
ช่วงปี 2005 ที่ผ่านพ้นมานั้นคงไม่มีใครที่มาแรงเท่ากับนักร้องนักแต่งเพลงรวมไปถึงนักดนตรีที่มากไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์ทางดนตรีและกีฬาได้มากเท่ากับเขาคนนี้อย่างแน่นอน และบทเพลงอันมากมายที่ถูกแต่งขึ้นมานั้นก็มาจากแรงบัลดาลใจในความเป็นชาวฮาวายที่หลงรักท้องทะเลและกีฬา Surf อย่างเป็นชีวิตจิตใจ
Jack Johnson เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม ปี 1975 ใน North Shore ของเมือง Oahu ใน Hawaii แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ได้อยากที่จะเริ่มชีวิตกับดนตรีเลยแม้แต่น้อย จุดมุ่งหมายหลักในชีวิตของเขานั้นทุ่มให้กับการเล่นเซิฟอย่างถวายชีวิต ซึ่งเขาก็เล่นมันได้ถึงขนาดเข้าขั้นโปรเลยทีเดียว ดีขนาดที่ Quiksilver แบรนด์ดังในเรื่องของกีฬาต้องเป็นสปอนเซอร์ให้กับเขา แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเขาได้รับอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุให้ดั้งจมูกและฟันหน้าหักอีกทั้งยังต้องเย็บถึง 15 เข็มที่ปากและหน้าผาก นั้นจึงเป็นตัวบังคับทำให้เขาต้องหยุดเล่นกีฬาเซิฟอันเป็นที่รักไปโดยปริยายในช่วงเวลานั้นถึง 3 เดือน จึงทำให้ Jack ในวัย 14 ปีก็เริ่มต้นหาหน้าเข้าสู่กีต้าร์แทน แรงบัลดาลใจส่วนหนึ่งในเรื่องของดนตรีสำหรับเขานั้นได้รับจาก Nick Drake, The Beatles, Jimi Hendrix, Tribe Called Quest, Dylan, Ben Harper, Radio Head, G. Love and Special Sauce, Otis Redding, Neil Young,Bob Marley, Kurosawa, Tom Curren และอีกมากมาย
แต่เขาก็ไม่ได้เล่นเป็นจริงเป็นจังอะไรนัก จนกระทั้งเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Santa Barbara ใน California ในวัย 18 ปี ในคณะที่เรียนเรื่องการทำหนัง และตัวเขาเองก็เรียนจบจากที่นี้ เมื่อเขาต้องเรียนเกี่ยวกับการผลิตภาพยนต์จึงต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหันมาสนใจกับเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยกับภาพยนต์นั้นคือ “ เพลงประกอบ ” เขาจึงเรียนรู้ที่จะทำเพลงควบคู่กันไปกันการทำหนัง หลังจากเรียนจบเขาจึงตัดสินใจเดินทางเที่ยวรอบโลกกับเพื่อนๆที่เล่น surf มาด้วยกันเพื่อหาแรงบัลดาลใจ ทำให้เขาได้ทำหนังออกมาหนึ่งเรื่องนั้นคือ Thicker Than Water และภายหลังก็ได้ออกฉาย และในขณะเดียวกันกีฬา Surf ก็นำพาเขามารู้จักเพื่อนใหม่อย่าง Garrett Dutton (aka G Love ) จึงทำให้เขาได้ทำเพลงร่วมกับเพื่อนๆ ในเพลง Rodeo Clowns ที่อยู่ในอัลบั้ม Philadelphonic ของ พวกเขาที่ออกมาในปี 1999 แต่ความสนใจในเรื่องของกีฬา surf ของเขานั้นยังคงทำควบคู่กันไป อีกทั้งยังเป็นแรงบัลดาลใจให้เขาทำหนังแบบนี้ออกมาอีกหลายเรื่องและถูกจำหน่ายในรูปแบบของ vcd และ dvd พร้อมทั้งเขาเองก็ได้ทำอัลบั้ม Brushfire Fairytales ซึ่งใช้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Thicker than Water นั้นเอง
ต่อมาวันหนึ่ง J.P. Plunier ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ Ben Harper ก็ได้รับเดโมของ Jack ทำให้เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง และนั้นก็หมายถึงโอกาศอันยิ่งใหญ่ของ Jack Johnson มาถึงแล้ว และในที่สุด J.P. Plunier จึงทำหน้าที่โปรดิวส์ให้กับ Jack ในอัลบั้ม Brushfire Fairytales ที่ออกมาในปี 2001 และ Ben Harper ก็ร่วมแจมหนึ่งเพลง อัลบั้มชุดนี้สามารถถีบตัวเองขึ้นไปติดใน Top 40 ของ US ชาร์ตเลยทีเดียว และเพลง "Flake" และ "Bubbletoes." ในอัลบั้มชุดที่สอง On And On ในปี 2003 นั้นก็ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 3 ของ US Hit และเขาเองก็ยังไปร่วมทำเพลงทรีบิวต์ให้กับวง Sublime ในอัลบั้ม Look At All The Love We Found ในเพลง Handsome Boy Modeling School 's White People อีกด้วย ชื่อเสียงของ Jack เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ตารางทัวร์ของเขาเรียกว่าแน่นที่เดียวไม่ว่าจะเป็นการทัวร์ในอเมริกาและยุโรป และในปี 2005 ที่ผ่านมาอัลบั้มที่ขึ้นแท่นว่าเป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งชุดอย่าง In Between Dreams ก็ได้ออกมาให้ฟังกันอย่างไม่ผิดหวัง และในปีเดียวกันนั้นเอง เขายังออก EP ชื่ออัลบั้มว่า Some Live Songs กับเพื่อนอย่าง Donovan Frankenreiter และ G love พร้อมกันนั้นในปี 2006 เขากำลังจะมีอัลบั้มชุดใหม่ให้ฟังกันในรูปเเบบของเพลงประกอบหนังเรื่อง Curious George ที่จะออกมาเร็วๆนี้
 |
 |
บทเพลงของเขานั้นเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะฟังออกมาแล้วเป็นแง่บวก เนื้อเพลงให้แง่คิดและมุมมอง ในส่วนดนตรีนั้นเขาก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมทั้งสไตล์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบอสซาโนว่า , โฟล์ค , บลูส์และดนตรีพื้นบ้านทั้งหลายที่นำผสมอยู่บนสไตล์เพลงแบบอะคูสติกใสๆ แบบที่ฟังแล้วนึกถึงบรรยากาศที่นั่งเล่นบนชายหาดริมทะเลครับ เรื่องของไอเดียในการเขียนเพลงและการทำดนตรีนั้นให้เกินร้องครับสำหรับเรื่องครีเอท และกีฬา surf อันเป็นที่รักของเขานั้นก็ยังไม่ได้ทิ้งแต่อย่างใด ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้อยู่เรื่อยๆควบคู่กันไปกับการทำเพลง ปัจจุบัน Jack เองก็ยังร่วมเป็นแกนนำในการรักษาสิ่งแวดล้อมในฮาวายอีกด้วย