Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

11303
 Artists :     Jaco Pastorius     24 มี.ค. 49    Acid Head

แม้นักดนตรีหลายๆต่อหลายคนใส่ใจที่จะพัฒนาฝีมือและค้นหาสไตล์ที่เป็นของตัวเองอย่างมากกับอาชีพนักดนตรี แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่จะเห็นถึงความแตกต่างและโดดเด่นทางฝีมือ แต่สิ่งนี้กลับเป็นการที่ Jaco Pastorius ในวัย 24 ปี แสดงออกมาให้เห็นในอัลบั้มชุดแรกในปี 1976

อัลบั้ม Portrait ของ Jaco บรรจุในซีดีสองแผ่นคู่ ซึ่งบันทึกไว้ในปีแรกๆในการทัวร์ แสดงถึงความเป็นมือเบสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ซีดีคู่ได้บรรจุเพลงที่ไม่เคยรวมในอัลบั้มชุดไหนมาก่อนและยังเป็นความทรงจำต่างๆจากเพื่อนสนิทของเขาในช่วงเวลานั้น อัลบั้มชุดนี้ผลิตโดยเพื่อนสนิทของ Jaco อย่าง Bob Bobbing และอัลบั้ม Portrait ยังเป็นเหมือนกับชีวประวัติของ Jaco ตั้งแต่เขาเริ่มบันทึกเสียงครั้งแรกง่ายๆแบบ Home Recording ในปี 1968 โดยการใช้เครื่องอัดเล็กๆของ Bobbing รวมถึงเพลงที่ออกมาในช่วงฤดูร้อนปี 1976 มันเหมือนข้อความสั้นๆที่บอกเล่าถึงปีแรกๆของเขา เริ่มตั้งแต่พ่อของเขา Jack Pastorius จนไปถึงคนที่ร่วมก่อตั้งวง Weather Report อย่าง Joe Zawinul โดยสิ่งที่บอกเล่าทั้งหมดเกี่ยวกับ Jaco นั้น ถูกเรียงเรียงและร้อยเป็นเรื่องราวผ่านกว่า 30 เพลงในอัลบั้ม ตลอดระยะเวลา 8 ปี ของชีวิตดนตรีของเขา Jaco ได้สร้างแบบและมาตรฐานไว้เป็นแนวทางสำหรับนักบุกเบิกในรุ่นหลังๆ ทั้งการได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าจากการเล่นตามคลับ , ห้องอัด , ห้องเก็บของ และโรงรถที่บ้านใน Florida ตอนใต้ และแน่นอนที่สุดว่าอัลบั้ม Portrait เป็นการแสดงถึงพรสวรรค์ที่สุดยอดของ Jaco และยังจะสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลจากศิลปินต่างๆที่เขาได้ผสมรวมเอาเข้ามาไว้เป็นตัวของเขาเป็นหนึ่งเดียว

 

ท่ามกลางตลาดเพลงที่เต็มไปด้วยข้อความว่า “ งานเพลงหาฟังยาก ” , “ งานเพลงที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน “ หรืองานจำพวก บูทเลท ทั้งหลาย แต่ความจริงแล้ว อัลบั้ม Portrait ของ Jaco นั้นเป็นสิ่งที่กล้ารับรองว่าเป็นงานที่หาฟังยากแน่นอนที่สุดแล้ว และคงไม่มีใครที่จะสามารถรวมงานแบบนี้ได้ดีเท่ากับ Bobbing อย่างแน่นอน เขาผู้นี้เป็นเพื่อนกับ Jaco มานานแสนนาน นับตั้งแต่ทั้งคู่เริ่มออดิชั่นเข้าไปเล่นในวงเดียวกัน ในปี 1968 และในตอนนั้น Bobbing ก็ได้งานเล่น แม้ว่าการเล่นของเขานั้นจะยังไม่ดีเลิศ แต่ก็นับว่าเยี่ยม และมันกลับถูกชะตา Jaco อย่างมาก Jaco ได้เคยบอกไว้ในหนังสือชีวประวัติของเขาที่ Bill Milkkowski แต่ง Jaco : The Extraordinary And Tragic Life Of Jaco Pastorius ว่าทั้ง Bobbing และ Jaco ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น ทั้งคู่เริ่มออกตะลุยตามคลับต่างๆ เริ่มคุยกันถึงเรื่องดนตรีและเบสมากขึ้น Bobbing ยังช่วยแนะนำงานต่างๆอย่างมากมายให้ Jaco รวมไปถึงยังแนะนำให้รู้จักกับนักดนตรีคนอื่นๆอีกด้วย หรือแม้กระทั่งยังให้ Jaco ใช้ห้องของเขาเป็นที่เก็บเครื่องดนตรีต่างๆ ด้วยสาเหตุว่าอุณหภูมิในห้องมันเหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องดนตรี และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ Jaco ต้องการใช้เครื่องอัดเสียง เพื่อบันทึกการเล่นของเขาและส่งให้กับ Alice Coltrane ( ภรรยา John Coltrane) ได้ฟัง และตลอดสุดสัปดาห์ Jaco จะวุ่นอยู่กับเครื่องอัด และนี้ก็คือการบันทึกเสียงครั้งแรกของเขา

 

การปรากฎตัวครั้งแรก

เปิดฉากอัลบั้ม Portrait ด้วยงานที่บันทึกเสียงแถบ สวนในป้อม Lauderale ใน Oakland ซึ่งขณะนั้น Bobbing ได้บันทึกเสียงเอาไว้ขณะรถไฟกำลังเเล่นข้ามทางหลวงแถบ Dixie ใน Florida ตอนใต้ พร้อมกับ เบสไลด์ที่ Jaco กำลังคิดในเพลง “ Barbary Coast “ ของวง Weather Report ซึ่งมันเป็นไลด์ต่อเนื่องกันอย่างสุดยอด พร้อมกับบทสัมภาษณ์สั้นๆก่อนเขาจะตายในปี 1987 “ ผม รู้ว่าต้องควรเล่นอย่างไรให้เหมาะสม และผมก็ได้เรียนรู้จากนักดนตรีที่เก่งที่สุดในโลก “ คำพูดนี้มันหมายถึง พ่อของเขาที่เป็นนักร้องและมือกลอง ซึ่งพ่อของเขาเองก็เคยพูดอย่างภาคภูมิใจ จนถึงกับเรียก Jaco ว่า “ เป็น Frank Sinatra อีกมุมในแบบที่บ้าสุดๆ ” และ Jaco เองก็โตมากับเพลงอย่าง Nat King Cole , Tony Bennett , และ Dorseys

 

เหมือนเช่น บทโคลงฉันบทอื่นๆ Portrait เป็นการแสดงให้เห็นพลังในครั้งแรก Gregory พี่ชายของ Jaco ได้นำเราย้อนไปสู่ การบันทึกเสียงครั้งแรกสมัย Jaco อายุได้ 17 ในปี 68 มันเป็นงานที่บันทึกแบบ Home Studio ซึ่งเขาเล่นเพลง The Chicken ของ The Pee Wee Ellis และ Jaco ก็บันทึกเสียงและเล่นเครื่องดนตรีทั้งหมดเอง ในงานบันทึกเสียงดังกล่าว มันแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในฝีมือของเขาอย่างชัดเจน เหมือนกับวางเอาวง R&B วงแรกของเขาที่มีกรู๊ฟที่แข็งแรงและมั่นคงมาเล่น ( วงสามชิ้นชื่อว่า Wood chuck ประกอบด้วย ออร์แกน , เบสและกลอง ) และในสี่นาที่แรกของโซโล่เขาแสดงให้เห็นถึงเพลง Higher ของ Sly Stone กับ Tommy Strand & The Upper Hand ด้วยสปีดที่ Jaco เล่นมันเร็วจนน่าประหลาดใจมากทุกครั้งที่เขาเล่นเบส อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ช่างกระตือรือร้นที่จะขอคำแนะนำทั้งการเล่นและการเรียบเรียงเสียงประสานจาก Bobbing อยู่เป็นประจำ เวลากว่า 9 เดือน Jaco ได้พัฒนาฝีมือและการแสดงโชว์ของเขาและความอดทนต่างๆนาๆจากวงของ King Wayne Cochran & C.C Rider และในปี 1972 Jaco ก็ได้ออกจากวงและเขาเองก็ได้ทักษะทางดนตรีอย่างสมบูรณ์แบบทั้งการอ่านและเขียนร่วมไปถึงการแต่งเพลงสไตล์ออเคสตร้าอย่างเพลง Amelia ที่ร่วมในอัลบั้ม Portrait ชุดนี้ด้วย

 

เพลงต่อมานั้นเหมือนเป็นเซอร์ไพร์ครั้งใหญ่ก็คือ Jaco เล่นเบสออกมาเหมือนกับเสียงของ fretless จากเบสอะคูสติก ซึ่งราวๆปี 74 มันเป็นเพลง Dexterity ของ Charlie Parker ซึ่งมันเป็นเรื่องปรกติที่เขาได้เล่นกับเพื่อสนิทอีกคนอย่าง Alex Darqui ผู้ที่เล่นเปียโนกับเขาเสมอ และก็ได้บันทึกเพลงนี้เอาไว้ด้วย Reedman Ira Sullivan ได้บอกไว้ว่าเขาเป็นผู้ที่แนะนำให้ Jaco หันมาเล่นเบสของ Fender เป็นครั้งแรก ในอัลบั้มชุดแรกที่เขาไปเล่นเป็นแบ็กอัพนั้น ฟิลการเล่นที่พิสูจน์ในเพลง I Can't Dig It Baby ของ Willie ‘' Little Beaver ‘' Hale ไลด์เบสมันเป็นเอกลักษณ์ที่เล่นออกมาเป็นคอร์ดแบบ funky รองรับอยู่ข้างหลัง และในภายหลังเขาก็นำการเล่นแบบนี้ไปเล่นให้กับ Joni Mitchell ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุการที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นมันเหมือนเป็นการหล่อหลอมให้เขาเก่งและกลายเป็นคนอัจฉริยะไปเลย ซึ่ง Bobbing ก็ได้พูดเอาไว้ มันพิสูจน์ได้ถึงกรู๊ฟที่เป็นเอกลักษณ์และการเล่นที่เฉียบขาดบน fretless เบส

 

ในความเป็นจริงแล้ว การแต่งเพลงของ Jaco นั้นถูกบันทึกเป็นฟอร์มในช่วงแรกๆก่อนอัลบั้ม Jaco Pastorius ซึ่งเขาก็เล่นกับ Sullivan เอาไว้ และในภายหลังมันก็กลายเป็นเพลง Continumm ครั้งหนึ่ง Jaco ตัดสินใจที่จะโปรดิวส์อัลบั้มของตนเองในปี 74 เขาได้ติดต่อกับเพื่อนสนิทและเป็นศิษย์เก่าจาก Lad Olas อย่าง Alex Sadkins ผู้ที่เป็นซาวเอนจิเนียร์อยู่ที่สตูดิโอ Criteria ใน Miami และ Sadkins ก็ปล่อยให้ Jaco นั่งเล่นอยู่ในห้องอัดอยู่หลายชั่วโมงพร้อมกับหนังสือกองโต และในซีดีแผ่นที่สองมันก็ได้รวมเอาเพลง Opus Pocus มาในเวอร์ชั่นแบบคาริเบียน ด้วยคำติชมจาก Othello Molineaux ผู้ที่เล่น Steel Pan ( เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ) “Balloon Song” มันเป็นงานอวังการ์ดที่ร้อนแรงมาก และเริ่มต้นขึ้นมาด้วยมือกลองอย่าง Bobby Economou และอีกสามแทร็ค ที่มี Jaco และ The Peters Grave Orchestra มันเป็นงานเพลงครั้งแรกที่เป็นบิ๊กแบนด์ ( ภายหลัง Grave ก็เข้ามาเล่นกับ Jaco อีกใน Word Of Mouth Big Band) Jaco ยังได้ร้องเพลงเอาไว้ในเพลง Las Olas ของเขา ซึ่งนับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่หาฟังค่อนข้างจะยาก แต่มันก็เป็นสิ่งเล็กๆน้อยที่น่าประทับใจ เรื่องราวลำดับต่อมาจากปากของ หัวหน้าฝ่าย A&R จาก Epic อย่าง Steve Popovitch เกี่ยวกับการออดิชั่นและการทำธุรกิจงานเพลงและความเก่งที่แสดงออกมาให้เห็นจากตัวของ Jaco แค่ครั้งแรกมันช่างน่าประทับใจเอามากๆ “ เพียงแค่ได้ยินครั้งแรก มันก็โดนอย่างแรง รับรองได้ว่าคุณต้องไม่เคยฟังอะไรเช่นนี้มาก่อนแน่นอน ”

 

วิธีการพูดสลับไปมากับเพลงของ Bobbing นั้นอาจจะเป็นวิธีที่เขาใช้บ่อยๆ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะะออกมาได้เยี่ยมเท่ากับการที่มี Pat Metheny , Joni Mitchell ( นักร้อง , นักแต่งเพลง ) และ มือคีย์บอร์ดจากวง Weather Report อย่าง Joe Zawinul อยู่ในครั้งนี้ จากการช่วยเหลือของทั้งสาม ข้อมูลและสิ่งต่างๆที่อยู่ในความทรงจำรวมถึงความรู้สึกที่พบ Jaco ครั้งแรก มันเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์มากในการเรียงร้อยเรื่องราวทั้งหมดจากบทสัมภาษณ์ออกมาเป็นลำดับ ในตอนจบของ Portrait สิ่งที่ Zawinul ได้ส่งท้ายเอาไว้มันช่างเป็นความรู้สึกที่สะเทือนจิตใจอย่างยิ่ง ย้อนกลับไปวันที่ Jaco ได้เข้าไปเล่นอยู่ในวงของ Cannonball และเขาเองก็ยกย่องและให้เกียรติ์ Jaco และ มือแซ็กโซโฟนอย่าง Wayne Shorter ว่าเป็นแกนนำคนสำคัญของวง Weather Report และ Jaco เองก็ภูมิใจด้วยเช่นกัน Bobbing กล่าว

 

ผมต้องการให้มันสมบูรณ์แบบ
ช่วงวัยรุ่นตอนปลาย Bobbing ต่างวุ่นอยู่กับการเล่นและการเป็นหน้าวงของเขา แต่แม้ว่ามันจะวุ่นขนาดไหน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ได้เล่นเขาก็จะนำเครื่องอัด Sony TC60 ไปอัดเสียงที่ Jaco เล่นทุกครั้ง แม้ว่าเจ้าเครื่องนี้จะหนักขนาดไหนก็ตาม ความจริงแล้วผมแบกเครื่องอัดขนาด 50 ปอนด์ ไปคลับทุกที่ และใช้เวลาในการเซ็ทอัพมันเพื่อรออัดเสียงตอน Jaco เล่น Bobbing กล่าวว่า Jaco เหมือนเด็กทั่วๆไปในเมือง ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่นๆ เพียงแต่ส่วนตัวผมมองเขาว่าเป็นคนที่เหนือจากคนอื่นๆ แต่การบันทึกเสียงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและ Jaco ก็ชอบให้ผมอัดมันอีกด้วย และเราก็ทำเช่นนี้ประจำและในตอนหลังเล่นเราก็จะมานั่งฟังมันด้วยกัน ในขณะที่ Jaco ต้องออกเดินสายทัวร์กับ Weather Report เขามักจะหยิบมันขึ้นมาฟังแล้วนึกถึงวันเก่าๆ

 

มากไปกว่านั้นขณะที่ Bobbing กำลังไปด้วยดีกับงานที่มากมายเช่นเอเยนต์หนังสือใน Florida ตอนใต้ , เป็นเจ้าของสตูดิโอ , และเป็นผู้จัดการของวงต่างๆ เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำอัลบั้ม Portrait หลังจากที่ให้สัมภาษณ์กับ Milkowski ในนิตยาสาร Bass Player เดือน Jan/Feb ปี 91 เขาเริ่มรวบรวมเบอร์โทรทั้งหมดและเริ่มติดต่อไปยังคนที่รู้จักกับ Jaco ในช่วงนั้น และอีกหลายคนที่ยังอยู่ใน Florida เขาร่วมมือกับ Economou , Darqui , Molineux , Graves,Sullivan , และมือกลอง Scott Kirkpatric แต่ทั้งงานบันทึกเสียงและบทสัมภาษณ์ต่างๆมันเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก นักร้อง R&B อย่าง Betty Wright เป็นคนเริ่มต้นด้วย “Little Beaver ” และ Bobbing ได้สัมภาษณ์ Charlie Brent อดีตวง CC. Rider หลังจากจบคอนเสริต์หนึ่งของเขาใน Central Florida และก็ยังสัมภาษณ์ Cochran ที่กำลังบวชเป็นพระในขณะนั้นด้วย และก็ได้นัด Mitchell และ Zawanul แต่ทั้งคู่ก็ติดงานกระทันหัน แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็มาร่วมด้วย ส่วน Pat ก็บินตรงมาที่ Fort Lauderdale เพื่อที่ให้ข้อมูลกับ Bobbing แล้วก็รีบบินต่อทันที

ถึงแม้ว่าเพลงส่วนใหญ่ใน Portrait นั้นจะมาจากการเก็บของ Bobbing และการค้นพบจากผู้ถูกสำภาษณ์ แต่ส่วนหนึ่งนั้นก็ได้แฟนเก่าคนหนึ่งของ Pat เป็นผู้ส่งมาให้ มันเป็นงานบันทึกเสียงแบบ Trio ที่มี Pat และ Bob Moses เล่นกลอง มันเป็นช่วงอัลบัม Bright Size Life เช่นกันกับ คลาสเซ็ทเทปของ Alex Darqui ที่ส่งมาให้เพราะมันเป็นงานเดโมเพลงที่อัดใน Criteria Studio ของ Jaco ส่วน Johnny Pastorious ลูกชายคนแรกของ Jaco ที่เป็นเทปส่วนตัวเล่นกับเพลง Las Olas และ Larry Warilow ผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์เพลงของ Jaco ก็ได้ส่งคลาสเซ็ทที่อัดเอาไว้ตอน Jaco ,Sullivan และ Economou เล่นสดในรายการโทรทัศน์ เมื่อปี 1973 อีกด้วย

 

หลังจากที่ได้รวบรวมเอาผลงานมาจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจาก แผ่นเสียง , คลาสเซ็ท หรือแม้จากเทปที่บันทึกเอาไว้ตอนออกอากาศทางโทรทัศน์ Bobbing เองก็เริ่มต้นที่จะหัดใช้ Pro Tools และ ซอพแวร์ Wavefrom – Editing ด้วยตัวเอง และเขายังเริ่มต้นที่เอาเสียงรบกวนจากงานเพลงที่มีอยู่ออกไป และพยายามทำให้มันออกมาสมูธที่สุด เทปเหล่านี้ Jaco และผมฟังมันเป็นประจำ และผมก็อยากให้ทุกคนได้ฟังมันเช่นกัน มันเหมือนย้อนกลับไปสู่วันเก่าๆ และการตัดสินใจของผมก็คือ ผมจะไม่ทำให้มันออกมาสมบูรณ์แบบ เพราะมันจะขาดเสน่ห์อย่างที่มันเป็น และสิ่งต่อมาที่ Bobbing จัดการคือเรื่องของลิขสิทธิ์และแพ็กเก็จที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมันมีทั้งการเขียนเกริ่นนำของ Bobbing , Pat Metheny , อีกทั้งยังมีบทนำจากบรรณาธิการจากนิตยสาร Bass Player อย่าง Jim Robert และบทความสั้นๆจาก Mary Pastorious ลูกสาวของ Jaco

Bobbing ได้ยุติงานด้านห้องอัดของเขาและธุรกิจด้านโปรดักส์ชั่นลงในปี 94 เพื่อมาทำงานนี้อย่างเต็มตัว เขายังเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องของเบส Fender ที่เป็น Custom Shop รุ่นของ Jaco เอง เช่นกันกับ Hall Leonard ที่ทำหนังสือ transcription ของ Jaco ออกมาด้วย Bobbing ยังทำงานร่วมกับ Steve Sherpard จาก BBC ผู้ที่เป็นโปรดิวส์เซอร์ Punk Jazz : A Portrait Of Jaco ผมเหน็ดเหนื่อยมาก กับงานนี้แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะใจรัก Bobbing กล่าว เขาใช้เวลานับสิปีและยังใช้เงินไปราว 60,000 เหรียญ กับโปรเจคนี้

Bobbing ยืนยันว่าอัลบั้มชุดนี้หาได้จากเว็ปไซด์ของเขานั้นคือ www.jacotheearlyyears.com และจากเว็ปไซด์ที่เป็นทางการของครอบครัว Pastorious นั่นคือ www.jacopastorius.com วันที่กำหนดวางแผงก็คือ วันที่ 1 ธันวาคม ปี 2002 ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันครบรอบวันเกิด 50 ปีของ Jaco ถึงแม้ว่าเขาจะมีเพลงในเวอร์ชั่นที่เสร็จพร้อมเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังจะรอวันนั้น นี่เป็นชิ้นงานยอดเยี่ยม ทุกคนต้องรู้สึกดีกับมัน และสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมต้องทำก่อนตาย ผมจะไม่รีบเร่งให้มากนักแต่ผมพร้อมที่จะปล่อยมันออกมาแน่นอน

 

5 บทเรียนจากชีวิต Jaco

1. พยายามอยู่ใกล้ๆกับนักดนตรีเก่งๆ

นับตั้งแต่แรกนั้น Jaco จะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคนที่เก่งกว่าเสมอ เพราะมันจะเป็นตัวบังคับทำให้คุณเก่งขึ้น เป็นเวลาถึง 2 ปีเต็มที่ Jaco มักจะนั่งอยู่กับ บาริโทนและ อัลโตแซ็กใน Down Beat ครับ และมักจะเข้าร่วมเล่นกับวงดนตรีคนดำใน Fort Lauderdale เป็นวง Funky Soul และ Blues และ Bobbing ย้อนให้ฟังว่าเขาสามารถเล่นได้อย่างหลากหลายกับผู้อื่น เรามักจะออกไปในตอนกลางคืนตามคลับพร้อมกับเบสตามที่ต่างๆ และ Jaco ก็มักจะขอขึ้นไปร่วมแจมด้วย

2. พยายามเปิดใจเอาไว้
จากการบอกให้รู้ถึงการเล่นแบบ Harmonics จาก Bobbing และการเล่น อุดสายจากมือเบสแถบท้องถิ่นเดียวกันอย่าง Carlos Garcia และ Jaco ก็ได้นำการเล่นทั้งสองแบบมาร่วมอยู่ในตัวของเขา Bobbing กล่าวถึง Jaco ว่า เขาเป็นสัญลักษณ์ของคนเบสที่น่านับถือ การเล่นของ Jaco มันไม่ใช่การที่นึกจะเล่นอะไรก็เล่น เขาเหมือนกับฟองน้ำ อะไรที่ดีก็ตามเมื่อเขาได้เห็นจากคนอื่น เขาก็จะเก็บมันไว้ Jaco ไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มมากนัก เขาเคยพูดไว้ว่า ผมรู้ว่าที่ไหนที่ผมจะสามารถขโมยโน็ตเหล่านั้นออกมาได้ทุกๆตัว Jaco มักจะตัดสิ่งที่เขาไม่ชอบออกไปและเก็บอะไรที่ชอบเอาไว้

3. แนวแน่กับแนวทาง
พฤติกรรมของ Jaco เป็นแบบอย่างให้กับผม Bobbing กล่าว หัวหน้าวงอย่าง Sullivan พูดเอาไว้ในอัลบั้ม Portrait of Jaco ว่า “Jaco , Alex(Daqui) , และ (Bobby) Economou ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเหล้า ” พวกเขาต่างอุทิศตัวให้กับดนตรี พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันเพื่อการอยากเล่น ผมไม่เคยแม้แต่จะเห็น Jaco ดื่มเบียร์แม้ซักครั้ง Bobbing กล่าว Jaco อยู่กับดนตรี และเขายังไม่ยุ่งเรื่องผู้หญิงอีกด้วย เขาอุทิศตน 100 เปอร์เซ็นต์ให้กับสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่

4. สร้างชื่อตัวเองเข้าไว้
Jaco มีชื่อจริงว่า John Francis Pastorius III แต่ทางครอบครัวได้ตั้งชื่อเล่นเขาว่า Jocko ตามชื่อของผู้ตัดสินเบสบอล Jocko Conian เมื่อมือเปียโนอย่าง Daqui ได้เคยทิ้งโน็ตไว้ให้เขาเมื่อปี 1974 และสะกดชื่อเขาผิด Jaco ก็ไม่ได้ว่าอะไร และมันก็มีลิงของเล่นที่ชื่อว่า Jocko อยู่เหมือนกัน อย่างที่ Bobbing พูด มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่ารำคาญกับเขาอย่างยิ่ง และเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ เขาได้พูดกับ Greg พี่ชายของเขา “ เจ้าลิงตัวนี้มันโบราณไปแล้ว ” และทั้งหมดจึงเกิดเป็นความฮิพที่ตามมา

 

5. มั่นคงต่อทัศนวิสัยของตัวเอง
ปี 1973 Ira Sullivan พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในฐานะหัวหน้าวงและมือแซ็กโซโฟน แต่เขาก็ยังไม่อาจเข้าถึงเรื่องเบสแจ็สซักเท่าไหร่ เขาบอก Jaco ไปเช่นนั้น “ ผมรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณ “ ชายวัย 21 ปีพูดพลางหัวเราะ แต่ผมขอลากับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องดนตรีแล้วให้เป็นเรื่องของดนตรี Bobbing กล่าวว่า เขาได้รับหน้าที่ให้หาคำนิยามใหม่สำหรับหน้าที่ของเบส วิธีทางที่เขานำมันมาใช้ร่วมกับซาวด์แบบ fretless ใน Fender Jazz , Acoustic 360 ,Rotosound เสียงเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญแต่อย่างใด เขาคิดมันขึ้นมา จากที่ซึ่งคนอื่นอาจจะเห็นแค่กำแพง แต่เขากลับค้นพบประตู นั้นคือเหตุผลที่ทำไม่ถึงไม่มีคนอย่าง Jaco มากนัก


any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket