ปี 1958 , Cash ไม่ละทิ้งความพยายามที่จะทำเพลงในสไตล์กอสเปล แต่อย่างไรก็ตามทาง Sun Record ก็ยังปฎิเสธที่จะทำ อีกทั้งปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ Sun Record ไม่ได้เพิ่มค่าแรงและค่า royalty กับเขาเลย ทุกอย่างล้วนแล้วเป็นผลส่งผลให้เขามุ่งหน้าไปเซ็นสัญญากับสังกัดใหญ่อีกค่ายอย่าง Columbia Record และขาก็ออกอัลบั้ม All Over Again ซึ่งก็เป็นอัลบั้มที่ติด top 5 ด้วย และตามมาด้วยเพลงฮิตอย่างมากมาย Cash ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งเงินและกล่อง และท้ายที่สุดในปี 1959 Cash ก็ได้ทำอัลบั้มในสไตล์กอสเปลอย่างที่อยากทำออกมากับชื่อ Hymns By Johnny Cash และในปี 60 จากวงทรีโอก็ได้เพิ่มมือกลองเข้าไปนั้นคือ W.S Holland มาร่วมด้วย
ในมุมหนึ่งชีวิตการงานและอาชีพของเขานั้นประสบความเร็จอย่างสูงแต่อีกมุมหนึ่งก็กำลังจะแย่ลง เพราะปัญหายักษ์ที่วิ่งตามหลังมาติดๆก็คือเรื่องของ “ ภาษี ” และขณะเดียวกันเขาก็เริ่มใช้แอมฟืทตามีนเพิ่มมากขึ้นระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่มีเข้ามากว่า 300 โชว์ตลอดปี และเพื่อดับปัญหาที่เข้ามา ในปี 1961 เขายิ่งใช้ยาอย่างหนัก จนมันเริ่มส่งผลกระทบที่เลวร้ายกลับมาที่เขา อย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือคุณภาพของเพลงที่เริ่มแย่ลง
ในขณะเดียวกัน June Carter ภรรยาของเพื่อนคนหนึ่งของ Cash ก็ได้ช่วยให้ Cash และเพลงของเขากลับมาขึ้นอันดับหนึ่งอีกครั้ง กับเพลง Ring Of Fire ซึ่งเธอเองก็เป็นผู้ร่วมแต่งเพลงนี้ด้วย Ring Of Fire ใช้เวลาถึง 7 สัปดาห์ที่ขึ้ไปอยู่บนท็อปชาร์ต และยังติด ท็อป 20 ของชาร์ตเพลงป็อป Cash กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งในปี 1964 กับเพลง Understand Your Man ที่ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง แต่แม้ว่าเขาจะจะประสบความสำเร็จอย่างไร Cash ก็ยิ่งจมสู่โลกของยาเสพติดอย่างแอมฟีทตามีน มากขึ้นๆ และวันหนึ่งเขาก็ถูกตำรวจจับใน El Paso ฐานที่ลักลอบนำแอมฟีทตามีนจำนวนมากนำเข้าประเทศโดยยัดใส่กีต้าร์มา และต่อมาเขาก็เลิกกับ Vivian Leberto และย้ายมาอยู่ที่ Nashville และเขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกับ June Carter ที่เพิ่งจะหย่ากับเพื่อนของ Cash ไป ด้วยการช่วยเหลือของ June ทำให้ Cash เริ่มห่างจากยาเสพติด June เปลี่ยนชีวิตของเขาให้เข้าสู่ศาสนาคริสต์ และชีวิตทางศิลปินก็เริ่มกลับมารุ่งอีกครั้ง Cash ตัดสินใจแต่งงานกับ June ในปี 1968
และแล้วในปีเดียวกัน เขาก็ได้ออกอัลบั้มชุดใหม่ที่ได้รับการตอบรับอย่างมหาศาลกับอัลบั้ม Johnny Cash at Folsom Prison มันถูกอัดตอนเขาเล่นคอนเสิร์ตในคุก มันกลายเป็นอัลบั้มที่คนอเมริกันต้องการฟังมากที่สุด และเขาก็ไม่รอช้าจึงปล่อยอัลบั้ม Johnny Cash at San Quentin และแล้ว ปี 1969 Cash ก็ได้รับคำเชิญจาก Bob Dylan เข้าไปร่วมร่วมแจมในอัลบั้มสไตล์คันทรี่ร็อกชุด Nashville Skyline และ Dylan ก็กลับมาเป็นแขกรับเชิญของ Cash ใน the First Episode of The Johnny Cash Show ซึ่งเป็นรายการดนตรีของสถานีโทรทัศน์ ABC รายการนี้จัดมานานถึง 2 ปีด้วยกันตั้งแต่ปี 1969 – 1971
Cash เริ่มกลับมาดังอย่างพลุแตก และมีงานเข้ามาอยู่เรื่อยๆ และแต่ละงานล้วนแล้วแต่เป็นงานใหญ่ๆ เช่น การได้แสดงต่อหน้าประธานาธิบดี Richard Nixon ที่ทำเนียบขาว ได้เล่นหนังกับ Kirk Douglas ในเรื่อง The Gunfight ได้ทำงานร้องเพลงร่วมกับสุดยอดมือกีต้าร์คลาสสิกอย่าง John William และ The Boston Pops Orchestra ทั้งงานเพลงและชีวิตรักของเขาทั้งคู่ก็ไปได้อย่างดี Cash และ June เริ่มมุ่งหน้าเข้างานเพื่อสังคมมากขึ้น ในช่วงต้น 70 เช่นการต่อสู้และประท้วงสิทธิของประชากรและชาวอเมริกันรวมถึงนักโทษทั้งหลาย ซึ่งบ่อยครั้งที่เขาได้ทำงานร่วมกับ Bill Graham ปี 1980 กลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดของ the Country Music Hall of Fame
Cash ยังคงทำงานเพลงชั้นเยี่ยมออกมาให้ฟังกันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปี 1985 เมื่อหมดสัญญากับ Columbia Record เข้าจึงเข้าหา Mercury Nashville
แทน Highwaymen อัลบั้มชุดที่สองกับ Mercury Nashville นั้นได้รับความสำเร็จอย่างสูง และปี 1993 สัญญาก็หมดลงเขาจึงเข้าไปอยู่กับ American Records และเขาก็ได้ปล่อยอัลบั้มชั้นเยี่ยมอย่าง Love ,God , Murder ในปี 2000 ซึ่งมีทั้งหมด 3 แผ่น เนื้อหาและคอนเส็ปต์เป็นงานชั้นยอด นักดนตรีและนักฟังเพลงรุ่นใหม่ต่างยกย่องเขา
แม้ว่า Cash จะมีปัญหาทางสุขภาพที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 90 จนถึง ปี 2000 อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสู้กับมันและพยายามออกอัลบั้ม ที่ใช้ชื่อมาอย่างต่อเนื่อง จนออกมาเป็น American IV : The Man Come Around และยังมีการนำเพลง Hurt ของ Nine Inch Nails มาเล่นในแบบของ Cash อีกด้วย และก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงว่าจะได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมิวสิควีดีโอยอดเยี่ยมจาก MTV และเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2003 June คู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์สุขมาชั่วชีวิตของเขาได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ และ 4 เดือนต่อมาโลกก็ต้องสูญเสียสุดยอดศิลปินไปตลอดกาล Johnny Cash เสียชีวิตอย่างสงบวันที่ 12 กันยายน 2003 เมื่ออายุ 71 ใน Nashville ที่เป็นสุดท้ายกับตำนานอีกบทของโลกดนตรี