"
สิ่งแรกที่ผมต้องพยายามทำ ก็คือพยายามทำความเข้าใจวิธีการที่ดนตรีพัฒนามาถึงจุดของมันทุกวันนี้
" PAT METHENY
ผมไม่แปลกใจเลยว่า PAT ทำสิ่งที่เราต้องคิดตามหลังเขาได้อย่างไร!!
เหตุผลหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะใช่ ก็คือเขาฝึกเทคนิคและพัฒนาวิธีคิดมาตั้งแต่
Basic เติบโตคู่กันมา ผมเองก็เคยเสียเวลากับเทคนิคกับการฝึกโดยไม่ได้คิดอะไรอยู่นานครับ
คือเน้นเล่นให้ได้ ให้เหมือนอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
ความจริงก็เป็นวิธีที่ที่ฝึกที่ได้ความมุ่งมั่นอย่างหนึ่งนะ
แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในความรู้สึกของผม ดนตรีจากความคิด
และความรู้สึกของเรามันมีอิสระทางการเล่นได้เป็นธรรมชาติที่สุด
ไม่ใช่ต้องว่าต้องเล่นเร็ว ๆ ชัด ๆ นะอันนั้นเป็นเทคนิคของ
Basic ที่นักเล่นทุกคนต้องผ่านให้ได้อยู่แล้ว วิธีคิด +การเล่นจากความรู้สึกของคุณต่างหากที่เป็นดนตรีที่มีพลังแท้จริง
ไม่จำเป็นต้องรีบพยายามหาความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ทำง่าย
ๆก่อน นะครับอันนั้นอยากไป ให้Pat ทำก็แล้วกัน 555 เล่นในแบบที่เราคิด
และค่อย ๆเล่นให้ได้ก่อนก็พอ อืม…อย่าคิดมากไปนะ ค่อยเล่นสบาย
ๆ ครับ ตอนซ้อมควรฝึกวิธีคิดเข้าไปด้วย เช่น เวลาเราฟังเพลง
หรือ ลูกsolo ลองคิดเล่น ๆว่าทำไมต้องเล่น ท่อนนี้ต้องให้เป็นแบบนี้
เพื่ออะไร ทำไม .. ** ทำไมLickนี้ต้องดันสาย ไม่ดันได้ปะ
ถ้าเป็นเราละจะคิดยังไง ลองหาเหตุผลเล่น ๆดูลองหัดคิดจากsolo
ในเพลงที่เราชอบก่อนก็ดีครับ เพราะถ้ามองรวมทั้งเพลงอาจจะกว้างไป
มาเข้าเรื่องเลยนะคับ ถือว่าเป็นตัวอย่างพอดี คราวนี้เราลองมาดูวิธีคิด
+กับวิธีการใชั chord และLick ที่ใช้บ่อย ๆ ในงานของขุนขวานแห่งยุคนี้
เคยมาประเทศไทยแล้ว 1คน อีกคนกำลังมา (เอาใจคนใช้ IBANEZ
หน่อย ) เรามาดูว่าเค้าคิดกันยังไงกันบ้าง ลองคิดไปด้วยกันนะ
ลุยเลย..
EX.1
Chord / Paul Gilbert : MR.Gone (Bump Ahead)
ในเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มชุดสุดท้าย ของMr.Big ท่อนนี้เป็นท่อน
ที่ฟังสบาย ๆ
โดยการจัดกลุ่มเสียง Arpeggio ใน chord on bass ที่มีการเลือกใช้
โน้ต Bass จากโครงสร้างใน chord ที่ไม่ใช่ตัว Root มาใช่
เพื่อให้ได้sound ที่แตกต่าง Paul ได้ใช่การ Voice เสียง
chord จาก C7/Bb(I7/Bb) F/A (Iv / A) Cadd9/G I(9)/ G
D7/F# (V7/F#/ V) F6 (IV6 ) ในKey C Major ซึ่งมีการขยายขอบเขตของเสียง
chord ด้วยการ Extenstion chord (โน้ตในscale)มาใช้ =
Cadd9 กับ F6 ส่วน D7/F# นั้น เป็น Secondary Dominants
ใน Key G พูดง่าย ๆก็คือ เป็นchord ที่ 5 ใน Key G นั้นเองครับ
จุดเด่นของ Arpeggio chord ในเพลงนี้ ในความคิดผมนะ คือการ
การจัดทิศทางของทำนอง กับ Sound ให้ต่อเนื่อง และ กลมกลืนกันกับเทคนิคการดีดมือ
ขวา ในแบบ Economic Picking (Direction Control) ดีดผสมกันระหว่าง
Alternate +Sweep (ดีดกวาด) ซึ่งPaul จะใช่การดีดแบบนี้ในการเล่น
Arpeggio ในเพลงของเค้าบ่อย ๆโดยเฉพาะท่อน Intro ในงานเพลงของ
Mr.Big ทุกชุด ลองสังเกตLine bass เคลื่อนที่เป็น Half
Dim = Bb A GF# เพลงต้องระวังเรื่องการจัดทางนิ้ว มือซ้ายดีดี
นะครับ
Ex.1a
ANYthing For You Mr.Big (1989)
นี้ก็เป็นเพลงหนึ่งที่ผมชอบ
ใช้วิธีเดียวกันลองลุยดูเองเลยนะครับ ..
Ex.2
Colorado Bulldog (run lick) / Paul Gilbert.
สำหรับเพลง Colorado นี้ ถือเป็นเพลงหินแกรนิต เพลงหนึ่งสำหรับคนกีตาร์นะครับ
แต่ผมขอเอาแค่ส่วนสุดท้ายของท่อน solo lick นี้ ละกันนะ
ท่อนนี้เป็นลูก Run ที่ Paul ชอบเอามาใช้บ่อย ๆ ในงานของเค้า
ทั้งในบทเพลง ตอนโชว์เดียว หรือตอนสอนในVDO จนผมรู้สึกว่าเวลาได้ยินเสียงLick
นี้เป็นนึกถึงPaul ทุกที Lick แปลกตรงที่ เป็นรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน
เป็น pattern ซ้ำ ๆ แต่ฟังดี ซึ่งจุดสำคัญอยู่ตรง จังหวะที่ใช้
ตรงนี้สำคัญมากนะครับ Paul เป็นนักกีตาร์rock ที่เลือกใช้
Lick ในท่อน solo ในเพลงได้เยี่ยมครับ สำหรับเพลงนี้เป็นพอลใช่เป็น
ลูก Climax Ending ที่ใช่ความเร็วดุจจรวดจากเทคนิค + เสียงโน้ตที่สูงขึ้นที่ละ
1 Step ที่ช่วยส่งเสริมความรู้สึกของท่อนsolo ให้มีเป้าหมายชัดเจนขึ้น
ซึ่งเค้าใช้ความเร็วได้ย่างคุ้มค่า ทั้งดุเดือด และสะใจ
ลองฟังดูนะครับ ในท่อนนี้เค้าใช้ Am เป็น chord sound
ยืนพื้น โดยใช้ A Dorian mode เป็นหลัก= A BC D E F#G
(1-5 7-8 bar) กับ และ A Blues scale = A C D Eb(d#) E
G หรือ A Dorian +4 = A B C D# E F# G (คิดง่ายดี ครับ)
ว่าจะต่อพี่ โจ แซท.. เลย อืม เดียวจะมากไป เอาไว้เจอกันคราวหน้านะครับ
To BE Continue ….. .. … …. +*- -*- .-.