คงจะมีโอกาศน้อยครั้งนักในช่วงเวลาสมัยก่อนที่เราจะได้เห็นผู้หญิงจับกีต้าร์ขึ้นมาเล่นและร้องเพลง เพราะส่วนใหญ่เราจะได้เห็นผู้หญิงเล่นเปียโนหรือไม่ก็ไวโอลีน เป็นต้น และครั้งนี้เราอยากจะให้ทุกคนได้รู้จักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เล่นกีต้าร์ และแนวทางที่เธอเล่นมันช่างเหมาะสมจริงๆ เธอเป็นคนทางสาย Bossanova ครับ ชื่อของเธอคือ Lisa Ono
ชื่อเสียงของ Lisa Ono สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วถือว่าเธอดังมากๆ เธอเป็นคนที่เล่นเพลงในสไตล์ Brazilian Jazz หรือที่เรารู้จักกันอีกอย่างว่า พวก Bossanova ความสามารถของเธอนั้นเรียกว่าไม่แพ้ผู้ชายเลยทีเดียว เธอเป็นพวกที่ใช้กีต้าร์สายเอ็นหรือที่เราเรียกกันว่ากีต้าร์คลาสสิค
Lisa Ono เกิดใน S?o Paulo และแล้วอิทธิพลทางดนตรีที่ทำให้เธอหันมาชื่นชอบและเล่นมันนั่นคือพ่อของเธอเอง พ่อของเธอได้ทำอาชีพเป็นเจ้าของผับแจ็ส และในเวลาต่อมาเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่น พ่อของเธอก็มาเปิดผับขึ้นมาใหม่ที่ทุกคนเรียกว่า Saci-Perer? และที่นี่เองก็ส่งผลดีอย่างมหันต์นั้นก็เพราะว่าที่นี่เน้นแต่การแสดงขดงดนตรีที่เป็นแจ็ส และเธอเลยใช้โอกาสตรงจุดนี้ขึ้นเล่นประจำโดยจะเล่นเพลงแนวบอสโนว่าและแซมบ้าเป็นหลัก ที่นี่เป็นเสมือนสถานที่หล่อหลอมวิชาและความสามารถทางการเล่นการร้องและการเขียนเพลงของเธอ
และแล้ววันหนึ่งโอกาสก็มาถึงเธอ อัลบัมชุดแรกของเธอ Catupiry ออกมาเมื่อปี 1989 และเธอก็ออกอัลบัมมาเรื่อย เป็นประจำสม่ำเสมอแทบทุกปี Na N? ออกเมื่อปี 1991 และอัลบัมชุดนี้ก็ได้รับรางวัล Grand Prix Gold Disk Award for Jazz ซึ่งเป็นรางวัลที่ทางวงการดนตรีของประเทศญี่ปุ่นจัดตั้งขึ้นมา Menina อัลบัมที่ทำให้เธอได้รับรางวัล Grand Prix Gold Disk Award for Jazz อีกครั้ง Esperan?a ออกเมื่อปี 1994 อัลบัมชุดนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่เธอได้รับเกียรติ์จากบิดาแห่งบอสซาโนว่าเลยก็ว่าได้มาเป็นแขกรับเชิญ นั้นคือ Tom Jobim หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อว่า Antonio Calos Jobim และก็มี , Sivuca, Paulo Moura, Danilo Caymmi and Mario Adnet ปีต่อมาด้วย Minha Saudade ปี 1998 กับอัลบัม Bossa Carioca ต่อมาเธอเริ่มที่จะก่อตั้งค่ายเพลงขึ้นมาในชื่อว่า Na N? โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะโปรโมตเพลงในสไตล์ บลาซิลในประเทศญี่ปุ่น ปี 1999 กับอัลบัม Dream ซึ่งสามารถขายได้มากกว่า 200,000 แผ่นโดยเพลงในชุดนี้จะเป็นเพลงระดับขึ้นหิ้งของอเมริการาวๆปี 1940 - 1950 โดยที่เธอนำมาทำและเรียบเรียงใหม่ในสไตล์ของ บอสซาโนว่า และปี 2000 กับอัลบัม Pretty World โดยการออกอัลบัมครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเจาะตลาดเพลงของประเทศอังกฤษ และเธอก็ออกอัลบัม Boas Festas หรืออีกชื่อคือ winter bossa อัลบัมนี้มีจุดประสงค์และความหมายของมันก็ตรงที่ มันเป็นเพลงเพื่อคริสมาสต์ โดยเธอนำเพลงคริสมาสต์ของชาวอมริกันมาเรียบเรียงใหม่ในแบบของ บอสซาโนว่า และต่อมาในช่วฤดูร้อนของปี 2001 เธอก็ออกอัลบัมในชื่อชุด Bossa Hula Nova วึ่งบางเพลงก็เป็นเพลงใหม่และบางเพลงก็นำเพลงของชาวฮาวายมาทำใหม่ในแบบบอสซาโนว่า ปี 2002 กับชุด Questa Bossa Mia (This Is My Bossa Nova) และต่อด้วย Dans Mon Ile (In My Island) ในปี 2003 และปี 2004 กับอัลบัมล่าสุด Naima ซึ่งอัลบัมชุดนี้เธอได้นำเพลงพื้นเมืองจาก Africa, Portuguese และที่ต่างๆมาเล่น นอกจากนั้นเธอยังมีหัวทางการตลาดอีกด้วยนั้นคือตอนนี้เธอเป็นเจ้าของรายการที่เกี่ยวกับดนตรีที่ฉายในประเทศญี่ปุ่น แถมยังมีทัวร์คอนเสริตเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด และสิ่งเหล่านี้กลับจะเป็นตัวตัวแปรที่ทำให้เราได้เสพงานศิลปะทางดนตรีจากเธออยู่ต่อไป

...........lisa Ono