ทุกวันนี้เค้าแข่งกันทำ มาสเตอร์ริ่ง กันให้ดังเหรอครับ

เห็นเพลงลูกทุ่ง สตริง ทุกวันนี้Mastering กันดังๆ ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่สปอตวิทยุ ตามวิทยุชุมชน สงสัยเป็นเทรนด์ใหม่ ของวงการบันทึกเสียง

ME_AGC 24 ก.ค. 53 เวลา 15:41:00

พิมพ์

แจ้งลบ

ส่งหาเพื่อน IP = 117.47.240.42

คำตอบที่ 1

ขอตอบทีละประเด็นนะครับ
ข้อแรก ตอบตามหัวกระทู้คือ
คำถามที่หัวข้อกระทู้คือ - ทุกวันนี้เค้าแข่งกันทำ มาสเตอร์ริ่ง กันให้ดังเหรอครับ?
ตอบ - ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ความดังที่ได้เป็นผลพวงส่วนหนึ่งจากหลายองค์ประกอบ
แต่การทำ มาสเตอร์ริ่ง ที่ดีคือการทำให้เพลงๆนั้น หรือในอัลบั้มนั้นๆ เกิดความสมบูรณ์
ที่สุด น่าฟังที่สุด และเหมาะสมกับ Media ที่ต้องการนำไปใช้ อย่างดีที่สุด และมีคุณภาพ
สูงสุดเท่าที่จะสามารถทำได้ครับ (คำตอบอาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด) มีหลายเพลง หลายอัลบั้ม
ที่ Mastering ออกมาไม่ดังแต่น่าฟัง มีการควบคุมโทนและ Dynamic ที่ดี ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสบาย
รายละเอียดมากๆกว่านี้ ถามเพิ่มนะครับ หรือว่าโทรมาคุยกัน หรือโทรมาหยอดให้โทรกลับ
ได้หมดครับ

คำถามที่สอง - เป็นเทรนด์ใหม่ ของวงการบันทึกเสียง?
ตอบ - ไม่ใช่แน่นอนครับ การทำ Mastering ที่สมบูรณ์ที่สุดคือความลงตัว เหมาะสมทั้งต่อ
แนวเพลง สื่อ และการนำไปใช้ ต้องให้เกิดความเหมาะสมที่สุด โดยการทำ Mastering จาก
Mastering Engineer ที่มีความรู้จะสามารถตอบโจทย์งานนั้นๆได้ อย่างถูกต้องสมบูรณ์ และ
เหมาะสมที่สุด

เพิ่มเติม
แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่า น้อยงานนักที่จะส่งให้ Mastering Enginner ทำงาน ส่วนมาก
ก็ทำกันเอง หรือโปรดิวซ์จบงานเอง หรือนักดนตรีก็จบงานเอง ทำให้ขาดความเข้าใจบาง
เรื่องไป ก็เป็นส่วนหนึ่งครับ อีกส่วนหนึ่ง (ส่วนมาก) ไม่เข้าใจขบวนการทำ Mastering ซึ่ง
ผมก็เจอกับตัวเองบ่อยๆ กล่าวคือ เมื่องานส่งมาถึงมือ คำถามแรกที่ผมถามคือต้องการ
ให้งานออกมาในลักษณะใด คำตอบที่ผมได้รับประจำก่อนเลยก็คือ เอาดังๆพี่! ให้ดังกว่า
อัลบั้มนั้น ให้ดังกว่าเพลงนี้ เอาเท่าค่ายนี้ เอาเท่าค่ายนั้น

โดยไม่ได้คำนึงถึงเพลงของตัวเอง หรือกลุ่มคนฟังก่อนเลย

ดังนั้นความสามารถในการทำให้ Mastering มีความดัง (ไม่อยากเรียกเลย) ได้อย่างที่
ต้องการก็ถือเป็นความสามารถหนึ่งของ Mastering Engineer แต่เหนืออื่นใดผมว่าอยู่
ที่ความน่าฟังมากกว่า ผมเลยนิยามเอาเองว่า

ดังได้ ก็ต้องดีด้วย

แต่หลายครั้งหลายๆงาน ต้องบอกว่าเอาดีไม่ได้ ขอดังอย่างเดียว

มีให้เห็นครับในหลายๆอัลบั้ม (ไม่ขอเอ่ย เสียเงินซื้อด้วยซิ) ซึ่งก็น่าเสียดายเพลงครับ

แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้โทษใคร จะโทษคนทำ Mastering ก็ไม่ได้ เพราะบางทีเป็นคำสั่ง
ของผู้มีอำนาจเงิน เมื่อเค้าเป็นนายจ้าง (นายทุน) หรือคนจ่ายเงิน เค้าต้องการบางอย่าง
เราก็มีหน้าที่ทำหน้าที่นั้นให้เค้าพอใจ และคุ้มค่ากับเงินให้มากที่สุดครับ และตรงตาม
ความต้องการของเค้า นั่นเอง

อย่างมาก Mastering Engineer ก็อาจได้แค่เสนอแนะ หรือให้ข้อสังเกตุเท่านั้นครับ
เพราะสุดท้ายก็อยู่ที่ลูกค้าตัดสินใจ เว้นแต่ว่าลูกค้าจะเชื่อ หรือฟังเราบ้าง (Mastering En)

ไม่รู้ได้คำตอบไหมครับ? ถ้าไม่ได้ถามเพิ่มได้ครับ

mediadirector

24 ก.ค. 53 เวลา 17:33:00 IP = 124.120.66.120

คำตอบที่ 2

ไอ้ Master ดังไม่ดังเนี้ย กว่าผมจะจับจุดมันได้เนี้ย ก็หลงทางไปเยอะเหมือนกัน

ก็เห็นใจพี่ mediadirector เพราะลูกค้าถูกเสมอ ประมาณนี้รึเปล่าพี่

ผมเคยฟังงานพี่ด้วยน่ะ เนี้ยมากเลยคับ สุโก้ยครับพี่ อยากทำได้แบบพี่มั้ง

และท่าทางเอ้าท์บอด แต่ละตัวคงแพงน่าดู

projoe

24 ก.ค. 53 เวลา 17:55:00 IP = 115.87.198.9

คำตอบที่ 3

ก็ลูกค้าเป็นคนจ่ายตังค์ครับ ฮืออออ... T-T
"นี่ๆ ของคนนู้นเค้าดังกว่าเราอีกนะ เพิ่มอีกๆ" เอ่อ... -___-""
ถ้าไปฟังบนเครื่องเล่นซีดีก็ให้เค้าเปิดวอลลุ่มเพิ่มเอาสิพี่.. -___-""

อย่างผมทำสปอตเนี่ย อยากให้ดังๆๆๆๆๆ ต้องทำใจลืมวิชาความรู้ไปชั่วคราวครับ -__-"
อยากได้ จัดให้ :-P

youyui

25 ก.ค. 53 เวลา 1:26:00 IP = 124.121.242.72

คำตอบที่ 4

ดังไปก้เท่านั้น เสียดาย dynamic ที่อุส่า ถนอมตอน tracking กับ mix

AE88_studio 25 ก.ค. 53 เวลา 7:59:00 IP = 112.142.104.179

คำตอบที่ 5

ทำ mastering นี่ ยาก กว่าที่คิด

ลึกซึ้ง มากๆ

EARK - HOPELES

25 ก.ค. 53 เวลา 9:13:00 IP = 61.90.94.237

คำตอบที่ 6

ดังได้ก้อง แต่ต้องดีด้วย
การที่จะทำให้ดัง และดี กล่าวคือ ยังคงมีความเหมาะสมในเรื่อง Dynamic ของเสียง
ก็จะมีสามส่วนปัจจัยสำคัญคือ
1. ความเข้าใจของ Engineer ที่ทำหน้าที่
2. ความรู้ของ Engineer ที่ทำหน้าที่
3. เครื่องมือที่ใช้

แตกประเด็นเล็กน้อย
1. ความเข้าใจของ Engineer ที่ทำหน้าที่
คงมีหลายองค์ประกอบด้วยกัน บางตัวอย่างเช่น ความเข้าใจในแนวเพลงที่กำลังทำงาน
ความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องทำงาน และความเข้าใจถึงสิ่งที่ได้ยินอยู่ในขณะทำงาน
โดยสรุป (คร่าวๆไม่ทั้งหมด) เราทำให้ใคร ทำเพลงอะไร และสิ่งที่ได้ยินอยู่ขาดเกินอะไร
มันก็จะไปต่อได้ว่า ต้องทำอย่างไร นั่นเองกับงานนั้นๆ

2. ความรู้ของ Engineer ที่ทำหน้าที่
กล่าวคือ ความรู้ในเรื่องของการทำหน้าที่ จะเรียกว่าการทำ Mastering ก็ได้ซึ่งผมไม่ได้หมาย
ถึงทฤษฎีต่างๆ แต่เป็นความรู้จริงๆ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของความรู้ในการใช้งานอุปกรณ์
ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Hardware หรือ Software ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง (ย้ำลึกซึ้งนะครับ) ไม่ได้โคมลอย
ไม่ได้กลาวลอยๆ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังสักตัวอย่างนึง ซึ่งผมไม่ค่อยอยากพิมพ์ตอบก็เพราะอย่างนี้
มันยาวครับ สู้คุยกันไม่ได้ เอ้าเข้าตัวอย่างที่ผมบอกว่าเข้าใจเครื่องมืออย่างลึกซึ้ง

2.1 ในกรณีที่เราได้ฟังงาน Mix แล้วรู้สึกว่า Muddy ในย่าน Bass เราจะใช้อะไรในการแก้ไข
ซึ่งก็มีเครื่องมือมากมายในการที่จะลดอาการนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็คือ EQ คำถามก็มีอยู่ว่าจะใช้
ตัวไหน ยี่ห้อไหน ประเภทไหน นี่คือสิ่งที่ต้องคิด ถ้าใช้ EQ ธรรมดา ลดย่าน Muddy ก็ได้
แต่เนื้อเสียงหลักอาจหายไปด้วย ทำให้เพลงรู้สึกบางลง เพราะการลดย่านความถี่นั่น มันไม่ได้
หายไปเฉพาะเสียงที่เกิดการ Muddy แต่มันทำให้ความถี่หลักในเนื้อเสียงหายไปด้วย

กลับกันผมอาจเลือกใช้ Lineerphase EQ มาใช้ในการลดย่าน Muddy แทน เหตุเพราะการ Cut
ย่านความถี่นี้จะเป็นการลดเสียงที่เกิดการ Phase ของย่าน Muddy ซึ่งก็จะไม่กระทบต่อความถี่
มูลฐานของเสียงหลัก อย่างนี้เป็นต้น

หรือการเกิด Muddy เกิดขึ้นแค่บางครั้งในบางตัว Note ที่โด่งเกิน ถ้าลดอาการโด่งได้ก็จะไม่รู้สึก
ในกรณีเช่นนี้ผมอาจเลือกใช้ Multiband Compressor ก็ได้เช่นกัน และกำหนดเฉพาะย่านที่ Muddy
ให้ทำการ Compress เมื่อมีโน้ตตัวที่ไม่ต้องการโด่งออกมา ก็ให้กดไว้ อย่างนี้เป็นต้น

ยังมีอีกเยอะๆ ซึ่งพิมพ์ไม่ไหวครับ แต่ยกตัวอย่างให้ฟังคร่าวๆเพราะเอากันจริงๆเรื่อง mastering
เขียนได้เป็นเล่มๆครับ

3. เครื่องมือที่ใช้
ผมไม่ได้บอกว่าต้องของแพงเท่านั้น ถ้ามีของแพง ของดีใช้ ก็ดีครับ ยิ่งได้ ของที่เป็น มาสเตอร์ริ่งเกรด
ยิ่งดี แต่ผมกำลังบอกว่า คุณต้องรู้จักเครื่องมือ รู้จักนิสัย รู้จักบุคลิคของเครื่องมือ นอกเหนือจาก
การที่มีจะมีเครื่องมือดีๆ ผมยกตัวอย่างนะครับอีกนิดเดียวไม่ไหวแล้วมือหงิก

คำว่าบุคลิคของเครื่องมือ สำเนียง นิสัย เหล่านี้หากเราหยิบมาใช้ถูกที่ถูกทางก็จะทำให้งาน Master
ออกมาได้ถูกต้อง สมบูรณ์มากขึ้น เช่น หากงาน mix นั้นสมบูรณ์ในน้ำเสียงและมีโทนที่ดีอยู่แล้ว
เพราะผ่านการ mix ด้วย Outboard ดีๆมา เวลาทำ Master สมมติเราต้องการ Compress เราก็ต้อง
เลือกใช้ Comp ที่ Clean Tone คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงโทนเสียง เพื่อรักษา Mix ไว้ เป็นต้น

กลับกันหาก Mix นั้นบางไม่รู้สึก Hot ไม่อิ่ม เพราะทำบนการ์ดทั่วไป และ Mix โดย Plug ทั้งหมด
เวลาทำ Master สมมติต้อง Comp เช่นกัน ผมก็อาจเลือกใช้ หรือผ่าน Hardware บางตัวที่เติมสิ่งที่ขาด
ได้เช่นอาจนำไปผ่านเครื่องหลอด บางประเภทเพื่อเติม 2nd Hamonics ให้กับงานเพื่อให้เกิดความรู้สึก
Smooth และ Warm ซึ่งนั่นแปลว่าผมต้องมีอุปกรณ์บางตัว หรือมี Plug บางตัวที่ให้คาแรคเตอร์
เหล่านี้ได้ เพื่อปรับเปลี่ยนโทนให้ Mix ที่ดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้น เป็นต้น

ทั้งหมดที่พิมพ์มา คงไม่ใช่คำตอบของการทำ Mastering นะครับ อย่าไปยึดติด เพียงแต่ว่า
ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า มันมีอะไรมากๆ เยอะๆ อย่างที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจไม่เคยคิด
หรือคิดไม่ถึง เพราะส่วนใหญ่คิดกันแต่ว่า

การทำ Mastering " คือการทำให้เพลงดังเท่าคนอื่น "

ผมว่ามันเหมือนการ เล่น Guitar แหล่ะครับ Solo ที่เพราะ ผมว่ามันเกิดจากหลายๆกรณี
คนเล่นที่เก่ง กีต้าร์ที่ดี Effect ที่ยอด ฯลฯ และต้องผ่านการฝึกฝน ฝึกปรือ

วันนี้เป็นไรนี่โม้เยอะเชียวสงสัยเก็บกด 555+ ถ้าขาดตกบกพร่อง หรือไม่ชัด
ตรงไหนว่ามาต่อเลยครับ ยินดีตอบ ถ้ามันจะแบ่งปันกันได้บ้าง

mediadirector

25 ก.ค. 53 เวลา 10:17:00 IP = 124.122.252.222

คำตอบที่ 7

มาเพิ่มเติมอีกนิดครับ บางทีบางเรื่องผมก็เขียนลง blog ผม ยังไงก็ไปติดตามที่ blog ผมได้ด้วยนะครับ
http://stucools.blogspot.com

mediadirector

25 ก.ค. 53 เวลา 10:33:00 IP = 124.122.252.222

คำตอบที่ 8

mixdown&matering

ทำไมจ้างห้องทำ ถึง ราคาสูงจัง

55+

EARK - HOPELES

25 ก.ค. 53 เวลา 12:27:00 IP = 61.90.94.237

คำตอบที่ 9

ที่ว่าแพง?
อ่านข้อความด้านบนจากพี่กุ่ย mediadirector ก็น่าจะพอเข้าใจนะครับ ^__^
ก็คือ ความรู้ความสามารถของ Engineer กับเครื่องมือที่ใช้ครับ

ผมว่าในการทำ Mastering มันลึกซึ้งมากๆอย่างที่พี่กุ่ยบอกล่ะครับ ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆ แบบที่เข้าใจกันอยู่แค่ว่า "การทำ Mastering คือแค่ให้ดังเท่ากับคนอื่น" มันค่อนข้างเป็นศาสตร์และศิลป์เลยครับ
มันบอกค่าเป็นตัวเลขๆเป๊ะๆๆทุกครั้งไม่ได้ครับ ต้องฟังๆๆๆๆ แล้วค่อยทำๆๆๆๆ

ถ้าหาอ่านจากอินเตอร์เน็ทดูนะครับ
ยกตัวอย่างเมืองนอกเนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะแยกหน้าที่กันเลยครับ Recording, Mixing และ Mastering
แล้วไปดูอุปกรณ์เขานะครับ แต่ละคน... -___-" ประสบการณ์ต่างๆอีก..

ผมว่าถ้าคุยเรื่องนี้มันยาวจริงๆด้วยอ่ะ พี่กุ่ยต้องเขียนเป็นเล่มๆเลยล่ะ 555
มั่วมาเยอะแล้ว ส่งลูกต่อ.. ;-P

youyui

25 ก.ค. 53 เวลา 13:41:00 IP = 124.121.240.217

คำตอบที่ 10

ชอบกระทู้นี้ครับ

Mrcandy

25 ก.ค. 53 เวลา 14:22:00 IP = 124.157.191.93

คำตอบที่ 11

พี่กุ่ย หนู เวทณาตัวเองอะ ทำใจไม่ได้ทุกครั้งเลยที่ dynamic หายช่วงนี้วนกับเพื่อนเอา ใครมิก อีกคนต้องทำมาสเตอร์

AE88_studio 25 ก.ค. 53 เวลา 16:07:00 IP = 112.142.104.179

คำตอบที่ 12

ผมว่าชื่อก็บอกตรงตัวเลยครับ วิศวะกร ด้านเสียงก็ต้องแพงเป็นธรรมดา

Analog Man

25 ก.ค. 53 เวลา 17:37:00 IP = 124.120.193.166

คำตอบที่ 13

ถ้าถามว่าแพงไหม? คงไม่แพงหรอกครับ
ลองคำนวนจากค่าเสื่อมเครื่องมือซิครับ
ค่าความรู้ และ ฯลฯ

ไม่งั้นเราคงต้องกลับมานั่งคิดครับว่าน่องไก่ทอดป้าเมี้ยน กับKFC
ทั้งๆที่ไก่น่องเดียวกัน ทำไมมันแพงจัง แพงกว่าป้าเมี้ยน

ภาพที่เห็นคงชัดเจนครับ เราคงไม่ได้แค่ไก่ที่เข้าปาก
แต่เราพูดถึงแบรนด์ที่ต้องใช้เวลาสร้าง ก็เหมือนประสพการณ์ที่หาซื้อไม่ได้
เครื่องปรุงที่คัดสรรค์ ก็เหมือนเครื่องมือที่คัดแล้ว
ไก่ทอดที่สุกพอดีคำ กรอบนอกนุ่มในสุกทั่วชิ้น
ก็เหมือนเพลง ซึ่งก็คือเพลงเดิม แต่น่าฟังสมบูรณ์

ซึ่งมีอะไรอีกมากมายครับ ซึ่งอธิบายด้วยการพิมพ์ไม่รู้จบ
จริงๆ เฮ้อ อิอิ

อย่าถามว่าทำไมเฟอร์รารี่ แพงกว่า อัลติส ทั้งที่ก็มีสี่ล้อเหมือนกัน
เป็นแค่เหล็กที่มีเครื่องยนต์เหมือนกันครับ

ผมว่ามันมีรายละเอียดหลายอย่างที่ถ้าให้วิศวกรที่พัฒนาเฟอร์รารี่มาพิมพ์อธิบาย
ก็คงยาวเหมือนเรื่อง Mastering ที่เราพูดกันนี่แหล่ะครับ

mediadirector

25 ก.ค. 53 เวลา 21:05:00 IP = 124.122.82.72

คำตอบที่ 14

ดีใจที่กระทู้ที่ผมตั้ง มีประโยชน์ต่อทุกคนครับ

ME_AGC 25 ก.ค. 53 เวลา 21:21:00 IP = 117.47.240.42

คำตอบที่ 15

อ.กุ่ย เยี่ยมเหมือนเดิมครับ เอ๋ครับ

solo_zone

27 ก.ค. 53 เวลา 9:54:00 IP = 124.122.206.206

คำตอบที่ 16

เสียงดัง ตังค์มา

เสียงไม่ดัง เป็นคนมีปัญหา จ้างคนอื่นแทนดีกว่า

yookmook

27 ก.ค. 53 เวลา 14:55:00 IP = 222.123.121.55

คำตอบที่ 17

555+ ชอบคำคุณ yookmook

mediadirector

27 ก.ค. 53 เวลา 15:42:00 IP = 115.87.64.59

คำตอบที่ 18

ตลกแต่เศร้าใจครับ

โลกแห่งความจริงก็เป็นแบบนี้ครับ

yookmook

27 ก.ค. 53 เวลา 23:09:00 IP = 222.123.121.55

คำตอบที่ 19

สงสัยต้องไปศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะแยะ

wattana180127

28 ก.ค. 53 เวลา 7:54:00 IP = 203.172.199.250

คำตอบที่ 20

จัดแล้วครับเดือนกันยา 53 ไปดูรายละเอียดได้ที่ http://stucools.blogspot.com ครับ
เป็นครั้งที่สองของปีนี้ครับ

mediadirector

1 ส.ค. 53 เวลา 11:49:00 IP = 124.120.65.45

คำตอบที่ 21

โทษทีโพสซ้ำนะครับ link ตรงๆที่นี่เลยครับ http://stucools.blogspot.com/2010/08/workshop-53.html

mediadirector

1 ส.ค. 53 เวลา 11:51:00 IP = 124.120.65.45

คำตอบที่ 22

http://bintangjudi.org/
http://www.bintangsbobet.com/
https://lautpoker.com/
http://pabrikpoker.com/
http://gohbet.com/
http://www.cabangpoker.com/
http://www.poker158.co/
http://walitogel.com/
http://agenbola333.com/
http://agencasino333.com/
http://agenjudi333.com/
http://agensbobet333.com/
http://www.pokerpediaz.com/
http://nontonsub.com
http://indomv.net
http://hotmuv.com

arie6570 11 พ.ค. 61 เวลา 18:40:00 IP = 128.199.75.236

คำตอบที่ 23

Bolafox <a href="http://bolafoxsport.com/">Bandar Judi Bola Terbesar</a> di Indonesia.

Sarana situs <a href="http://bolafoxsport.com/daftar-judi-bola-online/">Daftar Judi Bola</a> sbobet online, ubobet resmi aman dan terpercaya.

Daftar dapatkan id <a href="http://bolafoxsport.com/situs-judi-bola-resmi-indonesia/">Situs Judi Bola</a> untuk bermain.

kinarsolin 30 เม.ย. 62 เวลา 17:17:00 IP = 95.174.64.148

คำตอบที่ 24

Bolafox bandar judi bola terbesar di Indonesia, sarana situs agen taruhan sbobet online, ubobet resmi aman dan terpercaya, daftar dapatkan id untuk bermain.
http://bolafoxsport.com/
http://bolafoxsport.com/daftar-judi-bola-online/
http://bolafoxsport.com/situs-judi-bola-resmi-indonesia/

kinarsolin 30 เม.ย. 62 เวลา 17:18:00 IP = 95.174.64.148

คำตอบที่ 25

คำตอบที่ 26