|
 |
|
 |
|
การสำรวจตัวเอง & vdo ภาพยนตร์เทิดพระเกียรติ : เหรียญของพ่อ |
|
|
|
|
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 1
|
|
|
 |
การสำรวจตัวเอง
การสำรวจตนเองในเรื่อง ๖ เรื่อง
๑. อายุ
ทุกคนได้มีชีวิตผ่านมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน อายุมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ให้สำรวจดูอายุของเราว่า เดี๋ยวนี้เราอายุเท่าไรแล้ว ในช่วงอายุที่ผ่านมาเราได้สร้างคุณค่าชีวิตอะไร อย่างไรบ้าง เราจะอยู่ในโลกนี้อีกกี่ปี ให้สำรวจว่าชีวิตของเรานั้นผ่านไปตามกาลเวลา ไม่ใช่วันคืนเท่านั้นที่ล่วงไป แต่มันพาหรือกลืนกินชีวิตของเราไปด้วย เราทุกคนกำลังเดินทางไปสู่ความตายอย่างแน่นอน เมื่อตาย เรานำอะไรไปไม่ได้เลย แม้ร่างกายก็ต้องคืนให้แก่โลก เพราะเรายืมของโลกมาใช้ เราจึงควรสำรวจว่าอายุของเราที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เป็นอย่างไร อย่าลืมตัว มิฉะนั้น เราจะไม่เห็นคุณค่าของชีวิต ถ้าเราไม่ลืมตัว จะเห็นว่ายิ่งอายุผ่านไปเท่าไร ก็ควรสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตมากขึ้นเท่านั้น ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน แต่ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนมีอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าจึงสอนชาวพุทธไม่ให้ประมาทในชีวิต
๒. การงานและการเรียน
การงาน ที่ผ่านมางานที่เราทำประสบผลสำเร็จหรือไม่ ที่ทำอยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีผลดีผลเสียอย่างไร จะต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ถ้าเราไม่สำรวจดู เราจะไม่พบข้อบกพร่องและงานของเราก็จะเสีย เราต้องหมั่นสำรวจผลดี ผลเสีย ที่จะได้รับอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ผ่านไปวัน ๆ
การเรียน การศึกษาเล่าเรียนมีอยู่ตลอดชีวิตของคนเรา ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนต้องเรียน ต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา ถ้าใครหยุดเรียน คนนั้นก็จะไม่ก้าวหน้า คนที่เล่าเรียนจบตามหลักของพุทธศาสนาคือพระอรหันต์ ท่านเรียกว่า “พระอเสขะ” เพราะหมดกิจการศึกษาเล่าเรียนในด้านไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยประการทั้งปวงแล้ว จงสำรวจเรื่องการงานและการเรียนของเราว่า ที่ผ่านมาเราผลิตผลงานและได้ศึกษาไปแล้วได้เพียงใด เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร มีข้อบกพร่องต้องปรับปรุงอย่างไร ได้รับความรู้เพิ่มเติมขึ้นมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ชีวิตของเรามีคุณค่ามากขึ้น
๓. รายรับ – รายจ่าย
ลองสำรวจทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และงบดุลไว้ บางคนภูมิใจว่ารายรับมาก แต่รายจ่ายเกินรายรับไม่ได้คิดถึง บางคนรายรับกับรายจ่ายก็มากพอ ๆ กัน แต่บางคนเห็นว่ารายรับไม่สำคัญเท่ารายเหลือ เพราะฉะนั้น รายการรับจ่ายจึงสำคัญที่รายเหลือมากกว่ารายรับ จึงขอให้สำรวจรายรับ – รายจ่าย สำรวจบัญชีในชีวิตของเรา
๔. บุญ – บาป
ให้ทำตารางเอาไว้ ๒ ตาราง คือ ตารางบุญและตารางบาป ถ้าบุญมากกว่าบาป แสดงว่าได้กำไรชีวิต แต่ถ้าบุญกับบาปเท่า ๆ กัน ก็ยังถือว่าขาดทุนสำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งควรจะได้บุญมากกว่าบาป เราต้องแก้ไขตนเอง ทำดี(บุญ) ให้มากขึ้น มิฉะนั้น ชีวิตจะเดือดร้อน เราควรพยายามทำรายรับฝ่ายบุญให้มากกว่ารายจ่ายหรือบาป ทำตารางชีวิตของเราไว้ ถ้ามีสิ่งใดบกพร่องก็แก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น ต้องมีรายรับของบุญไว้ให้มาก
๕. การบำเพ็ญประโยชน์
หมายถึงประโยชน์ ๒ อย่าง คือ ประโยชน์ตน ให้สำรวจว่า เราได้ทำอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเรา ทั้งในด้านสุขภาพ ความรู้ ความดี บุญกุศล เราทำได้มากน้อยแค่ไหน ประโยชน์ผู้อื่น ให้สำรวจว่า ในฐานะที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราได้ช่วยเหลือสังคม พ่อแม่ พี่น้อง โรงเรียน ราชการ เพื่อนร่วมชาติ แม้แต่การช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย เราทำได้ขนาดไหน เราควรจะสำรวจตัวเองว่า เราบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ตนและแก่ผู้อื่นได้แค่ไหน ถ้าทำได้ดีก็ควรภูมิใจ ถ้าทำได้น้อยก็ควรแก้ไข ทำเพิ่มเติมให้มากขึ้น ให้ดียิ่งขึ้น
๖. สุขภาพ
ทุกคนควรสำรวจดูสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นประจำ เมื่อสำรวจพบข้อบกพร่อง จงเตือนตัวเอง แก้ไขข้อบกพร่องนั้น และเสริมส่วนที่ดีให้ดียิ่งขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ทุกอย่างก็จะดีไปด้วย แต่ถ้ายังบกพร่องอยู่ เราก็จะสร้างคุณค่าในชีวิตได้น้อย จะต้องสำรวจว่าที่ผ่านมา สุขภาพกายและจิตเราเป็นอย่างไร ควรจะสร้างเสริมอะไร การออกกำลังกาย อาหาร สภาพความเป็นอยู่ถูกลักษณะหรือไม่ ฝึกจิตไปได้ขนาดไหน ได้รับผลอย่างไร เราต้องสำรวจ แก้ไข ปรับปรุง และสร้างเสริมให้ได้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต เพราะทั้งสองสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กันมาก
ทั้ง ๖ เรื่องที่กล่าวมานี้ ถ้าสำรวจให้ถูกต้องและแก้ไขปรับปรุงให้ดีได้แล้ว ชีวิตของเราจะก้าวหน้า อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงไปวันหนึ่ง ๆ เพราะจะเสียคุณค่าที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
(คัดย่อ เรียบเรียง จากบางส่วนหนังสือ รู้ตัว รู้ใจ ก็ไปนิพพาน.....พระธรรมวิสุทธิกวี)
เจริญในธรรมครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33956&sid=1c52b230b8e50bb5ce3984996970307f
rockonyou
22 พ.ค. 55
เวลา 0:20:00 IP = 98.14.37.3
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 4
|
|
|
 |
ลักษณะของคนที่น่ารัก
• พูดจาอ่อนหวาน การพูดจาอ่อนหวานเป็นเสน่ห์ประการหนึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่นไว้ได้ เพราะทำให้ผู้ฟังชื่นใจ สบายใจ ทำให้เป็นกันเอง ทำให้ผูกมิตรไมตรีไว้ได้ จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย ผู้ที่พูดจาไม่น่าฟัง พูดขาดสัมมาคารวะ พูดไม่รู้ที่ต่ำที่สูงหรือพูดส่อเสียด ย่อมเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งหลาย การพูดจาอ่อนหวานนี้ จัดเป็นวาจาสุภาษิตประการหนึ่ง
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara86.htm
rockonyou
22 พ.ค. 55
เวลา 0:29:00 IP = 98.14.37.3
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 5
|
|
|
 |
๑๖.เลี้ยงลูกถูกต้อง
ปัจจุบันมีปัญหาระดับช้าง ที่พ่อแม่กำลังประสบอยู่ทั่วไป ชนิดกลืนไม่เข้าและคายไม่ออก ได้แต่นั่งกลอกหน้าทำตาปรอย ๆ เพื่อรอรับผลกรรม ที่ตนได้ทำไว้ นั่นคือการเลี้ยงลูกด้วยกิเลส
ลูกกิเลส คือ การที่พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ให้การเลี้ยงดูเด็กด้วยการตามใจไปหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าลูกจะต้องอะไร ? พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ก็รีบสนองให้ทุกสิ่ง โดยหวังเพียงแต่ว่า จะให้ลูกหรือเด็กนั้นพอใจ หรือสบายใจเท่านั้น เช่น
- ลูกอยากจะกินอะไร ? ก็จะให้กินไม่เป็นเวลา ไม่เลือกอาหารว่าควรหรือไม่ควรแก่เด็ก จนเด็กอ้วนเกินไปและฝันผุ เพราะกินจุบกินจิบ พร่ำเพรื่อ จนลูกเสียนิสัย
- ลูกอยากได้ออะไร ? ก็ตามใจซื้อให้จนเกะกะไปหมด จนทำให้เด็กไม่เห็นความสำคัญของของเล่น
- ลูกจะทำอะไร ? อยากจะไปเที่ยวที่ไหน ? เวลาใด ? ก็พอไปเที่ยวจนใจแตก จะกินข้าวแต่ละคำก็ต้องตามวิ่งป้อนกันจนอ่อนใจ
ลูกบางคนพ่อแม่ก็ช่วยกันอุ้ม จนลูกเดินไม่เป็น เดินไม่แข็ง ขาอ่อนปวกเปียก พอแงเป็นอุ้ม ๆ จนเด็กโตแล้วก็ยังเดินไม่แข็ง ทำให้ลูกไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ซึ่งการกระทำเหล่านี้ ถ้ามองดูเพียงตื้นๆ ก็จะเห็นว่าพ่อแม่รักลูกมาก อยากเห็นลูกมีความสุข จึงพยายามเอาอกเอาใจไปหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ควรหรือไม่ควร ? พ่อแม่ไม่อาจจะแยกได้ เพราะความรักทำให้ตาบอด หรือรักลูกด้วยกิเลสเสียแล้ว
การรักลูกด้วยกิเลส หมายความว่า เอากิเลสตัณหาของพ่อแม่และของลูกเอง มาเป็นหลักในการเลี้ยง โดยมุ่งผลเพียงประการเดียวคือ ขอให้ลูกได้พอใจ ได้ตามใจตัว (กิเลส) ผลร้ายที่ตามมา ทั้งระยะสั้นและระยะยาวก็คือ
- เด็กจะมองทิศทางลมของผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่ไม่ออกว่าอะไรเป็นความถูกต้องดีงาม ที่ลูกควรจะมี หรือได้สนองตอบบ้าง ?
- เด็กจะได้รับการพอกพูนความเห็นแก่ตัว การเอาแต่ใจตนเองโดยขาดเหตุผล ผลเสียคือลูกจะได้รับกแต่การสนองกิเลสตัณหาของตนเอง จนเข้าใจผิดว่า พ่อแม่มีหน้าที่สนองกิเลสของลูกเท่านั้น
- เด็กจะขาดความมั่นใจในตนเอง พึ่งตนเองไม่ได้ทำอะไรไม่เป็น แม้ว่าโตพอที่จะทำได้แล้วก็ตาม
- ในระยะยาว นอกจากจะเลี้ยงไม่โตแล้ว ลูกจะกลายเป็นเด็กเปราะบาง ใครแตะต้องไม่ได้ เหมือน "ไข่ในหิน" แม้มีเรื่องเพียงเล็กน้อย เด็กก็จะอาจจะกร้าวร้าวด่าว่าผู้ใหญ่ ทำร้ายพ่อแม่ หรือทำลายตนเอง
- เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะกลายเป็นคน "ตีนไม่ติดดิน" เป็นผู้นำคนไม่ได้ เพราะทำอะไรไม่เป็น เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ มือห่างตีนห่าง ...
- นี่เป็นผลที่พ่อแม่ในยุคปัจจุบัน กำลังเป็นกันอยู่ทั่วไปเพราะเข้าใจผิด แยกไม่ออกว่า รักลูกอย่างไร เป็นความรักแบบกิเลส ? รักอย่างไร เป็นความรักลูกแบบพระธรรม ?
ลูกพระธรรม คือ การเลี้ยงลูกด้วยความถูกต้อง รักลูกด้วยเมตตาบวกกับปัญญา ไม่เอาความเห็นแก่ตัวของลูกและของพ่อแม่เข้าไปบวกด้วย เช่น
- ให้การเลี้ยงดูลูก ให้เจริญเติบโตทั้งร่างกาย และจิตใจไปพร้อม ๆ กัน นั่นคือ เลี้ยงให้อายุร่างกายและอายุสมองเท่าเทียมกัน นึกถึงคุณค่าของอาหาร มากกว่าที่จะนึกถึงความชอบหรือไม่ชอบของลูก อาหารใดที่ไม่มีคุณค่าหรือมีโทษ (เช่น ฟันผุ) ก็อย่าได้ตามใจให้ลูกกิน
- ในทางสมองหรือสติปัญญา ต้องสอนให้ลูกรู้ว่า สิ่งใดควรทำ ? สิ่งใดไม่ควรทำ ? สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ? เมื่อลูกเข้าใจและทำได้แล้ว ภายหลังละเมิดก็ต้องลงโทษ เป็นต้น
- หัดให้ลูกเป็นคนมีระเบียบ ให้กินเป็นเวลา นอกเป็นเวลา เล่นเป็นเวลา ยกเว้นแต่เวลาเจ็บป่วย อย่าอุ้มจนพร่ำเพรื่อ จนลูกเสียนิสัย ให้ลูกได้มีเวลาเล่น หรืออยู่อย่างอิสระบ้าง
- ระวังพวกญาติ ๆ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ... จะตามใจให้ลูกเสีย เมื่อลูกทำผิดก็ไม่ให้ลงโทษ โดยอ้างว่า หรือว่าลูกว่ายังเล็กอยู่ ... ทำให้ลูกได้ใจ ไม่เคารพหรือเชื่อฟังพ่อแม่
- หัดให้ลูกเป็นรับผิดชอบ เสียเมื่อยังเล็กอยู่ เช่นมอบเงินให้เขาใช้เป็นก้อน ให้เขาได้เก็บเองใช้เองเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เมื่อใช้เหลือก็ให้เขาฝากออมสินไว้เป็นต้น
- อย่าตามใจให้ลูกขี้เกียจ อย่าให้ลูกนอนตื่นสาย มันจะเคยตัว แล้วแก้ยากภายหลัง ชวนให้ลูกเข้าทำครัวด้วยกันจะได้ทำแทนได้ เมื่อจำเป็น ทั้งลูกหญิงและชาย
- รีบปลูกฝังคุณธรรม เมื่อลูกยังเล็กๆ อยู่ อย่าปล่อยให้โต มันจะดัดยาก และจะเสียใจภายหลัง เช่น ความกตัญญกตเวที ความเคารพอ่อนน้อม เชื่อฟังผู้ใหญ่ ความมีเมตตา ความอดทน เสียสละ และมีสัจจะ เป็นต้น
เหตุผล เพระาเด็กเปรียบเสมือนไม้อ่อน หรือผ้าขาวบริสุทธิ์ ย่อมง่ายแก่การที่จะดัดหรือย้อม ถ้าไม่ทำเมื่อใตนอกจากจะดัดยากแล้ว บางทีดัดยากไปก็พาลหักไปเลย
ถ้าจะเปรียบเทียบเหมือนมีด เมื่อเกิดสนิมขึ้นเล็กน้อย ก็ลับออกได้ง่าย ถ้าปล่อยให้สนิมจับมากจนหนาเตอะ ก็ลับไม่ได้ แม้เอาใส่เตาเผาก็อาจไม่ได้ผล เพราะสนิมกินเหล็กหมดแล้ว
แต่ว่าไปทำไมมี พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทาง ก็มักจะตามใจลูกในทางผิด ๆ จนลูกขี้เกียจหรือเห็นแก่ตัวจัด หรือกวดขันเข้มงวดจนลูกกลัวราน มักเกิดจากพ่อหรือแม่มีปัญหาชีวิต
เด็กก็เลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพ่อและแม่ไป หรือมิฉะนั้นพ่อแม่ก็ถูกกดดันจากญาติ ผลเสียจึงมาตกแก่เด็ก ไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม การเลี้ยงลูกให้ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องระดับช้างที่แก้ได้ยาก
หลักการที่จะวินิจฉัยว่า เราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส หรือเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม มีย่อ ๆ ดังนี้
เลี้ยงลูกด้วยกิเลส คือ ลูกทำชั่วก็เฉย ลูกขี้เกียจก็ช่าง ลูกดื้อก็ปล่อย ลูกเอาแต่ใจตัวก็ตามใจ ลูกไม่ทำงานก็ยอมตาม ลูกเถียงหรือด่าพ่อแม่ก็ไม่ว่า ลูกคบคนชั่วไม่รู้ไม่ชี้ ลูก ...
เลี้ยงลูกด้วยพระธรรม คือ ลูกทำชั่วก็ห้ามปราม ลูกทำผิดก็ให้กลับตัวหรือลงโทษ ลูกขี้เกียจก็ต้องเฆี่ยน ลูกขยันก็ให้รางวัล ลูกทำดีก็ส่งเสริมหรือชมเชย ลูกเป็นพาลก็ต้องดัดสันดานให้เข็ด ลูก ...
ดังนั้น พ่อแม่ที่หวังจะเป็นอนาคตอันสดใสของลูกอยากจะให้ลูกเป็นที่ชื่นใจ ปลี้มใจและสุขใจ เมื่อคิดถึงลูก ก็ควรที่จะต้องฝืนใจ ไม่ปล่อยให้กิเลสตัณหา มาเป็นพลังผลักดัน ให้เราแสดงความรักที่ผิดๆ ต่อลูก ด้วยการเอาพระธรรม คือความถูกต้อง (ไม่ใช่ถูกใจ) มาเป็นแนวทางในการเลี้ยงลูก
ผู้เขียนให้รู้สึกสงสารพ่อแม่ที่ขยันส่วนมาก แต่กลับไปปล่อยให้ลูกที่โตจนจะเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วขี้เกียจ ไม่ยอมทำอะไร และทำอะไรก็ไม่เป็น ถ้าไม่เกิดเพราะรักลูกด้วยโมหะ แล้วจะเกิดจากอะไรกัน ? ลูกชนิดนี้ยิ่งโตก็จะยิ่งก่อปัญหา เพราะเขายังเป็นที่พึ่งแก่ตัวเองไม่ได้ แล้วเขาจะไปเป็นที่พึ่งแก่พ่อแม่ได้อย่างไร ?
เอาเป็นว่า ในขั้นแรก ควรรีบปลูกฝังคุณธรรมหมายเลขหนึ่ง คือความกตัญญูและกตเวที ลงในจิตใจให้ได้ก่อนเป็นการ "ปู่พื้นฐาน" เพื่อรองรับความดีอื่น ๆ ไว้ก่อน
เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ (๒๐/๗๐) ว่า
การรู้คณและตอบแทนคุณ เป็นคุณธรรมพื้นฐานของคนดี
ถ้าลูกเป็นคนดี หรือมีคุณธรรมของคนดีแล้ว ความดีอื่น ๆ ก็จะหลั่งไหลมาเอง หรือปลูกฝังได้ง่าย เพราะพื้นมันดี
ดังนั้น พ่อแม่ทั้งหลาย โปรดจำไว้เถอะว่า
การตามใจลูกไม่ถูกทางวันนี้ เท่ากับสร้างผีให้ติดตามลูกไปในวันหน้า แต่การขัดใจลูกที่ทำไม่ถูกในวันนี้ จะเพิ่มสง่าราศีให้ลูกในวันหน้า
พ่อแม่ที่รักลูกทั้งหลาย โปรดได้ย้อนมองดูตัวเอง ว่าเราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส หรือเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม ? ถ้าเราเลี้ยงลูกด้วยกิเลส ก็จะเตรียมผ้าเช็ดหน้า ไว้เช็ดน้ำตาตนเองได้แล้ว แต่ถ้าท่านเลี้ยงลูกด้วยพระธรรม (ความถูกต้อง) ก็จงเตรียมพานทองไว้รองรับดอกไม้จากลูกและประชาชนเถิด !
ด้วยเหตุที่การเลี้ยงลูกผิด ผ่อมจะก่อปัญหาและความทุกข์นานาประการมาให้แก่พ่อแม่ และการเลี้ยงลูกถูกวิธีจะสร้างความสุขให้แก่พ่อแม่มากมายนี่เอง บันไดสู่ความสุขก้าวหนึ่ง คือการเลี้ยงลูกถูกวิธี จึงมีความจำเป็น ที่พ่อแม่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกเว้นแต่ผู้ที่ไม่มีลูก บทความนี้ก็ไม่มีความจำเป็น.
ถ้าอยากให้ลูกดี ก็ต้องกล้าตีกล้าดุ ถ้าอยากให้ลูกชั่ว ก็อย่ามัวดุมัวตี.
http://www.dhammajak.net/book/sukha/sukha16.php
rockonyou
22 พ.ค. 55
เวลา 0:48:00 IP = 98.14.37.3
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 7
|
|
|
 |
บันทึกธรรม โดยพระราชนิโรธรังสี คัมภีร์ปัญญาวิศิษฏ์(เทส เทสรังสี)
(๕๔) ท่านผู้รู้ทั้งหลาย อยู่ด้วยความไม่ประมาท ถือว่าเป็นความสุขของท่าน แต่ปุถุชนทั้งหลายตรงกันข้าม ท่านผู้รู้ทั้งหลายปฏิบัติธรรม หรือทำอะไร ๆ เพื่อเป็นไปในการละกิเลสทั้งนั้น แต่ปุถุชนทั้งหลายถึงแม้จะปฏิบัติเพื่อเช่นนั้นก็ตาม แต่ยังกอปรด้วยโยคะ ( อ่านความหมายของ โยคะ ได้ที่ข้างล่างครับ อนุโมทนาครับ ) อยู่
ปล. ผมคิดว่า โยคะ ข้างบนนี้น่าจะหมายถึง กิเลส ครับ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องขออภัยด้วยครับ
* โยคะ * * โยค, โยคะ * ความหมาย
[โยคะ] น. การประกอบ, การใช้, การร่วม; กิเลส; ความเพียร; วิธีบําเพ็ญสมาธิตามลัทธิของอาจารย์ปตัญชลี; (โหร) การที่ดาวนพเคราะห์ตั้งแต่ ๒ ดวงขึ้นไปมารวมกันในราศีเดียว. (ป., ส.).
* โยคะ * ความหมาย
น. การทำจิตใจให้สงบ, การที่จิตไม่รับรู้อารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสต่าง ๆ, วิธีการควบคุมร่างกายและจิตใจได้อย่างสมบูรณ์โดยการทำจิตให้เป็นสมาธิ.
โยคะ
คำแปล
(มค. โยค) น. การผูก, การเตรียม, การร่วม, การเกี่ยวข้อง; กิเลส; ความเพียร, ความพยายาม, ความตั้งใจจริง; การสงบตัว, ความเพ่งเล็งแน่วแน่; วิธีคิดและบำเพ็ญใจอย่างหนึ่งตามลัทธิของปตัญชลี เป็นความหมายสำคัญก็คือ สอนวิธีที่วิญญาณของคนจะได้ร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียว กับมหาตมัน หรือวิญญาณแห่งโลก; (หศ.) เคราะห์, เคราะห์ดี, ฤกษ์; ดาว (เหมือน โยค).
ที่มา : http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?qID=&wi=&hnl=&ob=&asc=&q=%E2%C2%A4%D0&select=1
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32452&sid=2fc01267174e4a1df317d8e0a7f84702
rockonyou
22 พ.ค. 55
เวลา 0:56:00 IP = 98.14.37.3
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 9
|
|
|
|
vdo ภาพยนตร์เทิดพระเกียรติ : เหรียญของพ่อ
@ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน @
rockonyou
22 พ.ค. 55
เวลา 1:00:00 IP = 98.14.37.3
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 10
|
|
|
|
ธรรมะ สวัสดี ครับ...
อนุโมทนาครับ ท่าน rockonyou .
peter midi
22 พ.ค. 55
เวลา 6:01:00 IP = 223.207.144.174
สมาชิกแบบพิเศษ
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 11
|
|
|
ชอบคต.1 ขอบคุณครับ
johnny guitar
22 พ.ค. 55
เวลา 11:11:00 IP = 171.97.15.106
|
|
|
 |
|
 |
 |
|
 |
|
คำตอบที่ 12
|
|
|
+++
พายุลูกเห็บ
22 พ.ค. 55
เวลา 18:02:00 IP = 58.9.81.152
|
|
|
 |
|
 |
|