Larry Carlton เป็นมือกีตาร์ที่มีความสามารถมากมายทั้งเล่น แต่ง และเรียบเรียง ด้วยมีเสียงสำเนียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังเคยฝากผลงานอัดเสียงให้ศิลปินชื่อก้องโลกมากมายอาทิ Quincy Jones, Paul Anka, Michael Jackson, John Lennon ฯลฯ โดยชื่อของเขาได้ปรากฏอยู่ในงานระดับทองคำกว่า 100 อัลบั้ม Larry เกิดวันที่ 2 มีนาคม ปี 1948

เขาเริ่มเล่นกีตาร์เมื่ออายุเพียง 6 ขวบเท่านั้นโดยเขาได้หัดอ่านโน้ต, คอร์ดต่างๆ, และจังหวะดนตรี ทำให้ฝีมือของเขาโดดเด่นเมื่อเขาเข้าสู่วัยรุ่น โดยเขาเริ่มเล่นดนตรีอาชีพเมื่ออายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น และระหว่างนี้เองที่ Larry ได้ยินเสียงเพลงจากวง The Gerald Wilson Big Band ซึ่งมีเสียงกีตาร์ที่ไพเราะสะดุดหูเขาเป็นอย่างมาก และมือกีตาร์ผู้นั้นก็คือ Joe Pass นั่นเอง

Download Movie Clip ที่นี่   (จากงาน Jazz Festival ที่สนามเสือป่า)

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเขาก็เริ่มสนใจดนตรีแจ๊ส อย่างจริงจัง โดยเริ่มฟังตั้งแต่ B.B.King, Barney Kessel, Wes Montgomery จนถึง John Coltrane ในปี1968 ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากงานชื่อ "With A Little Help From My Friends(Uni)." เริ่มบันทึกเสียงในห้องอัดในปี 1970 และในปี1971 เขาก็ได้ถูกทาบทามจากวง Crusadersและได้ร่วมเล่นจนถึงปี 1976 โดยระหว่างที่เล่นกับCrusaders เขายังรับงานบันทึกเสียง และทำเพลงประกอบรายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ อาทิ Against All Odds, Who's the Boss และ Hill Street Blues(ได้รางวัล แกรมมี่ในปี 1981 สาขา Best Pop Instrumental Performance)และกับงานเดี่ยวชุด Singing/Playing ในปี 1973

นอกจากนี้ยังได้เรียบเรียงดนตรีและผลิตงานให้กับ Barbara Streisend, Joan Baez, Larry Gatlin และงานของเขาเอง (Room 335) จนกระทั่งปี 1978 เขาถึงได้ไปเซ็นสัญญากับ Warner Bros. ระหว่างที่อยู่เข้าไปอยู่ในสังกัด Warner Bros. เขาได้มีโอกาสเข้าร่วมกับ Steely Dan กลุ่มวงร็อคมีระดับ ซึ่งเพลง "Kid Charlemagne" ของ Steely Dan ที่เขาได้ร่วมสร้างไว้ถูกจัดอันดับโดยนิตยสาร Rolling Stone ให้เป็น 1ใน3 เพลงที่มี Licks กีตาร์ยอดเยี่ยม ในระหว่างปี 78' ถึงปี 84'

Larry มีผลงานกับ Warner Bros. 6 อัลบั้มด้วยกันคือ Mr.335:Live in Japan, Friends, Eight Times Up, Sleep Walk, Strikes Twice, และ Larry Carlton และในปี 1985 เขาก็ได้ย้ายไปอยู่สังกัดใหม่ที่ชื่อ MCA Master Series เพื่อที่จะทำอัลบั้ม แจ๊สแบบอคูสติค โดยชุดที่พูดถึงนี้ก็คืออัลบั้มชุด "Alone, But Never Alone," ซึ่งได้ขึ้นชาร์ตวิทยุและ Billboard Jazz เป็นอันดับ 1 ต่อมาในปี 1987 เขาก็ได้รับรางวัลแกรมมี่ จากเพลง "Minute by Minute"

และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขา Best Jazz Fusion Performance จากอัลบั้มแสดงสดที่ชื่อ Last Nite และหลังจากนั้น 2 ปี เขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อีกครั้งกับอัลบั้ม On Solid Ground. และแล้วเมื่อค่าย MCA มารวมตัวกับ GRP Records ตัว Larry ก็ได้ย้ายตามมาด้วยเช่นกันโดยทางค่ายได้ทำอัลบั้มรวมเพลงยอดนิยมของเขาภายใต้ชื่อ Collection ในปี 1991 และต่อเนื่องด้วยอัลบั้ม Kid Gloves ในปี 1992 และในปี 1993 กับ 6 เพลงเก่าที่เขาทำไว้ตั้งแต่ปี 1991 ใช้ชื่อว่า Renegade Gentlemen



ระหว่างปี 1993 ถึงปี 1994 เขาได้ออกเดินสายกับศิลปินแจ๊สชื่อดังอาทิ Stanley Clarke, Billy Cobham, Deron Johnson, และ Najee จากการเดินสายนี้เองทำให้เกิดอัลบั้มชื่อ Stanley Clarke and Friends Live at Greek. และในปี 1995 เขาก็ออกอัลบั้มคู่กับ Lee Ritenour ใช้ชื่ออัลบั้มว่า Larry and Lee ตามด้วย The Gift ในปี 1996 ปี 1997 เมื่อ Lee Ritenour ลาออกจาก Fourplay. Larry จึงเข้าไปรับตำแหน่งมือกีตาร์แทนโดยเริ่มจากอัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า "4" ในปี 1998 ตามด้วย Snowbound ในปี 1999 นอกจากผลงานที่น่าชื่นชมกับ Fourplay แล้ว Larry ยังออกผลงานเดี่ยวที่ชื่อ Fingerprints ในปี 2000 อีกด้วย