6982
|
|
| Hotshot:
Michale : Lee : Firkins 12/28/2001 อ.โจ้ คาไลโดสโคป
|
 ครับ
วันนี้ผมเผอิญไปหยิบเทป เพลงประเภท Instrument (เพลงบรรเลง) ของนักกีตาร์ชื่อ
Michale Lee Firkins มาฟัง ผมก็ไม่ค่อยรู้ประว้ติเขามากนัก
แต่จากติดตามงานของเขามา ในมุมมองของผม เขาเป็นนักกีตาร์ที่เล่น Sound
ได้สะอาดมาก ทั้ง ๆLineกีตาร์ของเขาค่อนข้างซับซ้อน ถ้าผมจำไม่ผิด
เขาจะเกิดมาจากค่ายเทปRoadRunner ของ Mike Varney เจ้าพ่อวงการกีตาร์ (ประมาณ
Don King ของการมวย) เพราะถ้าใครได้เขาไปอยู่ในค่าย ถือว่าเป็นโอกาส ในหลาย
ๆทาง ในเส้นทางสำหรับนักกีตาร์
Lee Firkins จัดเป็นนักกีตาร์รุ่นใหม่ ที่หัวก้าวหน้า เทคนิคเยี่ยม
และที่สำคัญคือมีจุดยืนที่ชัดเจน เขาใช้กีตาร์ทรง Telecaster เป็นประจำ
อาจเป็นเพราะว่ารูปแบบการเล่นของเขามีการใช้สีสรรของsound Nashvill’s , country
- bluesgress ที่ได้อิธิพลจาก Jarry Read ผสมผสานอยู่ ที่ให้ความรู้สึก
กรุ้งกริ่ง รวดเร็ว + กลิ่นอายดังเดิม และดุดันในแบบ rock
รู้สึกว่าจะมีกีตาร์ของ Yamaha ที่เป็นรุ่นของเขาอยู่รุ่นหนึ่ง ทรง
Startocaster ในงานเพลงของเขาเป็นที่ซับซ้อน และสร้างสรรสิ่งใหม่
ๆใว้ในบทเพลงของเขา ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค หรือการcompose
เขาออกอัลบั้มมาหลายชุดแล้ว ประมาณ 3-5 ชุดที่เป็นงานส่วนตัว ก็มีชุด Firkin ,
Howling Iguanas (band) , Little john chrisley Chapter Eleven
.และร่วมงานกับนักกีตาร์หัวก้าวหน้าอีกคนคือ Jason Becker ซึ่งป่วยเป็นโรค LSD
โดย Lee เล่นกีตาร์ ให้ เป็นชุดที่มีรูปรถเข็น ฯลฯ Ex.ในคราวนี้จะมาจากชุด
chapter Eleven นะครับ ลองมาดูกันเลย
|
Ex.1 Riff “ Cas-less Sonata”
Ex.1a Lydianb5
จากใน Ex.1 เพื่อน ๆจะเห็นได้ว่า Riff
ที่มีการใช้รูปแบบของการใช้มือขวาเข้ามาช่วยเกี่ยวสาย ซึ่งมาจากรูปแบบการ Stump
chord ซึ่งในแนว country จะใช้บ่อย ๆ
ต้องฝึกควบคุมน้ำหนักของการเกี่ยวสายมือขวากับการใช้ pick ให้คล่องตัว
แล้วจึงค่อยฝึก Lick นี้ ความยากของการเล่นนี้คือการ หยุดเสียง(rest)
และปล่อยเสียงยาว(tie)ใน beat 2&3 เพลงคิดจาก scale Major scale และใช้ meterเป็น
แบบ compound 6/4 เน้น beat 1 4 แต่เขาจงใจสร้าง riff ไม่ให้ เน้นbeat 4
ส่วนใน Ex.1a นั้น เป็นสร้างกลุ่ม solo ใน chord C#m7 (VI) โดยใช้ scale E
lydain b5 (E F# G G# A# B C #D E) ซึ่งคิดจาก Relative เป็นฐาน จึงทำให้นำเอา
E Lydain มาใช้ได้อย่างลงตัว ทำให้sound ฟัง smooth และน่าสนใจมากขึ้น นี้คือไอเดียเริ่มต้น
จากนั้นLee Firkin จึงคิดสร้างประโยค และgroup ของลูก solo ให้กับท่อนนี้อีกที
ตรงนี้เป็นจุดที่ยากเพราะการคิด และเรียบเรียงให้ดีนั้นต้องใช้ประสพการณ์
และมุมมอง ความเข้าใจ test ทางดนตรี และความต้องการของตัวเอง และที่สำคัญคือ
concept และทิศทางของบทเพลง ในท่วงทำนองของท่อนนี้ผมรู้สึกว่าเป็น sound
ที่ฟังแล้วน่าติดตาม เขาเรียบเรียงกลุม่โน้ตได้น่าสนใจมากครับ หรืออื่น ๆ ฯลฯ
เพื่อน ๆลองดู Lee Firkin ที่เขาทำเอาไว้เป็นตัวอย่าง แล้วถ้าเป็น
ของเราเองจะเป็น? ลองไปทำดูนะครับ เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
Ex.2 Hypno.5 / Michale lee Firkins
เพลงนี้ ใช้ Drop D คือจูนสาย 6 เป็น โน้ต D และใช้เทคนิค คันโยก w/Arm
ควบคู่ไปกับการ voice chord Dadd9 D2 F9 E7#9 D2 ที่มีการใช้ line melodic
ที่เน้นการดันสาย และการ W/Arm กับหางเสียง ทำให้เกิดมิติเสียง
ที่ลงตัวกับทางเดินchord ที่วางใว้ จุดที่น่าสดใจคือการ Changing (Mixed)
meters ที่ทำให้การเคลื่อนที่ของ Feel ในบทเพลงเปลี่ยนไป ลองดูใน
แต่ละห้องของเพลง จะเห็นได้ว่า Lee Firkins ได้ใช้ meter = 4/4 5/4 4/4 5/4
ในการสร้าง Pharse ในแต่ละ 2 bar (1234 12345)
จุดนี้เป็นลักษณะการประพันธ์ที่มีรูปแบบใหม่ ๆ ใน twentieth - century music
ซึ่งมีนักกีตาร์ที่บุกเบิกการสร้างงานที่ใช้การ chang meter ในบทเพลงนั้นก็คือ
Frank Zappa แต่รูปแบบของเพลง และเทคนิคการเล่นจะแตกต่างกัน
แต่มีมุมมองของการใช้ Rhythmic organization ในบทเพลงที่คล้ายกัน
ซึ่งทำให้ดนตรีมีความซับซ้อน และตีโจทย์ของการเล่น Feel ได้ยากขึ้น เพื่อน
ๆลองค่อยเล่นที่ละห้องก่อน นะครับ และให้ถูกส่วนโน้ต พวก tie note ให้
ตัดไปก่อน เล่นให้ตรงbeat แล้วค่อย ๆ ใส่เทคนิคเข้าไปทีหลัง
ค่อยเล่นนะครับอย่ารีบร้อน ควรจะเปิด metronom ไว้ทุกครั้งตอนซ้อม
แล้วเจอกันใหม่ครับ.. |
|
|
|
