอนนั้น
ก็มีผิดบ้างถูกบ้าง แล้วก็มี Jeff Beck
ทำให้เรารู้สึกประทับใจในการเล่นกีต้าร์ของเค้า Richie Blackmore
ก็ชอบ Jimi Hensdrix ด้วยผมศึกษามือกีต้าร์ ท่านเหล่านั้นด้วย
การแกะส่วนใหญ่ คือเคยมีคนมาถามผมว่าอยากเล่นกีต้าร์เก่งๆ ทำยังไง
ผมก็แนะนำไปว่าให้ฟังมากๆ
แล้วก็แกะเพลงด้วยทำให้เราเกิดความชำนาญในการเล่นได้พวก การดันสาย
การสั่นสาย และเทคนิคต่างๆ อีกทำให้เกิดความคล่องตัวกับนิ้วของเรา
เมื่อเวลาเรานำไปใช้ เราจะสามารถนำลูกกีต้าร์นั้นๆ
ไปใช้ได้อย่างไรไปดัดแปลงได้อย่างไร
ผมไม่ใช่คนที่เก่งทางด้านทฤษฎีแต่ชอบในแนวปฏิบัติ
เช่นแกะเพลงชอบฝึกเทคนิคหรือวิธีการเล่นของตัวเอง ซึ่งปัจจุบัน
ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงเท่าไร ผมกลับชอบเล่นคอมพิวเตอร์มาก
แต่ถ้ามี job พวกงานกีต้าร์ก็ ok อย่างดนตรีที่ทำกับ angelo ที่มี
vdo สอน cdเพลงก็ อยู่ในส่วนของการแกะเพลงอยู่แล้ว
ซึ่งผมมีความถนัดมาก ซึ่งทาง angelo เสนอ project นี้มา
ทำออกมาก็เป็นที่ยอมรับด้วย
งานตัวนี้ก็ได้ส่งออกไปขายต่างประเทศด้วย
ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้วางงานของ angelo ลงมาระยะนึงแล้ว
เนื่องจากต้องมาร่วมงาน กับคุณโป่ง มีหลายคน
เข้าใจผิดว่าผมเป็นเจ้าของ angeloไม่ใช่นะครับ ผมเป็นเพียงแค่presenter
คนนึง
GT: ตอนที่ฝึกกีต้าร์ตอนแรกๆ อยากเป็นถึงขนาดนักดนตรีอาชีพมั้ยครับ
พี่ตุ้ม: ลึกๆ แอบคิดอยู่เสมอครับว่า อยากจะเป็นนักดนตรีอาชีพ
คือคุณพ่อคุณแม่ ก็บอกอยู่เสมอว่าถ้าอยากเล่นก็เรียนให้จบก่อน
ก็คิดอยู่ตลอด เพราะเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดที่ผมมีอยู่
GT: ในปัจจุบันยังฝึกหนักอยู่รึเปล่า
พี่ตุ้ม : น้อยลงครับคือเดี๋ยวนี้ถ้ามีงานผลิตเพลงก็ทำเลย
แต่งานอย่างเช่นมาแกะเพลงเนี่ยค่อนข้างน้อยมากครับคือเราเคยผ่านช่วงที่เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆมา
พอควรแล้วเราก็น่าจะมาสร้างอะไรได้แล้วตรงนี้บางคนอาจจะเข้าใจที่ผมพูด
บางท่านก็เอ๊ะทำไมเล่นกีต้าร์แล้วไมฝึกเลยเหรอ ฝึกครับ
คือบางทีเราไปเจออะไรที่บางทีสะดุดหู แต่ถ้าถามว่าเพลงร๊อคสมัยใหม่สามารถกระชากวิญญาณผมได้มั้ย
ผมบอกได้เลยว่าไม่ได้ ไม่เหมือนฟังเพลงยุคก่อน ซึ่งมีอารมณ์ของเพลง
ที่ผมชอบมากกว่า แต่ไม่ใช่ว่าเพลงในยุคนี้ไม่ดีนะ ผมกลายเป็นมือกีต้าร์ซึ่งอาจจะไม่หวือหวาสมัยใหม่
วิธีการเล่นเป็นแนวในยุคตรงนั้น ซึ่งทุกคนรู้ว่า ถ้าเป็นแนวเก่าๆ
อย่างตุ้มเนี่ยทำได้ เหมือนกับeric clapton ไปเล่น arpegioเราอาจเล่นในเรื่องของสำเนียงไม่ต้องถึงกับตื่นเต้นเล่นกลอะไรมากมาย
GT: ก่อนขึ้นเวทีนี่มีการเตรียมตัวอย่างไรครับ
พี่ตุ้ม : ต้องwarmนิ้ว เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจ แต่บางคนที่เก่งๆ
มาก อาจจะไม่ต้องมีการ warm เพราะอยู่ตัวอยู่แล้วก็มี ผมใช้เวลา warm ซัก20นาทีขึ้นไป ก็ ok ผมใช้วิธีการwarm แบบ3 note pex string
แบบwhole step มันจะทำให้ผมรู้สึกว่ามือ
ของผมมันได้ยืดหยุ่นการดันสายก็สำคัญถ้าเราฝึกการดันสายมากจะทำให้เราได้ตัวโน๊ตที่แม่นยำ
GT: เคยนั่งลงแล้วเปิดวีดีโอสอนแล้วฝึกตามบ้างมั้ยครับ
พี่ตุ้ม: เคยเหมือนกันแต่ผมรู้สึกเบื่อ ว่า เอนี้เรากำลังทำอะไร
เรากำลังทำเพื่อให้เหมือนเค้าเลยเหรอ
ถ้าอย่างนั้นเราไปหยิบงานเค้ามาดูแล้วดูว่าเค้าเล่นสเกลอะไรเล่นโหมดอะไร
แล้วหาวิธีการเล่นแบบเราก็กว่า คืออย่า ก็อปปี้วิธีการเล่น
ของเค้าเลยมันจะทำให้เรากลายเป็นคนไม่หลากหลาย อย่างฝรั่งเนี่ยเวลาเค้าจะมุ่งไปทางไหนก็จะมุ่งไปทางเดียว
GT: ตอนที่ทำงานในสตูดิโอ ได้บันทึกเสียงกีต้าร์ ให้ใครบ้าง
พี่ตุ้ม : มีเยอะครับ ทั้ง grammy และ rs ก็มี ของอำพล มาช่า ปั่น
กบ ทรงสิทธิ์ มาลีวัลย์ จนได้มีโอกาสมาเล่นกับวงเพื่อน
ก็จัดเพลงลูกทุ่งก็เอา งานอะไรผมก็ทำหมด
GT: ย้อนกลับไปที่งานที่ทำกับangelo หน่อยครับ
พี่ตุ้ม: ก็มี work shopทำโรงงานกัน วีดีโอ แผ่นซีดี cover
ศิลปินแล้วก็มี audio cd สอน แต่ว่า ทำส่งขายต่างประเทศ แบบมีทั้ง normal speed และ slow speed ที่เป็นวีดีโอก็จะมี Steve Vai , Van
Halen,SRV,MSG เป็น cd ก็มี Jimi Hendrix Eric Johnson
GT: คิดอย่างไรกับคำว่า improvisation
พี่ตุ้ม :
เป็นการเล่นสดที่ท้าทายสำหรับผู้เล่นและผู้ฟังดีหรือไม่ดีผู้ฟังเป็นคนตัดสินผมว่าจะต้องเป็นดนตรีที่มีความรู้ความเข้าใจในทิศทางของตัวโน็ต
เรื่องของ mode ใช้ยังไงวิธีการนำไปใช้ เช่น mode ที่ 2,3 และ6
ตัวที่3 ของmode นั่นมันติด flat
เราก็เข้าใจได้ทันทีว่าเอาไปเล่นกับminor ได้สวย เคยแนะนำน้องๆ
บางคนไปว่า เห็นคอร์ด c แล้วเล่น minor scale ได้ เห็น G และ E minor scale ได้ แต่อย่างไป fix ไปเลย คือตัวโน็ตไม่อยากจะให้จำกัดว่าเล่นอยู่ใน
block ของมันตลอด คือกล้าที่จะลองเล่นโน๊ตที่อาจจะไม่ได้อยู่ในmode
แต่มันอาจจะเป็น passing ซึ่งมันก็อาจจะแปลกๆหูดีนะ
GT: ในฐานะที่พี่ไปขลุกอยู่กับการสร้างกีต้าร์มามีอะไรจะแนะนำตรงนี้ไม
พี่ตุ้ม : คือเราต้องดูว่าเราเป็นคนเล่นกีต้าร์แนวไหน
ชอบเสียงหนักๆดุๆ ก็จำเป็นที่จะต้องเป็น pick up humbuckingกีต้าร์น่าจะเป็น
22fret ขึ้นไป ชอบเล่นคันโยกอย่างตัวผม ถ้าจับไปเล่นกีต้าร์ที่ไม่มีคันโยก
ผมก็จะรู้สึกอึดอัด กีต้าร์ที่ล้วงลึกไม่ได้ก็จะรู้สึกอึดอัดaction
ต่ำ ๆ ผมก็จะรู้สึกดี ขนาดของคอก็สำคัญ
ขึ้นอยู่กับมือเราด้วยผมอยากจะแนะนำว่า พยายามอย่ายึดติดกับยี่ห้อ
เล่นแล้วรู้สึกดีที่สุดจะดีกว่า
GT: อย่างตัวนี้ก็เป็น yamaha ใช่มั้ยครับ
พี่ตุ้ม: เป็นกีต้าร์ yamaha รุ่นธรรมดา มี 24 เฟร็ตกับ pick up
หน้าที่บังเอิญเป็น humbucking ด้วย เฟร็ต เป็นแบบ jumbo แล้ว
option ค่อนข้างจะถนัดเลยชอบแบบนี้ แล้วที่มีคนชอบถามว่า
พี่ตุ้มต้อง angelo ไม่ใช่เหรอ ทำไมไปเล่นกีต้าร์นั้นๆ ไปเป็น presenter เหรอ เราก็บอกไม่ใช่ตัดปัญหาก็เลยปิดยี่ห้อซะเลย
(หัวเราะ) รวมถึงตัว steve vai ด้วย
คนถามผมก็บอกและก็ได้ครับไม่มีปัญหา
GT:อุปกรณ์ต่างๆของพี่ล่ะครับ
พี่ตุ้ม: กีต้าร์หลักก็จะมี2ตัว ก็จะมีตัวนี้สีดำกับ Steve vai
ถ้าเป็นงานลักษณะbluesใสใสคลื่นๆ ผมก็จะหยิบ strat ซึ่งเป็น single
coil 3ตัว เป็น angelo แล้วก็มีอีกหลายตัวแต่ถูกเก็บใส่กล่องไว้lespaulก็มี
คือหลังจากกีต้าร์ตัวแรกของผมเลยก็จะเป็น lespaul custom เลย
แต่ในโอกาสปัจจุบันที่มาเล่นกับคุณโป่งก็ต้องมาใช้กีต้าร์แบบมี
SINGLE COIL ผสมบ้าง ขนาดของปิ๊ค ก็ทั่วไป ก็ใช้ .70,.80 ขึ้นไป
งานอคูสติคก็จะใช้ปิ๊คอ่อน หน่อยมันจะได้ SOUNDของปิ๊ค
กับสายมาแตะกัน 1.50 ก็จะใช้งานหนักไปเลย เรื่องของปิ๊คเนี่ยได้สร้างความประหลาดใจไม่น้อยใช้กับเพื่อนๆของผม
อย่างคุณโอ้ โอฬาร เพราะเริ่มแรก ผมใช้แบบ thin แล้วเล่นร็อคด้วย
ซึ่งตัวเองรูสึกถนัดอย่างนั้นซึ่งเสียงที่ออกมาก็แหลมๆบางๆ
GT: พี่เป็นคนดีดแรงไม๊ครับ
พี่ตุ้ม :ค่อนข้างจะแรงเหมือนกันนะ
ผมไม่ใช่คนที่มีความเชี่ยวชาญทางทฤษฎีบางอย่างมันสอนไม่ได้จริงคือมันจะรู้สึกได้ด้วยตัวผมเอง
ผมจะมาเน้นในเรื่องของการปฏิบัติ สำเนียงอารมณ์
GT: เวลาแสดงสดตอนนี้ใช้ AMP อะไรครับ
พี่ตุ้ม: ชอบใช้ MARSHALL เพราะตอบสนองกับแนวเพลงได้ดีกว่าหลายๆ
อย่างที่เคยเล่นมา ผมจะใช้หัว 3 แชแนล MARSHALL
เราสามารถเลือกเสียง clean เสียงแตก จัดระดับ 2 แชแนล คือ แตกมาก
กับแตกน้อย จะกำหนดด้วยการเลือกใช้ foot switch
ผมจะใช้เสียงแตกจากตู้ EFFECT ที่ใช้ในระบบต่อ LOOP กับหัวแอมป์
ซึ่งจะใช้เป็นพวก REVERB CHORUS EFFECT ที่ผมใช้ก็ ZOOM GFX-8
แต่ถ้าสถานที่ไหนที่ไม่มีหัวที่ม่มีเสียงแตกในตัว
ผมก็ใช้เสียงแตกจาก ZOOM ซึ่งคุณภาพเสียงก็ใช้ได้ เลยทีเดียว
เวลาที่เราแสดงสด ออกรายการต่างๆทาง TV SOUND ที่ออกจากหน้าตู้กับ
SOUND ที่ออกมาทาง TV มันแตกต่างกันมาก กับหน้าตู้เรา HAPPY
แต่พอฟังที่บ้านแล้วรู้สึกแปลกๆ
GT: ขนาดของสายกีต้าร์ครับ
พี่ตุ้ม : ปกติก็เบอร์9 แต่ถ้าถ่าย VDO แล้วอยากได้ซาวด์แบบนักดนตรีที่เราไปถ่ายบางครั้งผมเคยเล่นถึงเบอร์
11,13 เลย อย่างSRV ผมก็เคยเล่น13 ก็นิ้วฉีกกันไป
ต้องหยุดถ่ายด่วน(หัวเราะ)แต่สมัยนี้ไม่ต้องขนาดนั้นเพราะมีเครื่องช่วยอะไรหลายอย่าง
ในสมัยนั้นSRV เค้าก็ใช้ PICK UP เดิมๆ ไม่ได้มีการโมดิฟายอะไร
ก็เลยต้องใช้สายใหญ่เพื่อให้ได้ SOUND แบบนั้น แต่ปัจจุบัน PICK UP
มีการพัฒนาที่ดีขึ้น คนเล่นก็ไม่จำเป็นต้องปีนขึ้นไปขนาดนั้น
เบอร์9หรือ10ก็พอแล้ว
GT: อยากให้พี่แนะนำเรื่องการSOUND CHECK ก่อนการแสดง
พี่ตุ้ม : ก็ควรจะมีเวลาเพราะความฉุกละหุกเป็นบ่อเกิดของความเสียหาย
ผมจะเจอบ่อยมากในเรื่องของการ SOUND CHECK ในเวลาน้อยๆ
ถ้าเรามีเวลาในการSOUND
เต็มที่มันก็จะดีเสียงที่ดีที่สุดที่เราต้องการ
เวลาเล่นความกดดันก็จะไม่มี แล้วสิ่งไหนที่เราต้องการเราอาจจะให้ SOUND ENGINEER ช่วยเหลือเรา เช่นเราไม่ได้ยินส่วนนี้นะ
พอเค้าช่วยมาหน้าตู้ก็ไม่ต้องดัง เสียงก็ไม่ล้น PA เป็นยังไง
ถ้าเรามีโอกาสใครมาเล่นกีต้าร์แทนเราเราลองลงไปฟังเราก็จะได้เสียงที่ไม่ต่างจากหน้าตู้
คนดูจะได้รับความรู้สึกที่เราอยากให้เค้าฟัง
GT: ตำแหน่งในการยืนบนเวทีมีผลต่อการเล่นเยอะมั๊ยครับ
พี่ตุ้ม : มีผลครับ
ถ้าเราสามารถเคลื่อนไหวไปบริเวณไหนแล้วเราได้ยินทุกอย่างเคลียร์เหมือนกับที่เรายืนอยู่หน้าตู้ได้ยินนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด
ไม่ใช่ว่าพอหลุดไปจาก MONITOR ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้ยินอะไร
ตรงนั้นอันตรายมาก นักดนตรีใหม่ๆ ขึ้นไป SOUND ไม่ดีตื่นเต้น
เล่นๆอยู่คนตีกันตรงกลางก็สมาธิหลุด
มันจะมีขั้นตอนที่เราจะต้องผ่านไปให้ได้คือความตื่นเต้น
ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้แล้วถ้าเรารู้สึกสนุกกับการเล่นตรงนี้มันจะดีมาก
สามารถ IMPROVISE อะไรได้ เล่นเหมือนกับเล่นอยู่ที่บ้าน
ต้องพยายามคิดว่าเหมือนเล่นอยู่ที่บ้านแต่มันก็ลำบาก
เราต้องมีการขึ้นเล่นบ่อยๆ จะช่วยลดอาการเล่านี้ลงได้
GT: พวกWIRELESS มีผลดีผลเสียยังไงบ้างครับ
พี่ตุ้ม : ในแง่ของผลดีก่อน ก็คือความคล่องตัว
แต่เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราใช้แล้วคุ้มมั๊ย เรา MOVE มากจริงมั๊ย
ถ้าไม่จำเป็นเราใช้สายดีกว่าไม๊ เพราะเสียงที่ได้จากการใช้
WIRELESS อาจจะบางกว่า แหลม แข็งกว่า แต่สาย JACKมันได้เต็มๆ เลย
พวกสายแจ๊คเนี่ยสำคัญมาก ถ้ามีโอกาสก็ควรจะเลือกสายแจ๊คที่ดีหน่อย
หัวแจ๊คอะไรสำคัญหมดแม้กระทั่งตัวกีต้าร์ผมมีเพื่อนบางคน
เค้าบัดกรีจุดเชื่อมต่อในวงจรของกีต้าร์เค้าด้วย ตะกั่วเงิน
เค้าบอกว่าเหมือนกับนักฟังเครื่องเสียงระดับ HI-END ทุกอย่างดีหมดปรากฎว่าจากหัวแอมป์
ไปเข้าลำโพงใช้สายไฟบ้าน ก็จบกัน ทุกอย่างสำคัญหมด ADAPTOR ของEFFECTก็สำคัญถ้าเราไปใช้
ADAPTOR ที่มีตามท้องตลาด แล้ว
กระแสไฟไม่เรียบมันก็จะสร้างเสียงที่ตามมาอีก ค่อยๆ หาสิ่งดีๆ
มาใช้เราจะรู้สึกว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงจริงๆ
GT:
อยากให้พี่เปรียบเทียบ EFFECT STOMP BOX กับ MULTI EFFECT
ในเรื่องการนำไปใช้งานจริง
พี่ตุ้ม : STOMP BOX จะสะดวกในการพกพา และสามารถปรับได้ง่ายเลย
ส่วน MULTI EFFECT จะเป็นเรื่องของการ SET มาจากบ้าน
การไปแก้บนเวทีค่อนข้างจะลำบาก ในขณะที่ STOMP BOX ก็จะบิดได้เลย
แต่ในเรื่องของเสียง STOMP BOX อาจจะเป็นรองในบางอย่าง เช่น พวก DELAY ,REVERB พวก MULTIน่าจะรู้สึกดีกว่า แต่ STOMP BOX
บางตัวอาจจะดีอยู่แล้วในเรื่องของเสียงแตก ผมชอบประมาณTUBE
SCREAMER ก็อยู่แล้ว แต่ผมชอบBOSS อยู่รุ่นนึงที่มันทำได้ทั้งเสียง
OVER DRIVE และ DISTORTION ในตัวเดียวกัน ถือว่าคุ้มค่า
พวกแจ๊คสั้นๆ ที่ต่อระหว่าง EFFECT นี่ก็สำคัญนะ
ทำไมพวกสายแจ๊คที่ดีมีราคาแพงมันก็มีเหตุผลในตัวมันเอง
อย่าพลาดพวกจุดเล็กๆน้อยๆ อย่างชุด STOMP BOX
ของผมก็จะมีเสียงแตกอะไรก็ได้ น่าจะมีDELAY แล้วก็ CHORUS, WAHที่ใช้อยู่ก็จะมี
BAD HORSIES แล้วก็ Crybaby Wah
GT: แตกต่างกันมากไม๊ครับ BAD HORSIES (MORLEY) กับ CRY BABY
พี่ตุ้ม : รู้สึกว่า BAD HORSIES จะอ้วนและกว้างมากกว่า
GT: พอต่อกีต้าร์ผ่าน BAD HORSIES แล้วเสียงที่ได้ DROP ไปไม๊ครับ
พี่ตุ้ม : ไม่ครับ ผมจะมีหลักการซื้อEFFECT แล้วมันต้องไม่ DROP
ผมไม่แนะนำให้ใช้เลยเสียง DROP ผมไม่แนะนำให้ใช้เลย เสียง DROPคือเสียงกีต้าร์ที่จากใสๆอยู่พอผ่าน
EFFECT แล้วมันอับลง ก็ต้องพยายามCHECK ตรงนี้ด้วย
GT: ผมเคยได้ยินว่าถ้าเอา COMPRESSOR
ไปต่อข้างหน้ามันจะช่วยเรื่องของการ DROP ของเสียงจริงไม๊
พี่ตุ้ม : COMPRESSOR เป็นเรื่องเหมือนกับการบีบสัญญาณเสียงแต่ถ้า
พูดถึงเรื่องของการ DROP น่าจะเป็น PRE มากกว่า PRE
น่าจะเป็นตัวช่วยเสียงพวกนี้ มันจะมีพวก OVERDRIVE PRE เป็น PEDAL
ก็มีอย่าง YNGWIE ใช้เค้าจะมี OVERDRIVE PREAMP YNGWIE
เค้าจะไม่เปิดเสียงแตกเยอะ แต่VOLUME ของ PREAMP ที่เป็น STOMP BOX
เปิดสุดเปิด GAIN เสียงแตกประมาณ 15 นาที มันจะได้สัญญาณเสียงที่BOOST
เต็มที่มีพลังเสียงจาก PICK-UP SINGLE COIL ดังแต่ไม่แตกมาก
GT: อยากให้พี่ช่วยเปรียบเทียบพวกแอมป์หลอด กับทรานซิสเตอร์
พี่ตุ้ม: เรื่องราคาเลยแน่นอนหลอดแพงกว่า ในความรู้สึกของผมผมชอบแอมป์หลอดมากกว่าเสียงทุ้มก็ทุ้มแบบมีน้ำหนัก
แน่น แหลมก็แหลมใส เสียงเต็มอิ่ม
ในขณะที่ทรานซิสเตอร์ให้เสียงแหลมแข็งๆ มันจะไม่เหมือนเนื้อแก้ว
เหมือนคนที่พูดตอนเป็นหวัด
แต่ทรานซิสเตอร์ทนทานกว่าเปิดปุ๊บติดปั๊บไม่ต้องรอ เหมือนแอมป์หลอด
แอมป์หลอดเนี่ยยิ่งร้อนเสียงจะยิ่งดังขึ้นดีขึ้น
GT: มีอะไรจะฝากถึงมือกีต้าร์รุ่นน้องๆ บ้างครับ
พี่ตุ้ม: ปัจจุบันมีคนเล่นกีต้าร์เก่งๆมากมาย
มีการฝึกฝนในเรื่องของสื่อต่างๆก็มีมาก VDO,CD-ROMแต่ในขณะที่ฝึกอย่าลืมคิดที่จะหาแนวทางที่เป็นตัวตนของตนเอง
วันนึงถ้าคุณมีโอกาสออกแสดงคุณสามารถที่จะหยิบยกตัวตนของคุณมาให้คนเห็นได้
ตรงนี้ผมว่ายิ่งใหญ่นะ
สมาธิเป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม การเล่นกีต้าร์ก็ต้องใช้สมาธิ
การเล่นกีต้าร์ต้องใช้
จุดนี้ด้วยถ้าเราหลุดจากสมาธิก็จะทำให้เราเล่นได้ไม่ดี
แล้วบ้านเราก็อยากให้ช่วยเหลือกันไว้ คนที่เล่นเก่งอยู่แล้ว
ก็ให้ช่วยเหลือน้องๆ อย่างหวงกันเลย ผมมีโอกาสสอนนักเรียนหลายๆคน
แล้วผมไปเจอโปรแกรมนึงที่ชื่อ SLOW SPEED CD TRANSCRIBER
มันจะสามารถ DOWN SDEED ลงมาได้เยอะจะช่วยการแกะเพลงได้ CLEAR
ละเอียดชัดเจน ส่วนพวกที่เก่งๆ ก็อย่าพยายามอย่ามีอีโก้มากนัก
น้องๆก็อย่าอาย ถ้าอายก็ไม่เก่งสักที
ถามเข้าไปถามคนที่รู้มากกว่าเราถามมากก็เก่งมาก
พวกวัสดุในการแกะเพลงการฟัง สำคัญมาก พอๆกับการเล่นกีต้าร์ ลองหา
CD มาแกะดูมันจะให้ความชัดเจนกว่าแกะเทปเยอะ
เช่นเสียงที่เราไม่ได้ยินจากการฟังเทป
เราจะรู้สึกว่ามันจะมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นเยอะ

ขอขอบพระคุณพี่ตุ้มที่ให้โอกาศในการพูดคุย และขอขอบพระคุณ พี่หน่อย PRODUCTION MANAGER แห่ง บริษัทTEN YEAR AFTER
ที่กรุณาเอื้อเฟื้อสถานที่ครับ
|
|
|
|