11868
|
|
Hotshot:
Zakk Wylde 2/7/2000 อ.โจ้
|
เด็กหนุ่ม จาก Jackson นิวเจอร์ซี่ ที่ถูกกระชากขึ้นไปเป็นกีตาร์คู่บารมีของ Ozzy Osbourne Zakk Wylde ซึ่งสามารถเป็นมือกีตาร์คนที่สามให้ Ozzy ต่อจาก Jake . E. Lee ได้อย่างไร้ข้อกังขา ด้วยรูปแบบการเล่นที่ สด ดุเดือด และการสั่นสาย รวดเร็ว ร้อนแรง ซึ่งเป็นแบบฉบับของตัวเอง ที่แสดงถึงพลัง และความมันใจอย่างเต็มเปี่ยมของเขา สำเนียงกีตาร์ของ Zakk มีกลิ่นอายของดนตรีร็อคทางตอนใต้ (Southern rock) ที่ได้อธิพลจากวง Allman Brother และ Lynyrd Skynyrd ผสมผสานอยู่อย่างชัดเจน และจุดเด่นอีกจุดหนึ่งก็คือ Zakk ได้ประยุกต์การใช้เทคนิค และสำเนียงกีตาร์คันทรี ของ Albert Lee ที่เขาหลงใหล มาใช้กับรูปแบบการเล่นของเขาได้อย่างลงตัว จึงทำให้ Zakk มีรูปแบบ Sound และ เทคนิค ที่แตกต่างจากนักกีตาร์สาย ร็อค ซึ่งส่วนใหญ่จะที่ได้รับอธิพลจากดนตรี คลาสสิค คราวนี้ผมจะลง Riff จากเพลง Breaking All the rules (Ex.1) และลูก Solo จาก เพลง Miracle Man (Ex.2) ซึ่งทั้งสองเพลงนี้อยู่ในชุด No Rest For the Wicked(1988) ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดแรกที่ได้ร่วมงานกับ Ozzy : ส่วน Ex.3 จะเป็นรูปแบบการ picking ของ Zakk ที่ใช้กับงานเดี่ยว Pride & Glory อย่างเต็มที่
Ex.1 Riff : Breaking All the rules Riff

เพลงนี้เป็น Riffที่ใช้โครง และทางเดิน chordที่ ไม่ซับซ้อน แต่สร้างความน่าสนใจ จากการใช้เทคนิคการกัดปิคแบบ squawking ในรูปแบบของchord คู่ 5 กับการสบัดเสียงบอดในส่วนโน้ต Sixteen note สลับกันไปในแต่ละbar ซึ่งการ squawkingนี้ จะให้เสียงคล้าย ๆการแผดเสียงปิค ที่ให้เสียง noteเป็น harmonic แต่จะมีลักษณะการกวาดคล้าย ๆการ sweep อยู่ด้วย เทคนิคนี้จะอยู่ใน beat ที่1, 3 ,4
Ex.2 Solo: Miracle Man


ลูก solo เพลงนี้ เป็นการจัดให้มีการเคลื่อนที่ของเสียงในรูปแบบการ voice ตามโครงสร้างของprogression chord ในเพลง ( F#m , E , D ,B ) แต่ Zakk ได้ เพิ่มตัวSus 4 ไปใน บางchord ทำให้ฟังแปลกหูขึ้น เช่น เขาใช้กับ chord F#m (F# ,A ,C# เปลี่ยนเป็น F#sus4 = F# B C# ) หรือคิดเป็น F# pentatonic minor(F#, A,B,C# ,E ) โดยเลือกเอาตัวโน้ตมาใช้ ส่วนในbar ที่ 2 จะใช้ chord C#m (C# E G#) ซึ่งเป็น relative ของ chord E Major อยู่แล้ว ส่วนใน Bar ที่ 3 จะเล่นในรูปแบบ triad chord D Major ( D ,F# ,A) ส่วนใน Bar ที่ 4 จะใช้การ ขยายขอบเขตของเสียง chord จาก B ( B , D# , F#) เป็น B11( B F# A C# E) จากนั้น Zakk ได้นำ โน้ตมาเล่นในรูปแบบแนวนอน ทำให้ฟังเป็น แนวทำนองมากขึ้น กว่าแนวตั้ง และใช้ส่วนโน้ต 6 พยางค์ในการเล่นชุด ๆ ซ้อนกัน ซึ่งเป็นรูปแบบเทคนิคประจำตัวของ Zakk เลยที่เดียว
Ex.3 picking Zakk Style

ส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นรูปแบบที่ Zakk ได้รับ อธิพลจากดนตรี Country ที่ใช้รูปแบบการเกามือขวา โดยใช้ปิคกับนิ้ว กลาง (m) และนิ้วนาง (r) กับการ voice ในรูปแบบการพลิกกลับ โดยให้ line bass เคลื่อนที่เป็น step คือ ครึ่งเสียง กับ หนึ่งเสียง โดยใช้chord D กับ G เป็นหลัก แล้ว voice line bass = D D/c G/B G/Bb ครับ เมื่อคุณสังเกตดู จะเห็นได้ว่า แนวทางการคิด และ เล่นของ Zakk Wylde ไม่ได้ใช้ อะไรที่ซับซ้อนมากมาย แต่ตรงกันข้ามเข้าใช้ จุดง่าย ๆ ได้อย่างสวยงาม และมีทิศทางที่ชัดเจน จนบางที่เราอาจมองขามไป และที่สำคัญคือ Zakk Wylde เป็นนักกีตาร์ที่ใช้ความรู้สึก และ อารมณ์ ของการเล่น ออกมาได้อย่างมีพลังเต็มเปี่ยม " อย่าเอาผมไปเทียบกับบุคคลเหล่านี้ อย่าง Clapton , Hendrix , Randy Rhoad หรือ Duane Allman พวกเขาต้องอยู่เหนือผม เวลาผมมองพวกเขาผมต้องแหงนหน้าขึ้น และพยายามทำให้ได้อย่างอีโร่ในดวงใจของผม" Zakk Wylde
|
|
|
|