Main Menu
 Home หน้าแรก
 login / สมาชิก
 BuyerBook
 รายการ TV
  คอร์ด / เนื้อเพลง
  วีดีโอ คลิป
  Webboard
  Classifieds
  ข่าวสารดนตรี
  Review & ทดสอบ
  งานคอนเสิร์ต
  บทความดนตรี
  Cools Links
  Artist Gear
 
  About Us

9530
 Artists :     Johny Cash    2 ต.ค. 49    Acid Head

ท่ามกลางกลุ่มศิลปินคันทรี่ทั้งหลายในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นชื่อของ Johny Cash เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อศิลปินแนวอะคูสติกหนือคันทรี่รุ่นหลังมากมายยึดเขาเป็น ต้นแบบและแรงบัลดาลใจทั้งการเล่นกีต้าร์และงานเพลง ความยิ่งใหญ่ของเขานั้นไม่ได้หยุดส่งผลแค่เพียงกลุ่มคนดนตรีคันทรี่และโฟล์คหรือสไตล์อื่นที่รวมอยู่ในความหมายของอะคูสติก เขายังเป็นแรงบัลดาลใจต่อชาวอเมริกันทั้งประเทศอีกด้วย สไตล์การเล่นกีต้าร์ของเขานั้นไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็นสไตล์ไหน มันไม่มีความเป็น honky tonk หรือ rock & roll อย่างดังเดิมทางใดทางหนึ่ง แต่มันกลับมีทุกสิ่งทุกอย่างผสมผสานอยู่ในดนตรีของเขา และสิ่งหนึ่งที่กล้าพูดได้ก็คือเขาเป็นคนหนึ่งที่สร้างสไตล์ Rock & Roll ให้ชัดเจนขึ้น การสตัมคอร์ดของเขาเป็นเอกลักษณ์ที่มีความหนักแน่นและอ่อนนุ่มผสมอยู่ กว่า 100 เพลงฮิตของเขาที่ติดชาร์ตเป็นตัวการรันตีถึงผลงานและฝีมือของเขาได้เป็นอย่างดี กับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่จากอเมริกัน

เขาเกิดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1932 โดยรากฐานแล้วเขาเกิดและโตที่รัฐ Arkansas และเมื่ออายุ 3 ขวบได้ย้ายมาที่ Dyess จนกระทั่งเมื่อเขาอายุจึงเริ่มต้นมุ่งหน้าเข้าหากีต้าร์และเสียงดนตรีสไตล์คันทรี่ แรงบัลใจที่ทำให้เขามุ่งหน้าเข้าสู่สไตล์นี้นั้นมาจาเสียงเพลงจากวิทยุเก่าๆ ตามที่สภาพสถานะที่จะมี Cash ใช้ชีวิตในเวลาว่างส่วนใหญ่หมดไปกับการนั่งฟังเพลงคันทรี่ตามแบบฉบับของชาวอเมริกัน หลังจากการฝึกฝนและความตั้งใจอันแรงกล้าทำให้ชีวิตของ Cash ในช่วงที่เรียนอยู่ไฮสคูลนั้นได้มีโอกาสเข้าไปเป็นนักร้อง ร้องเพลงในสถานีวิทยุ KLCN ใน Arkansas ( ในยุคสมัยนั้นการได้เข้าไปเล่นดนตรีในรายการวิทยุ ถือว่าเป็นอาชีพ เพราะส่วนหนึ่งไม่ค่อยจะนิยมเปิดเพลง ดังนั้นจึงมีการจ้างนักดนตรีฝีมือดีในแนวต่างๆเข้าไปเล่นในสตูดิโอแล้วออกอากาศสด ) Cash ก็เล่นดนตรีควบคู่กับเรียนหนังสือไป จนเข้าเรียนจบวิทยาลัยเมื่อปี 1950 และหลังจากนั้นเข้าก็มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมอย่าง Detroit เขาทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพราะในช่วงนั้นกำลังมีสงครามเกาหลีเกิดขึ้น สถานภาพทางเศรษฐกิจเริ่มแย่ เลยทำให้เขาตัดสินใจเข้าบรรจุเป็นทหารอยู่ในกองทัพอากาศ และขณะที่อยู่ในกองทัพ Cash ก็ได้ตัดสินใจที่จะซื้อกีต้าร์ตัวแรกที่เป็นของตนเอง และเขาก็เล่มเล่นมันอย่างจริงจังอีกครั้ง และก็ใช้เวลาในช่วงนี้แต่งเพลงซึ่งรวมถึงเพลงดังอย่าง "Folsom Prison Blues."

ปี 1954 เขาก็ออกจากกองทัพอากาศและได้พบรักและแต่งงานกับหญิงชาว Texas ที่ชื่อว่า Vivian Leberto ( ภายหลังก็ได้เลิกกันไป ) และเขาก็ย้ายไปอยู่ที่ Memphis และเขาก็ตัดสินใจเข้าเรียนคอร์สการเป็นผู้ประกาศทางวิทยุ และหลังจากเลิกเรียนในช่วงเวลาเย็น เขาก็จับกลุ่มกับเพื่อนตั้งวง ทรีโอเล่นเพลง คันทรี่ที่อัดแน่นด้วยเทคนิค Boom-Chick และการสตรัมคอร์ดในสไตล์คันทรี่ที่หาตัวจับยาก พวกเขาเล่นตามบาร์และผับต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย Cash เล่นกีต้าร์และร้อง Luther Perkins เล่นกีต้าร์ และ Marshall Grant เล่นเบส ในบางโอกาศเขาก็ได้เล่นในรายการวิทยุแต่ก็เป็นงานฟรี จนกระทั่งมีฝีมือและความมั่นใจเต็มที่ วงทรีโอของเขาจึงตัดสินใจมุ่งเข้าไปที่ Sun Record เพื่อขอออดิชั่นเป็นศิลปิน (Sun Record เป็นค่ายเพลงที่สุดแสนจะคลาสสิกของชาวอเมริกัน งานชั้นเยี่ยมที่ออกมาส่วนใหญ่จะเป็น คันทรี่โฟล์คและบลูส์ ตามตลาดเพลงสมัยนั้น ศิลปินที่สร้างชื่อให้ค่ายนี้อย่างมหาศาลก็คือ Elvis Presley)

และท้ายที่สุดในปี 1955 เขาก็ได้เข้ามาเป็นศิลปินอีกหนึ่งคน เดิมที่ Cash พยายามที่จะทำเพลงสไตล์ กอสเปลออกมา แต่ผู้บริหารอย่าง Sa m Phillips กลับไม่ได้สนใจอย่างนั้น เขากลับมองเห็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและอยากทำอะไรที่ออกเป็นตลาดต้องการ เลยให้ Cash กลับไปคิดและทำงานมาใหม่ และเมื่อ Cash กลับมาพร้อมเพลง Hey Porter ที่เป็นคันทรี่อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้ Sam สะดุดอย่างมาก เขาไม่รอช้าที่จะดันสไตล์ที่ออกมาจากตัวของ Cash อย่างจริงจัง ต่อมา Cash ได้ปล่อยเพลง Cry Cry Cry และ Hey Porter ออกมาและทั้งคู่ก็กลายเป็นฮิตโดยใจชาวอเมริกันอย่างมหาศาล

Sam ได้จัดการทุกอย่างให้เขาตามภาษาพ่อค้าหัวใส เริ่มจากการให้เขาใช้ชื่อเป็น Johnny Cash ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกชอบแต่อย่างใดเพราะมันดูเด็กเกินไปสำหรับคนอย่างเขา แต่ทุกอย่างกลับได้ผลยังส่งผลให้ศิลปินหน้าใหม่คนหนึ่งนำเพลง Cry Cry Cry วิ่งขึ้นไปอยู่อันดับที่ 14 ของชาร์ตเพลงคันทรี่อย่างทันที และเพลง Folsom Prison Blues ก็ขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 5 และเพลง I Walk the Line ก็ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับที่ 1 ถึง 6 อาทิตย์เต็มๆ อีกทั้งเพลงนี้ยังสามารถก้าวข้ามไปอยู่ในชาร์ตของเพลงป็อปอีกด้วย นับเป็นศิลปินคนแรกๆของสไตล์นี้ถ้าไม่นับ Chet Attkin ที่เป็นคนแรกที่นำเพลงคันทรี่ข้ามเขตๆไปอยู่ชาร์ตเพลงป็อป

ปี 1957 นับว่าเป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จอย่างสูง จนภายหลังเขาได้สร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกครั้งที่ได้เห็น เขาจะมาในชุดโค้ชสีดำพอดีตัว ซึ่งก็เป็นศินปินคันทรี่คนแรกที่ทำตัวเป็นชาวร็อกก็ว่าได้ และทุกคนต่างให้ฉายาเขาว่า Man In Black และชื่อนี้ก็กลายมาเป็นเพลงที่ฮิตทั่วอเมริกาอีกหนึ่งเพลง และในปี เดียวกันนั้น Cash ก็ออกอัลบั้มเต็มชุดชื่อว่า Johnny Cash With His Hot And Blues Guitar ความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ส่งผลยาวจนปี 1958 และเพลง Guess Things Happen That Way ก็กลายเป็นซิงเกิ้ลยอดฮิตตลอดกาลอีกหนึ่งเพลง

ปี 1958 , Cash ไม่ละทิ้งความพยายามที่จะทำเพลงในสไตล์กอสเปล แต่อย่างไรก็ตามทาง Sun Record ก็ยังปฎิเสธที่จะทำ อีกทั้งปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ Sun Record ไม่ได้เพิ่มค่าแรงและค่า royalty กับเขาเลย ทุกอย่างล้วนแล้วเป็นผลส่งผลให้เขามุ่งหน้าไปเซ็นสัญญากับสังกัดใหญ่อีกค่ายอย่าง Columbia Record และขาก็ออกอัลบั้ม All Over Again ซึ่งก็เป็นอัลบั้มที่ติด top 5 ด้วย และตามมาด้วยเพลงฮิตอย่างมากมาย Cash ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งเงินและกล่อง และท้ายที่สุดในปี 1959 Cash ก็ได้ทำอัลบั้มในสไตล์กอสเปลอย่างที่อยากทำออกมากับชื่อ Hymns By Johnny Cash และในปี 60 จากวงทรีโอก็ได้เพิ่มมือกลองเข้าไปนั้นคือ W.S Holland มาร่วมด้วย

ในมุมหนึ่งชีวิตการงานและอาชีพของเขานั้นประสบความเร็จอย่างสูงแต่อีกมุมหนึ่งก็กำลังจะแย่ลง เพราะปัญหายักษ์ที่วิ่งตามหลังมาติดๆก็คือเรื่องของ “ ภาษี ” และขณะเดียวกันเขาก็เริ่มใช้แอมฟืทตามีนเพิ่มมากขึ้นระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่มีเข้ามากว่า 300 โชว์ตลอดปี และเพื่อดับปัญหาที่เข้ามา ในปี 1961 เขายิ่งใช้ยาอย่างหนัก จนมันเริ่มส่งผลกระทบที่เลวร้ายกลับมาที่เขา อย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือคุณภาพของเพลงที่เริ่มแย่ลง

ในขณะเดียวกัน June Carter ภรรยาของเพื่อนคนหนึ่งของ Cash ก็ได้ช่วยให้ Cash และเพลงของเขากลับมาขึ้นอันดับหนึ่งอีกครั้ง กับเพลง Ring Of Fire ซึ่งเธอเองก็เป็นผู้ร่วมแต่งเพลงนี้ด้วย Ring Of Fire ใช้เวลาถึง 7 สัปดาห์ที่ขึ้ไปอยู่บนท็อปชาร์ต และยังติด ท็อป 20 ของชาร์ตเพลงป็อป Cash กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งในปี 1964 กับเพลง Understand Your Man ที่ก้าวขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง แต่แม้ว่าเขาจะจะประสบความสำเร็จอย่างไร Cash ก็ยิ่งจมสู่โลกของยาเสพติดอย่างแอมฟีทตามีน มากขึ้นๆ และวันหนึ่งเขาก็ถูกตำรวจจับใน El Paso ฐานที่ลักลอบนำแอมฟีทตามีนจำนวนมากนำเข้าประเทศโดยยัดใส่กีต้าร์มา และต่อมาเขาก็เลิกกับ Vivian Leberto และย้ายมาอยู่ที่ Nashville และเขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกับ June Carter ที่เพิ่งจะหย่ากับเพื่อนของ Cash ไป ด้วยการช่วยเหลือของ June ทำให้ Cash เริ่มห่างจากยาเสพติด June เปลี่ยนชีวิตของเขาให้เข้าสู่ศาสนาคริสต์ และชีวิตทางศิลปินก็เริ่มกลับมารุ่งอีกครั้ง Cash ตัดสินใจแต่งงานกับ June ในปี 1968

และแล้วในปีเดียวกัน เขาก็ได้ออกอัลบั้มชุดใหม่ที่ได้รับการตอบรับอย่างมหาศาลกับอัลบั้ม Johnny Cash at Folsom Prison มันถูกอัดตอนเขาเล่นคอนเสิร์ตในคุก มันกลายเป็นอัลบั้มที่คนอเมริกันต้องการฟังมากที่สุด และเขาก็ไม่รอช้าจึงปล่อยอัลบั้ม Johnny Cash at San Quentin และแล้ว ปี 1969 Cash ก็ได้รับคำเชิญจาก Bob Dylan เข้าไปร่วมร่วมแจมในอัลบั้มสไตล์คันทรี่ร็อกชุด Nashville Skyline และ Dylan ก็กลับมาเป็นแขกรับเชิญของ Cash ใน the First Episode of The Johnny Cash Show ซึ่งเป็นรายการดนตรีของสถานีโทรทัศน์ ABC รายการนี้จัดมานานถึง 2 ปีด้วยกันตั้งแต่ปี 1969 – 1971

Cash เริ่มกลับมาดังอย่างพลุแตก และมีงานเข้ามาอยู่เรื่อยๆ และแต่ละงานล้วนแล้วแต่เป็นงานใหญ่ๆ เช่น การได้แสดงต่อหน้าประธานาธิบดี Richard Nixon ที่ทำเนียบขาว ได้เล่นหนังกับ Kirk Douglas ในเรื่อง The Gunfight ได้ทำงานร้องเพลงร่วมกับสุดยอดมือกีต้าร์คลาสสิกอย่าง John William และ The Boston Pops Orchestra ทั้งงานเพลงและชีวิตรักของเขาทั้งคู่ก็ไปได้อย่างดี Cash และ June เริ่มมุ่งหน้าเข้างานเพื่อสังคมมากขึ้น ในช่วงต้น 70 เช่นการต่อสู้และประท้วงสิทธิของประชากรและชาวอเมริกันรวมถึงนักโทษทั้งหลาย ซึ่งบ่อยครั้งที่เขาได้ทำงานร่วมกับ Bill Graham ปี 1980 กลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดของ the Country Music Hall of Fame

Cash ยังคงทำงานเพลงชั้นเยี่ยมออกมาให้ฟังกันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปี 1985 เมื่อหมดสัญญากับ Columbia Record เข้าจึงเข้าหา Mercury Nashville

แทน Highwaymen อัลบั้มชุดที่สองกับ Mercury Nashville นั้นได้รับความสำเร็จอย่างสูง และปี 1993 สัญญาก็หมดลงเขาจึงเข้าไปอยู่กับ American Records และเขาก็ได้ปล่อยอัลบั้มชั้นเยี่ยมอย่าง Love ,God , Murder ในปี 2000 ซึ่งมีทั้งหมด 3 แผ่น เนื้อหาและคอนเส็ปต์เป็นงานชั้นยอด นักดนตรีและนักฟังเพลงรุ่นใหม่ต่างยกย่องเขา

แม้ว่า Cash จะมีปัญหาทางสุขภาพที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 90 จนถึง ปี 2000 อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสู้กับมันและพยายามออกอัลบั้ม ที่ใช้ชื่อมาอย่างต่อเนื่อง จนออกมาเป็น American IV : The Man Come Around และยังมีการนำเพลง Hurt ของ Nine Inch Nails มาเล่นในแบบของ Cash อีกด้วย และก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงว่าจะได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมิวสิควีดีโอยอดเยี่ยมจาก MTV และเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2003 June คู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์สุขมาชั่วชีวิตของเขาได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ และ 4 เดือนต่อมาโลกก็ต้องสูญเสียสุดยอดศิลปินไปตลอดกาล Johnny Cash เสียชีวิตอย่างสงบวันที่ 12 กันยายน 2003 เมื่ออายุ 71 ใน Nashville ที่เป็นสุดท้ายกับตำนานอีกบทของโลกดนตรี


any comments, please e-mail   guitarthai@gmail.com (นายดู๋ดี๋)
© All rights reserved 1999 - 2015. All contents in this web site are the properties of www.guitarthai.com and Saratoon Suttaket