.....The Tension.....คอร์ดปวดขมอง Part 2 ^

.....The Tension.....คอร์ดปวดขมอง Part 2 ^_^

The Tension Part 2 : “b9”

คราวที่แล้วลืมบอกเรื่องความหมายของคำว่าTension เพราะอาจมีน้องๆหรือเพื่อนๆบางคน อาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร อ้อ! เรื่องที่ผมเอามาลงจะเป็นเรื่องChordที่ติดTensionเป็นหลักนะครับ อาจจะมีเรื่องการImproviseน้อยไปหน่อยนะครับ แต่จะพยายามแทรกเกล็ดเล็เกล็ดน้อยเรื่อยๆครับ^_^
Tension แปลเป็นไทยตรงๆ หมายถึง “ความตึงเครียด”คือ เครียดทั้งคนฟังและคนเล่นครับ 5555+
Tensionมีบทบาทในเรื่องของHarmonyอย่างร้ายกาจครับ สร้างอารมณ์ได้ค่อนข้างเยอะพอสมควร ตามแต่Character ของ Tension แต่ละตัว มากน้อยไม่เท่ากัน ถ้าน้อยหน่อยก็หยิบมาใช้จากTonality Key(คีย์หลัก) แต่ถ้าซาดิสต์ชอบโหดๆแบบกัดประสาทก็ต้องปรับเปลี่ยนกันบ้างเช่น หยิบยืมมาจากKeyอื่น ซึ่งรวมๆแล้วมันก็คือการใช้Modeในหน้าตาของChordนั่นเองครับ อันนี้คร่าวๆอาจตกหล่นไปบ้าง เอาล่ะ มาว่ากันต่อครับ

โดยปกติแล้วTension b9 จะเกิดจาก โครงสร้างของDiatonic Chordลำดับที่5จากHarmonic Minorและลำดับที่2จากMelodic Minor แต่ในครั้งนี้ขอพูดถึงHarmonic Minorอย่างเดียวละกันครับ เพราะใช้บ่อยกว่า
เช่น A Harmonic minor(HM) = A-B-C-D-E-F-G#-(A)สร้างคอร์ดลำดับที่5จะได้E7แต่ถ้าจะเพิ่มtb9ก็ตามหลักการเดียวกับt9ครับ แต่เนื่องจากโครงสร้างของHM.จะบังคับให้Tension9เป็นb9เองโดยธรรมชาติ ในที่นี้คือโน้ตFครับ ตามโครงสร้างChordมาตรฐาน1-3-5-7และadd Tensionจะได้เป็นE7b9 = E-G#-B-D-F
คอร์ดนี้คุณสมบัติ ของมันก็เหมือนๆกับ Dominant Chordทั่วไปครับ คือส่งเข้าหาคอร์ด 1ในคีย์นั้นๆ แต่ในคราวนี้จะไม่ใช่ I Majorนะครับ เพราะมันอยู่ในMinor Keyครับ จะเป็น 1 Minorแทนสัญษ์ด้วย i ครับ(หาอ่านได้จาก
”ทฤษฎีรายวัน”ของเป๋าได้ครับ) เช่นทางเดินคอร์ด ii-v- i ในคีย์Amจะได้ Bm7b5-E7b9-Am(maj)7ครับ (ยังใช้ได้อีกหลายแบบ หลายสถาณการมากครับ ไว้ค่อยว่าในตอนต่อๆไปครับ ^_^)
การOmit(ตัดโน้ต)ก็จะเหมือนตอนที่แล้วครับคือRoot กับ 5thไม่ต้องคิดมาก แต่ก็มีข้อควรระวังเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยครับ นั่นคือ

**เนื่องจากในบางครั้งเราอาจมีการใช้Chord Inversion (คอร์ดพลิกกลับ : หาอ่านได้จาก”ทฤษฎีรายวัน”ของเป๋าได้เช่นกันครับ)ทำให้บางครั้งอาจมีโน้ตในคอร์ดสลับ Position กัน ซี่งอย่างที่เคยบอกไว้ Tension ควรเป็นโน้ตที่อยู่สูงสุดของคอร์ดนั้นๆ อยู่แล้ว แต่โน้ตตัวอื่นๆโดยเฉพาะ Root ถ้าบังเอิญไปตกอยู่ในOctave เดียวกันล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?
เช่น E7b9(E-G#-B-D-F) เมื่อพลิกกลับครั้งที่1(1st Inversion)อาจจะเป็น G#-B-D-E-F เกิดปัญหาแล้วครับ (b9 = Fอยู่กับที่)
มันจะเกิดอาการที่เรียกว่า Create Minor 2ndจัดเป็นAvoid Note(โน้ตที่ควรหลีกเลี่ยง)ครับ คือ คู่2ไมเนอร์นั่นเอง Soundที่ได้ค่อนข้างจะโหดร้ายพอได้เลย
ถ้าสงสัยว่าเป็นยังไง ลองใช้นิ้วก้อยกดโน้ตตัวFบนสาย3(บาร์10)นิ้วชี้กดโน้ตตัวEบนสาย2(บาร์5)แล้วดีดพร้อมกันครับ
มันจะกัดประสาทพอสมควรเลย ซึ่งผมว่าคนฟังคงไม่ค่อยHappyเท่าไหร่แน่ครับ ยังไงก็ระวังด้วยครับ

**ทางแก้ที่ดีที่สุดครับ เมื่อเกิดเหตุการเช่นนี้ก็คือการOmit(ตัดโน้ต)Rootได้เลยครับ แล้วก็จะเหลือโน้ตน้อยลงด้วย
เช่น จากตัวอย่างที่พลิกกลับแล้วG#-B-D-F-E ตัด Root(E)จะได้G#-B-D-F
เอ๊ะ! คุ้นๆโน้ตทุกตัวที่เหลือห่างกันเป็นminor 3rd เท่ากันหมดเลย นี่มันคอร์ดG#(B,D,F) Diminishedนี่นา!!!!!
เริ่มเห็นอะไรหรือยังครับ? ผมกำลังจะบอกว่าเมื่อเราจะเล่นDominant(7b9)เราอาจใช้Dimคอร์ดเล่นแทนก็ได้ครับ
โดยอาจมองจากโน้ตในคอร์ดก่อนก็ได้ครับ โดนเฉพาะตัว 3rdหรือChord Tone3กับ7(จริงๆก็ได้หมดแหละครับ)
ก็จะได้SoundแบบSubstitute Chordครับ ก็ดูดีมีชาติตระกูลดีครับ ^_^

ยังไงก็แล้วแต่ครับ ทั้งหมดนี้เป็นแค่แนวทางเท่านั้นนะครับ เหนืออื่นไดคือตัวเราเองครับ ถ้าชอบก็ลุยเลยครับ
อย่างการCreate Minor 2nd ที่ผมว่าไม่ควรเล่น ให้ตัดนู่นตัดนี่ ถ้ามันเป็นเสียงที่ใช่สำหรับเรา ก็ไม่ต้องสนใจครับ
เพราะผม(และในตำรา) บอกไว้ว่า”ไม่ควร”เฉยๆครับ ไม่ได้”ห้าม” แต่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า
ที่ผมว่าไว้ทั้งหมดนี่เหมาะสำหรับการ Arrange & Reharmonizeเพลงมากกว่าครับ หรือถ้าใครฟังAllan Holdsworth บ่อยๆจะเจอครับ Allanเล่นอะไรที่นอกเหนือTheoryตลอดเพราะเค้าชอบครับ ฝากไว้ครับ^_^

ขอยืมคำเป๋ามาใช้หน่อยนะเพื่อน”ทฤษฎีมีช่องว่าสำหรับความคิดสร้างสรรค์เสมอ”ครับ

แล้วพบกับTensionตัวต่อไปครับ

สวัสดีครับ
LocalHero

ปล.ตกหล่นอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ แล้วอย่าลืมเอาไปลองใช้กันนะครับ^_^

LocalHero